เหล่าขุนนางต่างตกตะลึงเหตุใดยังมีรายงานทางทหารอีกเล่า?ใช่รายงานชัยชนะ หรือข่าวร้าย?“ประกาศ!”ฮ่องเต้หวู่โบกพระหัตถ์ผู้ส่งสาส์นคุกเข่าหน้าประตู ตะโกนรายงาน “ผู้ตรวจการเมืองซั่วเป่ย แจ้งข่าวชัยชนะ! กองทัพทหารรักษาพระองค์ได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่! แม่ทัพเผ่าหมานสวี่เลี่ยตายในสนามรบ กองทัพแตกพ่าย!”รายงานชัยชนะอีกแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น มิใช่จางไป่เจิงส่งรายงานชัยชนะมา แต่เป็นผู้ตรวจการส่งมาข่าวด่วนแปดร้อยลี้เฉกเดียวกัน รายงานชัยชนะของผู้ตรวจการ ย่อมช้ากว่าจางไป่เจิงเล็กน้อยทว่า น่าเชื่อถือกว่ามากจางไป่เจิงรายงานการรบด้วยตนเอง เรื่องรายงานทางทหารอาจเป็นเท็จ ตนเองโอ้อวดอย่างไรก็ย่อมได้ทว่า ผู้ตรวจการเป็นคนของราชสำนัก มิหนำซ้ำคนส่วนใหญ่ล้วนเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ บ้างก็เป็นขันทีภายในวังความเป็นไปได้ที่จางไป่เจิงซื้อผู้ตรวจการต่ำมากนัก!นั่นก็หมายความว่าชัยชนะเมืองซั่วเป่ยเป็นความจริง!จางไป่เจิงได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่จริง!“ฮ่าๆ...”ฮ่องเต้หวู่ดีพระทัยมาก เงยพระพักตร์ทรงพระสรวลเสียงดังอย่างสุดระงับ สายพระเนตรตกลงบนตัวตู้เหวินหยวน “ขุนนางผู้ซื่อสัตย์ เจ้าไม่เชื่อรายงานการรบของจาง
จางไป่เจิงเป็นคนรู้บุญคุณคนหนึ่งเพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ จึงมอบความดีความชอบให้หลี่หลงหลิน!ยิ่งไปกว่านั้นชัยชนะเมืองซั่วเป่ย ฆ่าเผ่าหมานจนหวาดกลัวหมดความกล้า พลิกสถานการณ์แล้วภายภาคหน้าต้องการความดีความชอบมากน้อยเพียงใด ก็ได้รับความดีความชอบมากน้อยเพียงนั้นแล้วมิใช่หรือ?“เจ้าเก้า...”“ที่แท้ก็เป็นความดีความชอบของเจ้าเก้า!”“ฮ่าๆ เรามีหลินเอ๋อร์ ก็มีวาสนาของบ้านเมือง!”ฮ่องเต้หวู่ยืนขึ้นอย่างอดไม่ได้ ทรงพระสรวลฮาฮาเสียงดังเปล่งคำนี้ออกมา ทุกคนล้วนอึ้งงันเหล่าขุนนางหันมองกันชัยชนะเมืองซั่วเป่ย มิใช่ความดีความชอบของจางไป่เจิงหรือ?เกี่ยวอันใดกับองค์ชายเก้าเล่า?ตู้เหวินหยวนขมวดคิ้วแน่น “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่เข้าใจ...”ฮ่องเต้หวู่ส่งจดหมายในมือให้เว่ยซวิน ออกคำสั่ง “นำลงไป ให้เหล่าขุนนางผ่านตา!”เว่ยซวินรับจดหมาย มอบให้ตู้เหวินหยวนเป็นคนแรกตู้เหวินหยวนรับไปอย่างอดรนทนไม่ไหว ก้มหน้าอ่าน สีหน้ายิ่งไม่สบอารมณ์ขึ้นเรื่อย ๆเป็นไปได้เยี่ยงไร!ชัยชนะเมืองซั่วเป่ย ถึงขั้นเป็นความดีความชอบขององค์ชายเก้า?ตู้หวินหยวนคล้ายกินแมลงวันเข้าไป ทุกข์ทรมานอย่างร้ายกาจจางไป่เจิงเป็น
ขุนนางระดับธรรมดาต้องทำงานหนักมาตลอดชีวิต ได้เลื่อนขั้นเป็นบรรดาศักดิ์ป๋อเจวี๋ย ก็โชคดีที่ได้ตำแหน่งใหญ่แต่ในฐานะองค์ชาย หลี่หลงหลินเกิดมาพร้อมกับคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดตามกฎของต้าเซี่ย องค์ชายจะถูกเรียกว่าป๋อเจวี๋ยเมื่อย่างเข้าสู่อายุยี่สิบปีส่วนเฟิงโหว จะต้องเข้าร่วมสนามรบด้วยตนเอง และสะสมคุณงามความดี ถึงจะสามารถทำได้!ในบรรดาองค์ชายทั้งเก้า มีเพียงองค์ชายสามคนแรกเท่านั้นที่อายุมากที่สุด และมีอำนาจในราชสำนักมากที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นโหวเจวี๋ยแม้แต่องค์ชายสี่หลี่จื้อก็ยังได้เป็นแค่ป๋อเจวี๋ย ไม่สามารถเติบโตไปกว่านี้ได้ฮ่องเต้หวู่ไม่เพียงแต่ต้องการคืนตำแหน่งป๋อเจวี๋ยให้เป็นเจ้าเก้าหลี่หลงหลินเท่านั้น แต่ยังต้องการแต่งตั้งให้เขาเป็นเฟิงโหวอีกด้วยรางวัลเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของฮ่องเต้!สีหน้าของตู้เหวินหยวนเปลี่ยนไปมาก “ฝ่าบาท สิ่งนี้ขัดต่อกฎ ... “ฮ่องเต้หวู่ตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กฎ? กฎอะไร กฎของบรรพบุรุษหรือ? เมื่อก่อนพวกเจ้าก็เอาแต่พูดว่าเจ้าเก้าไม่อาจถูกแต่งตั้งได้หากไม่มีคุณงามความดี! ตอนนี้ เจ้าเก้ามีคุณงามความดีอย่างมาก พวกเจ้
ข่าวที่เมืองซั่วเป่ยได้รับชัยชนะนั้นได้แพร่กระจายจากราชสำนักไปสู่หมู่ราษฎรทั่วทั้งเมืองหลวง ชาวบ้านต่างพากันฮือฮาผู้คนนับไม่ถ้วนปิดหน้าร้องไห้ด้วยความดีใจในช่วงเวลานี้ พวกเขาใช้ชีวิตด้วยหวาดกลัวตอนนี้ดีมากแล้วจางไป่เจิงเอาชนะพวกเผ่าหมาน ปกป้องเมืองหลวงเอาไว้ได้หมอกควันแห่งความสิ้นหวังที่คอยปกคลุมเหนือหัวของชาวบ้านก็ถูกกวาดหายไปในทันที!ด้วยความดีใจ ชาวบ้านจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็คุกเข่าลงบนพื้นและโน้มตัวไปทางทิศเหนือ “เทพเจ้าไม่ทอดทิ้งต้าเซี่ยของข้า! ขอบคุณแม่ทัพจาง!”“แม่ทัพจางเป็นวีรบุรุษของต้าเซี่ย!”“ถูกต้อง เขาเป็นวีรบุรุษ! หวังว่าเขาจะมีอายุยืนยาว ขับไล่พวกชนกลุ่มน้อยออกไป และฟื้นฟูแคว้นของเรา!”สำหรับวีรบุรุษ พวกชาวบ้านไม่เคยลังเลที่จะสรรเสริญชั่วครู่นั้น คำสรรเสริญจำนวนนับไม่ถ้วนก็รวมอยู่ที่ตัวของจางไป่เจิงบางคนถึงกับเสนอให้สร้างศาลเชิดชูให้กับจางไป่เจิง เพื่อจะได้จุดธูปสักการะแต่บางคนก็ยังตั้งคำถามว่า “ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่นี้ มันมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ จะมีปัญหาอะไรใช่หรือไม่? ตอนนั้นองค์ชายเก้าโกหกเรื่องสถานการณ์ทางทหารจนทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่!”และมีคนโต้ก
ในเวลานี้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ราชโองการ! องค์ชายเก้าหลี่หลงหลินรับราชโองการ!”ทุกคนต่างก็หลีกทางให้ เห็นขันทีสวมชุดงูเหลือมเดินมา รอบๆ ก็มีทหารองครักษ์กลุ่มหนึ่งเว่ยซวินพระเก้าพันปี!บรรดาพ่อค้าต่างตกตะลึงเมื่อนึกฐานะของขันทีขึ้นมาได้พระเก้าพันปีผู้นี้เป็นคนสำคัญที่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินได้!พระเก้าพันปีมาถ่ายทอดราชโองการด้วยตนเองเช่นนี้ ต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน!ลั่วอวี้จู๋ ซูเฟิ่งหลิงและคนอื่นๆ ในตระกูลซูต่างก็รู้สึกเวียนหัวและตกตะลึงเช่นกันเมื่อเห็นเว่ยซวินมาถ่ายทอดราชโองการแม้ว่าตระกูลซูจะเป็นตระกูลที่ได้รับการสืบทอดในต้าเซี่ยมาหลายร้อยปีต่อให้ตอนที่แม่ทัพอาวุโสซูยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังไม่เคยเห็นราชโองการสักฉบับเดียวสำหรับเว่ยซวินพระเก้าพันปี เขาคือคนสำคัญที่ไกลเกินคว้าแต่หลังจากที่หลี่หลงหลินกลายเป็นลูกเขยของตระกูลซูแล้ว เว่ยซวินก็มาที่นี่หลายครั้ง ราชโองการมาฉบับแล้วฉบับเล่า ราวกับว่าไม่ต้องการเงินนี่คือองค์ชาย!นี่คือราชวงศ์ใช่หรือไม่?หลี่หลงหลินก้าวไปข้างหน้าทันที “หลี่หลงหลินลูกขอน้อมรับราชโองการ!”เว่ยซวินเปิดราชโองการของฮ่องเต้และอ่านเสียงดัง “ด้วยโองก
ร้านค้าในตลาดทิศทักษิณที่แต่เดิมไม่เคยได้รับความสนใจ ตอนนี้กลับถูกเหล่าพ่อค้าจำนวนนับไม่ถ้วนพากันแย่งซื้อ!ตั๋วเงินจำนวนมากถูกโบกอยู่ตรงหน้า ทำให้ทุกคนตะลึงจนอ้าปากค้าง!ทั่วทั้งสถานที่แห่งนั้นก็เต็มไปด้วยบรรยากาศดุเดือด!ร้านค้าที่ขายในราคาหลายหมื่นตำลึงก็ถูกแย่งซื้อจนขายหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาทีนี่เป็นครั้งแรกที่ซูเฟิ่งหลิงได้เห็นเหตุการณ์ที่บ้าคลั่งเช่นนี้ ในสมองของนางก็ว่างเปล่าทันที “พวกเขาเอาเงินมากมายเช่นนี้มาจากไหนกัน...”หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นพ่อค้าธรรมดาหรือ เจ้าคิดผิดแล้ว! พวกเขาก็เหมือนกับแปดหอการค้าใหญ่ เบื้องหลังถ้าไม่ใช่ขุนนาง ก็เป็นผู้สูงศักดิ์ หรือขันที หรือราชวงศ์!” “ตั้งแต่สถาปนาต้าเซี่ยมาก็สามร้อยปีแล้ว!”“สามร้อยปีที่เจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่ง ทองคำและเงินตรานับไม่ถ้วนไปรวมอยู่ในมือของใคร!”“ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา!”“แต่เป็นคนพวกนี้!” “ตอนนี้ยังเป็นเพียงเหตุการณ์เล็กน้อยเท่านั้น!”“เจ้ายังไม่เคยไปหอนางโลม ไม่รู้ว่าพวกคุณชายเสเพลเหล่านั้น เมื่ออยู่ในศึกชิงรักหักสวาทต่อหน้าหญิงคณิกา ก็ใช้เงินไปจำนวนมาก เหตุการณ์นั้นมันบ้าคลั่งยิ่งก
แน่นอนว่าความแตกต่างนี้มันช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ!ซูเฟิ่งหลิงถูกหลี่หลงหลินมองเช่นนี้ก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา ใบหน้าอันงดงามของนางก็แดงเรื่อ “เจ้ามองข้าทำไม? เจ้าไม่เคยเห็นข้ามาก่อนหรืออย่างไร?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเคยเห็นแม่เสือแก่ แต่สตรีลามกเพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก”ซูเฟิ่งหลิงตะลึง แล้วพูดด้วยความโกรธ “เจ้าว่าใครเป็นสตรีลามก?”หลี่หลงหลินจ้องไปที่ใบหน้าอันงดงามของซูเฟิ่งหลิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วจะใครได้อีกล่ะ? ดึกดื่นป่านนี้ไม่ยอมนอน กลับวิ่งมาที่ห้องบุรุษ ถ้าไม่ใช่สตรีลามกแล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ...” “เจ้า...”ซูเฟิ่งหลิงโกรธมากตนกว่าจะแต่งหน้าหวีผมสวมชุดสตรีเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ตนรู้สึกว่ามีเสน่ห์เย้ายวนใจ ไม่แพ้เหล่าพี่สะใภ้แต่ผลสุดท้าย เจ้าหลี่หลงหลินสุนัขตัวนี้กลับไม่ชมว่าตนสวยยังไม่พอแต่ยังบอกว่าตนเป็นสตรีลามกอีก?นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!ซูเฟิ่งหลิงโกรธมากและจ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน “พูดเรื่องไร้สาระให้มันน้อยลงหน่อย ที่ข้ามาหาเจ้าตอนดึกเช่นนี้ เพราะมีเรื่องอยากจะถามเจ้า”หลี่หลงหลินยังคงยิ้มและยื่นมือไปทาง ซูเฟิ่งหลิง “ข้าตอบคำถามเจ้าได้! แต่เจ้าต้อ
หลี่หลงหลินมองใบหน้าอันงดงามของซูเฟิ่งหลิง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ “ถ้าเจ้าคิดว่าพรุ่งนี้มันเร็วเกินไป ข้าเปลี่ยนเป็นวันอื่นได้! เดือนหน้าก็ได้...”ซูเฟิ่งหลิงส่ายหัวแล้วกล่าวอย่างตื่นเต้น “ไม่เร็วไปสักนิด! ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี! พรุ่งนี้กำลังเหมาะ! เช่นนั้นพวกเรามารับสมัครทหารกันก่อนดีหรือไม่?ในการสร้างกองทัพของตระกูลซูขึ้นมาใหม่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการรับสมัครทหารหลี่หลงหลินส่ายหัว “ไม่ต้องกังวลเรื่องการรับสมัครทหาร! พวกเรามาเลือกสถานที่ฝึกทหารกันก่อนเถอะ!”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง แล้วเอ่ยเห็นด้วย “ใช่! สถานที่ฝึกทหารมีความสำคัญมากกว่า! แต่ที่ไหนเหมาะล่ะ?”หลี่หลงหลินยิ้มแล้วพูดว่า “ภูเขาทิศประจิมเป็นอย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงสะดุ้งเล็กน้อย “ภูเขาทิศประจิมอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง ค่อนข้างเงียบสงบ! ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเพิ่งจะทหารที่เหลืออยู่ไปตัดต้นไม้ในภูเขาทิศประจิม ค่อนข้างคุ้นเคยกับที่นั่นดี มันเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับฝึกทหารจริงๆ!” “แต่เกรงว่าคงจะไม่ได้...”หลี่หลงหลินเลิกคิ้ว “ทำไมไม่ได้ล่ะ?”ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยอย่างลำบากใจ “เจ้าไม่รู้อะไร แม้ว่าภูเขาทิศประจิมจ
วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมแล้ว ฮ่องเต้ต้องทำพิธีบวงสรวงต่อสวรรค์ เพื่อขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ ฮ่องเต้หวู่ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว “ฝ่าบาท...” “เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยซวินเดินก้าวย่างเล็กๆ เข้ามาอย่างเร่งรีบ ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว ไม่พอใจ “วันปีใหม่แท้ๆ เช้าตรู่ก็มีเรื่องอัปมงคลเช่นนี้แล้ว!” เว่ยซวินรีบตบหน้าตัวเองหลายครั้ง “บ่าวปากเสียเอง! แต่ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ!” ฮ่องเต้หวู่เอ่ยเสียงเย็น “เกิดอะไรขึ้น? ว่ามาเถิด” เว่ยซวินลดเสียงลง “เมื่อคืนวาน ในคุกหลวงใต้ดินเกิดคดีมีผู้เสียชีวิต ซ่งชิงหลวนเขา...เขา...เขาผูกคอตาย!” “อะไรนะ?” สีหน้าของฮ่องเต้หวู่เปลี่ยนไปอย่างมาก ขาวซีดราวกับกระดาษ เดิมทีพระองค์คิดว่าเว่ยซวินคงจะตกใจเกินเหตุ แต่ไม่คิดว่า... จะเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ! ซ่งชิงหลวนตายในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้! ฆ่าตัวตาย? หรือถูกฆาตกรรม? ไม่ว่าเขาจะตายอย่างไร เรื่องนี้ก็ยุ่งยากแล้ว! “พวกเจ้าทำอะไรกัน!” ฮ่องเต้หวู่โกรธมาก จึงเอ่ยตำหนิเสียงดัง “คุกหลวงอยู่ในความรับผิดชอบขององครักษ์เสื้อแพร! พวกเจ้าดูแลคนเป็นไม่ได้ จะเอาโทษอย่างไร?” ตุบ! เ
น้ำตาของซ่งชิงหลวนไหลอาบแก้ม เขารีบพุ่งเข้าไปกอดขาของหลี่เทียนฉี่ ร้องไห้ฟูมฟาย “องค์ชายใหญ่ ที่แท้ก็เป็นพระองค์! ข้าขอร้องพระองค์ ช่วยพาข้าออกไปที!” “ที่นี่มันไม่ใช่ที่สำหรับคนอยู่!” “ขอเพียงพระองค์ช่วยข้าออกไป ข้าจะเป็นวัวเป็นม้ารับใช้พระองค์” เดิมที ซ่งชิงหลวนยังคงหยิ่งผยอง คิดจะประท้วงด้วยการอดอาหาร เพื่อบีบให้ฮ่องเต้หวู่ปล่อยตัวตนเองออกไป จนกระทั่งเขาได้เห็นบทความที่ใส่ร้ายเขาในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย จึงกระอักเลือดด้วยความโกรธ และตระหนักได้ว่า ตัวเขาเองไม่ได้สำคัญในสายพระเนตรของฮ่องเต้หวู่เลย! แม้แต่มดปลวกยังดิ้นรนเพื่อมีชีวิต แล้วมนุษย์เล่า? หลังจากซ่งชิงหลวนยอมรับความจริง เขาก็ล้มเลิกความคิดโง่ๆ ที่จะอดอาหาร ตอนนี้ เขาแค่อยากมีชีวิตรอด พยายามอย่างหนักเพื่อเอาชีวิตรอด ออกไปจากคุกหลวงใต้ดินที่เส็งเคร็งแห่งนี้ หลี่เทียนฉี่ก้มลงไป กระซิบกับซ่งชิงหลวน “บัณฑิตซ่ง ข้ามาพบเจ้าตามคำสั่งของอาจารย์!” ซ่งชิงหลวนตกใจ ใบหน้าเผยรอยยินดี “อาจารย์ของฮ่องเต้งั้นหรือ? ข้ากับอาจารย์ของฮ่องเต้เป็นสหายสนิท! เขามีปัญญาเฉียบแหลม ต้องมีวิธีช่วยข้าออกไปแน่! พระองค์รีบบอกข้ามาเร็
“รองลงมา...” เสิ่นชิงโจวครุ่นคิด แล้วพูดต่อ “ตอนนี้หลี่หลงหลินเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้หวู่ หากเขาเป็นอะไรไป ฮ่องเต้หวู่ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!” “เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าเรื่องวุ่นวายนี้ คงใหญ่กว่าฟ้าเสียอีก!” ร่างของหลี่เทียนฉี่สั่นสะท้าน ครั้งที่แล้ว หลี่หลงหลินถูกลอบสังหารบาดเจ็บ ฮ่องเต้หวู่ก็ทรงกริ้วมาก พลิกแผ่นดินตามหาคนร้าย! หากหลี่หลงหลินตายไป ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งของฮ่องเต้หวู่ ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เสิ่นชิงโจวพูดต่อ “สาม นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด หลี่หลงหลินเจ้าเด็กนั่นเจ้าเล่ห์เพทุบาย! แม้ว่าฮ่องเต้หวู่จะสืบสวนคดีทุจริตในการสอบขุนนาง ก็ทรงให้องครักษ์เสื้อแพรเป็นคนสืบ” “ต่อให้พวกเราฆ่าหลี่หลงหลินได้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้!” “สรุปแล้ว ห้ามแตะต้องหลี่หลงหลิน!” หลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้วแน่น ด้วยความไม่พอใจ “หรือว่า... พวกเราได้แต่มองดูหลี่หลงหลินทำตามอำเภอใจ ไม่มีทางจัดการเขาได้เลยหรือ?” “ไม่!” มุมปากของเสิ่นชิงโจวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้ามีวิธีที่จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ แถมยังทำให้หลี่หลงหลินตกอยู่ในหาย
ส่วนลั่วอวี้จู๋นางเพียงยิ้มเบาๆ “องค์รัชทายาท โลกในฝันของพระองค์ ผู้คนต้องมีความสุขมากแน่ๆ” หลี่หลงหลินไม่ตอบ เพียงแย้มยิ้ม มีความสุขหรือ? ก็อาจจะใช่ คนในแต่ละยุคสมัยล้วนมีเรื่องทุกข์ใจต่างกัน ความสุขเป็นเรื่องของมุมมอง การได้กินอิ่มย่อมมีความสุขกว่าการอดอยาก... ... ณ คุกหลวง หลี่เทียนฉี่เดินฝ่าพายุหิมะเข้ามา เสิ่นชิงโจวที่หลับสนิท ตื่นขึ้นเพราะเสียงฝีเท้า “ท่านเองหรือ!” “ทำให้ข้าตกใจหมด!” เสิ่นชิงโจวปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเพิ่งฝันร้ายว่า หลี่หลงหลินนำคนบุกเข้ามาในคุกหลวง และฆ่าเขาตาย หลังจากจิบชา เสิ่นชิงโจวจึงสงบสติอารมณ์ลงได้ เขาหันไปมองหลี่เทียนฉี่ “ดึกดื่นป่านนี้ พระองค์รีบร้อนมาทำอะไร?” หลี่เทียนฉี่เอ่ยอย่างร้อนรน “อาจารย์ แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” เสิ่นชิงโจวใจหายวาบ “เรื่องใหญ่? เรื่องอะไร?” หลี่เทียนฉี่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาให้เสิ่นชิงโจวฟังโดยละเอียด หลังจากฟังจบ สีหน้าของเสิ่นชิงโจวก็ดูแย่มาก อะไรกัน? หลี่หลงหลินสามารถทำให้ดอกไม้นานาพันธุ์เบ่งบานในฤดูหนาวได้?
“เสด็จแม่” หลี่หลงหลินโค้งคำนับให้ฮองเฮาหลิน “ฟ้ามืดแล้ว พระองค์รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาหลินพยักหน้าเล็กน้อย ทว่ายังคงลังเลที่จะเอ่ยปาก หลี่หลงหลินขึ้นรถม้าพร้อมกับคนในตระกูลซู เพื่อออกจากวังกลับไปยังจวนสกุลซู ภายในรถม้า แม่ทัพผู้เฒ่าซูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “รัชทายาท เหตุใดพระองค์ถึงทำเช่นนี้? กลุ่มข้าราชการเต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ เหตุใดพระองค์จึงปฏิเสธ?” ฟึบ! ทันใดนั้น สายตาของซูเฟิ่งหลิงและพี่สะใภ้ทั้งสี่ก็จับจ้องไปที่หลี่หลงหลิน ในใจพวกนางรู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับแม่ทัพผู้เฒ่าซู นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะรวบรวมกลุ่มข้าราชการไว้ในมือ เหตุใดหลี่หลงหลินถึงปฏิเสธ แถมยังพูดจาดูถูกจนทำให้กลุ่มข้าราชการขุ่นเคือง? หรือว่า... หลี่หลงหลินไม่เข้าใจ ว่าหากกลุ่มข้าราชการสวามิภักดิ์ด้วย เขาก็จะทรงครองตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างมั่นคง ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ แผ่นดินต้าเซี่ยจะอยู่ในมือของเขา? หลี่หลงหลินสีหน้าเคร่งขรึม เขาแงนมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “แผ่นดินต้าเซี่ยนี้ ผุพังเกินเยียวยานานแล้ว ข้าจะเอาไปทำอะไร?” บรรดาหญิงสาว
ฮ่องเต้หวู่ปวดหัวแทบระเบิด สองมือกดขมับคลึงเค้น สมองแทบเหลวเป็นแป้งเปียก ฮ่องเต้หวู่จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากหลี่หลงหลินอย่างจนปัญญา: “เจ้าเก้า เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไรดี?” หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย: “เสด็จพ่อ ใกล้ค่ำแล้ว วันนี้แยกย้ายกันเพียงเท่านี้เถิด! สุขภาพของท่านสำคัญยิ่งนัก รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หวู่ชะงัก: “แยกย้ายกันเพียงเท่านี้? แล้วคดีทุจริตของซ่งชิงหลวนเล่าจะทำเช่นไร?” หลี่หลงหลินผายมือ: “ก็ทำตามที่ควรทำ ตอนนี้เสด็จพ่อมีหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ให้พวกเขาไปสืบสวนก็สิ้นเรื่อง! ควรจับก็จับ ควรตัดสินก็ตัดสิน ควรประหารก็ประหาร!” “การสอบคัดเลือกขุนนางเป็นเรื่องใหญ่ยิ่ง ครั้งนี้ต้องสืบสวนให้ถึงที่สุด!” ฮ่องเต้หวู่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในทันที เมื่อก่อนข้าพึ่งพาเหล่าขุนนางมากเกินไป จึงสูญเสียอำนาจในการตัดสินใจ ทำอะไรก็ต้องคอยระแวดระวัง กระทั่งถูกริดรอนอำนาจ เป็นฮ่องเต้เช่นนี้ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก! แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ข้ามีหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาขุนนางพวกนี้อีกต่อไป! ข้าอยากจะสืบสวนอย่างไร ก็ทำได้ตามใจ! ดี! ฮ่องเต้หวู
ฮ่องเต้หวู่ทรงกริ้วจัดเดิมที เขาทรงคิดว่าซ่งชิงหลวนเป็นผู้มีปัญญามาก มีคุณธรรมสูงส่ง เป็นที่เคารพนับถือ คาดไม่ถึงเลยจริงๆหลายปีมานี้ ซ่งชิงหลวนสมคบกับตู้เหวินยวน ผูกขาดการสอบขุนนาง ทุจริต ฉ้อฉล ไม่รู้ว่ารีดไถทรัพย์สินจากราษฎรไปเท่าไหร่การคดโกงเงินทองนั้น จริงๆ แล้วฮ่องเต้หวู่ไม่ได้ใส่พระทัยขุนนางทั้งราชสำนัก มีใครบ้างที่ไม่รับสินบน?บัณฑิตร่ำเรียนมาสิบปี หวังจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็เพื่ออะไรกัน?เพื่อทำตามความฝันและปณิธานของตนเอง?เหลวไหล!ใครบ้างที่ไม่ทำเพื่อเงินทอง?ปัญหาคือ คนดีรักทรัพย์สิน ก็ควรได้มาโดยชอบธรรมหากซ่งชิงหลวนเพียงแค่ยักยอกค่าเล่าเรียนเล็กๆ น้อยๆ นั่นก็แล้วไป!เขากลับใช้การสอบขุนนางเป็นเครื่องมือ!ช่างเกินไปแล้ว!มิน่าเล่า ในราชสำนัก ขุนนางที่ไร้ความสามารถจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆแต่ละคนถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ตีสามครั้งก็ยังไม่ปริปากให้ไปปกครองบ้านเมือง ก็ทำได้แย่มิน่าเล่า หนิงชิงโหว ผู้มีความรู้ความสามารถ ถึงได้สอบตกแม้ว่าภายหลัง หนิงชิงโหวจะสอบได้จอหงวน ก็ยังเลือกที่จะไปเป็นอาจารย์อยู่ที่เขาประจิม ไม่ยอมเข้ารับราชการแท้จริงแล้ว รากฐานของต้าเซี่ย
เรื่องน่าอับอายของซ่งชิงหลวนเหล่านั้น ล้วนเป็นสิ่งที่นางกุขึ้นเองทั้งสิ้นหลักฐานของหลี่หลงหลินมาจากไหน?หรือว่าเพื่อช่วยนาง หลี่หลงหลินคิดจะปลอมแปลงหลักฐาน หลอกลวงเบื้องสูง?นี่... นี่ไม่ได้!การหลอกลวงเบื้องสูงเป็นความผิดมหันต์ต่อให้หลี่หลงหลินเป็นถึงรัชทายาท ก็ไม่อาจแบกรับไหว!ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องเต้หวู่กำลังทรงกริ้ว ถึงขั้นคิดจะถอดหลี่หลงหลินออกจากตำแหน่งรัชทายาทหลี่หลงหลินเสี่ยงอันตราย หากถูกฮ่องเต้หวู่จับได้ ก็คงจะถึงคราววิบัติ“องค์รัชทายาท”“อนาคตของท่านยังอีกยาวไกล เพื่อหญิงต่ำต้อยเช่นข้า เหตุใดต้องทำลายอนาคตตนเอง?”หลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลอาบแก้ม คิดจะเปิดเผยความจริงหลี่หลงหลินรีบส่งสัญญาณให้ซูเฟิ่งหลิง “เจ้าพาพี่สะใภ้สี่ไปด้านข้าง อย่าให้นางพูดอะไรเหลวไหล”ซูเฟิ่งหลิงจับแขนหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ ท่านอย่าพูดอะไรเลย! ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์รัชทายาทเถิด! มีเขาอยู่ ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า ถอยไปด้านข้างหลี่หลงหลินเห็นดังนั้น ก็ถอนหายใจยาวเกือบไปแล้ว!เกือบจะเกิดศึกภายใน ทำลายแผนการจนหมดสิ้นหลิ่วหรูเยียนยังขาดประสบการณ์ในเรื่องให
เมื่อมีหลี่เทียนฉี่เป็นหัวหอก เหล่าขุนนางก็ดาหน้าเข้ามาผสมโรง “ฝ่าบาท พระชายารัชทายาททำเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“กล้าขัดพระราชโองการอย่างเปิดเผย ช่างบังอาจยิ่งนัก!”“ซูเฟิ่งหลิงเป็นลูกหลานแม่ทัพ ไม่รู้ขนบธรรมเนียม รัชทายาท ท่านก็ไม่รู้หรืออย่างไร?”“ถูกแล้ว รัชทายาท! ท่านควรจะดูแลสตรีของท่านให้ดี! มิเช่นนั้นพูดมากไปก็จะเสียการ เป็นที่น่าอับอาย!”“หึๆ รัชทายาทขึ้นชื่อว่าเป็นคนกลัวเมีย เขาจะกล้าไปหือกับสตรีที่มุทะลุดุดันอย่างซูเฟิ่งหลิงหรือ? ไม่อยากอยู่แล้วหรือไร?”“คนหนึ่งกลัวเมีย อีกคนเป็นแม่เสือโคร่ง ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ!”“รัชทายาท ท่านจงดูแลแม่เสือโคร่งของท่านให้ดี อย่าปล่อยออกมาทำร้ายผู้อื่น”คำเยาะเย้ยถากถางถาโถมเข้ามาไม่หยุดซูเฟิ่งหลิงไม่สันทัดในการโต้เถียง ทั้งร้อนรนทั้งโกรธ น้ำตาคลอเบ้า แทบจะร้องไห้ออกมา “พวกเจ้า... พวกเจ้า...”“หุบปาก!”ในเวลานั้น เสียงตวาดดุจสายฟ้าฟาดก็ดังขึ้นในตำหนักฉางเล่อหลี่หลงหลินก้าวออกมา มือไพล่หลัง ท่าทางหยิ่งผยอง เอ่ยเสียงเย็น “รังแกผู้หญิง นับเป็นความสามารถอันใด? พวกท่านมีความสามารถ ก็มาโต้คารมกับข้าสักห้าร้อยยก แบบไม่มีกติกาก็ได้