ฮ่องเต้หวู่เหลือบมองเว่ยซวิน ยิ้มเยาะในใจทันทีถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าเก้าเตือนสติ เรายังไม่รู้เลยว่า เจ้าสุนัขแก่ตัวนี้ที่ปกติชอบใช้อำนาจข่มขู่ผู้อื่น จะแอบใช้ชื่อเสียงของเราฉกฉวยเงินมาได้มากขนาดไหน!นั่นเป็นเงินของเราทั้งหมด!พระเก้าพันปี?เจ้าเป็นแค่ขันทีคนหนึ่ง ก็กล้าเรียกตนเองว่าพระเก้าพันปี!ถุย!ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ฮ่องเต้หวู่เห็นเว่ยซวินร้องไห้อย่างเจ็บปวด ร้องไห้อย่างน่าเวทนาเช่นนี้ อาจจะใจอ่อนได้ ถ้าเชื่อคำพูดเหลวไหลของเขาครั้งนี้ ฮ่องเต้หวู่กลับมีการเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ หากทำให้เว่ยซวินต้องเจ็บปวดแสนสาหัสไม่ได้ ก็จะไม่มีทางรามือ!ตุบ!ฮ่องเต้หวู่สีหน้าเย็นชา นำคำให้การขององค์ชายหกโยนลงไปตรงหน้าของเว่ยซวิน “เจ้าอ่านเอาเองเถอะ! เขียนเอาไว้ในนั้นอย่างชัดเจน! เจ้าหกยอมรับแล้ว ว่าตนเองซ่อนเงินเอาไว้ในเรือนหนึ่งล้านตำลึง!”เว่ยซวินหยิบคำให้การขึ้นมาดู ก็งุนงงไปทันทีเป็นเรื่องจริง!องค์ชายหกเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่?ท่านโอ้อวดอะไรในคำให้การ?ตอนนี้ ทำให้ตนต้องเดือดร้อนแล้ว!เว่ยซวินด่าองค์ชายหกอยู่ในใจอยู่หลายครั้ง แต่กลับยังคงปากแข็ง “ฝ่าบาท! องค์ชายหกอาจจะจำผ
เจ้าเก้าอัจฉริยะจริง ๆ! ระยะเวลาสั้น ๆภายในสามวัน ก็สามารถคลี่คลายปัญหาเบี้ยเลี้ยงทหารได้แล้ว!หากเป็นเช่นนี้ หลังจากที่ทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนายได้รับเบี้ยเลี้ยงทหาร ขวัญกำลังใจจะต้องเพิ่มขึ้นมาแน่!ถ้าหากทหารรักษาพระองค์ได้รับชัยชนะ ปราบเผ่าหมานชนะ เช่นนั้นก็จะเป็นความชอบครั้งแรกของหลี่หลงหลิน!ฮ่องเต้หวู่รีบเรียกจางไป่เจิงมาทันที “นี่คือเบี้ยเลี้ยงทหารหนึ่งล้านตำลึง เจ้ารีบส่งไปให้แนวหน้า เพื่อปูนบำเหน็จรางวัลให้เหล่าทหาร! การศึกครั้งนี้ เกี่ยวพันกับชะตาของต้าเซี่ย ต้องชนะเท่านั้น ห้ามพ่ายแพ้!”เมื่อจางไป่เจิงเห็นเงินเยอะมากมายขนาดนี้ ก็เบิกตากว้างทันทีเดิมทีเขาคิดว่า ราชสำนักคงไม่สามารถนำเบี้ยเลี้ยงทหารจำนวนมากมายขนาดนี้ออกมาได้ ถึงไม่ยอมไปที่แนวหน้าเสียทีคาดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะทรงพระปรีชาเช่นนี้ สามารถรวบรวมเบี้ยเลี้ยงทหารหนึ่งล้านตำลึงได้จนครบ!จางไป่เจิงดีใจออกนอหน้า “มีเบี้ยเลี้ยงทหาร เหล่าพลทหารจะต้องยอมสู้จนตัวตาย ด้วยความจงรักภักดีต่อประเทศชาติแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “ดี! จะชักช้าไม่ได้ เจ้ารีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้!”จางไป่เจิงดีใจ รับราชโองการพร้อมออ
ฮ่องเต้หวู่ยิ้มเยาะ “มารดาพึ่งพาลูก! ตอนนั้นที่พระชายาโหรวอยู่วังหลัง ถูกบรรดาพระสนมกลั่นแกล้ง เป็นเพราะเจ้าเก้าไม่เปิดเผยความสามารถ แสร้งทำเป็นโง่เขลา ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีจากเรา! บัดนี้ เจ้าเก้าได้เผยความสามารถ ได้รับความสำคัญจากเรา! เราไม่เชื่อว่า ยังจะมีผู้ใดกล้ากลั่นแกล้งพระชายาโหรวอีก!”“เจ้าพยายามขัดขวางเรา ไม่ให้เราไปพบพระชายาโหรว หรือว่าเจ้ามีเหตุผลอื่น?”เว่ยซวินเหงื่อแตกพลั่กทันที รีบคุกเข่าลงบนพื้น “ฝ่าบาท กระหม่อมมิกล้า! กระหม่อมเป็นเพราะว่า...ใช่แล้ว! เป็นเพราะ วันนี้องค์ชายเก้าจะเข้าวังหลวง มาถวายพระพรพระชายาโหรวพ่ะย่ะค่ะ”“พระชายาโหรวดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง สองคนแม่ลูกกำลังระบายความในใจกันอยู่ ยังให้องค์ชายเก้าค้างคืนในตำหนักด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ้าหากฝ่าบาททรงเสด็จไป เกรงว่าจะไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่พ่ะย่ะค่ะ..”เมื่อฮ่องเต้หวู่ได้ยินดังนั้น บนใบหน้าก็เผยสีหน้าปีติยินดี “งั้นหรือ? เจ้าเก้าเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง งานราชการยุ่งมาก ยังเข้าวังมาถวายพระพรเสด็จแม่อีกหรือ? เด็กคนนี้กตัญญูน่าสรรเสริญ เราปลื้มใจยิ่งนัก!”ต้าเซี่ยปกครองใต้หล้าด้วยความกตัญญูเป็นเวลาหลายสิบปีแล้
พระชายาโหรวสมัยสาวๆ งดงามและเยาว์วัย สวยแต่กำเนิดแม้ว่าบัดนี้นางจะอายุสามสิบกว่าปีแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นหญิงวัยกลางคนแล้ว แต่ความงดงามยังคงอยู่ มีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ว่าหลี่หลงหลินยกขาเรียวยาวของพระชายาโหรว หัวใจกลับไม่วอกแวก ตั้งใจจัดการบาดแผลพระชายาโหรวจ้องมองใบหน้าด้านข้างของหลี่หลงหลิน อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเบ้า น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ เมื่อหลี่หลงหลินเห็นว่าพระชายาโหรวร้องไห้ แสดงสีหน้ากล่าวโทษตนเอง “ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงร้องไห้? เป็นเพราะข้ามือหนักเกินไปใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าจะเบามือลงหน่อย...”พระชายาโหรวปาดคราบน้ำตา กล่าวเสียงอ่อนโยน “องค์ชาย ไม่ใช่ความผิดเจ้า เป็นเพราะจู่ ๆ แม่ก็นึกถึงตอนที่เจ้าเป็นเด็กดื้อรั้น ตอนที่เจ้าสะดุดล้มอยู่ในสวน แม่เป็นคนทายาให้เจ้าด้วยตนเอง”“เพียงแค่พริบตาเดียว ก็ผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว”“ลูกชายของข้าเติบโตแล้ว ยังได้เป็นแม่ทัพใหญ่อีกด้วย!”“ถ้าหากท่านตาของเจ้ารู้ เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ!”ภายในหัวสมองของหลี่หลงหลิน มีภาพความทรงจำตอนเด็กปรากฏขึ้นตอนนั้น ตนเป็นเด็กดื้อคนหนึ่ง ใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวล เอาแต่
หลี่หลงหลินทราบว่าพระชายาโหรวอยู่ในวังหลัง ถูกผู้คนกลั่นแกล้ง แม้แต่ตำหนักฉางเล่อที่อาศัยมานานยังถูกฉินกุ้ยเฟยแย่งไป ก็โมโหทันทีเมื่อชุนเถากับชิวเย่นางกำนัลสองคนเห็นดังนั้น ก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รีบคุกเข่าลงไปกล่าววิงวอน “องค์ชาย ท่านอย่าได้วู่วามเด็ดขาดนะเพคะ!”“ที่วังหลังฉินกุ้ยเฟยอิทธิพลกว้างขวาง ไม่ใช่คนที่ท่านจะจัดการได้เพคะ!”“ยิ่งไปกว่านั้น วังหลังมีกฎของวังหลัง ถ้าหากท่านมุทะลุ ทำลายความกลมเกลียวของวังหลัง ทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว เกรงว่าสถานการณ์ของพระสนมที่อยู่ในตำหนัก จะยิ่งลำบากมากกว่าเดิมเพคะ!”“ใช่เพคะ องค์ชาย! ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา พระสนมจะต้องตำหนิหม่อมฉันสองคนแน่เพคะ!”หลี่หลงหลินโบกมือ “พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ! กฎของในวัง ข้าเข้าใจ! ชอบเล่นสกปรกกันไม่ใช่หรือ? ใครกลัวใครกัน!”วังหลังก็เป็นแบบนี้ภายนอกบรรดานางสนมปรองดองกัน ปฏิบัติตัวต่อกันดั่งพี่น้องเบื้องหลัง พวกนางกลับเล่นสกปรก เพื่อแย่งชิงความโปรดปรานพระชายาโหรวนิสัยอ่อนโยน ไม่ชอบแก่งแย่งชิงดีกับบรรดานางสนมพวกนี้ ยอมไปเสียทุกเรื่องผลสุดท้าย พระสนมยิ่งหนักข้อกว่าเดิม แม้แต่ที่พักอาศัยของพระชายาโหรวก็
“รอให้ทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนายของเราเอาชนะเผ่าหมานได้ เจ้าจะมีความชอบเป็นครั้งแรก!”หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีเพียงแค่หนึ่งล้านตำลึงจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่งุนงงทันที “ใช่! ไม่อย่างนั้นล่ะ? เบี้ยเลี้ยงทหารที่เราต้องการ ก็แค่หนึ่งล้านตำลึง จะเป็นเท่าไหร่ได้หรือ?”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกเป็นอย่างยิ่งพ่อคนนี้ของตน บางครั้งก็หน้าเลือดสุดขีด บางครั้งก็โง่เขลาแบบน่าเอ็นดูในเมื่อครั้งนี้จะจัดการเว่ยซวิน ก็ควรจะต้องให้เขากระอักเลือด!ไม่ผิด!ทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนายต้องการเบี้ยเลี้ยงหนึ่งล้านตำลึงแต่ถ้าหากทันทีที่การศึกเจรจาไม่ได้ ทหารรักษาพระองค์ต้องการเบี้ยเลี้ยงมากกว่านี้จะทำอย่างไร?อีกทั้งทั้งราชสำนัก ที่ที่ต้องการใช้เงินมีมากมายให้เว่ยซวินรวบรวมเงินเพียงแค่หนึ่งล้านตำลึง!นี่มันจะดูถูกเขามากเกินไปแล้ว!ใครไม่รู้บ้างว่า พระเก้าพันปีมั่งคั่งร่ำรวย จนเทียบกับทั้งแคว้นได้?ต่อไปเว่ยซวินจะเตรียมการป้องกัน อยากจะเล่นงานเขา เกรงว่าคงจะยากแล้ว!หลี่หลงหลินถอนหายใจทีหนึ่ง “เสด็จพ่อ เช่นนั้นเงินของลูกจะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่งุนงง “เงินอะไรหรือ?”หลี่ห
ใช่ว่าฮ่องเต้หวู่จะไม่คุ้นเคยกับการสู้รบเบี้ยเลี้ยงทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนาย ยังต้องการเงินหนึ่งล้านตำลึงแค่คิดก็รู้ การสร้างกองทัพทหารใหม่กองหนึ่ง เริ่มจากศูนย์ ต้องการเงินเท่าไหร่อย่างน้อยก็ต้องใช้สิบล้านตำลึง หรืออาจจะมากกว่านั้นฮ่องเต้หวู่ไม่อยากสร้างกองทัพทหารใหม่งั้นหรือ?แน่นอนว่าไม่ใช่!ประเด็นหลักคือจน!ต้าเซี่ยในวันนี้ บรรดาขุนนางตระกูลใหญ่แต่ละคนร่ำรวยเป็นอย่างยิ่งแต่ราชสำนักและฮ่องเต้ยากจนจริง ๆ !ฮ่องเต้หวู่แทบจะใช้ชีวิตอย่างกัดก้อนเกลือกิน!ฮองเฮายังทอผ้าอยู่ในวัง เพื่ออุดหนุนค่าใช้จ่ายในครอบครัว!เมื่อหลี่หลงหลินเห็นว่าฮ่องเต้หวู่สนใจ รีบฉวยโอกาสตีเหล็กตอนยังร้อน “เสด็จพ่อ ไม่เพียงเท่านี้! เงินห้าแสนตำลึงก้อนนี้ ลูกไม่ขอจากพระองค์โดยเปล่าประโยชน์ ให้ถือว่าพระองค์เป็นผู้ลงทุน!”“ลูกจะแบ่งเงินปันผลตามกำไร ให้พระองค์สองส่วน”“พระองค์คิดเห็นเป็นอย่างไร?”ฮ่องเต้หวู่ไม่กล้าเชื่อหูตัวเองเลยจริง ๆเงินห้าแสนตำลึง ไม่เพียงสร้างกองทัพทหารใหม่ได้หนึ่งกอง ยังแบ่งเงินปันผลให้ตนได้อีกสองส่วนทุกปีคิดไม่ถึงว่าใต้หล้านี้จะมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วย?ตนไม่ได้ฝันไปใช
หรือว่าเจ้าจะให้ข้าไปขู่เข็ญเว่ยซวินอีก? ใช่!เว่ยซวินมีจิตใจทะเยอทะยานก็จริง เขาอ้างชื่อของข้ารีดไถความมั่งคั่งที่ได้มาด้วยเลือดและหยาดเหงื่อของราษฎรไปไม่น้อย แต่อย่างไรเว่ยซวินก็รับใช้ข้ามาหลายปี หากไม่มีคุณูปการก็ยังมีความมานะบากบั่นเจ้าให้ข้าขู่เข็ญเว่ยซวินเพียงครั้งเดียวก็ยังพอทนแต่เจ้ายังอยากให้ข้าขู่เข็ญเว่ยซวินเป็นครั้งที่สองอีกหรือ?แม้ว่าจะเป็นการถอนขนแกะ แต่เจ้าก็ไม่สามารถจับแกะตัวเดียวมาถอนขนได้หลี่หลงหลินเห็นสีหน้าของฮ่องเต้หวู่แปรเปลี่ยนไป จึงรีบพูดว่า “เสด็จพ่อ พระองค์ทรงเข้าพระทัยลูกผิดแล้ว! ลูกไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเว่ยกงกง! แต่ว่าหลังจากที่พี่หกถูกยึดทรัพย์แล้ว เหลือจวนเพียงหลังเดียว”“เป็นการดีกว่าหากพระองค์มอบจวนหลังนี้ให้ลูกจัดการ มันจะได้ราคาถึงห้าแสนตำลึงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อฮ่องเต้หวู่ได้ยินเช่นนั้น เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่แท้ก็ไม่ได้ต้องการให้ข้าไปถอนขนแกะของเว่ยซวินต่อ แต่ต้องการจวนของเจ้าหกนี่เอง!เช่นนั้นก็ตกลงกันง่ายหน่อย!เพียงแต่จวนหนึ่งหลังในเมืองหลวง อย่างมากที่สุดก็มีมูลค่าห้าหมื่นตำลึงเท่านั้นแต่หลี่หลงหลินกลับพูดว่า จวนหลั
หลังจากอยู่ร่วมกันเช้าค่ำเป็นเวลานานหลี่หลงหลินรู้อุปนิสัยของซูเฟิ่งหลิงแล้วเพียงแต่ปากคมดั่งมีด จิตใจกลับนุ่มเหมือนเต้าหู้เท่านั้นหากตนเองไม่พาซูเฟิ่งหลิงไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟ นั่นต่างหากหายนะที่แท้จริง!น่ากลัวว่าต้องถูกทวนเงินแทงจนกลายเป็นตะแกรงร่อน!ดังนั้นตนเองไม่จำเป็นต้องกังวลซูเฟิ่งหลิงเพียงแจ้งนางคร่าวๆ ก็เท่านั้นบัดนี้กังวลที่สุดกลับเป็นองค์หญิงไท่ผิงทั้งหมดล้วนยังไม่มีแผนมนุษย์ทุกคนล้วนหวากหวั่นต่อตำแหน่งอำนาจอยู่ตลอดรอหลี่หลงหลินดึงสติกลับมาได้ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วน้อยๆ “ท่านพูดเถอะวันนั้นข้าใส่เสื้อผ้าเยี่ยงไรถึงจะเหมาะสม?”หลี่หลงหลินครุ่นคิด พูดยิ้มๆ “เมื่อหลายวันก่อนข้าให้พี่สะใภ้สี่ตัดชุดกระโปรงหน้าม้าให้เจ้าแล้วมิใช่หรือ? ทั้งหล่อเหลาทั้งสง่างาม ชวนให้ตกตะลึงทั้งงาน”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้ายิ้มๆ “ที่แท้ท่านก็เตรียมทั้งหมดไว้พรักพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ฟังท่านแล้วกัน!”......พระราชวังต้องห้ามขบวนรถม้าแล่นอย่างเชื่องช้ามาถึงหน้าประตูเมืองขบวนรถม้าจัดเตรียมไว้อย่างเรียบง่ายมาก ทั้งหมดมีคนไม่ถึงยี่สิบคนแต่หากมีความรู้ย่อมสามารถมองออกว่าขบวน
“ให้ข้า?”ภายใต้ท่าทางตกตะลึงของซูเฟิ่งหลิงยังสะท้อนความดีใจอีกสายหนึ่งแต่ความดีใจมลายหายไปอย่างว่องไวนางเอ่ยถามด้วยเสียงเจือความสงสัย “นี่คือของขวัญแต่งงานของพวกเรา?”อีกไม่นานต่อจากนี้ก็คือวันแต่งงานของหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงแม้พูดว่าลั่วอวี้จู๋ใช้จ่ายมือเติบ แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่สามารถยอมรับได้หลี่หลงหลินส่ายหน้า “นี่คือมอบให้พวกเราเป็นของขวัญบรรณาการ”“ของขวัญบรรณาการ?”ซูเฟิ่งหลิงงุนงงมอบให้ใครเล่า?เรื่องอันใด?ย่อมไม่สามารถมอบให้โดยไร้สาเหตุหรอกกระมังหลี่หลงหลินอธิบายเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดให้ซูเฟิ่งหลิงฟังซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วมุ่น “งานเทศกาลโคมไฟ?”ไม่ใช่เพราะซูเฟิ่งหลิงมีความเห็นต่อไทฮองไทเฮาแต่วังหลังซับซ้อน ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นภายในใจงานเลี้ยงใหญ่อีกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น!หลี่หลงหลินพูด “ในเมื่อเป็นราชวงศ์ ก็ต้องให้ความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันพร้อมหน้า ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงใหญ่ที่เดินทางไปเป็นทูตที่โวกั๋วมานานหลายปีก็จะฉวยโอกาสอยู่ร่วมกันพร้อมหน้านี้กลับมายังต้าเซี่ย”“ถึงตอนนั้นเสด็จพ่อจะต้องให้ความสำคัญต่องานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟในครั
ยามนี้ลั่วอวี้จู๋ถูกจ้องจนประหม่า“องค์ชาย เวลาไม่เช้าแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เกือบจะยามสี่แล้ว หากถูกบ่าวรับใช้พบเข้าจะส่งผลไม่ดีได้”อย่างไรเสียชายหญิงก็อยู่ตามลำพังภายในห้อง ไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนคนโง่ก็ไม่มีวันเชื่อหรอกว่าจะไม่มีอันใดเกิดขึ้นหลี่หลงหลินรับกล่องไม้ไปแล้วกล่าวขอบคุณ “ยังเป็นพี่สะใภ้ใหญ่คิดรอบคอบ”ใบหน้าลั่วอวี้จู๋สะท้อนความรัก “องค์ชาย ท่านและน้องหญิงเล็กมีชีวิตที่ดีย่อมสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด”บนโลกมนุษย์มีสิ่งใดสำคัญไปกว่ามีบุพเพแต่ไร้วาสนาอีกเล่าหลี่หลงหลินโดดเด่นทั้งรูปโฉมและสติปัญญาแต่ลั่วอวี้จู๋ในฐานะพี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถใช้ชีวิตกับหลี่หลงหลินอย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรมได้ดังนั้นต่อให้นางได้รับชมอยู่วงนอกเห็นเขามีความสุขก็พึงพอใจแล้ว!หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ท่านดีข้าดีทุกคนดี ทุกคนดี ถึงจะดีอย่างแท้จริง!”พูดจบ เขาหันหลังจากไป กลับเข้าห้องของตน แต่ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าซูเฟิ่งหลิงถึงขั้นอยู่ที่นี่ซูเฟิ่งหลิงหันหน้า สีหน้าเปี่ยมโทสะ “องค์ชาย ดึกเพียงนี้ท่านไปที่ใดมา!”เมื่อวานหลี่หลงหลินไม่ได้กลับตลอดคืนซูเฟิ่งหลิ
แต่กลับตามไปไม่ทัน“ดูท่าแล้วมาหาถูกคนจริงเสียด้วย!”มองผ่านท่าทีตอบสนองเมื่อครู่ของลั่วอวี้จู๋ดูแล้ว ในมือนางจะต้องมีสมบัติล้ำค่าที่สามารถนำออกมาได้แน่เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไปลั่วอวี้จู๋วิ่งกลับมาด้วยความดีใจเต็มเปี่ยมผิวขาวราวกับหิมะมีเหงื่อหอมผุดออกมาปอยผมแนบติดหน้าผากชวนให้หลงใหลหลี่หลงหลินมองไป ได้เห็นลั่วอวี้จู๋ถือกล่องไม้ไว้ในมือรูปลักษณ์ภายนอกธรรรมดาแต่มองผ่านอารมณ์ของลั่วอวี้จู๋ดูแล้วสิ่งนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ลั่วอวี้จู๋พูดอย่างอารมณ์ดี “โชคดีหม่อมฉันหาเจอ หาไม่แล้วจะต้องลืมเจ้าสิ่งนี้ไปแล้วแน่!”หลี่หลงหลินเพิ่งคิดตำหนิที่เมื่อครู่ไม่ให้ตนเองช่วยถือโคมไฟลั่วอวี้จู๋ก็หยิบสมบัติที่อยู่ภายในกล่องไม้ออกมา“นี่คือ?”มองเห็นไข่มุกทรงกลมทอประกายจางๆ ภายในมือลั่วอวี้จู๋ไม่คล้ายเครื่องมือไว้ใช้ส่องสว่างในยุคหลังแสงชนิดนี้คล้ายซึมอยู่ภายในไข่มุกอย่างเป็นธรรมชาติ!“ไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเลใต้หรือ?”หลี่หลงหลินเอ่ยถามออกมาลั่วอวี้จู๋สบมองหลี่หลงหลินอย่างแปลกใจ “ท่านรู้จักสิ่งนี้หรือ?”แม้ว่าไม่มีประสบการณ์ แต่ก็ยังรู้จักมาก่อนอย่างไรเสียไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเล
ทั้งสองสบตากันลั่วอวี้จู๋หน้าแดงเรื่อ เมื่อครู่สนใจเพียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดเสียใจ ไฉนเลยจะคิดถึงเรื่องนี้!ลูกกระเดือกหลี่หลงหลินเกร็งเล็กน้อย กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้เรือนร่างของลั่วอวี้จู๋เร่าร้อนถึงเพียงนี้ อกอวบอิ่มดูมีน้ำหนัก ปกติเสื้อผ้าหลวมสายคาดเอวกว้างเหล่านั้นปกปิดเรือนร่างเย้ายวนนี้ไว้จนหมดช่างเสียดายของโดยแท้!ลั่วอวี้จู๋หลบตา เอ่ยเสียงเคร่งขรึม “องค์ชาย หากไม่มีเรื่องใดก็กลับไปก่อนเถอะเพคะ...”บัดนี้ลั่วอวี้จู๋อยากหารูมุดเข้าไปเหลือเกินอยากไล่หลี่หลงหลินออกไปก่อน หาไม่แล้วท่ามกลางบรรยากาศคลุมเครือเช่นนี้จะเกิดเรื่องใดขึ้นนางก็ไม่แน่ใจแล้วหลี่หลงหลินรีบขยับถอยออกไป “หากพี่สะใภ้ไม่พูด ข้าก็เกือบลืมธุระสำคัญไปแล้ว เมื่อครู่ข้าผลักประตูเข้ามา วู่วามจริงๆ ตอนนี้ข้าจะออกไปเคาะประตูใหม่..”สิ้นคำ รีบหันหลังกลับออกไปหลี่หลงหลินรีบเบี่ยงเบนความคิดไปที่อื่น กลัววู่วามขึ้นมาทำลายเรื่องผิดต่อศีลธรรมร้ายแรงลั่วอวี้จู๋ไฉนเลยจะฟังความนัยของหลี่หลงหลินไม่ออกรีบสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่ตามปกติ ทำให้บรรยากาศไม่อึดอัดถึงเพียงนั้น“เข้ามาเถอะ”หลี่หลงหลินเคาะประตูเข้ามา บรรยาก
หลี่หลงหลินเข้าใจในทันใด ลั่วอวี้จู๋กำลังเสียใจเพราะตนถูกแต่งตั้งเป็นนักปราชญ์ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในสายตาของคนบนโลก นี่คือหลี่หลงหลินกำลังทำผิดศีลธรรมอย่างแท้จริงชนิดที่ว่ายากจะแก้ตัวได้!หากเป็นที่ผ่านมา ในฐานะฮ่องเต้ย่อมไม่มีใครกล้าตำหนิแต่บัดนี้หลี่หลงหลินในฐานะนักปราชญ์คนใหม่ย่อมต้องวางตัวให้เหมาะสม เป็นแบบอย่างให้แก่ผู้คนลั่วอวี้จู๋คิดถึงตรงนี้ก็ร้องไห้อย่างอดไม่ได้น้ำตาสองสายไหลผ่านพวงแก้มของนาง คล้ายไหลผ่านหยกหยางจือก็มิปาน ทิ้งคราบน้ำตารางๆ เอาไว้ต่อให้เป็นลั่วอวี้จู๋ผู้ฉลาดปราดเปรื่อง นางก็ไม่อาจคิดหาหนทางได้นั่นก็หมายความว่าชาตินี้นางทำได้เพียงเป็นพี่สะใภ้น้องเขยกับหลี่หลงหลินเท่านั้นลั่วอวี้จู๋เจ็บปวดใจ เบือนหน้าหนี พูดเสียงสะอื้น “องค์ชาย ท่านรีบไปเถอะ ตอนนี้ข้าไม่อยากเห็นท่าน!”คิดไม่ถึงหลี่หลงหลินกลับยิ้มออกมาคล้ายเรื่องฟ้าถล่มลงตรงหน้าไม่เกี่ยวอันใดกับเขา“ข้ายังคิดว่าเรื่องใดสามารถทำให้พี่สะใภ้เสียใจถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องเล็กเช่นนี้?”ได้ยินคำพูดของหลี่หลงหลิน ลั่วอวี้จู๋เปี่ยมความตกตะลึง“องค์ชาย นี่ท่านหมายความว่าอันใด?”ล
เพิ่งสิ้นคำหลี่หลงหลินก็รู้สึกผิดอยู่บ้างทว่าแต่ไหนแต่ไรมาลั่วอวี้จู๋ล้วนเชื่อคำพูดเขาโดยไร้ข้อกังขา ไม่เกิดความสงสัยเลยสักนิดเห็นนางหยิบผ้าเช็ดหน้าทอจากผ้าไหมเช็ดคราบน้ำตา เอ่ยเสียงแผ่วเบา “องค์ชาย ท่านกลับไปเถอะ หม่อมฉันสบายดี เพียงแต่นึกเรื่องเศร้าบางอย่างเท่านั้น”ถ้อยคำเหล่านี้ของลั่วอวี้จู๋จะสามารถปิดบังหลี่หลงหลินได้เยี่ยงไรหลี่หลงหลินเป็นคนสองชาติภพ ผ่านสตรีมามากมายมีสตรีใดไม่เคยพบเห็นมาก่อนลั่วอวี้จู๋นี่คืออยากหยุดแต่ทำไม่ได้!หลี่หลงหลินไม่ใช่คนซื่อเช่นนั้นเขาคล้ายไม่ฟังคำพูดของลั่วอวี้จู๋ เดินเข้าไปภายในห้อง“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านอย่าปิดบังข้าเลย หากไม่เสียใจ ท่านจะมีสภาพเช่นนี้หรือ?”ลั่วอวี้จู๋ภายในใจหลี่หลงหลินล้วนมีเพียงภาพของผู้ใหญ่สุขุมมากความสามารถต่อให้เหน็ดเหนื่อยและลำบากเยี่ยงไร ก็ไม่เคยเห็นนางหลั่งน้ำตาแม้หยดเดียวหรือพูดว่าลำบากแต่บัดนี้กลับร้องไห้เพียงลำพังภายในห้องคำพูดของหลี่หลงหลินคล้ายคมมีดแทงลงบนต่อมน้ำตาของลั่วอวี้จู๋น้ำตาที่รินไหลเมื่อครู่เอ่อทะลักออกมาลั่วอวี้จู๋ร้องไห้สะอึกสะอื้นรูปร่างอวบอิ่มเองก็สั่นเทาตามแรงสะอื้นหลี่หลงหลิ
ตนเองต้องไปคารวะไทฮองไทเฮาพร้อมกับซูเฟิ่งหลิงหากเป็นเวลาปกติขอเพียงแค่ตนเองไปเลือกของมีค่าที่ตลาดประจิมอิงตามความชอบของไทฮองไทเฮาเลือกสิ่งของล้ำค่าหายากมาส่งมอบเป็นของขวัญก็ใช้ได้แล้วแต่งานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟวันขึ้นสิบหกค่ำเดือนอ้ายจะเมินข้ามไม่ได้เป็นอันขาดพี่สะใภ้ใหญ่มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ หนำซ้ำยังเป็นพ่อค้ามั่งคั่งเขตเจียงเจ้อย่อมมีความรู้กว้างขวาง รู้ว่าสิ่งใดล้ำค่าที่สุดในใต้หล้ายิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้องค์หญิงไท่ผิงเองก็จะปรากฎตัวหลี่หลงหลินไม่สามารถตกเป็นรองได้ซูเฟิ่งหลิงเห็นเงาหลังของหลี่หลงหลินจากไป “หลี่หลงหลิน! ดึกถึงเพียงนี้ท่านจะไปทำอันใด?”หลี่หลงหลินมองนางแวบหนึ่ง “ข้ามีธุระต้องไปปรึกษาพี่สะใภ้ใหญ่ เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ!”พูดจบ ยกขาวิ่งหนีไปแล้วกลัวซูเฟิ่งหลิงจะไล่ตามออกมาจับไว้มิใช่เพราะหลี่หลงหลินไม่อยากปรึกษาเรื่องนี้กับซูเฟิ่งหลิงเพียงแต่ซูเฟิ่งหลิงเกิดในตระกูลนักรบ รำทวนแกว่งดาบตั้งแต่เด็ก ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้หลี่หลงหลินมาถึงลานบ้านของที่พักลั่วอวี้จู๋สามารถมองเห็นแสงเทียนสั่นไหวภายในเรือนได้นี่หมายความว่าลั่วอวี้จู๋ยังไม่เข้านอนหลี่ห
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!หลี่หลงหลินรู้เรื่ององค์หญิงไท่ผิงน้อยมากเพียงแต่สัญชาตญาณบอกเขา นี่ไม่ใช่ผู้ที่จะสามารถล่วงเกินได้อย่างง่ายดายคนหนึ่ง!ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะน้องสาวของหลี่เทียนฉี่องค์หญิงไท่ผิงรับหน้าที่เดินทางเป็นทูตสานสัมพันธไมตรีกับแคว้นโวกั๋วอำนาจบนตัวซับซ้อนอย่างมาก ไม่สามารถดูเบาได้!……จวนสกุลซูหลี่หลงหลินกลับถึงจวนก็ล่วงเลยเข้าสู่ยามสามตั้งนานแล้วแต่จวนสกุลซูยังจุดไฟสว่างไสวสกุลซูทุกคนล้วนรอการกลับมาของหลี่หลงหลินขาซ้ายหลี่หลงหลินเพิ่งก้าวผ่านเข้าประตู เสียงปรบมือดังสนั่นก็ดังขึ้นมองเห็นฮูหยินผู้เฒ่าซูพาทุกคนในเรือนใหญ่มารอต้อนรับชนิดที่ว่ายังเตรียมงานเลี้ยงไว้ให้หลี่หลงหลินอีกด้วยฮูหยินผู้เฒ่าซูเปิดปากก่อน “ยินดีกับรัชทายาท! เรื่องที่ลานไป๋อวี้ในวันนี้ รัชทายาทมีบารมียิ่งใหญ่ ฆ่าพวกบัณฑิตจอมปลอมเหล่านั้นได้ดี! ข้ามองคนไม่ผิดไปอย่างแท้จริง! สามารถให้ซูเฟิ่งหลิงแต่งงานกับรัชทายาทท่านได้ ช่างเป็นวาสนาในรอบร้อยปีของพวกเราสกุลซูโดยแท้!”หลี่หลงหลินแปลกใจมากอย่างไรเสียฮูหยินผู้เฒ่าซูก็อายุมากแล้วหากเหล่าพี่สะใภ้จัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่