ฮ่องเต้หวู่เหลือบมองเว่ยซวิน ยิ้มเยาะในใจทันทีถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าเก้าเตือนสติ เรายังไม่รู้เลยว่า เจ้าสุนัขแก่ตัวนี้ที่ปกติชอบใช้อำนาจข่มขู่ผู้อื่น จะแอบใช้ชื่อเสียงของเราฉกฉวยเงินมาได้มากขนาดไหน!นั่นเป็นเงินของเราทั้งหมด!พระเก้าพันปี?เจ้าเป็นแค่ขันทีคนหนึ่ง ก็กล้าเรียกตนเองว่าพระเก้าพันปี!ถุย!ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ฮ่องเต้หวู่เห็นเว่ยซวินร้องไห้อย่างเจ็บปวด ร้องไห้อย่างน่าเวทนาเช่นนี้ อาจจะใจอ่อนได้ ถ้าเชื่อคำพูดเหลวไหลของเขาครั้งนี้ ฮ่องเต้หวู่กลับมีการเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ หากทำให้เว่ยซวินต้องเจ็บปวดแสนสาหัสไม่ได้ ก็จะไม่มีทางรามือ!ตุบ!ฮ่องเต้หวู่สีหน้าเย็นชา นำคำให้การขององค์ชายหกโยนลงไปตรงหน้าของเว่ยซวิน “เจ้าอ่านเอาเองเถอะ! เขียนเอาไว้ในนั้นอย่างชัดเจน! เจ้าหกยอมรับแล้ว ว่าตนเองซ่อนเงินเอาไว้ในเรือนหนึ่งล้านตำลึง!”เว่ยซวินหยิบคำให้การขึ้นมาดู ก็งุนงงไปทันทีเป็นเรื่องจริง!องค์ชายหกเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่?ท่านโอ้อวดอะไรในคำให้การ?ตอนนี้ ทำให้ตนต้องเดือดร้อนแล้ว!เว่ยซวินด่าองค์ชายหกอยู่ในใจอยู่หลายครั้ง แต่กลับยังคงปากแข็ง “ฝ่าบาท! องค์ชายหกอาจจะจำผ
เจ้าเก้าอัจฉริยะจริง ๆ! ระยะเวลาสั้น ๆภายในสามวัน ก็สามารถคลี่คลายปัญหาเบี้ยเลี้ยงทหารได้แล้ว!หากเป็นเช่นนี้ หลังจากที่ทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนายได้รับเบี้ยเลี้ยงทหาร ขวัญกำลังใจจะต้องเพิ่มขึ้นมาแน่!ถ้าหากทหารรักษาพระองค์ได้รับชัยชนะ ปราบเผ่าหมานชนะ เช่นนั้นก็จะเป็นความชอบครั้งแรกของหลี่หลงหลิน!ฮ่องเต้หวู่รีบเรียกจางไป่เจิงมาทันที “นี่คือเบี้ยเลี้ยงทหารหนึ่งล้านตำลึง เจ้ารีบส่งไปให้แนวหน้า เพื่อปูนบำเหน็จรางวัลให้เหล่าทหาร! การศึกครั้งนี้ เกี่ยวพันกับชะตาของต้าเซี่ย ต้องชนะเท่านั้น ห้ามพ่ายแพ้!”เมื่อจางไป่เจิงเห็นเงินเยอะมากมายขนาดนี้ ก็เบิกตากว้างทันทีเดิมทีเขาคิดว่า ราชสำนักคงไม่สามารถนำเบี้ยเลี้ยงทหารจำนวนมากมายขนาดนี้ออกมาได้ ถึงไม่ยอมไปที่แนวหน้าเสียทีคาดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะทรงพระปรีชาเช่นนี้ สามารถรวบรวมเบี้ยเลี้ยงทหารหนึ่งล้านตำลึงได้จนครบ!จางไป่เจิงดีใจออกนอหน้า “มีเบี้ยเลี้ยงทหาร เหล่าพลทหารจะต้องยอมสู้จนตัวตาย ด้วยความจงรักภักดีต่อประเทศชาติแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “ดี! จะชักช้าไม่ได้ เจ้ารีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้!”จางไป่เจิงดีใจ รับราชโองการพร้อมออ
ฮ่องเต้หวู่ยิ้มเยาะ “มารดาพึ่งพาลูก! ตอนนั้นที่พระชายาโหรวอยู่วังหลัง ถูกบรรดาพระสนมกลั่นแกล้ง เป็นเพราะเจ้าเก้าไม่เปิดเผยความสามารถ แสร้งทำเป็นโง่เขลา ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีจากเรา! บัดนี้ เจ้าเก้าได้เผยความสามารถ ได้รับความสำคัญจากเรา! เราไม่เชื่อว่า ยังจะมีผู้ใดกล้ากลั่นแกล้งพระชายาโหรวอีก!”“เจ้าพยายามขัดขวางเรา ไม่ให้เราไปพบพระชายาโหรว หรือว่าเจ้ามีเหตุผลอื่น?”เว่ยซวินเหงื่อแตกพลั่กทันที รีบคุกเข่าลงบนพื้น “ฝ่าบาท กระหม่อมมิกล้า! กระหม่อมเป็นเพราะว่า...ใช่แล้ว! เป็นเพราะ วันนี้องค์ชายเก้าจะเข้าวังหลวง มาถวายพระพรพระชายาโหรวพ่ะย่ะค่ะ”“พระชายาโหรวดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง สองคนแม่ลูกกำลังระบายความในใจกันอยู่ ยังให้องค์ชายเก้าค้างคืนในตำหนักด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ้าหากฝ่าบาททรงเสด็จไป เกรงว่าจะไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่พ่ะย่ะค่ะ..”เมื่อฮ่องเต้หวู่ได้ยินดังนั้น บนใบหน้าก็เผยสีหน้าปีติยินดี “งั้นหรือ? เจ้าเก้าเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง งานราชการยุ่งมาก ยังเข้าวังมาถวายพระพรเสด็จแม่อีกหรือ? เด็กคนนี้กตัญญูน่าสรรเสริญ เราปลื้มใจยิ่งนัก!”ต้าเซี่ยปกครองใต้หล้าด้วยความกตัญญูเป็นเวลาหลายสิบปีแล้
พระชายาโหรวสมัยสาวๆ งดงามและเยาว์วัย สวยแต่กำเนิดแม้ว่าบัดนี้นางจะอายุสามสิบกว่าปีแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นหญิงวัยกลางคนแล้ว แต่ความงดงามยังคงอยู่ มีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ว่าหลี่หลงหลินยกขาเรียวยาวของพระชายาโหรว หัวใจกลับไม่วอกแวก ตั้งใจจัดการบาดแผลพระชายาโหรวจ้องมองใบหน้าด้านข้างของหลี่หลงหลิน อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเบ้า น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ เมื่อหลี่หลงหลินเห็นว่าพระชายาโหรวร้องไห้ แสดงสีหน้ากล่าวโทษตนเอง “ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงร้องไห้? เป็นเพราะข้ามือหนักเกินไปใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าจะเบามือลงหน่อย...”พระชายาโหรวปาดคราบน้ำตา กล่าวเสียงอ่อนโยน “องค์ชาย ไม่ใช่ความผิดเจ้า เป็นเพราะจู่ ๆ แม่ก็นึกถึงตอนที่เจ้าเป็นเด็กดื้อรั้น ตอนที่เจ้าสะดุดล้มอยู่ในสวน แม่เป็นคนทายาให้เจ้าด้วยตนเอง”“เพียงแค่พริบตาเดียว ก็ผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว”“ลูกชายของข้าเติบโตแล้ว ยังได้เป็นแม่ทัพใหญ่อีกด้วย!”“ถ้าหากท่านตาของเจ้ารู้ เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ!”ภายในหัวสมองของหลี่หลงหลิน มีภาพความทรงจำตอนเด็กปรากฏขึ้นตอนนั้น ตนเป็นเด็กดื้อคนหนึ่ง ใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวล เอาแต่
หลี่หลงหลินทราบว่าพระชายาโหรวอยู่ในวังหลัง ถูกผู้คนกลั่นแกล้ง แม้แต่ตำหนักฉางเล่อที่อาศัยมานานยังถูกฉินกุ้ยเฟยแย่งไป ก็โมโหทันทีเมื่อชุนเถากับชิวเย่นางกำนัลสองคนเห็นดังนั้น ก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รีบคุกเข่าลงไปกล่าววิงวอน “องค์ชาย ท่านอย่าได้วู่วามเด็ดขาดนะเพคะ!”“ที่วังหลังฉินกุ้ยเฟยอิทธิพลกว้างขวาง ไม่ใช่คนที่ท่านจะจัดการได้เพคะ!”“ยิ่งไปกว่านั้น วังหลังมีกฎของวังหลัง ถ้าหากท่านมุทะลุ ทำลายความกลมเกลียวของวังหลัง ทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว เกรงว่าสถานการณ์ของพระสนมที่อยู่ในตำหนัก จะยิ่งลำบากมากกว่าเดิมเพคะ!”“ใช่เพคะ องค์ชาย! ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา พระสนมจะต้องตำหนิหม่อมฉันสองคนแน่เพคะ!”หลี่หลงหลินโบกมือ “พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ! กฎของในวัง ข้าเข้าใจ! ชอบเล่นสกปรกกันไม่ใช่หรือ? ใครกลัวใครกัน!”วังหลังก็เป็นแบบนี้ภายนอกบรรดานางสนมปรองดองกัน ปฏิบัติตัวต่อกันดั่งพี่น้องเบื้องหลัง พวกนางกลับเล่นสกปรก เพื่อแย่งชิงความโปรดปรานพระชายาโหรวนิสัยอ่อนโยน ไม่ชอบแก่งแย่งชิงดีกับบรรดานางสนมพวกนี้ ยอมไปเสียทุกเรื่องผลสุดท้าย พระสนมยิ่งหนักข้อกว่าเดิม แม้แต่ที่พักอาศัยของพระชายาโหรวก็
“รอให้ทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนายของเราเอาชนะเผ่าหมานได้ เจ้าจะมีความชอบเป็นครั้งแรก!”หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีเพียงแค่หนึ่งล้านตำลึงจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่งุนงงทันที “ใช่! ไม่อย่างนั้นล่ะ? เบี้ยเลี้ยงทหารที่เราต้องการ ก็แค่หนึ่งล้านตำลึง จะเป็นเท่าไหร่ได้หรือ?”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกเป็นอย่างยิ่งพ่อคนนี้ของตน บางครั้งก็หน้าเลือดสุดขีด บางครั้งก็โง่เขลาแบบน่าเอ็นดูในเมื่อครั้งนี้จะจัดการเว่ยซวิน ก็ควรจะต้องให้เขากระอักเลือด!ไม่ผิด!ทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนายต้องการเบี้ยเลี้ยงหนึ่งล้านตำลึงแต่ถ้าหากทันทีที่การศึกเจรจาไม่ได้ ทหารรักษาพระองค์ต้องการเบี้ยเลี้ยงมากกว่านี้จะทำอย่างไร?อีกทั้งทั้งราชสำนัก ที่ที่ต้องการใช้เงินมีมากมายให้เว่ยซวินรวบรวมเงินเพียงแค่หนึ่งล้านตำลึง!นี่มันจะดูถูกเขามากเกินไปแล้ว!ใครไม่รู้บ้างว่า พระเก้าพันปีมั่งคั่งร่ำรวย จนเทียบกับทั้งแคว้นได้?ต่อไปเว่ยซวินจะเตรียมการป้องกัน อยากจะเล่นงานเขา เกรงว่าคงจะยากแล้ว!หลี่หลงหลินถอนหายใจทีหนึ่ง “เสด็จพ่อ เช่นนั้นเงินของลูกจะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่งุนงง “เงินอะไรหรือ?”หลี่ห
ใช่ว่าฮ่องเต้หวู่จะไม่คุ้นเคยกับการสู้รบเบี้ยเลี้ยงทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนาย ยังต้องการเงินหนึ่งล้านตำลึงแค่คิดก็รู้ การสร้างกองทัพทหารใหม่กองหนึ่ง เริ่มจากศูนย์ ต้องการเงินเท่าไหร่อย่างน้อยก็ต้องใช้สิบล้านตำลึง หรืออาจจะมากกว่านั้นฮ่องเต้หวู่ไม่อยากสร้างกองทัพทหารใหม่งั้นหรือ?แน่นอนว่าไม่ใช่!ประเด็นหลักคือจน!ต้าเซี่ยในวันนี้ บรรดาขุนนางตระกูลใหญ่แต่ละคนร่ำรวยเป็นอย่างยิ่งแต่ราชสำนักและฮ่องเต้ยากจนจริง ๆ !ฮ่องเต้หวู่แทบจะใช้ชีวิตอย่างกัดก้อนเกลือกิน!ฮองเฮายังทอผ้าอยู่ในวัง เพื่ออุดหนุนค่าใช้จ่ายในครอบครัว!เมื่อหลี่หลงหลินเห็นว่าฮ่องเต้หวู่สนใจ รีบฉวยโอกาสตีเหล็กตอนยังร้อน “เสด็จพ่อ ไม่เพียงเท่านี้! เงินห้าแสนตำลึงก้อนนี้ ลูกไม่ขอจากพระองค์โดยเปล่าประโยชน์ ให้ถือว่าพระองค์เป็นผู้ลงทุน!”“ลูกจะแบ่งเงินปันผลตามกำไร ให้พระองค์สองส่วน”“พระองค์คิดเห็นเป็นอย่างไร?”ฮ่องเต้หวู่ไม่กล้าเชื่อหูตัวเองเลยจริง ๆเงินห้าแสนตำลึง ไม่เพียงสร้างกองทัพทหารใหม่ได้หนึ่งกอง ยังแบ่งเงินปันผลให้ตนได้อีกสองส่วนทุกปีคิดไม่ถึงว่าใต้หล้านี้จะมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วย?ตนไม่ได้ฝันไปใช
หรือว่าเจ้าจะให้ข้าไปขู่เข็ญเว่ยซวินอีก? ใช่!เว่ยซวินมีจิตใจทะเยอทะยานก็จริง เขาอ้างชื่อของข้ารีดไถความมั่งคั่งที่ได้มาด้วยเลือดและหยาดเหงื่อของราษฎรไปไม่น้อย แต่อย่างไรเว่ยซวินก็รับใช้ข้ามาหลายปี หากไม่มีคุณูปการก็ยังมีความมานะบากบั่นเจ้าให้ข้าขู่เข็ญเว่ยซวินเพียงครั้งเดียวก็ยังพอทนแต่เจ้ายังอยากให้ข้าขู่เข็ญเว่ยซวินเป็นครั้งที่สองอีกหรือ?แม้ว่าจะเป็นการถอนขนแกะ แต่เจ้าก็ไม่สามารถจับแกะตัวเดียวมาถอนขนได้หลี่หลงหลินเห็นสีหน้าของฮ่องเต้หวู่แปรเปลี่ยนไป จึงรีบพูดว่า “เสด็จพ่อ พระองค์ทรงเข้าพระทัยลูกผิดแล้ว! ลูกไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเว่ยกงกง! แต่ว่าหลังจากที่พี่หกถูกยึดทรัพย์แล้ว เหลือจวนเพียงหลังเดียว”“เป็นการดีกว่าหากพระองค์มอบจวนหลังนี้ให้ลูกจัดการ มันจะได้ราคาถึงห้าแสนตำลึงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อฮ่องเต้หวู่ได้ยินเช่นนั้น เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่แท้ก็ไม่ได้ต้องการให้ข้าไปถอนขนแกะของเว่ยซวินต่อ แต่ต้องการจวนของเจ้าหกนี่เอง!เช่นนั้นก็ตกลงกันง่ายหน่อย!เพียงแต่จวนหนึ่งหลังในเมืองหลวง อย่างมากที่สุดก็มีมูลค่าห้าหมื่นตำลึงเท่านั้นแต่หลี่หลงหลินกลับพูดว่า จวนหลั
ยามดึกสงัด ณ จวนขององค์ชายสี่ เพล้ง! หลี่จือตาแดงก่ำ เขาขว้างขวดกระเบื้องล้ำค่าลงพื้นจนแตกกระจาย พร้อมตะโกนลั่นว่า “ไร้ประโยชน์! พวกเจ้าไม่มีประโยชน์กันสักคน! แค่ถ่วงเวลานิดเดียวยังทำไม่ได้! แค่สามวัน... สามวันเท่านั้น ตู้เหวินยวนก็สารภาพแล้ว!” หัวใจของหลี่จือราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ทำไมเขาถึงต้องให้ขุนนางสามศาลถ่วงเวลาไว้? เหตุผลนั้นง่ายมาก! หลี่จือเป็นลูกเขยของตู้เหวินยวน และรู้ดีว่าเจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ซ่อนเงินสกปรกเอาไว้ ตู้เหวินยวนระมัดระวังตัวมาก สถานที่ซ่อนสมบัตินั้นมีเพียงเขาที่รู้ แม้แต่หลี่จือและบุตรสาวของตู้เหวินยวนก็ไม่ทราบ แต่ว่า... บนโลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่ลมพัดผ่านไม่ได้ สมบัติเงินทองมากมายขนาดนี้ ตู้เหวินยวนย่อมต้องจ้างคนขนย้าย ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน หลี่จือก็จะสามารถตามหาเงินสกปรกที่ตู้เหวินยวนซ่อนเอาไว้ และยึดมาเป็นของตัวเองได้! แต่แล้ว... แค่สามวัน ข่าวร้ายก็ถูกส่งมาถึง! ตู้เหวินยวนสารภาพผิด สถานที่ซ่อนสมบัติ เขาก็เปิดเผยออกมาหมดแล้ว สมบัติเงินทองมหาศาลกว่ายี่สิบล้านตำลึง ถูกเจ้าเก้าค้นพบ และนำส่งเข้าไปในพระราชวัง กลายเป็นทรัพย
พูดตามตรง การที่หลี่หลงหลินสามารถล้มตู้เหวินยวนและยังจะประหารชีวิตเขาหลังฤดูใบไม้ร่วงนี้ได้ นั่นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่างที่สุดแล้ว! ส่วนเรื่องการกำจัดทั้งเก้าชั่วโคตรของเขานั้น หลิ่วหรูเยียนไม่กล้าคิดถึงมันด้วยซ้ำ! ในหมู่ชนชั้นสูงของแคว้นต้าเซี่ย ผ่านการแต่งงานผูกสัมพันธ์กันมานานแล้ว จนกลายเป็นเครือข่ายที่ซับซ้อนพันกันยุ่งเหยิง ในเจ้ามีข้า ในข้ามีเจ้า หากต้องกำจัดเก้าชั่วโคตรของตู้เหวินยวนจริงๆ อาจจะต้องถอนรากถอนโคนชนชั้นสูงของต้าเซี่ยทั้งหมดเลยก็เป็นได้! อย่างน้อยในสถานการณ์ตอนนี้ เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน หลิ่วหรูเยียนร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเช็ดน้ำตาออกไปแล้วกลับมานวดคอให้หลี่หลงหลินต่อ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “องค์ชาย แล้วข่าวดีข้อที่สามล่ะ?” จริงๆ แล้วสำหรับหลิ่วหรูเยียน ข่าวสองข้อแรกก็น่าตื่นตะลึงมากพอแล้ว ข่าวดีข้อที่สามคงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยกระจุ๋มกระจิ๋ม หลี่หลงหลินเอ่ยขึ้นทันทีว่า “บิดาของเจ้า ชื่อหลิ่วชิงหยางหรือไม่?” หลิ่วหรูเยียนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความประหลาดใจออกมา “องค์ชาย ทราบชื่อบิดาของข้าได้อย่างไร หรือว่าท่านไปตรวจสอบบ
ไม่นานหลังจากนั้น ซูเฟิ่งหลิงเรียกคนจากภูเขาทิศประจิมมาช่วยขนหีบทั้งหมดในห้องใต้ดินขึ้นรถม้า แล้วส่งไปยังพระราชวัง เมื่อฮ่องเต้หวู่เห็นเงินจำนวนมหาศาลนี้ ก็ทรงยิ้มอย่างพอพระทัย ส่วนหีบที่บรรจุจดหมายลับ หลี่หลงหลินเก็บไว้เองและนำกลับไปยังจวนตระกูลซู หลังอาหารเย็น หลี่หลงหลินแอบขึ้นไปยังหอละอองฝน และพบกับพี่สะใภ้สี่หลิ่วหรูเยียน หลิ่วหรูเยียนสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพู นอนเอกเขนกอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้ยาว ในมือถือหนังสืออ่านเล่นเล่มหนึ่ง อ่านอย่างเพลิดเพลิน ข้างกายนางมีสาวใช้ชื่อเหอเย่อยู่ ซึ่งหลิ่วหรูเยียนพาตัวออกมาจากสำนักการสังคีต เหอเย่กำลังจับเท้าเล็กๆเรียวงามของหลิ่วหรูเยียนไว้และนวดคลายเส้นบริเวณฝ่าเท้า หลิ่วหรูเยียนรู้สึกเจ็บเล็กน้อยจนเผลอครางเบาๆ เสียงนั้นช่างชวนให้จินตนาการ “พี่สะใภ้สี่!” เมื่อหลี่หลงหลินเห็นภาพที่งดงามชวนเคลิบเคลิ้มเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย หลิ่วหรูเยียนเห็นหลี่หลงหลินมา ก็โบกมือไล่สาวใช้ออกไปพร้อมรอยยิ้มยินดี “ท่านมาแล้ว! มาลองชิมขนมโก๋กุ้ยฮวาที่ข้าทำเองดูสิ ข้าใส่น้ำตาลทรายขาวที่ท่านคิดค้นด้วย รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?” หลี่หลงหลินไ
ตู้เหวินยวนครองอำนาจบริหารบ้านเมืองมาหลายสิบปี เขาได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย เรียกได้ว่าเลวร้ายจนแทบจารึกไม่หมด! เนื้อหาในจดหมายเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับตู้เหวินยวน แต่ยังโยงใยถึงข้าราชการอีกมากมาย หากเปิดเผยจดหมายเหล่านี้ออกมา จะต้องเกิดความสั่นสะเทือนทั้งราชสำนักอย่างแน่นอน! ไม่รู้ว่าจะมีขุนนางกี่คนที่จะต้องเกี่ยวพันไปด้วย อย่างเบาที่สุดก็คือถูกปลดจากตำแหน่ง อย่างหนักก็คงต้องถูกตัดหัว ซูเฟิ่งหลิงมองดูจดหมายเหล่านี้ด้วยความตื่นตระหนกจนหนังศีรษะชา “ตู้เหวินยวนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ! ทำไมถึงเก็บหลักฐานความผิดของตัวเองไว้แบบนี้? ทำไมไม่ทำลายทิ้งไปเสียให้หมด?” หลี่หลงหลินส่ายหน้าเบาๆ “ไม่! นี่แหละคือความชาญฉลาดของตู้เหวินยวน! จดหมายเหล่านี้เป็นหลักฐานความผิดของเขาเอง แต่ก็เป็นจุดอ่อนของข้าราชการคนอื่นๆ ด้วย! ตู้เหวินยวนใช้วิธีนี้เพื่อจับจุดอ่อนของเหล่าข้าราชการ และบีบบังคับให้พวกเขารวมกลุ่มสมคบคิดกัน” “เจ้าแก่จิ้งจอกนี่มันร้ายกาจจริงๆ!” ซูเฟิ่งหลิงเหงื่อออกเต็มหน้าผาก ไม่น่าแปลกใจที่ท่านปู่ของนางมักจะเตือนเสมอว่า แวดวงราชการนั้นเต็มไปด้วยอันตราย เหมือนเหยียบพื้นน้ำ
จวนส่วนตัวหลังที่สอง ตั้งอยู่ใจกลางย่านการค้า หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงบุกเข้าไปค้นหากันพักใหญ่ แต่กลับไม่ได้อะไรเลย ซูเฟิ่งหลิงเริ่มรู้สึกหมดหวัง “หรือว่าเจ้าแก่ตู้เหวินยวนมันหลอกเราอีกแล้ว!” หลี่หลงหลินที่ตอนแรกมั่นใจเต็มเปี่ยม ตอนนี้ก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่แล้ว... เมื่อมาถึงจวนหลังที่สาม พวกเขาก็พบสิ่งที่ตามหา ห้องใต้ดินที่นี่ไม่ได้ลึกนัก ดูเหมือนห้องเก็บของธรรมดาๆ ที่ใช้เก็บผัก หลี่หลงหลินจุดตะเกียงน้ำมันที่ผนัง แล้วห้องใต้ดินมืดมิดก็สว่างขึ้นทันที และเห็นว่าตรงหน้ามีหีบขนาดใหญ่เรียงรายเต็มห้อง มุมหนึ่งของห้องใต้ดินมีชั้นวางของแบบโบราณ ที่บนนั้นเต็มไปด้วยของล้ำค่าและของหายากต่างๆ “ในที่สุดก็เจอแล้ว!” ซูเฟิ่งหลิงรีบเปิดหีบใบหนึ่ง เมื่อเห็นเงินแท่งสีเงินเต็มหีบ ก็ถึงกับอ้าปากค้าง ที่นี่คือที่ที่ตู้เหวินยวนซ่อนทรัพย์สินที่ยักยอกมา! ซูเฟิ่งหลิงตื่นเต้นสุดขีด กำหมัดชูขึ้นด้วยความดีใจ แต่หลี่หลงหลินกลับไม่ได้สนใจเงินทองเหล่านั้น เขาเดินตรงไปที่ชั้นวางของโบราณ ดูเครื่องกระเบื้องและหยกที่จัดวางอยู่ พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความตกตะลึง ทองคำมีมู
หลี่หลงหลินหัวเราะ: “นี่เจ้าพูดเองนะ! เสด็จพ่อให้ข้าไปยึดจวนส่วนตัวของตู้เหวินยวน ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าก็จะไปเองแล้วกัน!” เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีตื่นตัวขึ้นมาทันที: “ไม่ได้! ได้ยินว่ามีเงินอยู่ในจวนนั้นตั้งยี่สิบล้านตำลึง ถ้าท่านคิดฮุบไว้คนเดียวจะทำยังไง? ข้าจะไปด้วย!” ตามปกติแล้ว หากหลี่หลงหลินจะไปตรวจสอบจวนส่วนตัวของตู้เหวินยวน ควรจะเรียกทหารไปด้วย แต่ตู้เหวินยวนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้ ซื้อจวนธรรมดา ๆ ในย่านชุมชนคนทั่วไปเอาไว้ ถ้าหากนำกำลังทหารไปอย่างโจ่งแจ้ง เกรงว่าจะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ดังนั้น หลี่หลงหลินจึงตัดสินใจพาซูเฟิ่งหลิงไปสำรวจก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นสถานที่ที่ถูกต้อง แล้วค่อยเรียกทหารมาตรวจค้นอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เสียเวลา หลี่หลงหลินสั่งให้ซูเฟิ่งหลิงนั่งรถม้าตรงเข้าสู่เมืองหลวงทันที มุ่งหน้าไปยังจวนหลังแรก จวนหลังนี้เป็นจวนธรรมดาติดทะเลสาบ ดูจากภายนอกทรุดโทรมพอสมควร ซูเฟิ่งหลิงหรี่ตา มองจวนอย่างพินิจพิเคราะห์: “จิ้งจอกเฒ่าตู้เหวินยวนซ่อนเก่งจริง ๆ! ถ้าเขาไม่สารภาพเอง คงไม่มีทางหาเงินสกปรกนี่เจอแม้แต่ตำลึงเดียว!” หลี่หลงหลินพยักหน้า: “เร
สีหน้าของฮ่องเต้หวู่มืดมนจนถึงขีดสุด พระองค์รู้ดีว่าตู้เหวินยวน ชายชราผู้มากเล่ห์หลายกลซึ่งครองอำนาจในแผ่นดินมายาวนานนั้นได้กอบโกยเงินทองไว้ไม่น้อย แต่ไม่คาดคิดเลยว่า จะมากมายถึงเพียงนี้ ยี่สิบล้านตำลึง? นี่มันหมายความว่าอะไร! รายได้จากภาษีทั้งปีของแคว้นต้าเซี่ยยังไม่เท่านี้เลย และนี่ ยังไม่นับรวมเรือนตากอากาศที่เขาซื้อไว้บนเขาทิศประจิม และเงินอีกหนึ่งล้านตำลึงที่เคยอ้างว่าใช้ในการสร้างค่ายพักพิงสำหรับผู้อพยพ! ตู้เหวินยวนไม่ใช่แค่ข้าราชการที่ฉ้อโกงธรรมดา! เขาคือมหาโจรที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับเหอเซินเลยทีเดียว! ฮ่องเต้หวู่โบกมือพร้อมรับสั่งด้วยเสียงเย็นชา: “ลากตัวไป!” “ตัดหัวหลังฤดูใบไม้ร่วง!” ฮ่องเต้หวู่ไม่อยากเห็นหน้าตู้เหวินยวน โบกมือพร้อมเอ่ยเสียงเย็นชา ตู้เหวินยวนที่หมดอาลัยตายอยาก ใบหน้าเรียบเฉย ถูกองครักษ์เสื้อแพรลากตัวออกไปโดยไม่ปริปากขอร้องแม้แต่คำเดียว เพราะว่า ตู้เหวินยวนเขารู้ดีว่าฮ่องเต้หวู่ยังเมตตาเขาอยู่ หนึ่งคือ การริบทรัพย์สิน แต่ไม่ได้ประหารล้างโคตร สองคือ การตัดหัวหลังฤดูใบไม้ร่วง หมายความว่าการประหารจะเกิดขึ้นหลังวันศารทวิษุวัตของปีนี้
ในตอนนั้นเอง หลี่หลงหลินก็เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า: “เสด็จพ่อ ลูกไม่เหมือนพวกไร้ค่าพวกนั้นหรอก!” ฮ่องเต้หวู่ถึงกับชะงัก มองหลี่หลงหลินพลางถาม: “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หลี่หลงหลินยิ้มเย็นชา ก่อนกล่าวด้วยคำพูดที่ทำให้ทุกคนตะลึง: “คดีที่สามศาลไม่สามารถสืบได้ ข้าจะสืบเอง! เงินสกปรกที่สามศาลหาไม่เจอ ข้าจะหาเอง!” เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในที่นั้นถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก ทำยังไง? ในเมื่อทุกคนช่วยกันสืบยังสืบไม่ได้ แล้วองค์ชายเก้าจะมาดูแคลนสามศาลได้ยังไง? เจ้ากรมอาญาเอ่ยด้วยความไม่พอใจ: “องค์ชายเก้า ท่านไม่กลัวว่าจะทำไม่ได้ตามที่พูดหรือ?” เจ้ากรมศาลต้าหลี่หัวเราะเยาะ: “ข้าจะให้เวลาท่านอีกเดือนหนึ่ง ถ้าท่านทำให้ตู้เหวินยวนยอมรับสารภาพได้ ข้าจะยอมลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับบ้านเกิดไปเลย!” ผู้ตรวจการราชสำนักเพียงแต่ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจ: “องค์ชายเก้า ท่านยังอ่อนประสบการณ์เกินไป การสอบสวนมันคือศิลปะ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้น...” ฮ่องเต้หวู่เองก็เอ่ยเช่นกัน: “เจ้าเก้า เจ้าเป็นดาบที่อายจนไม่กล้าคืนฝักหรือไง? ฟังคำเราเถิด ช่างมันเถอะ! ค่อย ๆ สืบไป สุดท้ายก็ต้องมีผลออกมาเอง!”
“ใต้เท้าตู้ เจ้า...”ฮ่องเต้หวู่มองหน้าตาของตู้เหวินยวน ในใจก็รู้สึกขนลุกอยู่บ้างบนร่างกายของเขา ไม่เห็นรอยแผลชัดเจนนักแต่หน้าเขียวและซีด แววตาฟุ้งซ่าน เห็นได้ชัดว่าต้องทนทุกข์ทรมานมากจึงได้กลายเป็นแบบนี้ชั่วขณะหนึ่ง ฮ่องเต้หวู่ก็อดรนทนไม่ไหวอย่างไรตู้เหวินยวนก็เป็นขุนนางในราชสำนักมาหลายปี แม้ไม่มีความสำเร็จ แต่ก็ทำงานหนักและที่ทำให้ฮ่องเต้หวู่ตกใจก็คือคำว่าปีศาจคำนี้เจ้าเก้าทำอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้ตู้เหวินยวนหวาดกลัวเพียงนี้?ฮ่องเต้กลืนน้ำลายลง “เจ้าพูดมาสิ เจ้าเก้าทำอะไรเจ้ากันแน่?”ตู้เหวินยวนกัดฟัน “เขา... เขาทารุณกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ถามว่า “ตีเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ถามอีกว่า “ด่าเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วกล่าวว่า “หรือว่าไม่ให้เจ้ากินข้าวกินน้ำ?”ตู้เหวินยวนยังคงส่ายหัว “ก็ไม่ใช่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่สับสนแล้ว สีหน้าของเขาดูงุนงง “แล้วเขาทารุณเจ้าอย่างไร?”ตู้เหวินยวนคิดอยู่นานก่อนจะตอบว่า “เขาขังกระหม่อมไว้ในห้องมืดเล็กๆ ไม่คุยกับกระหม่อม...”คราวนี้ไม่ใช่เพียงฮ่องเต