หรือว่าเจ้าจะให้ข้าไปขู่เข็ญเว่ยซวินอีก? ใช่!เว่ยซวินมีจิตใจทะเยอทะยานก็จริง เขาอ้างชื่อของข้ารีดไถความมั่งคั่งที่ได้มาด้วยเลือดและหยาดเหงื่อของราษฎรไปไม่น้อย แต่อย่างไรเว่ยซวินก็รับใช้ข้ามาหลายปี หากไม่มีคุณูปการก็ยังมีความมานะบากบั่นเจ้าให้ข้าขู่เข็ญเว่ยซวินเพียงครั้งเดียวก็ยังพอทนแต่เจ้ายังอยากให้ข้าขู่เข็ญเว่ยซวินเป็นครั้งที่สองอีกหรือ?แม้ว่าจะเป็นการถอนขนแกะ แต่เจ้าก็ไม่สามารถจับแกะตัวเดียวมาถอนขนได้หลี่หลงหลินเห็นสีหน้าของฮ่องเต้หวู่แปรเปลี่ยนไป จึงรีบพูดว่า “เสด็จพ่อ พระองค์ทรงเข้าพระทัยลูกผิดแล้ว! ลูกไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเว่ยกงกง! แต่ว่าหลังจากที่พี่หกถูกยึดทรัพย์แล้ว เหลือจวนเพียงหลังเดียว”“เป็นการดีกว่าหากพระองค์มอบจวนหลังนี้ให้ลูกจัดการ มันจะได้ราคาถึงห้าแสนตำลึงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อฮ่องเต้หวู่ได้ยินเช่นนั้น เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่แท้ก็ไม่ได้ต้องการให้ข้าไปถอนขนแกะของเว่ยซวินต่อ แต่ต้องการจวนของเจ้าหกนี่เอง!เช่นนั้นก็ตกลงกันง่ายหน่อย!เพียงแต่จวนหนึ่งหลังในเมืองหลวง อย่างมากที่สุดก็มีมูลค่าห้าหมื่นตำลึงเท่านั้นแต่หลี่หลงหลินกลับพูดว่า จวนหลั
หลังจากหลี่หลงหลินจากไป สีหน้าของฮ่องเต้หวู่พลันมืดมน จ้องมองไปที่เว่ยซวิน แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “มิน่าล่ะ วันนี้ข้าอยากให้พระชายาโหรวมาปรนนิบัติ แต่เจ้ากลับขัดขวางทุกวิถีทาง! ที่แท้พระชายาโหรวก็ไม่อยู่ที่ตำหนักฉางเล่อ เพราะถูกคนขับไล่ให้ไปอยู่ที่เรือนสุ่ยอวิ๋นนี่เอง!”“เป็นถึงพระชายา กลับไปอยู่รวมกับพวกบ่าวรับใช้!”“เว่ยซวิน เจ้าทำแบบนี้เหมือนตบหน้าข้าชัดๆ!”ประโยคนี้ของฮ่องเต้หวู่ เป็นการพูดแรงเกินไปเว่ยซวินตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง รีบคุกเข่าโน้มตัวเอาหัวโขกบนพื้นราวกับโขลกกระเทียม “ฝ่าบาท! กระหม่อมก็ไม่ทราบเช่นกันว่าพระชายาโหรวย้ายไปที่เรือนสุ่ยอวิ๋น...”“ไม่ทราบ?”ฮ่องเต้หวู่เดือดดาลยิ่งนัก “เจ้าเป็นหัวหน้าผู้ดูแลฝ่ายใน! เจ้ากลับบอกว่าเจ้าไม่รู้? หากเจ้าเป็นข้า ควรจะลงโทษเจ้าโทฐานละเลยหน้าที่นี้อย่าง?”ตุบ ตุบ ตุบ...เว่ยซวินโขกหัวอย่างสุดชีวิตจนหน้าผากถลอกและมีเลือดซึมออกมา “กระหม่อมสมควรตาย! กระหม่อมสมควรตาย...”ฮ่องเต้หวู่หรี่ตามองเว่ยซวิน “เจ้าสมควรตาย! แต่ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าเป็นแค่ขันที ต่อให้บ้าบิ่นเพียงใด ในฐานะบ่าวรับใช้ย่อมไม่กล้ารังแกเจ้านาย! เจ้าบอกความจริงข้
ฮ่องเต้หวู่เอามือไพล่หลัง แววตาเย็นเยือก “เดิมทีข้าไม่คิดที่จะมาที่นี่ตั้งแต่แรก แต่ข้าได้ยินว่าเจ้าปล้นตำหนักฉางเล่อไป แล้วขับไล่พระชายาโหรวไปที่เรือนสุ่ยอวิ๋น! ข้าอยากจะเห็นนัก ว่าสตรีโหดเหี้ยมอำมหิตมีหน้าตาอย่างไร ถึงได้กล้ามาวางอำนาจบาตรใหญ่ กำเริบเสิบสานในวังหลังของข้าได้!”สีหน้าของฉินกุ้ยเฟยเปลี่ยนไปอย่างมากฮ่องเต้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับตน แต่มาเพื่อหาเรื่อง!พูดตามตรง ฉินกุ้ยเฟยมัวแต่กังวลกับความปลอดภัยขององค์ชายหก จนแทบไม่ได้ใส่ใจเรื่องยึดตำหนักฉางเล่อและนางก็ยิ่งคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะมาซักไซ้เอาความในเรื่องนี้กับนางช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้!ฉินกุ้ยเฟยไม่ใช่ลูกนกที่เพิ่งออกจากรังตั้งนานแล้ว นางอยู่ในวังหลังมาหลายปี การต่อสู้แบบไหนบ้างที่นางยังไม่เคยเห็น?ไม่นานนางก็สงบสติอารมณ์ลงได้ ก่อนจะอธิบายว่า “ฝ่าบาท พระองค์ตรัสเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ใช้กำลังปล้นตำหนักฉางเล่อของน้องโหรวมา! แต่พระชายาโหรวเป็นฝ่ายยกตำหนักฉางเล่อให้หม่อมฉันเอง!”“ถ้าพระองค์ไม่เชื่อ เว่ยกงกงเป็นพยานได้”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินกุ้ยเฟยก็ขยิบตาให้กับเว่ยซวินแต่เว่ยซวินกลับเหมือ
ฉินกุ้ยเฟยรักองค์ชายหกเป็นอย่างมาก และเป็นจุดอ่อนของนางเมื่อได้ยินว่าฮ่องเต้หวู่กำลังจะสังหารเจ้าหก ฉินกุ้ยเฟยตกใจจนหน้าซีด ก่อนจะเอ่ยขอร้องว่า “ฝ่าบาท ได้โปรดท่านเห็นแก่ความเป็นสามีของพวกเราด้วยเถอะ ไว้ชีวิตหม่อมฉันสักครั้ง!”ฮ่องเต้หวู่พูดอย่างเย็นชา “ข้าไม่อยากจะพูดไร้สาระกับเจ้า! เก็บข้าวแล้วไสหัวออกไปจากตำหนักฉางเล่อเดี๋ยวนี้! อีกอย่างหากภายหน้าเจ้ากล้าไปหาเรื่องพระชายาโหรว ระวังหัวของเจ้าหกจะหลุดจากบ่า!”เมื่อพูดจบแล้วฮ่องเต้หวู่ก็ไม่ได้ให้โอกาสฉินกุ้ยเฟยได้พูด เขาหันหลังเดินออกไปจากตำหนักฉางเล่อทันทีฉินกุ้ยเฟยทรุดตัวลงบนพื้น แล้วร้องไห้จนหน้ามืดเว่ยซวินมองเงาหลังที่เดินจากไปของฮ่องเต้หวู่ ก่อนจะพึมพำอย่างเหม่อลอย “ดูเหมือนว่าวังหลังจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว!”ร้องไห้ก็ร้องไห้ไปการครอบครองตำหนักฉางเล่อ มันเกี่ยวข้องกับชีวิตขององค์ชายหกฉินกุ้ยเฟยไม่กล้าที่จะชะล่าใจ นางรีบเก็บของทั้งคืนแล้วย้ายออกไปจากตำหนักฉางเล่อในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น เว่ยซวินสารภาพผิดที่เรือนสุ่ยอวิ๋นด้วยตนเอง ขอร้องให้พระชายาโหรวกลับไปที่ตำหนักฉางเล่อพระชายาโหรวทนคำขอร้องของเว่ยซวินไม่ไหว นางนั่งเ
ฉินกุ้ยเฟยพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี”หลี่จือโค้งตัวคำนับกล่าวว่า “หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ลูกขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”ฉินกุ้ยเฟยก็รีบพูดว่า “ช้าก่อน! ยังมีอีกเรื่อง! ระวังเจ้าเก้าเอาไว้ด้วย...”หลี่จือหัวเราะเย็นชาทันที แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าดูแคลน “เจ้าเก้าคนไร้ประโยชน์นั่น มีอะไรดีให้กังวลใจ! ลูกสามารถขยี้เขาให้ตายเหมือนกับขยี้มดตัวหนึ่งก็ได้!”......หลี่หลงหลินมาที่จวนตระกูลซูตั้งแต่เช้าตรู่สิ่งที่ทำให้เขานึกไม่ถึงเลยก็คือหญิงสาวในตระกูลซูต่างก็มารวมตัวกันอยู่ในจวนเพื่อรอตนเองฮูหยินผู้เฒ่าซูในมือถือไม้เท้าหัวมังกร กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือลั่วอวี้จู๋ยืนอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ สวมชุดกระโปรงสีเขียว ใบหน้าขาวบริสุทธิ์ ราวกับแกะสลักมาจากผลึกน้ำแข็ง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายเสน่ห์ที่เย้ายวนของฤดูใบไม้ร่วงซูเฟิ่งหลิงสวมชุดเกราะ ในมือถือหอกเงิน ยืนอยู่ข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่าซูอย่างสง่างาม ท่าทางดูคันไม้คันมืออยากจะซักไซ้เอาความหลี่หลงหลินบุ้ยปาก “ไม่ว่าอย่างไร! ข้าก็เป็นลูกเขยของตระกูลซู ไม่จำเป็นต้องเด็ดขาดขนาดนี้ก็ได้กระมัง!”ซูเฟิ่งหลิงกล่าวด้วยความโกรธ “พูดไร้สาระให้มันน้อยๆ ห
หลี่หลงหลินตะลึงงันเขาคิดไม่ถึงเลยว่าลั่วอวี้จู๋จะขายทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลซู รวบรวมเงินได้ห้าหมื่นตำลึงเพื่อฟื้นฟูกองทัพตระกูลซูขึ้นมาต้องรู้ว่าเงินห้าหมื่นตำลึงนี้ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ!ราชวงศ์ของต้าเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ มีกี่คนที่สามารถหาเงินได้ห้าหมื่นตำลึง?เพื่อก่อกบฏ องค์ชายหกรวบรวมเงินได้เพียงหนึ่งแสนตำลึง!ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ตระกูลซูกำลังตกต่ำ!ลั่วอวี้จู๋ทำเช่นนี้ เท่ากับทุ่มสุดตัวที่สุดแล้ว!ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ยิ่งเด็ดขาดพูดคำว่าขายจวนออกมาได้ในทันที เพื่อจะมารวบรวมเงินเสบียงทหารให้หลี่หลงหลิน!หากขายจวนตระกูลซูไปจริงๆ แล้วเด็กกำพร้าและแม่ม่ายในตระกูลซูจะทำอย่างไร?หรือว่าพวกนางจะต้องระเหเร่ร่อนอยู่ตามท้องถนนจริงๆ?นอกจากความตกใจในใจของหลี่หลงหลินแล้ว ก็ยังมีความสะเทือนใจด้วย!ในราชสำนักต้าเซี่ยปัจจุบัน ขุนนางที่ไร้ความสามารถเหล่านั้นกำลังทุจริตกันอย่างกำเริบเสิบสานขุนนางใหญ่แต่ละคนสามารถหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ตระกูลมั่งคั่งร่ำรวยฮ่องเต้หวู่ต้องการให้พวกเขาออกเงินเพื่อเติมเสบียงให้กองทัพ แต่พวกเขาแต่ละคนกลับโวยวายร้องไห้หาพ่อหาแม่ พยายามคิดฆ่าตัวตายพวกเขาแทบไ
ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้ากล่าวว่า “จำได้สิ! องค์ชายเก้าจะขอเงินสนับสนุนกองทัพสองแสนตำลึงจากฮ่องเต้ให้ได้ภายในสามวัน...”ลั่วอวี้จู๋ส่ายหัวกล่าวว่า “ไม่ใช่! เจ้าจำผิดแล้ว! สิ่งที่พวกเราพนันไปก็คือภายในสามวันนี้ฮ่องเต้จะรวมเงินหนึ่งร้อยล้านตำลึง และอีกสองแสนตำลึงมาสร้างกองทัพตระกูลซู!”“องค์ชายเก้าไม่ได้ขอเงินสองแสนตำลึง ในครึ่งหลังถือว่าเขาแพ้จริงๆ”“แต่ฮ่องเต้จะรวบรวมเงินสนับสนุนกองทัพหนึ่งร้อยล้านตำลึงมาให้ได้ภายในสามวันจริงๆ!”ซูเฟิ่งหลิงตกใจ “จริงหรือ?”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้า “นี่คือข่าวที่เพิ่งส่งออกมาจากวัง ไม่ผิดแน่นอน!”ซูเฟิ่งหลิงตื่นเต้นมาก “ดีจริงๆ! ทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนาย เป็นทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในต้าเซี่ย! ตราบใดที่เบี้ยเลี้ยงทหารมาถึง ขวัญกำลังใจของพวกเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน และชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ต้องกลัวจนฉี่ราดแน่นอน!”“แต่ว่า...”“องค์ชายเก้าผู้นี้เกี่ยวอันใดด้วย?”ดวงตางดงามของลั่วอวี้จู๋จ้องไปที่หลี่หลงหลินแล้วเอ่ยว่า “เกี่ยวมากเลยล่ะ! ถ้าข้าเดาไม่ผิด คนที่ช่วยวางแผนรวบรวมเงินเสบียงทหารผู้นั้น! ก็อยู่ใกล้ๆ เพียงตรงหน้านี้
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลี่หลงหลินกล่าว สตรีทุกคนในตระกูลซูต่างก็ตะลึงงันลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้ว “องค์ชาย ที่เจ้าพูดมา ข้าไม่เข้าใจ...”หลี่หลงหลินกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ง่ายมาก! เงินก้อนนี้ ข้าองค์ชายเก้าจะเป็นคนออกเองคนเดียว! และไม่ใช่สองแสนตำลึง แต่เป็นห้าแสนตำลึง!”ห้าแสนตำลึง!เงินจำนวนนี้ ทำให้ทุกคนประหลาดใจ!ต้องรู้ว่าเงินเสบียงทหารของทหารกองทัพรักษาพระองค์หนึ่งแสนนาย มีเพียงหนึ่งล้านตำลึงเท่านั้น!แต่ฮ่องเต้ใจกว้างถึงขนาดทุ่มเงินจำนวนห้าแสนตำลึงเพื่อฟื้นฟูกองทัพของตระกูลซูขึ้นมาใหม่เลยหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น การเงินในราชสำนักจำกัดเพียงใด ทุกคนต่างก็รู้กันดีฮ่องเต้จะไปเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?ใบหน้าที่หยาดเยิ้มของลั่วอวี้จู๋ก็ดูแย่ลงเล็กน้อย นางพูดอย่างไม่พอใจว่า “องค์ชาย ข้าให้เจ้าพูดเรื่องจริงจัง!”หลี่หลงหลินหัวเราะเบา ๆ “ใช่ ข้าก็ไม่ได้ล้อท่านเล่นเสียหน่อย!”ลั่วอวี้จู๋มองหลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจ พูดไม่ออกชั่วขณะองค์ชายเก้าคนนี้ชอบคุยโวโอ้อวดเกินไป!มิน่าล่ะ ซูเฟิ่งหลิงถึงได้มีอคติกับเขา แล้วบอกว่าเขาคนนี้ไม่น่าเชื่อถือ!เงินห้าแสนตำลึงนั้น การคุยโวโอ้อวดระดับ
ยามดึกสงัด ณ จวนขององค์ชายสี่ เพล้ง! หลี่จือตาแดงก่ำ เขาขว้างขวดกระเบื้องล้ำค่าลงพื้นจนแตกกระจาย พร้อมตะโกนลั่นว่า “ไร้ประโยชน์! พวกเจ้าไม่มีประโยชน์กันสักคน! แค่ถ่วงเวลานิดเดียวยังทำไม่ได้! แค่สามวัน... สามวันเท่านั้น ตู้เหวินยวนก็สารภาพแล้ว!” หัวใจของหลี่จือราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ทำไมเขาถึงต้องให้ขุนนางสามศาลถ่วงเวลาไว้? เหตุผลนั้นง่ายมาก! หลี่จือเป็นลูกเขยของตู้เหวินยวน และรู้ดีว่าเจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ซ่อนเงินสกปรกเอาไว้ ตู้เหวินยวนระมัดระวังตัวมาก สถานที่ซ่อนสมบัตินั้นมีเพียงเขาที่รู้ แม้แต่หลี่จือและบุตรสาวของตู้เหวินยวนก็ไม่ทราบ แต่ว่า... บนโลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่ลมพัดผ่านไม่ได้ สมบัติเงินทองมากมายขนาดนี้ ตู้เหวินยวนย่อมต้องจ้างคนขนย้าย ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน หลี่จือก็จะสามารถตามหาเงินสกปรกที่ตู้เหวินยวนซ่อนเอาไว้ และยึดมาเป็นของตัวเองได้! แต่แล้ว... แค่สามวัน ข่าวร้ายก็ถูกส่งมาถึง! ตู้เหวินยวนสารภาพผิด สถานที่ซ่อนสมบัติ เขาก็เปิดเผยออกมาหมดแล้ว สมบัติเงินทองมหาศาลกว่ายี่สิบล้านตำลึง ถูกเจ้าเก้าค้นพบ และนำส่งเข้าไปในพระราชวัง กลายเป็นทรัพย
พูดตามตรง การที่หลี่หลงหลินสามารถล้มตู้เหวินยวนและยังจะประหารชีวิตเขาหลังฤดูใบไม้ร่วงนี้ได้ นั่นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่างที่สุดแล้ว! ส่วนเรื่องการกำจัดทั้งเก้าชั่วโคตรของเขานั้น หลิ่วหรูเยียนไม่กล้าคิดถึงมันด้วยซ้ำ! ในหมู่ชนชั้นสูงของแคว้นต้าเซี่ย ผ่านการแต่งงานผูกสัมพันธ์กันมานานแล้ว จนกลายเป็นเครือข่ายที่ซับซ้อนพันกันยุ่งเหยิง ในเจ้ามีข้า ในข้ามีเจ้า หากต้องกำจัดเก้าชั่วโคตรของตู้เหวินยวนจริงๆ อาจจะต้องถอนรากถอนโคนชนชั้นสูงของต้าเซี่ยทั้งหมดเลยก็เป็นได้! อย่างน้อยในสถานการณ์ตอนนี้ เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน หลิ่วหรูเยียนร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเช็ดน้ำตาออกไปแล้วกลับมานวดคอให้หลี่หลงหลินต่อ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “องค์ชาย แล้วข่าวดีข้อที่สามล่ะ?” จริงๆ แล้วสำหรับหลิ่วหรูเยียน ข่าวสองข้อแรกก็น่าตื่นตะลึงมากพอแล้ว ข่าวดีข้อที่สามคงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยกระจุ๋มกระจิ๋ม หลี่หลงหลินเอ่ยขึ้นทันทีว่า “บิดาของเจ้า ชื่อหลิ่วชิงหยางหรือไม่?” หลิ่วหรูเยียนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความประหลาดใจออกมา “องค์ชาย ทราบชื่อบิดาของข้าได้อย่างไร หรือว่าท่านไปตรวจสอบบ
ไม่นานหลังจากนั้น ซูเฟิ่งหลิงเรียกคนจากภูเขาทิศประจิมมาช่วยขนหีบทั้งหมดในห้องใต้ดินขึ้นรถม้า แล้วส่งไปยังพระราชวัง เมื่อฮ่องเต้หวู่เห็นเงินจำนวนมหาศาลนี้ ก็ทรงยิ้มอย่างพอพระทัย ส่วนหีบที่บรรจุจดหมายลับ หลี่หลงหลินเก็บไว้เองและนำกลับไปยังจวนตระกูลซู หลังอาหารเย็น หลี่หลงหลินแอบขึ้นไปยังหอละอองฝน และพบกับพี่สะใภ้สี่หลิ่วหรูเยียน หลิ่วหรูเยียนสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพู นอนเอกเขนกอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้ยาว ในมือถือหนังสืออ่านเล่นเล่มหนึ่ง อ่านอย่างเพลิดเพลิน ข้างกายนางมีสาวใช้ชื่อเหอเย่อยู่ ซึ่งหลิ่วหรูเยียนพาตัวออกมาจากสำนักการสังคีต เหอเย่กำลังจับเท้าเล็กๆเรียวงามของหลิ่วหรูเยียนไว้และนวดคลายเส้นบริเวณฝ่าเท้า หลิ่วหรูเยียนรู้สึกเจ็บเล็กน้อยจนเผลอครางเบาๆ เสียงนั้นช่างชวนให้จินตนาการ “พี่สะใภ้สี่!” เมื่อหลี่หลงหลินเห็นภาพที่งดงามชวนเคลิบเคลิ้มเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย หลิ่วหรูเยียนเห็นหลี่หลงหลินมา ก็โบกมือไล่สาวใช้ออกไปพร้อมรอยยิ้มยินดี “ท่านมาแล้ว! มาลองชิมขนมโก๋กุ้ยฮวาที่ข้าทำเองดูสิ ข้าใส่น้ำตาลทรายขาวที่ท่านคิดค้นด้วย รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?” หลี่หลงหลินไ
ตู้เหวินยวนครองอำนาจบริหารบ้านเมืองมาหลายสิบปี เขาได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย เรียกได้ว่าเลวร้ายจนแทบจารึกไม่หมด! เนื้อหาในจดหมายเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับตู้เหวินยวน แต่ยังโยงใยถึงข้าราชการอีกมากมาย หากเปิดเผยจดหมายเหล่านี้ออกมา จะต้องเกิดความสั่นสะเทือนทั้งราชสำนักอย่างแน่นอน! ไม่รู้ว่าจะมีขุนนางกี่คนที่จะต้องเกี่ยวพันไปด้วย อย่างเบาที่สุดก็คือถูกปลดจากตำแหน่ง อย่างหนักก็คงต้องถูกตัดหัว ซูเฟิ่งหลิงมองดูจดหมายเหล่านี้ด้วยความตื่นตระหนกจนหนังศีรษะชา “ตู้เหวินยวนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ! ทำไมถึงเก็บหลักฐานความผิดของตัวเองไว้แบบนี้? ทำไมไม่ทำลายทิ้งไปเสียให้หมด?” หลี่หลงหลินส่ายหน้าเบาๆ “ไม่! นี่แหละคือความชาญฉลาดของตู้เหวินยวน! จดหมายเหล่านี้เป็นหลักฐานความผิดของเขาเอง แต่ก็เป็นจุดอ่อนของข้าราชการคนอื่นๆ ด้วย! ตู้เหวินยวนใช้วิธีนี้เพื่อจับจุดอ่อนของเหล่าข้าราชการ และบีบบังคับให้พวกเขารวมกลุ่มสมคบคิดกัน” “เจ้าแก่จิ้งจอกนี่มันร้ายกาจจริงๆ!” ซูเฟิ่งหลิงเหงื่อออกเต็มหน้าผาก ไม่น่าแปลกใจที่ท่านปู่ของนางมักจะเตือนเสมอว่า แวดวงราชการนั้นเต็มไปด้วยอันตราย เหมือนเหยียบพื้นน้ำ
จวนส่วนตัวหลังที่สอง ตั้งอยู่ใจกลางย่านการค้า หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงบุกเข้าไปค้นหากันพักใหญ่ แต่กลับไม่ได้อะไรเลย ซูเฟิ่งหลิงเริ่มรู้สึกหมดหวัง “หรือว่าเจ้าแก่ตู้เหวินยวนมันหลอกเราอีกแล้ว!” หลี่หลงหลินที่ตอนแรกมั่นใจเต็มเปี่ยม ตอนนี้ก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่แล้ว... เมื่อมาถึงจวนหลังที่สาม พวกเขาก็พบสิ่งที่ตามหา ห้องใต้ดินที่นี่ไม่ได้ลึกนัก ดูเหมือนห้องเก็บของธรรมดาๆ ที่ใช้เก็บผัก หลี่หลงหลินจุดตะเกียงน้ำมันที่ผนัง แล้วห้องใต้ดินมืดมิดก็สว่างขึ้นทันที และเห็นว่าตรงหน้ามีหีบขนาดใหญ่เรียงรายเต็มห้อง มุมหนึ่งของห้องใต้ดินมีชั้นวางของแบบโบราณ ที่บนนั้นเต็มไปด้วยของล้ำค่าและของหายากต่างๆ “ในที่สุดก็เจอแล้ว!” ซูเฟิ่งหลิงรีบเปิดหีบใบหนึ่ง เมื่อเห็นเงินแท่งสีเงินเต็มหีบ ก็ถึงกับอ้าปากค้าง ที่นี่คือที่ที่ตู้เหวินยวนซ่อนทรัพย์สินที่ยักยอกมา! ซูเฟิ่งหลิงตื่นเต้นสุดขีด กำหมัดชูขึ้นด้วยความดีใจ แต่หลี่หลงหลินกลับไม่ได้สนใจเงินทองเหล่านั้น เขาเดินตรงไปที่ชั้นวางของโบราณ ดูเครื่องกระเบื้องและหยกที่จัดวางอยู่ พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความตกตะลึง ทองคำมีมู
หลี่หลงหลินหัวเราะ: “นี่เจ้าพูดเองนะ! เสด็จพ่อให้ข้าไปยึดจวนส่วนตัวของตู้เหวินยวน ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าก็จะไปเองแล้วกัน!” เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีตื่นตัวขึ้นมาทันที: “ไม่ได้! ได้ยินว่ามีเงินอยู่ในจวนนั้นตั้งยี่สิบล้านตำลึง ถ้าท่านคิดฮุบไว้คนเดียวจะทำยังไง? ข้าจะไปด้วย!” ตามปกติแล้ว หากหลี่หลงหลินจะไปตรวจสอบจวนส่วนตัวของตู้เหวินยวน ควรจะเรียกทหารไปด้วย แต่ตู้เหวินยวนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้ ซื้อจวนธรรมดา ๆ ในย่านชุมชนคนทั่วไปเอาไว้ ถ้าหากนำกำลังทหารไปอย่างโจ่งแจ้ง เกรงว่าจะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ดังนั้น หลี่หลงหลินจึงตัดสินใจพาซูเฟิ่งหลิงไปสำรวจก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นสถานที่ที่ถูกต้อง แล้วค่อยเรียกทหารมาตรวจค้นอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เสียเวลา หลี่หลงหลินสั่งให้ซูเฟิ่งหลิงนั่งรถม้าตรงเข้าสู่เมืองหลวงทันที มุ่งหน้าไปยังจวนหลังแรก จวนหลังนี้เป็นจวนธรรมดาติดทะเลสาบ ดูจากภายนอกทรุดโทรมพอสมควร ซูเฟิ่งหลิงหรี่ตา มองจวนอย่างพินิจพิเคราะห์: “จิ้งจอกเฒ่าตู้เหวินยวนซ่อนเก่งจริง ๆ! ถ้าเขาไม่สารภาพเอง คงไม่มีทางหาเงินสกปรกนี่เจอแม้แต่ตำลึงเดียว!” หลี่หลงหลินพยักหน้า: “เร
สีหน้าของฮ่องเต้หวู่มืดมนจนถึงขีดสุด พระองค์รู้ดีว่าตู้เหวินยวน ชายชราผู้มากเล่ห์หลายกลซึ่งครองอำนาจในแผ่นดินมายาวนานนั้นได้กอบโกยเงินทองไว้ไม่น้อย แต่ไม่คาดคิดเลยว่า จะมากมายถึงเพียงนี้ ยี่สิบล้านตำลึง? นี่มันหมายความว่าอะไร! รายได้จากภาษีทั้งปีของแคว้นต้าเซี่ยยังไม่เท่านี้เลย และนี่ ยังไม่นับรวมเรือนตากอากาศที่เขาซื้อไว้บนเขาทิศประจิม และเงินอีกหนึ่งล้านตำลึงที่เคยอ้างว่าใช้ในการสร้างค่ายพักพิงสำหรับผู้อพยพ! ตู้เหวินยวนไม่ใช่แค่ข้าราชการที่ฉ้อโกงธรรมดา! เขาคือมหาโจรที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับเหอเซินเลยทีเดียว! ฮ่องเต้หวู่โบกมือพร้อมรับสั่งด้วยเสียงเย็นชา: “ลากตัวไป!” “ตัดหัวหลังฤดูใบไม้ร่วง!” ฮ่องเต้หวู่ไม่อยากเห็นหน้าตู้เหวินยวน โบกมือพร้อมเอ่ยเสียงเย็นชา ตู้เหวินยวนที่หมดอาลัยตายอยาก ใบหน้าเรียบเฉย ถูกองครักษ์เสื้อแพรลากตัวออกไปโดยไม่ปริปากขอร้องแม้แต่คำเดียว เพราะว่า ตู้เหวินยวนเขารู้ดีว่าฮ่องเต้หวู่ยังเมตตาเขาอยู่ หนึ่งคือ การริบทรัพย์สิน แต่ไม่ได้ประหารล้างโคตร สองคือ การตัดหัวหลังฤดูใบไม้ร่วง หมายความว่าการประหารจะเกิดขึ้นหลังวันศารทวิษุวัตของปีนี้
ในตอนนั้นเอง หลี่หลงหลินก็เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า: “เสด็จพ่อ ลูกไม่เหมือนพวกไร้ค่าพวกนั้นหรอก!” ฮ่องเต้หวู่ถึงกับชะงัก มองหลี่หลงหลินพลางถาม: “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หลี่หลงหลินยิ้มเย็นชา ก่อนกล่าวด้วยคำพูดที่ทำให้ทุกคนตะลึง: “คดีที่สามศาลไม่สามารถสืบได้ ข้าจะสืบเอง! เงินสกปรกที่สามศาลหาไม่เจอ ข้าจะหาเอง!” เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในที่นั้นถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก ทำยังไง? ในเมื่อทุกคนช่วยกันสืบยังสืบไม่ได้ แล้วองค์ชายเก้าจะมาดูแคลนสามศาลได้ยังไง? เจ้ากรมอาญาเอ่ยด้วยความไม่พอใจ: “องค์ชายเก้า ท่านไม่กลัวว่าจะทำไม่ได้ตามที่พูดหรือ?” เจ้ากรมศาลต้าหลี่หัวเราะเยาะ: “ข้าจะให้เวลาท่านอีกเดือนหนึ่ง ถ้าท่านทำให้ตู้เหวินยวนยอมรับสารภาพได้ ข้าจะยอมลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับบ้านเกิดไปเลย!” ผู้ตรวจการราชสำนักเพียงแต่ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจ: “องค์ชายเก้า ท่านยังอ่อนประสบการณ์เกินไป การสอบสวนมันคือศิลปะ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้น...” ฮ่องเต้หวู่เองก็เอ่ยเช่นกัน: “เจ้าเก้า เจ้าเป็นดาบที่อายจนไม่กล้าคืนฝักหรือไง? ฟังคำเราเถิด ช่างมันเถอะ! ค่อย ๆ สืบไป สุดท้ายก็ต้องมีผลออกมาเอง!”
“ใต้เท้าตู้ เจ้า...”ฮ่องเต้หวู่มองหน้าตาของตู้เหวินยวน ในใจก็รู้สึกขนลุกอยู่บ้างบนร่างกายของเขา ไม่เห็นรอยแผลชัดเจนนักแต่หน้าเขียวและซีด แววตาฟุ้งซ่าน เห็นได้ชัดว่าต้องทนทุกข์ทรมานมากจึงได้กลายเป็นแบบนี้ชั่วขณะหนึ่ง ฮ่องเต้หวู่ก็อดรนทนไม่ไหวอย่างไรตู้เหวินยวนก็เป็นขุนนางในราชสำนักมาหลายปี แม้ไม่มีความสำเร็จ แต่ก็ทำงานหนักและที่ทำให้ฮ่องเต้หวู่ตกใจก็คือคำว่าปีศาจคำนี้เจ้าเก้าทำอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้ตู้เหวินยวนหวาดกลัวเพียงนี้?ฮ่องเต้กลืนน้ำลายลง “เจ้าพูดมาสิ เจ้าเก้าทำอะไรเจ้ากันแน่?”ตู้เหวินยวนกัดฟัน “เขา... เขาทารุณกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ถามว่า “ตีเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ถามอีกว่า “ด่าเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วกล่าวว่า “หรือว่าไม่ให้เจ้ากินข้าวกินน้ำ?”ตู้เหวินยวนยังคงส่ายหัว “ก็ไม่ใช่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่สับสนแล้ว สีหน้าของเขาดูงุนงง “แล้วเขาทารุณเจ้าอย่างไร?”ตู้เหวินยวนคิดอยู่นานก่อนจะตอบว่า “เขาขังกระหม่อมไว้ในห้องมืดเล็กๆ ไม่คุยกับกระหม่อม...”คราวนี้ไม่ใช่เพียงฮ่องเต