รายงานชัยชนะมีลับลมคมใน?เพียงตู้เหวินหยวนพูดออกมา เสียงภายในราชสำนักก็เงียบกริบเหล่าขุนนางล้วนมีสีหน้าตกตะลึง รู้สึกเหลือจะเชื่อนี่เขาหมายความว่ากระไร?หรือว่าจางไป่เจิงยังขวัญกล้าโกหกในรายงานทางทหารอีกกระนั้น?ทว่า เพียงเหล่าขุนนางคิดดูแล้ว นี่ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์ปกติทั่วไป จางไป่เจิงไม่มีวันกล้ารายงานเท็จนี่คือความผิดร้ายแรงต้องลงโทษตัดหัวประหารชีวิต!ต่อให้เป็นฝ่าบาท ก็ปกป้องเขาไม่ได้!อย่างไรก็ตาม จางไป่เจิงถูกเหล่าขุนนางกล่าวโทษ สถานการณ์เลวร้ายเป็นพิเศษ ต้องใช้ข่าวชนะศึกเร่งด่วน มาพิสูจน์ตนเองภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่แน่ว่าจางไป่เจิงอาจเป็นสุนัขจนตรอก!อย่างไรเสียช่วงเวลาที่ซั่วเป่ยได้รับชัยชนะ ก็บังเอิญเกินไปแล้ว!จางไป่เจิงหลบเลี่ยงออกรบอยู่ตลอด ติดอยู่ที่เมืองซั่วเป่ยเช่นนั้นจะมีเหตุผลอะไร ทำให้เขาออกรบอย่างกะทันหัน ได้รับชัยชนะกลับมา?ชัยชนะครั้งนี้ ไม่ปกติ!ฮ่องเต้หวู่สวมชุดมังกรนั่งบนบัลลังก์มังกร สีพระพักตร์แข็งทื่อดุจเหล็ก สบมองตู้เหวินหยวนสายพระเนตรเยียบเย็น “ขุนนางผู้ซื่อสัตย์ เจ้าคิดว่าชัยชนะนี้เป็นเรื่องเท็จกระนั้น?”ตู้เหวินหยวนเป
เหล่าขุนนางต่างตกตะลึงเหตุใดยังมีรายงานทางทหารอีกเล่า?ใช่รายงานชัยชนะ หรือข่าวร้าย?“ประกาศ!”ฮ่องเต้หวู่โบกพระหัตถ์ผู้ส่งสาส์นคุกเข่าหน้าประตู ตะโกนรายงาน “ผู้ตรวจการเมืองซั่วเป่ย แจ้งข่าวชัยชนะ! กองทัพทหารรักษาพระองค์ได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่! แม่ทัพเผ่าหมานสวี่เลี่ยตายในสนามรบ กองทัพแตกพ่าย!”รายงานชัยชนะอีกแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น มิใช่จางไป่เจิงส่งรายงานชัยชนะมา แต่เป็นผู้ตรวจการส่งมาข่าวด่วนแปดร้อยลี้เฉกเดียวกัน รายงานชัยชนะของผู้ตรวจการ ย่อมช้ากว่าจางไป่เจิงเล็กน้อยทว่า น่าเชื่อถือกว่ามากจางไป่เจิงรายงานการรบด้วยตนเอง เรื่องรายงานทางทหารอาจเป็นเท็จ ตนเองโอ้อวดอย่างไรก็ย่อมได้ทว่า ผู้ตรวจการเป็นคนของราชสำนัก มิหนำซ้ำคนส่วนใหญ่ล้วนเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ บ้างก็เป็นขันทีภายในวังความเป็นไปได้ที่จางไป่เจิงซื้อผู้ตรวจการต่ำมากนัก!นั่นก็หมายความว่าชัยชนะเมืองซั่วเป่ยเป็นความจริง!จางไป่เจิงได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่จริง!“ฮ่าๆ...”ฮ่องเต้หวู่ดีพระทัยมาก เงยพระพักตร์ทรงพระสรวลเสียงดังอย่างสุดระงับ สายพระเนตรตกลงบนตัวตู้เหวินหยวน “ขุนนางผู้ซื่อสัตย์ เจ้าไม่เชื่อรายงานการรบของจาง
จางไป่เจิงเป็นคนรู้บุญคุณคนหนึ่งเพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ จึงมอบความดีความชอบให้หลี่หลงหลิน!ยิ่งไปกว่านั้นชัยชนะเมืองซั่วเป่ย ฆ่าเผ่าหมานจนหวาดกลัวหมดความกล้า พลิกสถานการณ์แล้วภายภาคหน้าต้องการความดีความชอบมากน้อยเพียงใด ก็ได้รับความดีความชอบมากน้อยเพียงนั้นแล้วมิใช่หรือ?“เจ้าเก้า...”“ที่แท้ก็เป็นความดีความชอบของเจ้าเก้า!”“ฮ่าๆ เรามีหลินเอ๋อร์ ก็มีวาสนาของบ้านเมือง!”ฮ่องเต้หวู่ยืนขึ้นอย่างอดไม่ได้ ทรงพระสรวลฮาฮาเสียงดังเปล่งคำนี้ออกมา ทุกคนล้วนอึ้งงันเหล่าขุนนางหันมองกันชัยชนะเมืองซั่วเป่ย มิใช่ความดีความชอบของจางไป่เจิงหรือ?เกี่ยวอันใดกับองค์ชายเก้าเล่า?ตู้เหวินหยวนขมวดคิ้วแน่น “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่เข้าใจ...”ฮ่องเต้หวู่ส่งจดหมายในมือให้เว่ยซวิน ออกคำสั่ง “นำลงไป ให้เหล่าขุนนางผ่านตา!”เว่ยซวินรับจดหมาย มอบให้ตู้เหวินหยวนเป็นคนแรกตู้เหวินหยวนรับไปอย่างอดรนทนไม่ไหว ก้มหน้าอ่าน สีหน้ายิ่งไม่สบอารมณ์ขึ้นเรื่อย ๆเป็นไปได้เยี่ยงไร!ชัยชนะเมืองซั่วเป่ย ถึงขั้นเป็นความดีความชอบขององค์ชายเก้า?ตู้หวินหยวนคล้ายกินแมลงวันเข้าไป ทุกข์ทรมานอย่างร้ายกาจจางไป่เจิงเป็น
ขุนนางระดับธรรมดาต้องทำงานหนักมาตลอดชีวิต ได้เลื่อนขั้นเป็นบรรดาศักดิ์ป๋อเจวี๋ย ก็โชคดีที่ได้ตำแหน่งใหญ่แต่ในฐานะองค์ชาย หลี่หลงหลินเกิดมาพร้อมกับคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดตามกฎของต้าเซี่ย องค์ชายจะถูกเรียกว่าป๋อเจวี๋ยเมื่อย่างเข้าสู่อายุยี่สิบปีส่วนเฟิงโหว จะต้องเข้าร่วมสนามรบด้วยตนเอง และสะสมคุณงามความดี ถึงจะสามารถทำได้!ในบรรดาองค์ชายทั้งเก้า มีเพียงองค์ชายสามคนแรกเท่านั้นที่อายุมากที่สุด และมีอำนาจในราชสำนักมากที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นโหวเจวี๋ยแม้แต่องค์ชายสี่หลี่จื้อก็ยังได้เป็นแค่ป๋อเจวี๋ย ไม่สามารถเติบโตไปกว่านี้ได้ฮ่องเต้หวู่ไม่เพียงแต่ต้องการคืนตำแหน่งป๋อเจวี๋ยให้เป็นเจ้าเก้าหลี่หลงหลินเท่านั้น แต่ยังต้องการแต่งตั้งให้เขาเป็นเฟิงโหวอีกด้วยรางวัลเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของฮ่องเต้!สีหน้าของตู้เหวินหยวนเปลี่ยนไปมาก “ฝ่าบาท สิ่งนี้ขัดต่อกฎ ... “ฮ่องเต้หวู่ตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กฎ? กฎอะไร กฎของบรรพบุรุษหรือ? เมื่อก่อนพวกเจ้าก็เอาแต่พูดว่าเจ้าเก้าไม่อาจถูกแต่งตั้งได้หากไม่มีคุณงามความดี! ตอนนี้ เจ้าเก้ามีคุณงามความดีอย่างมาก พวกเจ้
ข่าวที่เมืองซั่วเป่ยได้รับชัยชนะนั้นได้แพร่กระจายจากราชสำนักไปสู่หมู่ราษฎรทั่วทั้งเมืองหลวง ชาวบ้านต่างพากันฮือฮาผู้คนนับไม่ถ้วนปิดหน้าร้องไห้ด้วยความดีใจในช่วงเวลานี้ พวกเขาใช้ชีวิตด้วยหวาดกลัวตอนนี้ดีมากแล้วจางไป่เจิงเอาชนะพวกเผ่าหมาน ปกป้องเมืองหลวงเอาไว้ได้หมอกควันแห่งความสิ้นหวังที่คอยปกคลุมเหนือหัวของชาวบ้านก็ถูกกวาดหายไปในทันที!ด้วยความดีใจ ชาวบ้านจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็คุกเข่าลงบนพื้นและโน้มตัวไปทางทิศเหนือ “เทพเจ้าไม่ทอดทิ้งต้าเซี่ยของข้า! ขอบคุณแม่ทัพจาง!”“แม่ทัพจางเป็นวีรบุรุษของต้าเซี่ย!”“ถูกต้อง เขาเป็นวีรบุรุษ! หวังว่าเขาจะมีอายุยืนยาว ขับไล่พวกชนกลุ่มน้อยออกไป และฟื้นฟูแคว้นของเรา!”สำหรับวีรบุรุษ พวกชาวบ้านไม่เคยลังเลที่จะสรรเสริญชั่วครู่นั้น คำสรรเสริญจำนวนนับไม่ถ้วนก็รวมอยู่ที่ตัวของจางไป่เจิงบางคนถึงกับเสนอให้สร้างศาลเชิดชูให้กับจางไป่เจิง เพื่อจะได้จุดธูปสักการะแต่บางคนก็ยังตั้งคำถามว่า “ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่นี้ มันมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ จะมีปัญหาอะไรใช่หรือไม่? ตอนนั้นองค์ชายเก้าโกหกเรื่องสถานการณ์ทางทหารจนทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่!”และมีคนโต้ก
ในเวลานี้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ราชโองการ! องค์ชายเก้าหลี่หลงหลินรับราชโองการ!”ทุกคนต่างก็หลีกทางให้ เห็นขันทีสวมชุดงูเหลือมเดินมา รอบๆ ก็มีทหารองครักษ์กลุ่มหนึ่งเว่ยซวินพระเก้าพันปี!บรรดาพ่อค้าต่างตกตะลึงเมื่อนึกฐานะของขันทีขึ้นมาได้พระเก้าพันปีผู้นี้เป็นคนสำคัญที่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินได้!พระเก้าพันปีมาถ่ายทอดราชโองการด้วยตนเองเช่นนี้ ต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน!ลั่วอวี้จู๋ ซูเฟิ่งหลิงและคนอื่นๆ ในตระกูลซูต่างก็รู้สึกเวียนหัวและตกตะลึงเช่นกันเมื่อเห็นเว่ยซวินมาถ่ายทอดราชโองการแม้ว่าตระกูลซูจะเป็นตระกูลที่ได้รับการสืบทอดในต้าเซี่ยมาหลายร้อยปีต่อให้ตอนที่แม่ทัพอาวุโสซูยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังไม่เคยเห็นราชโองการสักฉบับเดียวสำหรับเว่ยซวินพระเก้าพันปี เขาคือคนสำคัญที่ไกลเกินคว้าแต่หลังจากที่หลี่หลงหลินกลายเป็นลูกเขยของตระกูลซูแล้ว เว่ยซวินก็มาที่นี่หลายครั้ง ราชโองการมาฉบับแล้วฉบับเล่า ราวกับว่าไม่ต้องการเงินนี่คือองค์ชาย!นี่คือราชวงศ์ใช่หรือไม่?หลี่หลงหลินก้าวไปข้างหน้าทันที “หลี่หลงหลินลูกขอน้อมรับราชโองการ!”เว่ยซวินเปิดราชโองการของฮ่องเต้และอ่านเสียงดัง “ด้วยโองก
ร้านค้าในตลาดทิศทักษิณที่แต่เดิมไม่เคยได้รับความสนใจ ตอนนี้กลับถูกเหล่าพ่อค้าจำนวนนับไม่ถ้วนพากันแย่งซื้อ!ตั๋วเงินจำนวนมากถูกโบกอยู่ตรงหน้า ทำให้ทุกคนตะลึงจนอ้าปากค้าง!ทั่วทั้งสถานที่แห่งนั้นก็เต็มไปด้วยบรรยากาศดุเดือด!ร้านค้าที่ขายในราคาหลายหมื่นตำลึงก็ถูกแย่งซื้อจนขายหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาทีนี่เป็นครั้งแรกที่ซูเฟิ่งหลิงได้เห็นเหตุการณ์ที่บ้าคลั่งเช่นนี้ ในสมองของนางก็ว่างเปล่าทันที “พวกเขาเอาเงินมากมายเช่นนี้มาจากไหนกัน...”หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นพ่อค้าธรรมดาหรือ เจ้าคิดผิดแล้ว! พวกเขาก็เหมือนกับแปดหอการค้าใหญ่ เบื้องหลังถ้าไม่ใช่ขุนนาง ก็เป็นผู้สูงศักดิ์ หรือขันที หรือราชวงศ์!” “ตั้งแต่สถาปนาต้าเซี่ยมาก็สามร้อยปีแล้ว!”“สามร้อยปีที่เจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่ง ทองคำและเงินตรานับไม่ถ้วนไปรวมอยู่ในมือของใคร!”“ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา!”“แต่เป็นคนพวกนี้!” “ตอนนี้ยังเป็นเพียงเหตุการณ์เล็กน้อยเท่านั้น!”“เจ้ายังไม่เคยไปหอนางโลม ไม่รู้ว่าพวกคุณชายเสเพลเหล่านั้น เมื่ออยู่ในศึกชิงรักหักสวาทต่อหน้าหญิงคณิกา ก็ใช้เงินไปจำนวนมาก เหตุการณ์นั้นมันบ้าคลั่งยิ่งก
แน่นอนว่าความแตกต่างนี้มันช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ!ซูเฟิ่งหลิงถูกหลี่หลงหลินมองเช่นนี้ก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา ใบหน้าอันงดงามของนางก็แดงเรื่อ “เจ้ามองข้าทำไม? เจ้าไม่เคยเห็นข้ามาก่อนหรืออย่างไร?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเคยเห็นแม่เสือแก่ แต่สตรีลามกเพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก”ซูเฟิ่งหลิงตะลึง แล้วพูดด้วยความโกรธ “เจ้าว่าใครเป็นสตรีลามก?”หลี่หลงหลินจ้องไปที่ใบหน้าอันงดงามของซูเฟิ่งหลิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วจะใครได้อีกล่ะ? ดึกดื่นป่านนี้ไม่ยอมนอน กลับวิ่งมาที่ห้องบุรุษ ถ้าไม่ใช่สตรีลามกแล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ...” “เจ้า...”ซูเฟิ่งหลิงโกรธมากตนกว่าจะแต่งหน้าหวีผมสวมชุดสตรีเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ตนรู้สึกว่ามีเสน่ห์เย้ายวนใจ ไม่แพ้เหล่าพี่สะใภ้แต่ผลสุดท้าย เจ้าหลี่หลงหลินสุนัขตัวนี้กลับไม่ชมว่าตนสวยยังไม่พอแต่ยังบอกว่าตนเป็นสตรีลามกอีก?นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!ซูเฟิ่งหลิงโกรธมากและจ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน “พูดเรื่องไร้สาระให้มันน้อยลงหน่อย ที่ข้ามาหาเจ้าตอนดึกเช่นนี้ เพราะมีเรื่องอยากจะถามเจ้า”หลี่หลงหลินยังคงยิ้มและยื่นมือไปทาง ซูเฟิ่งหลิง “ข้าตอบคำถามเจ้าได้! แต่เจ้าต้อ
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค