หลี่หลงหลินส่ายหัว ถอนหายใจ “เกรงว่า จะใช้ไม่ได้!”ลั่วอวี้จู๋ตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเสื้อผ้าบุฝ้ายพวกนี้ นางตรวจสอบเองทุกตัว ล้วนแต่แข็งแรงทนทาน ทั้งยังเย็บปักดีเยี่ยมหลี่หลงหลินกลับบอกว่ามันใช้ไม่ได้?ความต้องการของเขาสูงขนาดนั้นเลยหรือ?หลิ่วหรูเยียนเองก็ตกใจเช่นกัน สองตางามน่าดึงดูด จ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน “องค์ชาย หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ? พระองค์ไม่ชอบงานจากคนงานหญิงของข้าหรือ?”ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างไม่พอใจ “ใช่แล้ว! พี่สะใภ้สี่ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญด้านดนตรี หมากล้อม อักษรวิจิตร ภาพวาดพู่กัน การกวีและการร้องเพลงเท่านั้น แต่ยังเก่งกาจด้านงานฝีมือเป็นที่สุด! เจ้าที่เป็นชายชาตรี มือไม้ซุ่มซ่าม ร้อยเข็มยังทำไม่ได้ กล้าดีอย่างไรมาสงสัยในความสามารถของคนงานหญิงของพี่สะใภ้สี่?”คนงานหญิงทุกคนเอง ก็ดูไม่มีความสุขเช่นกันในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา พวกนางทำงานล่วงเวลา ปั่นด้าย ตัดเย็บเสื้อผ้า ยุ่งจนไม่ได้พูดคุยกันแต่องค์ชายเก้าผู้นี้กลับเดินอาดๆ ทำตัวว่างงาน เหมือนเด็กข้างถนนไม่ผิดเพี้ยนตอนนี้เขากลับมาสร้างปัญหาเอาเสียได้ ทำผู้คนรำคาญใจมากจริงๆ!หลี่หลงหลินเผชิญหน้ากับ
พี่สะใภ้สี่ ท่านหอมมากขอรับ...เมื่อได้ยินคำพูดพยัคฆ์หมาป่า[footnoteRef:1]ที่หลี่หลงหลินเอ่ยออกมา สตรีทุกคนของตระกูลซูก็ตกตะลึง แน่นิ่งเป็นหินทันที! [1: เจ้าชู้ประตูดิน] ชั่วครู่หนึ่ง ตระกูลซูเงียบงัน เงียบอย่างน่าประหลาดใจแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าซูจะไม่อยู่แต่หลี่หลงหลินก็ยังกล้าลวนลามพี่สะใภ้สี่ต่อหน้าทุกคน?เขาบ้าไปแล้วหรือ?แม้แต่หลิ่วหรูเยียนที่เคยเป็นคณิกา คุ้นเคยกับการแสดงความรักยังหน้าแดงก่ำ ทั้งอายทั้งโกรธ!ชิ้ง!ซูเฟิ่งหลิงดึงวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยในมือออกมา พาดปลายกระบี่อันแหลมคมไปที่คอของหลี่หลงหลิน ก่นด่าด้วยความโกรธ “เจ้าสุนัข! กล้าดีอย่างไรมาหยาบคายกับพี่สะใภ้สี่ของข้า?!”หลี่หลงหลินกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าพูดเรื่องจริงนี่! ร่างของพี่สะใภ้สี่มีกลิ่นหอมแปลกๆ ลอยออกมา ทำให้ผู้คนล้วนแต่ใจสั่นไหว ไหนเลยจะเหมือนเจ้าที่เช้าเย็นรำหอกรำกระบี่? กลิ่นเหงื่อเหม็นโชย ฉุนจมูกยิ่งกว่าบุรุษเพศ...”ซูเฟิ่งหลิงโกรธจนเลิกคิ้ว “ข้า... ข้า... ข้าจะฆ่าเจ้า!”ลั่วอวี้จู๋ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หยุดซูเฟิ่งหลิงเอาไว้ “น้องหญิงเล็ก อย่าบุ่มบ่ามไป! องค์ชายเห้าพูดเช่นนั้นออกมา ต้องมีเหตุ
หลี่หลงหลินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “พวกเจ้าสตรีเหล่านี้น่ะ ไม่เข้าใจหัวอกของบุรุษ!”“พวกเจ้าลองคิดดู เหล่าทหารมีกี่คนแต่งงานมีครอบครัว?”“พวกเขาคนใดมิใช่ชายหนุ่มกระตือรือร้นบ้างเล่า?”“เป็นทหารนานนับสามปี เห็นแม่หมูงดงามยิ่งกว่าเตียวฉาน โฉมงามที่จันทรายังอายเสียอีก หรือพวกเจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนกระนั้น?”ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้าแม้ทุกคนล้วนเรียกนางว่าบุรุษในคราบสตรี แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นหญิงคนหนึ่งความคิดของบุรุษ ไฉนเลยนางจะเข้าใจได้?หลี่หลงหลินพูดต่อ “เหตุใดเหล่าทหารต้องเข้าร่วมกองทัพ ออกมาสู้รบในแนวหน้า? หรือว่าทำเพื่อปกป้องบ้านเมือง ขับไล่พวกหมานอี๋จริงหรือ? คนส่วนใหญ่ไม่มีจิตสำนึกสูงเพียงนั้นหรอกนะ”“พวกเขาแค่อยากเป็นทหารเพื่อหากิน ทำสงครามนานหลายปี สามารถหาเงินได้เล็กน้อย กลับบ้านขอเมียได้!”“พูดตามสัตย์จริง ที่พวกทหารต่อสู้ก็เพื่อสตรี!”“บัดนี้พวกเขาติดอยู่ที่เมืองซั่วเป่ย คิดถึงสตรีแทบแย่แล้ว!”“หากส่งเสื้อบุนวมนี้ไปให้ถึงมือพวกทหาร เพียงพวกเขาสวมใส่ ก็ได้กลิ่นหอมมีเสน่ห์ของสตรี ครั้นได้เห็นชื่อของสตรีบนปกคอเสื้อ รู้ว่าเสื้อบุนวมนี้ เป็นมือบอบบางดุจหยกของสตรีเย็บด้ายให้พวกเ
ณ เมืองซั่วเป่ยหิมะโปรยปราย อากาศหนาวเหน็บเสื้อผ้าจางไป่เจิงบางนัก ผิงตัวอยู่ที่ข้างกองไฟ ตัวสั่นหงึกหงัก “ท่านแม่ทัพ!”รองแม่ทัพทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว หยิบเสื้อคลุมขนสัตว์ห่มตัวจางไป่เจิง “อากาศหนาว ท่านอย่าเป็นหวัดเป็นอันขาด!”บ่าทั้งสองข้างของจางไป่เจิงสั่นกระเพื่อม ถอดเสื้อคลุมออก ห่มลงบนตัวรองแม่ทัพ ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ข้าเป็นแม่ทัพ ดีเลวอย่างไรก็สามารถผิงไฟทำตัวให้อุ่นภายในเมืองได้! แต่ตัวพวกเจ้าสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ ยังต้องยืนเฝ้ายามประจำตำแหน่ง....”“เฮ้อ สวรรค์ไม่เป็นใจ คนลำบากก็คือพวกเจ้า”เหล่าทหารเห็นจางไป่เจิงรักทหารเหมือนลูกชาย ต่างพากันพูดพลางสะอื้น “ท่านแม่ทัพ...”จางไป่เจิงโบกมือ “ข้าได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายที่ภายนอก พวกเผ่าหมานมาก่นด่าที่นอกเมืองอีกแล้วกระนั้น?”รองแม่ทัพเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ตอบท่านแม่ทัพ พวกเผ่าหมานก่นด่าที่นอกเมืองมานานราวสิบกว่าวันเห็นจะได้! พูดว่าพวกเราขี้ขลาดเหมือนหนู เป็นเต่าหัวหดอยู่ในกระดอง พวกเขายังจงใจฉี่ใส่กำแพงเมืองอีกด้วย...”“เหล่าทหารถูกเหยียดหยามเพียงนี้ ทั้งหมดล้วนโมโหมากแล้ว ทว่าพวกเรายังไม่ยอมออกไปรบ ขวัญกำลังใจก็ถูกทำลาย
ภาพประทับใจแรกมักหยั่งรากลึกอยู่เสมอภายในหัวใจจางไป่เจิง องค์ชายเก้าหลี่หลงหลินเป็นคนไร้การศึกษาไร้ความสามารถคนหนึ่ง รู้จักเพียงหาความสุขสำราญในหอนางโลม เพลิดเพลินกับชีวิตสุขสบาย เป็นตัวไร้ประโยชน์ทำแต่เรื่องไร้สาระ!เดิมทีจางไป่เจิงหมิ่นแคลนหลี่หลงหลินมากนักกอปรกับในระยะนี้มีข่าวลือส่งมาจากเมืองหลวง พูดว่าองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินเป็นตะวันพันมังกร ชมชอบบุรุษ ชนิดที่ว่าทำเรื่องรุ่มร่ามบนถนนจางไป่เจิงเป็นคนซื่อตรงคนหนึ่ง ภาพประทับใจที่มีต่อหลี่หลงหลินย่อมต่ำเตี้ยเรี่ยดิน!อันที่จริงไม่เพียงแค่จางไป่เจิง ทหารรักษาพระองค์นับแสนคนเองก็หมิ่นแคลนหลี่หลงหลินเฉกเช่นเดียวกันชื่อเสียงภายในกองทัพขององค์ชายเก้าท่านนี้แย่มากนัก แย่มากเสียจนกลายเป็นตัวตลกไปแล้ว!ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ ราชสำนักไม่ถามไถ่ ตรงข้ามกันกลับเป็นองค์ชายเก้าส่งเสื้อบุนวมมาให้?จางไป่เจิงฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้อย่างฉับพลันเบี้ยเลี้ยงของทหารรักษาพระองค์หนึ่งล้านตำลึงก็เป็นหลี่หลงหลินวางอุบาย หลอกมาจากเว่ยซวินได้!หรือว่าองค์ชายเก้าท่านนี้เก็บซ่อนความสามารถเอาไว้จริงๆ?“องค์ชายเก้าส่งเสื้อบุนวมมามากน้อยเพียงใด?”
เสื้อบุนวมมีกลิ่นของสตรี ยังมีชื่อของสตรีอีกด้วย?องค์ชายเก้ากำลังเล่นพิเรนทร์อันใด!จางไป่เจิงขมวดคิ้วทีหนึ่ง หยิบเสื้อบุนวมหนึ่งตัวขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ปรากฏว่าพบตัวอักษรงดงามบนปกคอเสื้อ...อวี้จู๋“อวี้จู๋?”“ลั่วอวี้จู๋?”“สะใภ้ใหญ่ของสกุลซู?”จางไป่เจิงนึกขึ้นได้ในทันใด “ใช่แล้ว ฝ่าบาทพระราชทานสมรส องค์ชายเก้าแต่งเป็นเขยสกุลซู! เสื้อบุนวมเหล่านี้ ดูท่าแล้วเป็นญาติฝ่ายหญิงสกุลซูเย็บเองกับมือ! เพราะเหตุนี้ถึงมีกลิ่นหอมของสตรี...”ทหารหน่วยกล้าตายทุกคนได้ยินคำพูดของจางไป่เจิงแล้ว กระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น“สตรีของสกุลซู ได้ยินมาว่าแต่ละคนล้วนงดงามเหมือนเทพธิดา!”“สะใภ้สี่ของสกุลซูหลิ่วหรูเยียน เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าแห่งสำนักการสังคีต!”“เว้นเสียแต่สกุลซูแล้ว น่าจะยังมีแม่ม่ายของกองทัพสกุลซูอีกด้วย พวกนางล้วนเป็นหญิงออกเรือนแล้วจิตใจดีมีคุณธรรม ทว่าน่าเสียดายทั้งหมดล้วนเป็นแม่ม่าย!”“แม่ม่ายแล้วอย่างไร? แม่ม่ายก็แต่งใหม่ได้ พาลูกชายมาให้เจ้าคนหนึ่ง นี่เจ้าได้กำไรมากมิใช่หรือ!”พยับเมฆที่ผ่านมาถูกกวาดออกไปในทันใด เกิดเสียงตลกขบขันภายในค่ายหลงหยาบนเสื้อบุนวมมีกลิ่นขอ
นับตั้งแต่หลี่หลงหลินอาศัยกำลังทหารที่หลงเหลืออยู่ของสกุลซู ปราบกบฏขององค์ชายหกลงได้ ก็ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท!ชื่อเสียงของเขามีมากขึ้นเรื่อย ๆ นางหลินผู้เป็นมารดาถูกแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟยได้ยินว่าฝ่าบาทยังพระราชทานกระบี่อาญาสิทธิ์หนึ่งเล่มให้หลี่หลงหลินอีกด้วย!นี่ต้องรีบไปผูกสัมพันธ์เสียแล้ว!ดังนั้น วันที่ได้รับเชิญ พ่อค้าเหล่านี้หลั่งไหลเข้ามาดุจปลาแหวกว่ายในวารี นั่งรถม้าเดินทางไปยังตลาดทิศทักษิณเดิมทีตลาดทิศทักษิณก็มีคนมากอยู่แล้ว คราวนี้แน่นขนัดจนแม้แต่น้ำมิอาจผ่านทางได้พวกพ่อค้าจนใจ ทำได้เพียงลงจากรถม้าและเดินไประหว่างเดินทาง เว้นเสียแต่พ่อค้าที่ได้รับเทียบเชิญแล้ว ยังมีราษฎร์มาดูความครึกครื้นไม่น้อย ทั้งหมดล้วนรวมตัวกันที่ร้านขายผ้าสกุลซูคึกคักเพียงนี้ นี่ครึกครื้นยิ่งกว่าวันสิ้นปีเสียอีก!เว้นเสียแต่ร้านขายผ้าสกุลซูแล้ว ระยะนี้ร้านรวงที่ตลาดทิศทักษิณก็เปิดกิจการไม่น้อย ขายซาลาเปาน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋และอาหารอีกมากมาย แต่ละร้านล้วนตะโกนเสียงดัง การค้าเฟื่องฟูพวกพ่อค้าเห็นสถานการณ์แล้ว ทั้งหมดก็เผยสีหน้าตกตะลึงได้ยินมิสู้ได้เห็นเองกับตาพวกเขาล้วนได้ยินมาว่าต
คำพูดของลั่วอวี้จู๋ ฟังดูแล้วน่าสนใจแต่ใช้งานจริงไม่ได้หากเป็นสถานการณ์ปกติ เหล่าพ่อค้าต้องมิอาจข่มตนเองได้ แย่งกันซื้อแล้วเป็นแน่ทว่าวันนี้ไม่เหมือนวันวานแล้วเหล่าพ่อค้ากลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ชนิดที่ว่ามีคนไม่น้อยอ้าปากหาวแล้วลั่วอวี้จู๋พูดอยู่นาน ปากสีกันจนจะแตกแล้ว คอเองก็เริ่มแสบร้อน แต่ก็ยังไม่สามารถขายได้พ่อค้าคนหนึ่งลุกขึ้น พูดเสียงดัง “เจ้าของร้านลั่ว ท่านเองก็คือคนทำการค้า! มิใช่พวกเราไม่ชื่นชมองค์ชายเก้า! แต่พวกเจ้าขายร้านราคาสูงเกินไปแล้ว!”พ่อค้าคนอื่นต่างพากันร้องรับ “ใช่แล้ว ตอนนี้เป็นเวลาใด? เผ่าหมานใกล้ตีถึงเมืองหลวงแล้ว เมื่อนั้นร้านเหล่านี้ก็ราคาไม่ถึงหนึ่งอีแปะแล้ว!”“หากถูกลงกว่านี้อีกหน่อย พวกเราอาจยังพิจารณาดู!”“แพงเพียงนี้ คนโง่ต่างหากจะซื้อ!”แม้ฐานะของพวกพ่อค้าในสังคมต่ำมาก แต่พวกเขาล้วนมีไหวพริบ ไม่มีวันติดกับอย่างง่ายดายลั่วอวี้จู๋เอือมระอา ทอดสายตาขอความช่วยเหลือไปทางหลี่หลงหลินตอนนี้ หลี่หลงหลินกำลังนั่งอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง ขาทั้งสองข้างไขว้กัน จิบชาช้าๆซูเฟิ่งหลิงถือกระบี่อาญาสิทธิ์ ยืนข้างกายเขา ทำหน้าที่เป็นผู้คุมกัน“องค์ชายเก้า พวกพ
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค