จากนี้จะมาขอให้นางช่วยเหลืออะไรอีกเช่นนั้นหรือ?ฝันไปเถอะ!ซูเฟิ่งหลิงโกรธจนทนไม่ไหว หยิกแขนของหลี่หลงหลินแล้วกระซิบ “ท่านมัวแต่นั่งบื้ออะไรอยู่เล่า?! ทำไมยังไม่รีบไปขอโทษสหายหนิงอีก?...”หลี่หลงหลินลุกขึ้นยืน เดินมาหาหนิงชิงโหวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่กล้าโต้กวีกับข้า หนีไปกลางศึก พวกเราสองคน ใครกันแน่ที่ขี้ขลาด?”หนิงชิงโหวหยุดชะงัก หันกลับมามองหลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจ และหัวเราะเยาะ “ท่านตกลงจะโต้กวีกับข้า? แค่ท่านหรือ?”ฮ่าๆๆๆ!เหล่าผู้สุดขีดหยุดฝีเท้า เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะร่าหนิงชิงโหวมากความสามารถ ในด้านกวีไร้ผู้ใดเทียบเทียม หากไม่ใช่เพราะมีพวกคนทรามมาตีกรอบ เขาคงกลายเป็นปราชญ์อันดับหนึ่งด้านกวีไปนานแล้ว!องค์ชายเก้าเช่นเจ้านับเป็นอะไรได้?คนไร้ประโยชน์ โง่งมไม่รู้จักสุนทรีย์ มีผู้ใดไม่รู้ มีผู้ใดไม่เห็น!เจ้าขึ้นเหนือไปดูแลกองทัพ แต่กลับทูลความเท็จทางทหาร หนีไปกลางศึก ทำให้กองทัพตระกูลซูถูกกวาดล้าง ชายแดนเหนือพังทลาย!เจ้าร่ำเรียนอยู่ในสำนักศึกษาแห่งแคว้น แต่กลับไม่เคยตั้งใจเรียนเลยสักครั้ง เข้าห้องเรียนยามใดก็เอาแต่คอยเล่นจิ้งหรีดจนถูกอาจารย์ท่านไล่ตะเพิดออกน
แต่ว่าหลิ่วหรูเยียนไม่คิดว่าหลี่หลงหลินจะมีพรสวรรค์ในการเขียนบทกวีชายแดนเขาต้องเตรียมบทกวีสามบทเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อมาอวดบารมี!ใบหน้าของหนิงชิงโหวมืดมนลงเล็กน้อยบทกวีชายแดน?สิ่งที่เขาชำนาญน้อยที่สุดก็คือบทกวีชายแดนอย่างไรเสียบัณฑิตนักกวีที่อ่อนแอไม่อาจอยู่ในสนามรบ ยากจะอธิบายการต่อสู้ในสนามรบที่โหดร้าย!ทว่าหนิงชิงโหวเองก็มากพรสวรรค์คุ้นเคยกับบทกวีสามร้อยบท ไม่ได้แต่งมาก่อนก็ชนะได้ไม่ว่าบทกวีชายแดนของเขาจะย่ำแย่ แต่ก็ยังดีพอที่จะเอาชนะหลี่หลงหลินหนิงชิงโหวพยักหน้าตกลง “ได้! มาโต้บทกวีชายแดนกัน!”หลี่หลงลินยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อเป็นการโต้กวี เช่นนั้นรางวัลเล่า?”หนิงชิงโหวหัวเราะเยาะ “ในเมื่อเป็นบทกวีชายแดน ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้คือโจร! ผู้แพ้ต้องตกเป็นของผู้ชนะ ท่านกล้าหรือไม่?”องค์ชายเก้าผู้นี้ ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!หนิงชิงโหวได้ตัดสินใจแล้ว หากหลี่หลงหลินพ่ายแพ้ เขาจะให้อีกฝ่ายระบำเปลือยก้น ทำตัวโง่เขลาต่อหน้าธารกำนัล อับอายตายไปเสีย!อยู่ที่ว่าเขากล้าหรือไม่แล้ว!หลี่หลงหลินพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดว่า “ตกลง!”ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน หลี่หลงหลินหันไปมองซูเฟิ
“ศีรษะของชายหนุ่มขาวหม่น ความโศกเศร้าล่องลอยว่างเปล่า...”เสียงของหลี่หลงหลินดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เข้าถึงอารมณ์มากขึ้น ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูกซูเฟิ่งหลิงคิดร่างของท่านปู่ในใจ แล้วค่อยๆ รำหอกเงินตามความรู้สึก!ความรู้สึกที่จินตภาพนี้สื่อออกมา ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้บทกวีได้อย่างยิ่ง!“แดนเหนือจนใจ ยังโปรยหิมะ!”“แค้นชังของประชา เมื่อใดม้วย!”“นั่งรถม้าไกล ทะลวงเขาเหอหลาน!”“ยามฝันลิ้มรสเนื้อศัตรู!”“ยามสรรค์ดื่มเลือดคนเถื่อน!”“เริ่มต้นใหม่ ปัดกวาดภูเขาลำน้ำเก่าแก่ สร้างวังแห่งสวรรค์!”กวีอีกสองสามบรรทัดถัดมา เสียงของหลี่หลงหลิน เริ่มน่าหลงใหลมากขึ้นเรื่อยๆ!ดวงตาของซูเฟิ่งหลิงฉายแววเกลียดชังไม่รู้จบ หอกสีเงินราวกับสายลม รัศมีสังหารแสนดุร้าย ราวกับว่านางกำลังต่อสู้กับคนป่าเถื่อนในสนามรบ!จบบทแล้ว!ทั้งสถานที่เงียบกริบ!หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็รู้สึกตัว โห่ร้องออกมาเสียงดัง“เยี่ยม!”“ช่างไพเราะนัก!”โดยเฉพาะญาติสตรีของตระกูลซูที่ต่างปรบมือชื่นชมด้วยกวีเพียงไม่กี่บรรทัด กลับแสดงถึงความโกรธที่ทหารของต้าเซี่ยมีต่อพวกหม่านอี๋ออกมาได้จนหมดในขณะเดียวกันก็พ
หนิงชิงโหวทั้งเสียใจและมึนงงบทกวีบทแรกของหลี่หลงหลินนั้นยอดเยี่ยม บรรยายถึงท่วงท่าที่กล้าหาญของแม่ทัพผู้เฒ่าซู และยังแสดงถึงความใฝ่ฝันของบัณฑิตทั่วหล้า!ใครบ้างไม่อยากฟื้นฟูแม่น้ำภูเขาที่เก่าแก่เหล่านั้นของต้าเซี่ยกลับคืนมา?บทกวีบทที่สอง แม้เทียบกันแล้วจะหยาบคาย แต่ก็เหมือนกับการรู้แจ้ง ปลุกหนิงชิงโหวขึ้นมาอย่างสมบูรณ์เขายังเป็นสุภาพชนยังมีหัวใจที่บริสุทธิ์!บัดนี้ ภูเขาลำน้ำพังทลาย หม่านอี๋ข่มเหงพวกเขาอย่างไร้ความปรานี ตนยังยอมทำตนเสื่อมทราม หลงระเริงอยู่ในหมูคณิกาตลอดทั้งวันได้อีกหรือ?ข้าเองก็อยากรับใช้ชาติ!ข้ายังต้องการทำอะไรเพื่อแว่นแคว้นและประชาชนแต่ว่า...ทำอันใดเล่า?หนิงชิงโหว ไร้ความรู้ด้านนี้แม้ว่าเขาจะเป็นพวกสุดโต่งและหยิ่งผยอง มักชี้ฟ้าด่าดิน กล่าวตำหนิราชสำนักแต่พูดให้ชัดแล้ว เขาเป็นนักรบชำระแค้นของคนรุ่นหลังเต็มไปด้วยมีความหลงใหล มีความทะเยอทะยานมากมาย แต่ไม่มีทางให้ได้รับใช้ชาติ วีรบุรุษไร้ที่ให้ได้เป็น!นี่คือความเศร้าที่แท้จริง!ผู้สุดขีดคนอื่นๆ ก็เหมือนกันกับหนิงชิงโหว หัวใจเจ็บปวด น่าสังเวชยิ่งกว่าเดิมในเวลานี้ กวีบทที่สามของหลี่หลงหลินก็ด
คนไม่มีพื้นฐานเข้าร่วมกองทัพ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็จะถูกกลบฝัง ส่งไปแนวหน้าเป็นอาหารปืนใหญ่ ตายอย่างคนไร้ค่านี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดหนิงชิงโหวจึงไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมกองทัพรับราชการก็ไม่ได้ เข้ากองทัพก็ไม่ได้!ไม่มีทางอื่นที่จะไปในโลกนี้เหรอ?ข้าเพียงแค่อยากรับใช้ชาติเท่านั้นเอง!เหตุใดถึงได้ยากขนาดนี้?ดวงตาของหนิงชิงโหวเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง!หลี่หลงหลินมองไปที่หนิงชิงโหวอย่างเฉยเมยและพูดว่า “ทางข้ามีอยู่หนึ่งเส้นทาง ไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมเดินหรือไม่?”หนิงชิงโหวตกใจ “เส้นทางใด?”หลี่หลงหลินพูดเสียงทุ้ม “ข้าต้องการสร้างกองทัพใหม่ ต้องการแม่ทัพที่มีความสามารถ! จากนี้ไป หากพวกเจ้าติดตาม! ข้าจะไม่ให้เกียรติ ไม่ให้ความมั่งคั่งกับพวกเจ้า เพราะนั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว! แต่สัญญาว่าสักวันหนึ่ง พวกเจ้าจะเอาชนะพวกหม่านอี๋ด้วยน้ำมือของตนเอง ดื่มร่วมอาชาทะเลเหนือ ผนึกหล่างจูซวี[footnoteRef:1]!” [1: เป็นภูเขาซึ่งก็คือภูเขาเคนต์ทางตะวันออกของอูลานบาตอร์ เมืองหลวงของมองโกเลีย ในเวลานั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับจัดพิธีบูชาฟ้าดินของซยงหนู] ทุกคนถึงกับตกใจ!พวกเขาว่าบ้าแล้ว แต่หลี่หล
หนิงชิงโหวเดินออกมาจากจวนตระกูลซูด้วยสีหน้างุนงง ฝีเท้าโซเซไปมา ราวกับว่าสูญเสียสติไปสิ้นแล้ว“สหายหนิง ยังเช้าอยู่ ไม่สู้พวกเราไปที่สำนักการสังคีต ไม่เมาไม่กลับ…” ผู้สุดขีดคนหนึ่งเสนอขึ้นมาคนอื่นๆ ต่างตอบรับอย่างเป็นเอกฉันท์อารมณ์ของพวกเขาถูกหลิ่วหรูเยียนผู้มากเสน่ห์ปลุกเร้า ต้องการไประบายอารมณ์กลับเหล่าคณิกาที่สำนักการสังคีต“พวกเข้าไปเถอะ ฉันไม่ไป...”หนิงชิงโหวพูดด้วยเสียงต่ำ“เอ๊ะ?”ผู้สุดขีดทั้งหมดตกใจ “แล้วเจ้าจะไปไหน?”หนิงชิงโหวตอบตรงๆ “กลับบ้าน ร่ำเรียน”ทุกคนละอายใจในหมู่พวกเขา สหายหนิงเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุด แต่เขากลับต้องกลับบ้านไปอ่านหนังสือความขยันหมั่นเพียรนี้ ช่างน่าจดจำเป็นประวัติการณ์ดูเหมือนว่า ผลกระทบจากบทกวีทั้งสามของหลี่หลงหลิน จะส่งผลต่อหนิงชิงโหวอย่างใหญ่หลวง ปลุกกระตุ้นเขาอย่างรุนแรง!“ถ้าเช่นนั้น... ข้าก็จะกลับบ้านไปร่ำเรียนด้วย!”“แยกย้ายกันไปเถอะๆ!”ผู้สุดขีดทั้งหลายพบว่ามันน่าเบื่อ จึงแยกย้ายกันกลับบ้านทีละคนทว่า ยังมีคนไม่กี่คนที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แอบมาเล่นสนุกที่สำนักการสังคีตในขณะที่ดื่มด่ำกับคณิกา ก็อดไม่ได้ที่จะท่องกวีส
จวนหรงกั๋วกงคุณชายใหญ่จางอี้ที่ไม่กลับมาทั้งคืน รีบวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วตะโกนว่า “ท่านพ่อ! ท่านพ่อ!”หรงกั๋วกงจางเฉวียนตื่นตระหนก ยืนขึ้นด่า “เช้าขนาดนี้มายืนตะโกนอยู่ข้างหูข้า เจ้าเป็นคนแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”จางอี้พูดอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อ ดูบทกวีทั้งสามนี้สิ! ข้าได้มาจากสำนักการสังคีตเมื่อคืนนี้!”เมื่อจางเฉวียนได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวทันทีสำนักการสังคีตมารดามันเถอะ เจ้าจะออกไปเที่ยวที่สำนักการสังคีตทั้งคืนอีกแล้วหรือ?เจ้าออกไปเที่ยวก็ออกไปเที่ยว แต่กลับกลับบ้านมาตะโกนโหวกเหวกรบกวนความฝันของผู้อื่น?ยังมาบอกว่าคัดลอกเอากวีกลับมา?ก็แค่บทกวีไม่กี่บท วุ่นวายอะไรเพียงนั้น?ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่คัดลอกเอามาจากสำนักการสังคีต ย่อมต้องผิดปกติพิลึกพิเรนทร์เป็นแน่....“ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”จางเฉวียนโกรธมาก ถอดรองเท้าออก เตรียมจะทุบตีจางอี้“นายท่าน!”อวี่ซื่อเองก็ตื่นขึ้นมาแล้ว รีบห้ามจางเฉวียนไว้อย่างรวดเร็ว โน้มน้าวเขา “ท่านอย่าเพิ่งโทสะเลยเจ้าค่ะ แท้จริงแล้วเป็นกวีเช่นไร ท่านดูก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ!”จางเฉวียนระงับความโกรธ ก้มศีรษะลงอ่านบทกวีทันใดนั้น
จวนตระกูลซูหลี่หลงหลินถูกเสียงเอะอะนอกเรือนปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้าเขาอ้าปากหาววอด เดินลงมาที่สนาม บังเอิญพบกับซูเฟิ่งหลิงจึงถามว่า “ข้างนอกเอะอะอะไรกัน?”ซูเฟิ่งหลิงมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาแปลกๆ “ท่านไฟไหม้[footnoteRef:1]แล้ว!” [1: เดือดร้อน เป็นเรื่องใหญ่โต] หลี่หลงหลินตกใจ “ไฟอยู่ไหน?”ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างโกรธๆ “ไม่ใช่ท่านโดนไฟไหม้! แต่เป็นท่านไฟไหม้แล้ว! เมื่อคืนพวกผู้สุดขีดเอาบทกวีของท่านไปอ่านอยู่ที่สำนักการสังคีต! ผลที่ตามมาคือเช้านี้ มันแพร่กระจายเหมือนไฟลามทุ่ง ทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว!”“จากนั้นยิ่งแพร่ก็ยิ่งลึกลับ!”“บางคนถึงกับบอกว่าท่านดาวกวีมาเยือนโลก!”“ประชาชนข้างนอกเพื่อตามหาลายมือของท่าน แม้แต่ขยะที่ตระกูลซูเอาไปทิ้งก็ยังไปคุ้นมา ทำราวกับว่าพบสมบัติก็มิปาน!”หลี่หลงหลินยิ้มและพูดว่า “แฟนคลับในยุคนี้ก็คลั่งไคล้เช่นนี้เลย? นี่ข้าเดบิวต์ได้เลยด้วยรึเปล่า?”ซูเฟิ่งหลิงตกใจ ขมวดคิ้วและพูดว่า “ท่านพูดจาพิลึกอะไรอยู่?”หลี่หลงหลินโบกมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่เข้าใจหรอก!”ซูเฟิ่งหลิงพูดด้วยความโกรธ “ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดอะไรก็จริง! แต่ข้ารู้แล้วว่าท่านกำลังจ
ข้ามศพไปก่อนหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่าซูช่างแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ชาวบ้านที่มาชุมนุมประท้วงต่างตกตะลึงราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน ด้านหลังมีบัณฑิตกลุ่มหนึ่งยุยง: “ก็แค่ยายแก่ใกล้ตายนางหนึ่ง! จะไปกลัวนางทำไม?” “ใช่แล้ว ประตูก็เปิดแล้ว บุกเข้าไป จะกลัวอะไร?” “ไป ๆ ๆ ยายแก่ผู้นี้สมคบคิดกับรัชทายาท ไม่ใช่คนดีอะไร!” ผัวะ! ชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ บันดาลโทสะ ตบหน้าบัณฑิตผู้นั้นไปหนึ่งฉาด “เจ้าปากพล่อยพูดอะไร? นางคือฮูหยินผู้เฒ่าซู!” บัณฑิตผู้นั้นถูกตบจนมึนงง เอามือกุมแก้มที่บวมแดง ยังคิดจะโต้เถียง แต่ชาวบ้านรอบข้างต่างก็จ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเคือง คำพูดหยาบคายที่ในปากของบัณฑิตจึงถูกกลืนกลับลงไป ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ไม่กล้าเอ่ยอะไร บารมีของฮูหยินผู้เฒ่าซูนั้นสูงส่งยิ่งนัก ในใจของชาวบ้าน นางเปรียบเสมือนเทพเจ้า ไม่ใช่สิ่งที่บัณฑิตผู้จมอยู่แต่ในตำรา ไม่ออกมาสัมผัสโลกภายนอกจะเข้าใจได้! ในหมู่ชาวบ้าน มีผู้อาวุโสหลายคนเดินออกมาข้างหน้า โค้งคำนับฮูหยินผู้เฒ่าซูด้วยความเคารพ: “ฮูหยินผู้เฒ่า โปรดระงับโทสะ... พวกเราจะถอยกลับไปเดี๋ยวนี้...”เอ่ยจบ พวกเขาก็นำพาชาวบ้านถอยออกจ
ใบหน้าของกงซูหว่านแดงระเรื่อ “รัชทายาทไม่ต้องเกรงใจ!” ในขณะนี้ หน้าจวนสกุลซูก็เริ่มมีบัณฑิตมารวมตัวกัน ก่อความวุ่นวาย กงซูหว่านรีบไปที่ภูเขาทิศประจิมภายใต้การคุ้มกันของซูเฟิ่งหลิง เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที ข่าวการตายของซ่งชิงหลวนแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว บัณฑิตที่ออกมาเดินขบวนประท้วงมีมากขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนต่างก็โกรธแค้น เห็นใจซ่งชิงหลวน รู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเขา สถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้! บัณฑิตและประชาชนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มารวมตัวกันหน้าจวนสกุลซู ร้องตะโกนเสียงดัง “องค์รัชทายาท ออกมา!” “บัณฑิตซ่งตายอย่างไม่เป็นธรรมในคุกหลวง ท่านต้องออกมาชี้แจง!” “บัณฑิตซ่งน่าสงสาร บัณฑิตผู้มีคุณธรรมสูงส่ง กลับต้องมาตายด้วยมือของท่าน!” “ท่านไม่คู่ควรเป็นรัชทายาท!” “บุกเข้าไป ให้รัชทายาทออกมาชี้แจง!” “บัณฑิตซ่งต้องไม่ตายเปล่า ต้องมีคำอธิบาย!” ในฝูงชน มีคนคอยยุยง ปลุกปั่น ความไม่พอใจของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น พวกเขาต่างเดือดดาล ประชาชนขาดสติ ภายใต้การนำของผู้ไม่หวังดี พวกเขาพยายามทุบประตูจวนสกุลซู เพื่อบุกเข้าไป ภายในจวนสกุลซู บ่าวไพร่ต่างพากันหวาดกลัว จนตัวสั่นเทา ลั่วอ
“ทำอย่างไรดี?” ซูเฟิ่งหลิงอยู่ในชุดนักรบเต็มยศ สวมชุดเกราะเงินและเสื้อคลุมสีแดง เปล่งประกายความสง่างามและกล้าหาญ คิ้วของนางขมวดเล็กน้อยด้วยความกังวล “ข้าได้ยินมาว่า พวกบัณฑิตก่อเรื่อง ล้อมคุกหลวงไว้! หรือว่า พิธีบวงสรวงสวรรค์วันนี้ พวกเราจะไม่ไป?” “อย่างไรเสีย ฮ่องเต้หวู่ก็ทรงมีรับสั่งแล้ว...” หลี่หลงหลินส่ายหน้า “ไม่ได้! ข้าเป็นรัชทายาท ไม่เข้าร่วมพิธีบวงสรวงสวรรค์ มันไม่สมเหตุสมผล! ยิ่งไปกว่านั้น...” แม้ว่าฮ่องเต้หวู่จะไม่ได้ตรัสอะไรออกมาอย่างชัดเจน แต่พิธีบวงสรวงสวรรค์นี้ นอกเหนือจากการประกาศต่อสวรรค์ ขอพรให้ปีหน้าพืชผลอุดมสมบูรณ์ ลมฝนต้องตามฤดูกาลแล้ว ยังมีการจัดพิธีแต่งตั้งรัชทายาทอย่างเป็นทางการในพิธีนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นพิธีแต่งตั้งรัชทายาทก็คงไม่ผิดนัก หลี่หลงหลินในฐานะตัวเอก หากไม่เข้าร่วม ก็คงไม่สมเหตุสมผล ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้ว “แต่...มันอันตรายเกินไป ด้วยกำลังของข้าคนเดียว เกรงว่า...” หลี่หลงหลินคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสั่งการ “เจ้าไปเคลื่อนพลจากภูเขาทิศประจิมมาเดี๋ยวนี้! เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน! นอกจากนี้ ข้าต้องไปพบพี่สะใภ้รองด้วย!” พูดจบ หลี
ไม่ว่าบัณฑิตจะก่อความวุ่นวายอย่างไร ก็ไม่สามารถบุกเข้ามาในวังหลวงได้ แต่การป้องกันของจวนสกุลซูนั้น อ่อนแอกว่าวังหลวงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างทางที่หลี่หลงหลินเดินทางจากจวนสกุลซูไปยังวังหลวง มีเพียงซูเฟิ่งหลิงที่คอยคุ้มกันอย่างใกล้ชิด หากเหล่าบัณฑิตดักรออยู่ระหว่างทาง หลี่หลงหลินอาจตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต! เว่ยซวินรีบกล่าว "บ่าวจะรีบไปแจ้งองค์ชายเดี๋ยวนี้!" ... จวนสกุลซู เดิมทีหลี่หลงหลินอยากจะนอนตื่นสาย ข้างนอกอากาศหนาวเหน็บ หิมะตกหนัก เขาไม่อยากลุกจากผ้าห่มอุ่นๆ เลย แต่ก็ไม่มีทางเลือก พิธีบวงสรวงสวรรค์เป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับต้าเซี่ย หลี่หลงหลินในฐานะรัชทายาท ต้องเข้าร่วมพิธี “เฮ้อ” "รู้งี้ไม่เป็นรัชทายาทดีกว่า!" “ต้องตื่นเช้าเป็นประจำ น่าเบื่อจริงๆ!” หลี่หลงหลินลุกจากเตียงอย่างไม่เต็มใจ ล้างหน้าล้างตา กำลังรับประทานอาหารเช้า ทันใดนั้น ก็มีองครักษ์เสื้อแพรขี่ม้ามา "องค์รัชทายาท ฮ่องเต้หวู่มีรับสั่ง! บัณฑิตซ่งชิงหลวนผูกคอตายในคุกหลวงใต้ดิน! โปรดระวังตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ!" เมื่อหลี่หลงหลินได้ยิน สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปทันที หัวใจราวกับถูกคลื่นยักษ์ซัด
วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมแล้ว ฮ่องเต้ต้องทำพิธีบวงสรวงต่อสวรรค์ เพื่อขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ ฮ่องเต้หวู่ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว “ฝ่าบาท...” “เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยซวินเดินก้าวย่างเล็กๆ เข้ามาอย่างเร่งรีบ ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว ไม่พอใจ “วันปีใหม่แท้ๆ เช้าตรู่ก็มีเรื่องอัปมงคลเช่นนี้แล้ว!” เว่ยซวินรีบตบหน้าตัวเองหลายครั้ง “บ่าวปากเสียเอง! แต่ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ!” ฮ่องเต้หวู่เอ่ยเสียงเย็น “เกิดอะไรขึ้น? ว่ามาเถิด” เว่ยซวินลดเสียงลง “เมื่อคืนวาน ในคุกหลวงใต้ดินเกิดคดีมีผู้เสียชีวิต ซ่งชิงหลวนเขา...เขา...เขาผูกคอตาย!” “อะไรนะ?” สีหน้าของฮ่องเต้หวู่เปลี่ยนไปอย่างมาก ขาวซีดราวกับกระดาษ เดิมทีพระองค์คิดว่าเว่ยซวินคงจะตกใจเกินเหตุ แต่ไม่คิดว่า... จะเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ! ซ่งชิงหลวนตายในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้! ฆ่าตัวตาย? หรือถูกฆาตกรรม? ไม่ว่าเขาจะตายอย่างไร เรื่องนี้ก็ยุ่งยากแล้ว! “พวกเจ้าทำอะไรกัน!” ฮ่องเต้หวู่โกรธมาก จึงเอ่ยตำหนิเสียงดัง “คุกหลวงอยู่ในความรับผิดชอบขององครักษ์เสื้อแพร! พวกเจ้าดูแลคนเป็นไม่ได้ จะเอาโทษอย่างไร?” ตุบ! เ
น้ำตาของซ่งชิงหลวนไหลอาบแก้ม เขารีบพุ่งเข้าไปกอดขาของหลี่เทียนฉี่ ร้องไห้ฟูมฟาย “องค์ชายใหญ่ ที่แท้ก็เป็นพระองค์! ข้าขอร้องพระองค์ ช่วยพาข้าออกไปที!” “ที่นี่มันไม่ใช่ที่สำหรับคนอยู่!” “ขอเพียงพระองค์ช่วยข้าออกไป ข้าจะเป็นวัวเป็นม้ารับใช้พระองค์” เดิมที ซ่งชิงหลวนยังคงหยิ่งผยอง คิดจะประท้วงด้วยการอดอาหาร เพื่อบีบให้ฮ่องเต้หวู่ปล่อยตัวตนเองออกไป จนกระทั่งเขาได้เห็นบทความที่ใส่ร้ายเขาในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย จึงกระอักเลือดด้วยความโกรธ และตระหนักได้ว่า ตัวเขาเองไม่ได้สำคัญในสายพระเนตรของฮ่องเต้หวู่เลย! แม้แต่มดปลวกยังดิ้นรนเพื่อมีชีวิต แล้วมนุษย์เล่า? หลังจากซ่งชิงหลวนยอมรับความจริง เขาก็ล้มเลิกความคิดโง่ๆ ที่จะอดอาหาร ตอนนี้ เขาแค่อยากมีชีวิตรอด พยายามอย่างหนักเพื่อเอาชีวิตรอด ออกไปจากคุกหลวงใต้ดินที่เส็งเคร็งแห่งนี้ หลี่เทียนฉี่ก้มลงไป กระซิบกับซ่งชิงหลวน “บัณฑิตซ่ง ข้ามาพบเจ้าตามคำสั่งของอาจารย์!” ซ่งชิงหลวนตกใจ ใบหน้าเผยรอยยินดี “อาจารย์ของฮ่องเต้งั้นหรือ? ข้ากับอาจารย์ของฮ่องเต้เป็นสหายสนิท! เขามีปัญญาเฉียบแหลม ต้องมีวิธีช่วยข้าออกไปแน่! พระองค์รีบบอกข้ามาเร็
“รองลงมา...” เสิ่นชิงโจวครุ่นคิด แล้วพูดต่อ “ตอนนี้หลี่หลงหลินเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้หวู่ หากเขาเป็นอะไรไป ฮ่องเต้หวู่ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!” “เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าเรื่องวุ่นวายนี้ คงใหญ่กว่าฟ้าเสียอีก!” ร่างของหลี่เทียนฉี่สั่นสะท้าน ครั้งที่แล้ว หลี่หลงหลินถูกลอบสังหารบาดเจ็บ ฮ่องเต้หวู่ก็ทรงกริ้วมาก พลิกแผ่นดินตามหาคนร้าย! หากหลี่หลงหลินตายไป ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งของฮ่องเต้หวู่ ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เสิ่นชิงโจวพูดต่อ “สาม นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด หลี่หลงหลินเจ้าเด็กนั่นเจ้าเล่ห์เพทุบาย! แม้ว่าฮ่องเต้หวู่จะสืบสวนคดีทุจริตในการสอบขุนนาง ก็ทรงให้องครักษ์เสื้อแพรเป็นคนสืบ” “ต่อให้พวกเราฆ่าหลี่หลงหลินได้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้!” “สรุปแล้ว ห้ามแตะต้องหลี่หลงหลิน!” หลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้วแน่น ด้วยความไม่พอใจ “หรือว่า... พวกเราได้แต่มองดูหลี่หลงหลินทำตามอำเภอใจ ไม่มีทางจัดการเขาได้เลยหรือ?” “ไม่!” มุมปากของเสิ่นชิงโจวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้ามีวิธีที่จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ แถมยังทำให้หลี่หลงหลินตกอยู่ในหาย
ส่วนลั่วอวี้จู๋นางเพียงยิ้มเบาๆ “องค์รัชทายาท โลกในฝันของพระองค์ ผู้คนต้องมีความสุขมากแน่ๆ” หลี่หลงหลินไม่ตอบ เพียงแย้มยิ้ม มีความสุขหรือ? ก็อาจจะใช่ คนในแต่ละยุคสมัยล้วนมีเรื่องทุกข์ใจต่างกัน ความสุขเป็นเรื่องของมุมมอง การได้กินอิ่มย่อมมีความสุขกว่าการอดอยาก... ... ณ คุกหลวง หลี่เทียนฉี่เดินฝ่าพายุหิมะเข้ามา เสิ่นชิงโจวที่หลับสนิท ตื่นขึ้นเพราะเสียงฝีเท้า “ท่านเองหรือ!” “ทำให้ข้าตกใจหมด!” เสิ่นชิงโจวปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเพิ่งฝันร้ายว่า หลี่หลงหลินนำคนบุกเข้ามาในคุกหลวง และฆ่าเขาตาย หลังจากจิบชา เสิ่นชิงโจวจึงสงบสติอารมณ์ลงได้ เขาหันไปมองหลี่เทียนฉี่ “ดึกดื่นป่านนี้ พระองค์รีบร้อนมาทำอะไร?” หลี่เทียนฉี่เอ่ยอย่างร้อนรน “อาจารย์ แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” เสิ่นชิงโจวใจหายวาบ “เรื่องใหญ่? เรื่องอะไร?” หลี่เทียนฉี่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาให้เสิ่นชิงโจวฟังโดยละเอียด หลังจากฟังจบ สีหน้าของเสิ่นชิงโจวก็ดูแย่มาก อะไรกัน? หลี่หลงหลินสามารถทำให้ดอกไม้นานาพันธุ์เบ่งบานในฤดูหนาวได้?
“เสด็จแม่” หลี่หลงหลินโค้งคำนับให้ฮองเฮาหลิน “ฟ้ามืดแล้ว พระองค์รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาหลินพยักหน้าเล็กน้อย ทว่ายังคงลังเลที่จะเอ่ยปาก หลี่หลงหลินขึ้นรถม้าพร้อมกับคนในตระกูลซู เพื่อออกจากวังกลับไปยังจวนสกุลซู ภายในรถม้า แม่ทัพผู้เฒ่าซูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “รัชทายาท เหตุใดพระองค์ถึงทำเช่นนี้? กลุ่มข้าราชการเต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ เหตุใดพระองค์จึงปฏิเสธ?” ฟึบ! ทันใดนั้น สายตาของซูเฟิ่งหลิงและพี่สะใภ้ทั้งสี่ก็จับจ้องไปที่หลี่หลงหลิน ในใจพวกนางรู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับแม่ทัพผู้เฒ่าซู นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะรวบรวมกลุ่มข้าราชการไว้ในมือ เหตุใดหลี่หลงหลินถึงปฏิเสธ แถมยังพูดจาดูถูกจนทำให้กลุ่มข้าราชการขุ่นเคือง? หรือว่า... หลี่หลงหลินไม่เข้าใจ ว่าหากกลุ่มข้าราชการสวามิภักดิ์ด้วย เขาก็จะทรงครองตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างมั่นคง ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ แผ่นดินต้าเซี่ยจะอยู่ในมือของเขา? หลี่หลงหลินสีหน้าเคร่งขรึม เขาแงนมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “แผ่นดินต้าเซี่ยนี้ ผุพังเกินเยียวยานานแล้ว ข้าจะเอาไปทำอะไร?” บรรดาหญิงสาว