หลี่จือดีใจมาก "เจ้าเก้า นี่เจ้าพูดเองนะ! ถ้านางรักษาเสด็จแม่ข้าไม่ได้ หมอเทวดาคนนี้ก็เป็นตัวปลอม ถือว่าเจ้าทำความผิดฐานหลอกลวงฝ่าบาท ต้องถูกจับเข้าคุกพร้อมกับนาง!" หลี่หลงหลินยิ้มเยาะ "ถ้ารักษาหายล่ะ?" หลี่จือตอบอย่างมั่นใจ "ก็ต้องได้รับความดีความชอบ มีรางวัลจากเสด็จพ่อ!" หลี่หลงหลินแสยะยิ้ม รางวัลจากเสด็จพ่อ ก็เป็นวิธีเดิมๆ ไม่ใช่หรือ? ไม่ให้เงิน ไม่ให้ตำแหน่ง สุดท้ายก็ได้แค่คำชม? แล้วหลี่จือนี่ ทำไมถึงได้ฉลาดขึ้น ไม่ใจร้อนพนันกับข้าแล้วหรือ? ฉินกุ้ยเฟยนี่ สุดยอดจริงๆ สอนลูกชายได้ดีจริงๆ! ฮ่องเต้หวู่ร้อนใจ แทบจะรอไม่ไหวแล้ว "เจ้าสี่พูดถูก ตราบใดที่รักษาฉินกุ้ยเฟยได้ เจ้าอยากได้รางวัลอะไร เราจะให้ทั้งหมด!" เมื่อซุนชิงไต้ได้ยิน ก็เหมือนถูกฉีดยาชูกำลัง ดวงตาเป็นประกาย มีกำลังใจเต็มเปี่ยม! ไม่ว่ารางวัลอะไร ฝ่าบาทก็จะให้หรือ? งั้นก็เท่ากับว่าอยากได้น่องไก่กี่น่องก็ได้ใช่หรือไม่? ทันที ซุนชิงไต้ก็เดินไปที่เตียงอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นยื่นมือเล็กๆ ออกมาจับชีพจรของฉินกุ้ยเฟย เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า สีหน้าของซุนชิงไต้ก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ ฮ่องเต้หวู่ถ
หลี่หลงหลินรีบดึงซุนชิงไต้ไปด้านข้างแล้วกระซิบถามว่า "ท่านแน่ใจนะว่าฉินกุ้ยเฟยแกล้งป่วย?" ซุนชิงไต้แค่นเสียงเย็นชาและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "ไร้สาระ! ข้าเป็นถึงหมอ ยังจะดูไม่ออกอีกหรือว่านางป่วยจริงหรือไม่? แต่ว่าข้าจะต้องจัดยาอะไร ถึงจะรักษาคนแกล้งป่วยได้หรือ?" หลี่หลงหลินเผยรอยยิ้มและพูดว่า "ง่ายมาก! ยาอะไรที่ขม กินแล้วคลื่นไส้ ท่านก็จัดยาตัวนั้นไปเลย!" ซุนชิงไต้ชอบเล่นแผลง ๆ พอได้ยินดังนั้นก็เข้าใจความหมายของหลี่หลงหลินทันที ดวงตากลมโตเป็นประกาย "องค์ชายเก้า ท่านช่างฉลาดจริง ๆ! เอาล่ะ ตกลงตามนี้!" ฟึบฟึบฟึบ... ซุนชิงไต้นั่งลงที่โต๊ะ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แล้วเขียนใบสั่งยาลงบนกระดาษ หลี่หลงหลินหยิบใบสั่งยามาดู เห็นตัวหนังสือหวัด ๆ จนอ่านไม่ออก จึงยื่นให้หมอหลวงที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ "เอาไป ต้มยาตามใบสั่งนี้!" หมอหลวงก้มลงดูใบสั่งยา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที หนวดเคราสีขาวสั่นระริก "องค์ชาย ใบสั่งยานี้...เขียนผิดหรือเปล่า?" หลี่หลงหลินเลิกคิ้วขึ้น "ผิดตรงไหน?" หมอหลวงกระซิบว่า "หวงเหลียน ขู่เฉิน หลงตันเฉ่า หม่าเฉียนจื่อ... พวกนี้ล้วนเป็นยาที่มีรสขมมาก!" หลี่
“อดทนหรือ?" ฉินกุ้ยเฟยได้กลิ่นยาต้มที่เหม็นคลุ้งไปทั่ว ก็ได้แต่สบถอยู่ในใจ นี่มันยาที่ไหนกัน! มันคืออุจจาระชัดๆ! ไม่! อุจจาระแค่เหม็น แต่ยานี่ทั้งเหม็นทั้งขม ยิ่งกว่าอุจจาระเสียอีก! อย่าว่าแต่ดื่มหมดชามเลย แค่จิบเดียวก็คงป่วยได้แม้ไม่เคยเป็นโรค ดังนั้น ฉินกุ้ยเฟยจึงกัดฟันแน่น ไม่ยอมปริปากพูดแม้ว่าจะต้องตายก็ตาม หลี่จือร้อนใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ถ้าฉินกุ้ยเฟยไม่ดื่มยาอีก เขาคงเป็นลมเพราะกลิ่นเหม็นแน่! ฮ่องเต้หวู่ยืนอยู่ในลาน เห็นภาพนี้ก็ขมวดคิ้วมุ่น แล้วสั่งเว่ยซวินว่า "สหายเว่ย เจ้าไปช่วยเจ้าสี่หน่อย ดูแลให้ฉินกุ้ยเฟยดื่มยา!" เว่ยซวินทำหน้าลำบากใจ: "บ่าวรับด้วยเกล้า!" เขาใช้แขนเสื้อปิดจมูก เดินไปข้างฉินกุ้ยเฟย รับชามกระเบื้องจากมือหลี่จือ แล้วพูดว่า "ให้ข้าเอง!" หลี่จือเหมือนได้รับการอภัยโทษ รีบถอยไปด้านข้าง แล้วสำรอกออกมาไม่หยุด เว่ยซวินถือชามกระเบื้อง พูดอย่างเย็นชา: "พระสนม บ่าวมาถวายยาให้ท่านแล้ว!" ฉินกุ้ยเฟยแกล้งตาย ไม่ขยับเขยื้อน เว่ยซวินถูกกลิ่นเหม็นจนอยากจะอาเจียน ใจแข็งขึ้นมา ใช้มือขวาบีบแก้มฉินกุ้ยเฟย มือซ้ายเทยาเข้าปากฉินกุ้ยเฟย ด้วยหน้าตาดุดัน: "ด
เดิมที ทั้งสองคนวางแผนที่จะหลอกลวงหลี่หลงหลิน โดยคนหนึ่งแกล้งป่วย อีกคนหนึ่งสร้างภาพลูกกตัญญู เพื่อให้ฮ่องเต้หวู่เห็นใจ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม! ฮ่องเต้หวู่รังเกียจกลิ่นเหม็น จนไม่มาที่ตำหนักจิ่นซิ้วอีก ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อฮ่องเต้หวู่นึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ ก็คงไม่ให้ฉินกุ้ยเฟยเข้าเฝ้าอีกแล้ว! ขาดทุนย่อยยับ! หลี่หลงหลินและซุนชิงไต้เดินตามหลังฮ่องเต้หวู่ไป แต่กลับรู้สึกสนุกสนาน "สนุก! สนุก!" ซุนชิงไต้ยิ้มร่า: "องค์ชายเก้า ท่านไม่ใช่คนดีเลย! น้องสาวข้าพูดถูก ท่านมันคนเลว!" หลี่หลงหลินหัวเราะ: "เราต่างก็เหมือนกัน!" แน่นอน การรักษาฉินกุ้ยเฟยเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เรื่องสำคัญของวันนี้คือการรักษาฮ่องเต้หวู่ แม้หลี่หลงหลินจะไม่เข้าใจการแพทย์ แต่เขาก็เห็นได้ว่าใบหน้าของฮ่องเต้หวู่ผอมลง ผิวซีดเหลือง ดูเหมือนจะมีอาการป่วย ตำหนักหยั่งซิน ซุนชิงไต้จับชีพจรให้ฮ่องเต้หวู่ สีหน้าค่อยๆ เคร่งขรึม เว่ยซวินยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกกังวลยิ่งกว่าฮ่องเต้หวู่ และเอ่ยด้วยเสียงเบา: "หมอเทวดาซุน อาการของฝ่าบาท..." ซุนชิงไต้พึมพำ: "แปลกจริงๆ! ชีพจรของฝ่าบาทปกติ ไม่เหมือนคนป่วยเลย! ทำไมถ
เว่ยซวินพาทั้งสองคนไปยังห้องโถงข้างๆ ตำหนักหยั่งซิน บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด ทุกอย่างยังอยู่ดี ไม่มีใครแตะต้อง หลี่หลงหลินประหลาดใจ: "เว่ยกงกง นี่คืออะไร?" เว่ยซวินยิ้มอย่างขมขื่น: "นี่คืออาหารที่ห้องครัวหลวงเตรียมไว้ให้ฮ่องเต้! พระองค์แทบไม่ได้ทานเลย ก็เลยนำกลับมา ที่จริงตั้งใจจะทิ้ง แต่ในเมื่อท่านหมอเทวดาซุนหิว ถ้าไม่รังเกียจ ข้าจะให้คนไปอุ่นให้!" ซุนชิงไต้เห็นอาหารอร่อยๆ มากมาย ก็รอไม่ไหวแล้ว นางโบกมือเล็กๆ: "ไม่ต้องอุ่นแล้ว! ข้ากินได้เลย!" สำหรับเรื่องการกิน ซุนชิงไต้ไม่เรื่องมาก กินได้ทั้งอาหารบ้านๆ และอาหารเลิศรส แม้ว่าจะให้แค่ซาลาเปาขาวธรรมดาไม่กี่ลูก นางก็สามารถแทะได้อย่างมีความสุขไปเป็นครึ่งวัน "นี่คืออาหารที่ฮ่องเต้ทานนะ!" "ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะอร่อยขนาดไหน!" ซุนชิงไต้มองอาหารบนโต๊ะ แล้วน้ำลายก็ไหลไม่หยุด นางคว้าขาเป็ดใส่ปากทันที โดยไม่ต้องใช้ตะเกียบ "ถุย ถุย ถุย..." ซุนชิงไต้เคี้ยวไปสองสามคำ ก็คายออกมาทันที แล้วแลบลิ้นเล็กๆ ออกมา: "ไม่อร่อย!" นางไม่ยอมแพ้ ตักอาหารอีกหลายอย่างมาอีก แล้วใบหน้าเล็กๆ ก็บู้บี้ขึ้นมา: "ไม่อร่อยเลย!" ทันใดนั้น ซ
โชคร้ายที่เว่ยซวินสูญเสียความสามารถในการรับรส เขาจึงไม่สามารถรับรู้รสชาติอาหารได้เลย หลี่หลงหลินตกอยู่ในห้วงความคิด และออกจากวังไปพร้อมกับซุนชิงไต้ นั่งรถม้ากลับไปยังเขาประจิม บนรถม้า ซุนชิงไต้ขมวดคิ้วด้วยความสับสน: "แปลกจัง! ทำไมอาหารในห้องเครื่องหลวงถึงไม่อร่อยขนาดนี้? แล้วฝ่าบาทล่ะ ทำไมไม่พูดตรงๆ ว่าเปลี่ยนพ่อครัวแล้ว" หลี่หลงหลินถอนหายใจ: "นี่แหละคือความเมตตาของเสด็จพ่อ! ถ้าพระองค์บอกว่าอาหารไม่อร่อย จะมีคนต้องถูกตัดหัว!" ซุนชิงไต้ตัวสั่น: "ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ?" หลี่หลงหลินมีสีหน้าเคร่งขรึมและพูดต่อ: "นอกจากนี้ ยังมีอีกอย่างหนึ่ง! นั่นคืออาหารในห้องเครื่องหลวงไม่อร่อยมาโดยตลอด! แม้ว่าจะเปลี่ยนพ่อครัว ก็แค่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ! หรืออาจจะตรงกันข้าม กลายเป็นว่าไม่อร่อยยิ่งกว่าเดิม!" ซุนชิงไต้สับสน: "ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ว่าต้องเป็นพ่อครัวที่เก่งที่สุดในแผ่นดินเท่านั้น ถึงจะเข้าไปในห้องเครื่องหลวงและทำอาหารในวังได้หรือ?" หลี่หลงหลินยิ้มอย่างขมขื่น: "นี่คือความเข้าใจผิดของคนทั่วไปเกี่ยวกับห้องเครื่องหลวง! อันที่จริง ไม่ใช่ว่ายิ่งทำอาหารเก่งก็จะได้เข้าห้องเ
หลี่หลงหลินมองไปที่ซุนชิงไต้: "แต่ข้าทำคนเดียวไม่ได้! ท่านต้องช่วยข้า!" ซุนชิงไต้ตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล: "ตกลง!" เพื่ออาหาร จะขึ้นภูเขาหรือลงทะเลนางก็ไม่หวั่น ยิ่งไปกว่านั้น แค่ช่วยเหลือและเป็นลูกมือ ซุนชิงไต้กะพริบตากลมโต และถามว่า: "ท่านอยากให้ข้าช่วยอะไร?" หลี่หลงหลินครุ่นคิด แล้วพูดว่า: "พี่สะใภ้สาม ท่านเข้าไปเก็บสมุนไพรบนภูเขาบ่อยๆ น่าจะคุ้นเคยกับเห็ดหลายชนิดใช่หรือไม่!" ซุนชิงไต้พูดอย่างภาคภูมิใจ: "แน่นอน! ไม่มีเห็ดชนิดไหนที่ข้าไม่รู้จัก!" หลี่หลงหลินตบต้นขาดังฉาด: "ถ้าอย่างนั้นก็ง่ายมาก! ตอนนี้ท่านช่วยขึ้นเขาไป เก็บเห็ดป่ามาให้ข้าหนึ่งตะกร้า!" ซุนชิงไต้พูดอย่างดูถูก: "แค่นี้เองหรือ? รอเดี๋ยว ข้าจะไปเก็บมาให้ท่านสองตะกร้าเลย!" รถม้าจอดอยู่หน้าประตูเขาประจิม ซุนชิงไต้กระโดดลงจากรถม้าอย่างใจร้อน สะพายตะกร้าไม้ไผ่ใบใหญ่ วิ่งเข้าไปในภูเขาเพื่อเก็บเห็ด หลี่หลงหลินไปที่โรงอาหารของเขาประจิม เพื่อตั้งใจที่จะแสดงฝีมือ เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก คือการปรับปรุงอาหารของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้รักการกินข้าวและกลายเป็นคนตะกละ! ในยุคนี้ของต้าเซี่ย เครื่องปรุงรสมีอยู่อย่างจำ
เมื่อทำผงปรุงรสไก่เสร็จ ท้องฟ้าก็มืดแล้ว ซุนชิงไต้ท้องร้องโครกคราก นางนอนอยู่บนพื้น และพูดอย่างหมดแรง: "ทำไมยังไม่เสร็จอีก! ข้าไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน ข้าจะหิวตายอยู่แล้ว!" หลี่หลงหลินหัวเราะ: "เสร็จแล้ว! เสร็จแล้ว! รออีกครึ่งชั่วโมงก็จะเสร็จแล้ว!" เมื่อทำผงปรุงรสไก่เสร็จ ที่เหลือก็ง่ายมาก เพราะแค่ต้มบะหมี่ หลี่หลงหลินรู้ว่าซุนชิงไต้กินจุ จึงตั้งใจทำบะหมี่ห้าที่ จากนั้นก็ใส่ผงปรุงรสไก่และเกลือลงไปในน้ำ ทันใดนั้น กลิ่นหอมเข้มข้นก็ลอยอบอวลไปในอากาศ หลี่หลงหลินเองก็ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน เริ่มน้ำลายสอ ซุนชิงไต้พยายามลุกขึ้น ถือตะเกียบในมือ มองไปที่เตาด้วยความอยากอาหาร น้ำลายในปากไหลเต็มพื้น "หอมจัง!" ซูเฟิ่งหลิงฝึกทหารมาทั้งวัน หิวโซมานานแล้ว นางยังไม่ทันได้ถอดชุดเกราะที่สวมใส่ ก็ได้กลิ่นอาหารหอม ๆ เลยรีบมาทันที ลั่วอวี้จู๋และกงซูหว่านก็ทยอยเข้ามาทีละคน คนหนึ่งใส่ชุดขาว คนหนึ่งใส่ชุดดำ รูปร่างบอบบาง กระโปรงพลิ้วไหว ดูแล้วสวยงามมาก "กลิ่นอะไรหอมขนาดนี้?" ลั่วอวี้จู๋ลูบจมูกสวยๆ ของนาง และพูดอย่างประหลาดใจ: "แม้แต่อาหารของหอเทียนเซียงก็ยังไม่หอมขนาดนี้!" กงซูหว่าน
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ