พี่สะใภ้สี่ ท่านหอมมากขอรับ...เมื่อได้ยินคำพูดพยัคฆ์หมาป่า[footnoteRef:1]ที่หลี่หลงหลินเอ่ยออกมา สตรีทุกคนของตระกูลซูก็ตกตะลึง แน่นิ่งเป็นหินทันที! [1: เจ้าชู้ประตูดิน] ชั่วครู่หนึ่ง ตระกูลซูเงียบงัน เงียบอย่างน่าประหลาดใจแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าซูจะไม่อยู่แต่หลี่หลงหลินก็ยังกล้าลวนลามพี่สะใภ้สี่ต่อหน้าทุกคน?เขาบ้าไปแล้วหรือ?แม้แต่หลิ่วหรูเยียนที่เคยเป็นคณิกา คุ้นเคยกับการแสดงความรักยังหน้าแดงก่ำ ทั้งอายทั้งโกรธ!ชิ้ง!ซูเฟิ่งหลิงดึงวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยในมือออกมา พาดปลายกระบี่อันแหลมคมไปที่คอของหลี่หลงหลิน ก่นด่าด้วยความโกรธ “เจ้าสุนัข! กล้าดีอย่างไรมาหยาบคายกับพี่สะใภ้สี่ของข้า?!”หลี่หลงหลินกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าพูดเรื่องจริงนี่! ร่างของพี่สะใภ้สี่มีกลิ่นหอมแปลกๆ ลอยออกมา ทำให้ผู้คนล้วนแต่ใจสั่นไหว ไหนเลยจะเหมือนเจ้าที่เช้าเย็นรำหอกรำกระบี่? กลิ่นเหงื่อเหม็นโชย ฉุนจมูกยิ่งกว่าบุรุษเพศ...”ซูเฟิ่งหลิงโกรธจนเลิกคิ้ว “ข้า... ข้า... ข้าจะฆ่าเจ้า!”ลั่วอวี้จู๋ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หยุดซูเฟิ่งหลิงเอาไว้ “น้องหญิงเล็ก อย่าบุ่มบ่ามไป! องค์ชายเห้าพูดเช่นนั้นออกมา ต้องมีเหตุ
หลี่หลงหลินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “พวกเจ้าสตรีเหล่านี้น่ะ ไม่เข้าใจหัวอกของบุรุษ!”“พวกเจ้าลองคิดดู เหล่าทหารมีกี่คนแต่งงานมีครอบครัว?”“พวกเขาคนใดมิใช่ชายหนุ่มกระตือรือร้นบ้างเล่า?”“เป็นทหารนานนับสามปี เห็นแม่หมูงดงามยิ่งกว่าเตียวฉาน โฉมงามที่จันทรายังอายเสียอีก หรือพวกเจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนกระนั้น?”ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้าแม้ทุกคนล้วนเรียกนางว่าบุรุษในคราบสตรี แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นหญิงคนหนึ่งความคิดของบุรุษ ไฉนเลยนางจะเข้าใจได้?หลี่หลงหลินพูดต่อ “เหตุใดเหล่าทหารต้องเข้าร่วมกองทัพ ออกมาสู้รบในแนวหน้า? หรือว่าทำเพื่อปกป้องบ้านเมือง ขับไล่พวกหมานอี๋จริงหรือ? คนส่วนใหญ่ไม่มีจิตสำนึกสูงเพียงนั้นหรอกนะ”“พวกเขาแค่อยากเป็นทหารเพื่อหากิน ทำสงครามนานหลายปี สามารถหาเงินได้เล็กน้อย กลับบ้านขอเมียได้!”“พูดตามสัตย์จริง ที่พวกทหารต่อสู้ก็เพื่อสตรี!”“บัดนี้พวกเขาติดอยู่ที่เมืองซั่วเป่ย คิดถึงสตรีแทบแย่แล้ว!”“หากส่งเสื้อบุนวมนี้ไปให้ถึงมือพวกทหาร เพียงพวกเขาสวมใส่ ก็ได้กลิ่นหอมมีเสน่ห์ของสตรี ครั้นได้เห็นชื่อของสตรีบนปกคอเสื้อ รู้ว่าเสื้อบุนวมนี้ เป็นมือบอบบางดุจหยกของสตรีเย็บด้ายให้พวกเ
ณ เมืองซั่วเป่ยหิมะโปรยปราย อากาศหนาวเหน็บเสื้อผ้าจางไป่เจิงบางนัก ผิงตัวอยู่ที่ข้างกองไฟ ตัวสั่นหงึกหงัก “ท่านแม่ทัพ!”รองแม่ทัพทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว หยิบเสื้อคลุมขนสัตว์ห่มตัวจางไป่เจิง “อากาศหนาว ท่านอย่าเป็นหวัดเป็นอันขาด!”บ่าทั้งสองข้างของจางไป่เจิงสั่นกระเพื่อม ถอดเสื้อคลุมออก ห่มลงบนตัวรองแม่ทัพ ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ข้าเป็นแม่ทัพ ดีเลวอย่างไรก็สามารถผิงไฟทำตัวให้อุ่นภายในเมืองได้! แต่ตัวพวกเจ้าสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ ยังต้องยืนเฝ้ายามประจำตำแหน่ง....”“เฮ้อ สวรรค์ไม่เป็นใจ คนลำบากก็คือพวกเจ้า”เหล่าทหารเห็นจางไป่เจิงรักทหารเหมือนลูกชาย ต่างพากันพูดพลางสะอื้น “ท่านแม่ทัพ...”จางไป่เจิงโบกมือ “ข้าได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายที่ภายนอก พวกเผ่าหมานมาก่นด่าที่นอกเมืองอีกแล้วกระนั้น?”รองแม่ทัพเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ตอบท่านแม่ทัพ พวกเผ่าหมานก่นด่าที่นอกเมืองมานานราวสิบกว่าวันเห็นจะได้! พูดว่าพวกเราขี้ขลาดเหมือนหนู เป็นเต่าหัวหดอยู่ในกระดอง พวกเขายังจงใจฉี่ใส่กำแพงเมืองอีกด้วย...”“เหล่าทหารถูกเหยียดหยามเพียงนี้ ทั้งหมดล้วนโมโหมากแล้ว ทว่าพวกเรายังไม่ยอมออกไปรบ ขวัญกำลังใจก็ถูกทำลาย
ภาพประทับใจแรกมักหยั่งรากลึกอยู่เสมอภายในหัวใจจางไป่เจิง องค์ชายเก้าหลี่หลงหลินเป็นคนไร้การศึกษาไร้ความสามารถคนหนึ่ง รู้จักเพียงหาความสุขสำราญในหอนางโลม เพลิดเพลินกับชีวิตสุขสบาย เป็นตัวไร้ประโยชน์ทำแต่เรื่องไร้สาระ!เดิมทีจางไป่เจิงหมิ่นแคลนหลี่หลงหลินมากนักกอปรกับในระยะนี้มีข่าวลือส่งมาจากเมืองหลวง พูดว่าองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินเป็นตะวันพันมังกร ชมชอบบุรุษ ชนิดที่ว่าทำเรื่องรุ่มร่ามบนถนนจางไป่เจิงเป็นคนซื่อตรงคนหนึ่ง ภาพประทับใจที่มีต่อหลี่หลงหลินย่อมต่ำเตี้ยเรี่ยดิน!อันที่จริงไม่เพียงแค่จางไป่เจิง ทหารรักษาพระองค์นับแสนคนเองก็หมิ่นแคลนหลี่หลงหลินเฉกเช่นเดียวกันชื่อเสียงภายในกองทัพขององค์ชายเก้าท่านนี้แย่มากนัก แย่มากเสียจนกลายเป็นตัวตลกไปแล้ว!ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ ราชสำนักไม่ถามไถ่ ตรงข้ามกันกลับเป็นองค์ชายเก้าส่งเสื้อบุนวมมาให้?จางไป่เจิงฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้อย่างฉับพลันเบี้ยเลี้ยงของทหารรักษาพระองค์หนึ่งล้านตำลึงก็เป็นหลี่หลงหลินวางอุบาย หลอกมาจากเว่ยซวินได้!หรือว่าองค์ชายเก้าท่านนี้เก็บซ่อนความสามารถเอาไว้จริงๆ?“องค์ชายเก้าส่งเสื้อบุนวมมามากน้อยเพียงใด?”
เสื้อบุนวมมีกลิ่นของสตรี ยังมีชื่อของสตรีอีกด้วย?องค์ชายเก้ากำลังเล่นพิเรนทร์อันใด!จางไป่เจิงขมวดคิ้วทีหนึ่ง หยิบเสื้อบุนวมหนึ่งตัวขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ปรากฏว่าพบตัวอักษรงดงามบนปกคอเสื้อ...อวี้จู๋“อวี้จู๋?”“ลั่วอวี้จู๋?”“สะใภ้ใหญ่ของสกุลซู?”จางไป่เจิงนึกขึ้นได้ในทันใด “ใช่แล้ว ฝ่าบาทพระราชทานสมรส องค์ชายเก้าแต่งเป็นเขยสกุลซู! เสื้อบุนวมเหล่านี้ ดูท่าแล้วเป็นญาติฝ่ายหญิงสกุลซูเย็บเองกับมือ! เพราะเหตุนี้ถึงมีกลิ่นหอมของสตรี...”ทหารหน่วยกล้าตายทุกคนได้ยินคำพูดของจางไป่เจิงแล้ว กระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น“สตรีของสกุลซู ได้ยินมาว่าแต่ละคนล้วนงดงามเหมือนเทพธิดา!”“สะใภ้สี่ของสกุลซูหลิ่วหรูเยียน เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าแห่งสำนักการสังคีต!”“เว้นเสียแต่สกุลซูแล้ว น่าจะยังมีแม่ม่ายของกองทัพสกุลซูอีกด้วย พวกนางล้วนเป็นหญิงออกเรือนแล้วจิตใจดีมีคุณธรรม ทว่าน่าเสียดายทั้งหมดล้วนเป็นแม่ม่าย!”“แม่ม่ายแล้วอย่างไร? แม่ม่ายก็แต่งใหม่ได้ พาลูกชายมาให้เจ้าคนหนึ่ง นี่เจ้าได้กำไรมากมิใช่หรือ!”พยับเมฆที่ผ่านมาถูกกวาดออกไปในทันใด เกิดเสียงตลกขบขันภายในค่ายหลงหยาบนเสื้อบุนวมมีกลิ่นขอ
นับตั้งแต่หลี่หลงหลินอาศัยกำลังทหารที่หลงเหลืออยู่ของสกุลซู ปราบกบฏขององค์ชายหกลงได้ ก็ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท!ชื่อเสียงของเขามีมากขึ้นเรื่อย ๆ นางหลินผู้เป็นมารดาถูกแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟยได้ยินว่าฝ่าบาทยังพระราชทานกระบี่อาญาสิทธิ์หนึ่งเล่มให้หลี่หลงหลินอีกด้วย!นี่ต้องรีบไปผูกสัมพันธ์เสียแล้ว!ดังนั้น วันที่ได้รับเชิญ พ่อค้าเหล่านี้หลั่งไหลเข้ามาดุจปลาแหวกว่ายในวารี นั่งรถม้าเดินทางไปยังตลาดทิศทักษิณเดิมทีตลาดทิศทักษิณก็มีคนมากอยู่แล้ว คราวนี้แน่นขนัดจนแม้แต่น้ำมิอาจผ่านทางได้พวกพ่อค้าจนใจ ทำได้เพียงลงจากรถม้าและเดินไประหว่างเดินทาง เว้นเสียแต่พ่อค้าที่ได้รับเทียบเชิญแล้ว ยังมีราษฎร์มาดูความครึกครื้นไม่น้อย ทั้งหมดล้วนรวมตัวกันที่ร้านขายผ้าสกุลซูคึกคักเพียงนี้ นี่ครึกครื้นยิ่งกว่าวันสิ้นปีเสียอีก!เว้นเสียแต่ร้านขายผ้าสกุลซูแล้ว ระยะนี้ร้านรวงที่ตลาดทิศทักษิณก็เปิดกิจการไม่น้อย ขายซาลาเปาน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋และอาหารอีกมากมาย แต่ละร้านล้วนตะโกนเสียงดัง การค้าเฟื่องฟูพวกพ่อค้าเห็นสถานการณ์แล้ว ทั้งหมดก็เผยสีหน้าตกตะลึงได้ยินมิสู้ได้เห็นเองกับตาพวกเขาล้วนได้ยินมาว่าต
คำพูดของลั่วอวี้จู๋ ฟังดูแล้วน่าสนใจแต่ใช้งานจริงไม่ได้หากเป็นสถานการณ์ปกติ เหล่าพ่อค้าต้องมิอาจข่มตนเองได้ แย่งกันซื้อแล้วเป็นแน่ทว่าวันนี้ไม่เหมือนวันวานแล้วเหล่าพ่อค้ากลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ชนิดที่ว่ามีคนไม่น้อยอ้าปากหาวแล้วลั่วอวี้จู๋พูดอยู่นาน ปากสีกันจนจะแตกแล้ว คอเองก็เริ่มแสบร้อน แต่ก็ยังไม่สามารถขายได้พ่อค้าคนหนึ่งลุกขึ้น พูดเสียงดัง “เจ้าของร้านลั่ว ท่านเองก็คือคนทำการค้า! มิใช่พวกเราไม่ชื่นชมองค์ชายเก้า! แต่พวกเจ้าขายร้านราคาสูงเกินไปแล้ว!”พ่อค้าคนอื่นต่างพากันร้องรับ “ใช่แล้ว ตอนนี้เป็นเวลาใด? เผ่าหมานใกล้ตีถึงเมืองหลวงแล้ว เมื่อนั้นร้านเหล่านี้ก็ราคาไม่ถึงหนึ่งอีแปะแล้ว!”“หากถูกลงกว่านี้อีกหน่อย พวกเราอาจยังพิจารณาดู!”“แพงเพียงนี้ คนโง่ต่างหากจะซื้อ!”แม้ฐานะของพวกพ่อค้าในสังคมต่ำมาก แต่พวกเขาล้วนมีไหวพริบ ไม่มีวันติดกับอย่างง่ายดายลั่วอวี้จู๋เอือมระอา ทอดสายตาขอความช่วยเหลือไปทางหลี่หลงหลินตอนนี้ หลี่หลงหลินกำลังนั่งอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง ขาทั้งสองข้างไขว้กัน จิบชาช้าๆซูเฟิ่งหลิงถือกระบี่อาญาสิทธิ์ ยืนข้างกายเขา ทำหน้าที่เป็นผู้คุมกัน“องค์ชายเก้า พวกพ
ยิ่งไปกว่านั้น ตู้เหวินหยวนและพวกขุนนางฝ่ายบุ๋น ยังถูกราษฎร์โยนอึใส่เต็มตัวอีกด้วยได้ยินมาว่าหลังตู้เหวินหยวนกลับไปแล้ว อาบน้ำนานถึงสองชั่วยาม แต่ยังไม่สามารถชำระล้างกลิ่นเหม็นบนตัวได้ หลายวันนี้ข้าวก็กินไม่ลง!สำหรับตู้เหวินหยวนแล้ว นี่คือความอัปยศอดสู!เพราะเหตุนี้ ตู้เหวินหยวนร่วมมือกับขุนนางฝ่ายบุ๋นอย่างอดรนทนแทบไม่ไหว ต้องการทวงตำแหน่งกลับคืนมา!ครั้งนี้ พวกเขาต้องการลงมือกับจางไป่เจิง!“ทำเช่นไรดี?”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรขุนนางกลุ่มนั้น ตกอยู่ในสถานการณ์เดินหน้าถอยหลังล้วนยากทั้งสองทางแม้เจ้าเก้าพูดอย่างมั่นใจ ส่งเสื้อบุนวมหนึ่งหมื่นตัวไปที่เมืองซั่วเป่ย ก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ ทำให้กองทัพทหารรักษาพระองค์ได้รับชัยชนะแต่เสื้อบุนวมหนึ่งหมื่นตัว พูดง่ายที่ใดกัน?ผ่านไปหลายวันเพียงนี้แล้ว เจ้าเก้าเตรียมเสื้อบุนวมเพียงสามพันตัว ส่งไปที่ซั่วเป่ยแล้วเสื้อบุนวมเพียงเล็กน้อยนี้ก็คือกำลังใช้น้ำหนึ่งแก้วดับกองเพลิงโดยแท้...“ดูท่าแล้ว...”“สถานการณ์โดยรวมยากจะนำคืนกลับมา!”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจเฮือกหนึ่งเพื่อแผนในวันนี้ ทำได้เพียงเรียกตัวจางไป่เจิงกลับมา ทำให้ราชสำนักสงบลงก
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ
เถี่ยจู้เริ่มเหนื่อยล้า อยากจะโยนไม้ท่อนสองอันในมือทิ้งลงทะเลเสียเดี๋ยวนี้ ไม่อยากเชื่อเรื่องเหลวไหลว่าจะมีโชคหล่นจากฟ้าอีกต่อไป แต่พอนึกถึงรสชาติอันโอชะของปลาหวงฮื้อใหญ่ ก็ทำให้เขายังคงยืนหยัดต่อไปได้ ตึง ตึง ตึง... สุ่ยเซิงพลันหรี่ตาลง ชี้ไปยังที่ไกลๆ แล้วเอ่ยว่า: “ทางนั้นดูเหมือนมีความเคลื่อนไหว!” ทุกคนพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา มองไปยังทิศที่สุ่ยเซิงชี้ ก็เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า: “มีคลื่นนี่ หรือว่าลมใหญ่กำลังจะมา?” ไร้ลมไหนเลยจะมีคลื่น เพียงแค่ทะเลมีคลื่นซัดสาดขึ้นมากะทันหัน ก็บ่งบอกว่าอีกไม่นานลมใหญ่จะพัดมาถึง สุ่ยเซิงส่ายหน้า สีหน้าแน่วแน่ แล้วเอ่ยว่า: “ไม่...ไม่ใช่คลื่น แต่เป็นปลา!” “ฝูงปลา!” “ไม่! คือคลื่นปลา!” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึงตาค้าง ราวกับอยู่ในความฝัน ปลาแหวกว่ายถาโถมเข้ามาหาพวกเขาราวกับกระแสน้ำ นานๆ ครั้งก็จะมีปลาใหญ่กระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ ดุจดังเกลียวคลื่นที่ม้วนตัว สุ่ยเซิงตะโกน: “เร็วเข้า! ตักปลา!” เพียงชั่วพริบตา ฝูงปลาก็เข้ามาล้อมเรือประมงไว้แล้ว เหวี่ยงอวน สาวอวน ทุกคนไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย ต่างกลั้นหายใจรวบรวมสมาธิ ออกเรี่ยวแรงทั้
รุ่งเช้า ณ ท่าเทียบเรือตงไห่ อรุณรุ่งตะวันออกฉาย แสงทองสาดส่องนภา เหล่าชาวประมงต่างแย่งกันเข็นเรือประมงลงสู่ทะเล ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังต่ออนาคต “ท่านแม่ ไม่ต้องมาส่งแล้ว ข้าไปกับเถี่ยจู้ไม่เป็นอันใดหรอก วางใจเถิด” สุ่ยเซิงเอ่ยลามารดา วิ่งเหยาะๆ มายังท่าเทียบเรือ ขึ้นเรือประมงไปพร้อมกับเถี่ยจู้และชาวประมงเพื่อนบ้านอีกสองสามคน “สุ่ยเซิง เร็วเข้าสิ เหลือแค่เจ้าแล้ว!” สุ่ยเซิงยิ้มซื่อๆ พลางล้วงห่อกระดาษเคลือบน้ำมันสองห่อออกมาจากอกเสื้อ ส่งให้เถี่ยจู้ เถี่ยจู้สงสัยเล็กน้อย: “นี่คืออันใด?” สุ่ยเซิงยิ้มแล้วเอ่ยว่า: “นี่เป็นสิ่งที่ท่านแม่ยัดเยียดให้ข้าตอนจะออกมา บอกว่าเป็นปลาทอดกรอบที่ทำจากปลาหวงฮื้อใหญ่เมื่อวานนี้ เก็บไว้หลายวันก็ไม่เสีย ให้พวกเราเอาไว้กินเป็นเสบียงแห้งในทะเล” เถี่ยจู้ทำหน้าอิจฉา: “สุ่ยเซิง ท่านแม่ของเจ้าช่างรอบคอบนัก ยังเตรียมเสบียงแห้งให้เจ้าด้วย แต่ว่าปลาที่องค์รัชทายาทแจกเมื่อวานหอมจริงๆ! เมื่อวานข้ากินไปตั้งสามตัว ทำเอาท้องที่หิวมาหลายวันของข้าอิ่มแปล้ไปเลย” คนอื่นๆ ที่มาด้วยกันต่างพูดคุยถึงวิธีการปรุงปลาหวงฮื้อใหญ่กันเซ็งแซ่ ทุกคนต่างบอกเป็นเส
หลู่จงหมิงไม่เคยเห็นปลามากมายเช่นนี้มาก่อน ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป! เหล่าขุนนางที่อยู่รอบๆ ก็ยืนนิ่งตะลึงงัน พูดไม่ออก “องค์รัชทายาท แจกปลาเถิด!” “พวกเราต้องการกินปลา!” ชาวบ้านชูแขนโห่ร้อง แม้ว่าหลี่หลงหลินจะนำปลาทั้งหมดมากองไว้บนท่าเทียบเรือแล้ว แต่ก็ยังคงให้ทหารตระกูลซูเฝ้าไว้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะแจกจ่ายปลาให้แก่ชาวบ้าน หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “ข้าเคยพูดเมื่อใด ว่าจะแจกปลาเหล่านี้ให้เปล่าๆ?” ทุกคนต่างส่งเสียงฮือฮา ชาวบ้านมองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้าตกตะลึง ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ไม่ใช่ว่าหลี่หลงหลินรับปากเองหรอกหรือ ว่าจะทำให้ชาวบ้านได้กินเนื้อกันถ้วนหน้า? บัดนี้เหตุใดจึงกลับคำเล่า? “ทุกคนเห็นหรือไม่? นี่แหละองค์รัชทายาท ปากก็พร่ำบอกว่าจะให้ชาวบ้านได้กินเนื้อ แต่บัดนี้กลับตระบัดสัตย์!” หลู่จงหมิงเดินมาหน้าชาวบ้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน หลู่จงหมิงฉวยโอกาสทันที ไม่อาจปล่อยให้หลี่หลงหลินชนะใจประชาชนไปง่ายๆ เช่นนี้ได้ หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “ข้าพูดเมื่อใดว่าจะไม่ให้ชาวบ้านกินเนื้อ?” หลู่จงหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าในน้ำเต้าของหลี
ยามเย็น ณ ท่าเรือตงไห่ เรือลำใหญ่ค่อยๆ แล่นเข้าสู่ท่าเรือ บนท่าเทียบเรือมีผู้คนเนืองแน่น ล้วนเป็นชาวบ้านที่มามุงดูเรื่องสนุก ทั้งยังมีขุนนางผู้มีอำนาจไม่น้อยที่มารอสมน้ำหน้าหลี่หลงหลิน หลู่จงหมิงได้ยินว่าวันนี้หลี่หลงหลินออกทะเลไปจับปลา จึงมารออยู่ที่ท่าเทียบเรือตลอดทั้งวัน เพื่อรอที่จะหยามเกียรติหลี่หลงหลิน หลู่จงหมิงมองเรือใหญ่ที่กำลังเทียบท่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน: “ยังกล้าคุยโวโอ้อวด ว่าจะทำให้ชาวบ้านได้กินเนื้อกันถ้วนหน้า? ช่างเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ปลาที่จับได้ในทะเลตงไห่แค่นั้น ยังไม่พอให้ตดด้วยซ้ำ!” ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยสมทบ: “พระเชษฐภาดา เดี๋ยวรอตอนที่เอาปลาออกมา พวกเราต้องหยามเกียรติเขาสักครา ต้องระบายความแค้นนี้ให้ได้!” พระเชษฐภาดาแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา: “ชาวบ้านมากมายขนาดนี้กำลังจ้องมองอยู่ที่ท่าเรือ ถึงเวลานั้นหากหลี่หลงหลินเอาปลาออกมาไม่ได้ ดูสิว่าเขาจะจัดการอย่างไร!” เรือใหญ่เทียบท่า ชาวบ้านกรูกันเข้ามา ล้อมเรือใหญ่ไว้แน่นขนัด “กลิ่นคาวปลาแรงมาก!” พอชาวบ้านเข้าใกล้เรือใหญ่ กลิ่นคาวปลาก็ปะทะเข้าหน้าทันที “กลิ่นคาวปลาขนาดนี้ ต้องจับปลามาได้มากเท่าใดกัน?”