ลั่วอวี้จู๋ใช้ดวงตาคู่งามมองไปที่หลี่หลงหลิน แล้วพูดว่า “ถ้าอากาศดีลมโชย สถานการณ์มั่นคง ท่านย่อมทำเช่นนั้นได้แน่นอน! แต่ยามนี้เป็นเวลาใด?”“กองทัพหม่านอี๋กำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด จะโจมตีเมืองหลวงเมื่อใดก็ได้!”“แม้ว่าทหารรักษาพระองค์จะออกทัพไปแล้ว แต่ก็ทำได้เพียงเลี่ยงการรบ ยังไม่มีข่าวชัยชนะ!”“สงครามอยู่ในภาวะอันตราย ผู้คนตื่นตระหนก เศรษฐีที่ร่ำรวย หรือแม้กระทั่งประชาชนทั่วไปล้วนแต่หนีลงทางใต้ หลบภัยพิบัตินี้”“ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ ใครจะยอมควักเงินมาซื้อร้านในตลาดทักษิณ?“เมื่อหม่านอี๋บุกเข้าเมืองหลวง ร้านค้าต่างๆ ก็ไร้ค่า เงินทั้งหมดจะไม่ใช่ว่าสูญเปล่าหรือ?”สิ่งที่ลั่วอวี้จู๋พูด จริงอย่างยิ่งไม่ว่าแผนของหลี่หลงหลินจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ก็ขัดกับสถานการณ์ความจริง!ถึงแม้จะว่ากันว่า มนุษย์สามารถพิชิตฟ้าได้ก็ตาม!แต่สุดท้าย พลังของมนุษย์ก็จะหมดลง และแม้แต่โอรสสวรรค์เองไม่อาจต่อต้านสวรรค์ได้!ยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินยังเป็นเพียงองค์ชายไร้ประโยชน์ที่ไม่มีอำนาจ?หลี่หลงหลินยิ้มและพูดว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านพูดถูกต้อง! ทหารรักษาพระองค์หนึ่งวันไร้ข่าวคราว ใจของประชาชนก็จะไ
“ท่านว่าอะไรนะ?”ดวงตาคู่งามของลั่วอวี้จู๋เบิกกว้าง จ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลินด้วยความตกใจ “ท่านจะจัดหาชุดผ้าฝ้ายสำหรับทหารหนึ่งแสนนาย?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “ไม่ผิด”ใบหน้างดงามของหลี่หลงหลินแสดงความประหลาดใจ “คำสั่งซื้อนี้ไม่เล็กเลย พวกเราทำเงินจากมันได้มหาศาล! ราชสำนักมีแผนจะจ่ายเงินให้เท่าไร? ลงนามสัญญาหรือยังเพคะ?”หลี่หลงหลินส่ายหัวเบาๆ “พวกเราจะมอบชุดผ้าฝ้ายให้กับทหารโดยไม่คิดเงิน แม้ว่าจะไม่ได้ลงนามสัญญา แต่เพราะเป็นข้ากับเสด็จพ่อให้คำรับรองแก่กัน เช่นนั้นก็ย่อมไม่มีวันผิดคำพูด”ลั่วอวี้จู๋ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงฟุ่มเฟือยคือสิ่งใด?หลี่หลงหลินก็คือคนฟุ่มเฟือยอย่างแท้จริง!เขาขยับขยายร้านขายผ้าตระกูลซูสุ่มสี่สุ่มห้า ทำให้กิจการซึ่งแต่เดิมเป็นการรับประกันผลกำไร เกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่ไม่อาจเติมได้เต็มตอนนี้ เขายังคิดจะมอบชุดผ้าฝ้ายให้กับทหารรักษาพระองค์อีกแสนนายไปโดยไม่เก็บเงิน?ทรัพย์สินที่ตระกูลซูมีมากเท่าใด ยามนี้ไม่พอให้หลี่หลงหลินใช้สอยแล้ว!ลั่วอวี้จู๋ส่ายหัวจนหัวสั่นหัวคลอน รีบพูดออกมาว่า “ไม่ได้! ไม่ได้แน่นอนเจ้าค่ะ! ตระกูลซูเหลือเงินอยู่อีกไม่มากแล้ว ไม่อาจให
หลี่หลงหลินส่ายหัว ถอนหายใจ “เกรงว่า จะใช้ไม่ได้!”ลั่วอวี้จู๋ตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเสื้อผ้าบุฝ้ายพวกนี้ นางตรวจสอบเองทุกตัว ล้วนแต่แข็งแรงทนทาน ทั้งยังเย็บปักดีเยี่ยมหลี่หลงหลินกลับบอกว่ามันใช้ไม่ได้?ความต้องการของเขาสูงขนาดนั้นเลยหรือ?หลิ่วหรูเยียนเองก็ตกใจเช่นกัน สองตางามน่าดึงดูด จ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน “องค์ชาย หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ? พระองค์ไม่ชอบงานจากคนงานหญิงของข้าหรือ?”ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างไม่พอใจ “ใช่แล้ว! พี่สะใภ้สี่ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญด้านดนตรี หมากล้อม อักษรวิจิตร ภาพวาดพู่กัน การกวีและการร้องเพลงเท่านั้น แต่ยังเก่งกาจด้านงานฝีมือเป็นที่สุด! เจ้าที่เป็นชายชาตรี มือไม้ซุ่มซ่าม ร้อยเข็มยังทำไม่ได้ กล้าดีอย่างไรมาสงสัยในความสามารถของคนงานหญิงของพี่สะใภ้สี่?”คนงานหญิงทุกคนเอง ก็ดูไม่มีความสุขเช่นกันในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา พวกนางทำงานล่วงเวลา ปั่นด้าย ตัดเย็บเสื้อผ้า ยุ่งจนไม่ได้พูดคุยกันแต่องค์ชายเก้าผู้นี้กลับเดินอาดๆ ทำตัวว่างงาน เหมือนเด็กข้างถนนไม่ผิดเพี้ยนตอนนี้เขากลับมาสร้างปัญหาเอาเสียได้ ทำผู้คนรำคาญใจมากจริงๆ!หลี่หลงหลินเผชิญหน้ากับ
พี่สะใภ้สี่ ท่านหอมมากขอรับ...เมื่อได้ยินคำพูดพยัคฆ์หมาป่า[footnoteRef:1]ที่หลี่หลงหลินเอ่ยออกมา สตรีทุกคนของตระกูลซูก็ตกตะลึง แน่นิ่งเป็นหินทันที! [1: เจ้าชู้ประตูดิน] ชั่วครู่หนึ่ง ตระกูลซูเงียบงัน เงียบอย่างน่าประหลาดใจแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าซูจะไม่อยู่แต่หลี่หลงหลินก็ยังกล้าลวนลามพี่สะใภ้สี่ต่อหน้าทุกคน?เขาบ้าไปแล้วหรือ?แม้แต่หลิ่วหรูเยียนที่เคยเป็นคณิกา คุ้นเคยกับการแสดงความรักยังหน้าแดงก่ำ ทั้งอายทั้งโกรธ!ชิ้ง!ซูเฟิ่งหลิงดึงวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยในมือออกมา พาดปลายกระบี่อันแหลมคมไปที่คอของหลี่หลงหลิน ก่นด่าด้วยความโกรธ “เจ้าสุนัข! กล้าดีอย่างไรมาหยาบคายกับพี่สะใภ้สี่ของข้า?!”หลี่หลงหลินกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าพูดเรื่องจริงนี่! ร่างของพี่สะใภ้สี่มีกลิ่นหอมแปลกๆ ลอยออกมา ทำให้ผู้คนล้วนแต่ใจสั่นไหว ไหนเลยจะเหมือนเจ้าที่เช้าเย็นรำหอกรำกระบี่? กลิ่นเหงื่อเหม็นโชย ฉุนจมูกยิ่งกว่าบุรุษเพศ...”ซูเฟิ่งหลิงโกรธจนเลิกคิ้ว “ข้า... ข้า... ข้าจะฆ่าเจ้า!”ลั่วอวี้จู๋ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หยุดซูเฟิ่งหลิงเอาไว้ “น้องหญิงเล็ก อย่าบุ่มบ่ามไป! องค์ชายเห้าพูดเช่นนั้นออกมา ต้องมีเหตุ
หลี่หลงหลินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “พวกเจ้าสตรีเหล่านี้น่ะ ไม่เข้าใจหัวอกของบุรุษ!”“พวกเจ้าลองคิดดู เหล่าทหารมีกี่คนแต่งงานมีครอบครัว?”“พวกเขาคนใดมิใช่ชายหนุ่มกระตือรือร้นบ้างเล่า?”“เป็นทหารนานนับสามปี เห็นแม่หมูงดงามยิ่งกว่าเตียวฉาน โฉมงามที่จันทรายังอายเสียอีก หรือพวกเจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนกระนั้น?”ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้าแม้ทุกคนล้วนเรียกนางว่าบุรุษในคราบสตรี แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นหญิงคนหนึ่งความคิดของบุรุษ ไฉนเลยนางจะเข้าใจได้?หลี่หลงหลินพูดต่อ “เหตุใดเหล่าทหารต้องเข้าร่วมกองทัพ ออกมาสู้รบในแนวหน้า? หรือว่าทำเพื่อปกป้องบ้านเมือง ขับไล่พวกหมานอี๋จริงหรือ? คนส่วนใหญ่ไม่มีจิตสำนึกสูงเพียงนั้นหรอกนะ”“พวกเขาแค่อยากเป็นทหารเพื่อหากิน ทำสงครามนานหลายปี สามารถหาเงินได้เล็กน้อย กลับบ้านขอเมียได้!”“พูดตามสัตย์จริง ที่พวกทหารต่อสู้ก็เพื่อสตรี!”“บัดนี้พวกเขาติดอยู่ที่เมืองซั่วเป่ย คิดถึงสตรีแทบแย่แล้ว!”“หากส่งเสื้อบุนวมนี้ไปให้ถึงมือพวกทหาร เพียงพวกเขาสวมใส่ ก็ได้กลิ่นหอมมีเสน่ห์ของสตรี ครั้นได้เห็นชื่อของสตรีบนปกคอเสื้อ รู้ว่าเสื้อบุนวมนี้ เป็นมือบอบบางดุจหยกของสตรีเย็บด้ายให้พวกเ
ณ เมืองซั่วเป่ยหิมะโปรยปราย อากาศหนาวเหน็บเสื้อผ้าจางไป่เจิงบางนัก ผิงตัวอยู่ที่ข้างกองไฟ ตัวสั่นหงึกหงัก “ท่านแม่ทัพ!”รองแม่ทัพทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว หยิบเสื้อคลุมขนสัตว์ห่มตัวจางไป่เจิง “อากาศหนาว ท่านอย่าเป็นหวัดเป็นอันขาด!”บ่าทั้งสองข้างของจางไป่เจิงสั่นกระเพื่อม ถอดเสื้อคลุมออก ห่มลงบนตัวรองแม่ทัพ ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ข้าเป็นแม่ทัพ ดีเลวอย่างไรก็สามารถผิงไฟทำตัวให้อุ่นภายในเมืองได้! แต่ตัวพวกเจ้าสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ ยังต้องยืนเฝ้ายามประจำตำแหน่ง....”“เฮ้อ สวรรค์ไม่เป็นใจ คนลำบากก็คือพวกเจ้า”เหล่าทหารเห็นจางไป่เจิงรักทหารเหมือนลูกชาย ต่างพากันพูดพลางสะอื้น “ท่านแม่ทัพ...”จางไป่เจิงโบกมือ “ข้าได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายที่ภายนอก พวกเผ่าหมานมาก่นด่าที่นอกเมืองอีกแล้วกระนั้น?”รองแม่ทัพเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ตอบท่านแม่ทัพ พวกเผ่าหมานก่นด่าที่นอกเมืองมานานราวสิบกว่าวันเห็นจะได้! พูดว่าพวกเราขี้ขลาดเหมือนหนู เป็นเต่าหัวหดอยู่ในกระดอง พวกเขายังจงใจฉี่ใส่กำแพงเมืองอีกด้วย...”“เหล่าทหารถูกเหยียดหยามเพียงนี้ ทั้งหมดล้วนโมโหมากแล้ว ทว่าพวกเรายังไม่ยอมออกไปรบ ขวัญกำลังใจก็ถูกทำลาย
ภาพประทับใจแรกมักหยั่งรากลึกอยู่เสมอภายในหัวใจจางไป่เจิง องค์ชายเก้าหลี่หลงหลินเป็นคนไร้การศึกษาไร้ความสามารถคนหนึ่ง รู้จักเพียงหาความสุขสำราญในหอนางโลม เพลิดเพลินกับชีวิตสุขสบาย เป็นตัวไร้ประโยชน์ทำแต่เรื่องไร้สาระ!เดิมทีจางไป่เจิงหมิ่นแคลนหลี่หลงหลินมากนักกอปรกับในระยะนี้มีข่าวลือส่งมาจากเมืองหลวง พูดว่าองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินเป็นตะวันพันมังกร ชมชอบบุรุษ ชนิดที่ว่าทำเรื่องรุ่มร่ามบนถนนจางไป่เจิงเป็นคนซื่อตรงคนหนึ่ง ภาพประทับใจที่มีต่อหลี่หลงหลินย่อมต่ำเตี้ยเรี่ยดิน!อันที่จริงไม่เพียงแค่จางไป่เจิง ทหารรักษาพระองค์นับแสนคนเองก็หมิ่นแคลนหลี่หลงหลินเฉกเช่นเดียวกันชื่อเสียงภายในกองทัพขององค์ชายเก้าท่านนี้แย่มากนัก แย่มากเสียจนกลายเป็นตัวตลกไปแล้ว!ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ ราชสำนักไม่ถามไถ่ ตรงข้ามกันกลับเป็นองค์ชายเก้าส่งเสื้อบุนวมมาให้?จางไป่เจิงฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้อย่างฉับพลันเบี้ยเลี้ยงของทหารรักษาพระองค์หนึ่งล้านตำลึงก็เป็นหลี่หลงหลินวางอุบาย หลอกมาจากเว่ยซวินได้!หรือว่าองค์ชายเก้าท่านนี้เก็บซ่อนความสามารถเอาไว้จริงๆ?“องค์ชายเก้าส่งเสื้อบุนวมมามากน้อยเพียงใด?”
เสื้อบุนวมมีกลิ่นของสตรี ยังมีชื่อของสตรีอีกด้วย?องค์ชายเก้ากำลังเล่นพิเรนทร์อันใด!จางไป่เจิงขมวดคิ้วทีหนึ่ง หยิบเสื้อบุนวมหนึ่งตัวขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ปรากฏว่าพบตัวอักษรงดงามบนปกคอเสื้อ...อวี้จู๋“อวี้จู๋?”“ลั่วอวี้จู๋?”“สะใภ้ใหญ่ของสกุลซู?”จางไป่เจิงนึกขึ้นได้ในทันใด “ใช่แล้ว ฝ่าบาทพระราชทานสมรส องค์ชายเก้าแต่งเป็นเขยสกุลซู! เสื้อบุนวมเหล่านี้ ดูท่าแล้วเป็นญาติฝ่ายหญิงสกุลซูเย็บเองกับมือ! เพราะเหตุนี้ถึงมีกลิ่นหอมของสตรี...”ทหารหน่วยกล้าตายทุกคนได้ยินคำพูดของจางไป่เจิงแล้ว กระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น“สตรีของสกุลซู ได้ยินมาว่าแต่ละคนล้วนงดงามเหมือนเทพธิดา!”“สะใภ้สี่ของสกุลซูหลิ่วหรูเยียน เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าแห่งสำนักการสังคีต!”“เว้นเสียแต่สกุลซูแล้ว น่าจะยังมีแม่ม่ายของกองทัพสกุลซูอีกด้วย พวกนางล้วนเป็นหญิงออกเรือนแล้วจิตใจดีมีคุณธรรม ทว่าน่าเสียดายทั้งหมดล้วนเป็นแม่ม่าย!”“แม่ม่ายแล้วอย่างไร? แม่ม่ายก็แต่งใหม่ได้ พาลูกชายมาให้เจ้าคนหนึ่ง นี่เจ้าได้กำไรมากมิใช่หรือ!”พยับเมฆที่ผ่านมาถูกกวาดออกไปในทันใด เกิดเสียงตลกขบขันภายในค่ายหลงหยาบนเสื้อบุนวมมีกลิ่นขอ
“เสด็จแม่” หลี่หลงหลินโค้งคำนับให้ฮองเฮาหลิน “ฟ้ามืดแล้ว พระองค์รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาหลินพยักหน้าเล็กน้อย ทว่ายังคงลังเลที่จะเอ่ยปาก หลี่หลงหลินขึ้นรถม้าพร้อมกับคนในตระกูลซู เพื่อออกจากวังกลับไปยังจวนสกุลซู ภายในรถม้า แม่ทัพผู้เฒ่าซูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “รัชทายาท เหตุใดพระองค์ถึงทำเช่นนี้? กลุ่มข้าราชการเต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ เหตุใดพระองค์จึงปฏิเสธ?” ฟึบ! ทันใดนั้น สายตาของซูเฟิ่งหลิงและพี่สะใภ้ทั้งสี่ก็จับจ้องไปที่หลี่หลงหลิน ในใจพวกนางรู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับแม่ทัพผู้เฒ่าซู นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะรวบรวมกลุ่มข้าราชการไว้ในมือ เหตุใดหลี่หลงหลินถึงปฏิเสธ แถมยังพูดจาดูถูกจนทำให้กลุ่มข้าราชการขุ่นเคือง? หรือว่า... หลี่หลงหลินไม่เข้าใจ ว่าหากกลุ่มข้าราชการสวามิภักดิ์ด้วย เขาก็จะทรงครองตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างมั่นคง ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ แผ่นดินต้าเซี่ยจะอยู่ในมือของเขา? หลี่หลงหลินสีหน้าเคร่งขรึม เขาแงนมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “แผ่นดินต้าเซี่ยนี้ ผุพังเกินเยียวยานานแล้ว ข้าจะเอาไปทำอะไร?” บรรดาหญิงสาว
ฮ่องเต้หวู่ปวดหัวแทบระเบิด สองมือกดขมับคลึงเค้น สมองแทบเหลวเป็นแป้งเปียก ฮ่องเต้หวู่จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากหลี่หลงหลินอย่างจนปัญญา: “เจ้าเก้า เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไรดี?” หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย: “เสด็จพ่อ ใกล้ค่ำแล้ว วันนี้แยกย้ายกันเพียงเท่านี้เถิด! สุขภาพของท่านสำคัญยิ่งนัก รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หวู่ชะงัก: “แยกย้ายกันเพียงเท่านี้? แล้วคดีทุจริตของซ่งชิงหลวนเล่าจะทำเช่นไร?” หลี่หลงหลินผายมือ: “ก็ทำตามที่ควรทำ ตอนนี้เสด็จพ่อมีหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ให้พวกเขาไปสืบสวนก็สิ้นเรื่อง! ควรจับก็จับ ควรตัดสินก็ตัดสิน ควรประหารก็ประหาร!” “การสอบคัดเลือกขุนนางเป็นเรื่องใหญ่ยิ่ง ครั้งนี้ต้องสืบสวนให้ถึงที่สุด!” ฮ่องเต้หวู่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในทันที เมื่อก่อนข้าพึ่งพาเหล่าขุนนางมากเกินไป จึงสูญเสียอำนาจในการตัดสินใจ ทำอะไรก็ต้องคอยระแวดระวัง กระทั่งถูกริดรอนอำนาจ เป็นฮ่องเต้เช่นนี้ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก! แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ข้ามีหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาขุนนางพวกนี้อีกต่อไป! ข้าอยากจะสืบสวนอย่างไร ก็ทำได้ตามใจ! ดี! ฮ่องเต้หวู
ฮ่องเต้หวู่ทรงกริ้วจัดเดิมที เขาทรงคิดว่าซ่งชิงหลวนเป็นผู้มีปัญญามาก มีคุณธรรมสูงส่ง เป็นที่เคารพนับถือ คาดไม่ถึงเลยจริงๆหลายปีมานี้ ซ่งชิงหลวนสมคบกับตู้เหวินยวน ผูกขาดการสอบขุนนาง ทุจริต ฉ้อฉล ไม่รู้ว่ารีดไถทรัพย์สินจากราษฎรไปเท่าไหร่การคดโกงเงินทองนั้น จริงๆ แล้วฮ่องเต้หวู่ไม่ได้ใส่พระทัยขุนนางทั้งราชสำนัก มีใครบ้างที่ไม่รับสินบน?บัณฑิตร่ำเรียนมาสิบปี หวังจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็เพื่ออะไรกัน?เพื่อทำตามความฝันและปณิธานของตนเอง?เหลวไหล!ใครบ้างที่ไม่ทำเพื่อเงินทอง?ปัญหาคือ คนดีรักทรัพย์สิน ก็ควรได้มาโดยชอบธรรมหากซ่งชิงหลวนเพียงแค่ยักยอกค่าเล่าเรียนเล็กๆ น้อยๆ นั่นก็แล้วไป!เขากลับใช้การสอบขุนนางเป็นเครื่องมือ!ช่างเกินไปแล้ว!มิน่าเล่า ในราชสำนัก ขุนนางที่ไร้ความสามารถจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆแต่ละคนถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ตีสามครั้งก็ยังไม่ปริปากให้ไปปกครองบ้านเมือง ก็ทำได้แย่มิน่าเล่า หนิงชิงโหว ผู้มีความรู้ความสามารถ ถึงได้สอบตกแม้ว่าภายหลัง หนิงชิงโหวจะสอบได้จอหงวน ก็ยังเลือกที่จะไปเป็นอาจารย์อยู่ที่เขาประจิม ไม่ยอมเข้ารับราชการแท้จริงแล้ว รากฐานของต้าเซี่ย
เรื่องน่าอับอายของซ่งชิงหลวนเหล่านั้น ล้วนเป็นสิ่งที่นางกุขึ้นเองทั้งสิ้นหลักฐานของหลี่หลงหลินมาจากไหน?หรือว่าเพื่อช่วยนาง หลี่หลงหลินคิดจะปลอมแปลงหลักฐาน หลอกลวงเบื้องสูง?นี่... นี่ไม่ได้!การหลอกลวงเบื้องสูงเป็นความผิดมหันต์ต่อให้หลี่หลงหลินเป็นถึงรัชทายาท ก็ไม่อาจแบกรับไหว!ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องเต้หวู่กำลังทรงกริ้ว ถึงขั้นคิดจะถอดหลี่หลงหลินออกจากตำแหน่งรัชทายาทหลี่หลงหลินเสี่ยงอันตราย หากถูกฮ่องเต้หวู่จับได้ ก็คงจะถึงคราววิบัติ“องค์รัชทายาท”“อนาคตของท่านยังอีกยาวไกล เพื่อหญิงต่ำต้อยเช่นข้า เหตุใดต้องทำลายอนาคตตนเอง?”หลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลอาบแก้ม คิดจะเปิดเผยความจริงหลี่หลงหลินรีบส่งสัญญาณให้ซูเฟิ่งหลิง “เจ้าพาพี่สะใภ้สี่ไปด้านข้าง อย่าให้นางพูดอะไรเหลวไหล”ซูเฟิ่งหลิงจับแขนหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ ท่านอย่าพูดอะไรเลย! ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์รัชทายาทเถิด! มีเขาอยู่ ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า ถอยไปด้านข้างหลี่หลงหลินเห็นดังนั้น ก็ถอนหายใจยาวเกือบไปแล้ว!เกือบจะเกิดศึกภายใน ทำลายแผนการจนหมดสิ้นหลิ่วหรูเยียนยังขาดประสบการณ์ในเรื่องให
เมื่อมีหลี่เทียนฉี่เป็นหัวหอก เหล่าขุนนางก็ดาหน้าเข้ามาผสมโรง “ฝ่าบาท พระชายารัชทายาททำเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“กล้าขัดพระราชโองการอย่างเปิดเผย ช่างบังอาจยิ่งนัก!”“ซูเฟิ่งหลิงเป็นลูกหลานแม่ทัพ ไม่รู้ขนบธรรมเนียม รัชทายาท ท่านก็ไม่รู้หรืออย่างไร?”“ถูกแล้ว รัชทายาท! ท่านควรจะดูแลสตรีของท่านให้ดี! มิเช่นนั้นพูดมากไปก็จะเสียการ เป็นที่น่าอับอาย!”“หึๆ รัชทายาทขึ้นชื่อว่าเป็นคนกลัวเมีย เขาจะกล้าไปหือกับสตรีที่มุทะลุดุดันอย่างซูเฟิ่งหลิงหรือ? ไม่อยากอยู่แล้วหรือไร?”“คนหนึ่งกลัวเมีย อีกคนเป็นแม่เสือโคร่ง ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ!”“รัชทายาท ท่านจงดูแลแม่เสือโคร่งของท่านให้ดี อย่าปล่อยออกมาทำร้ายผู้อื่น”คำเยาะเย้ยถากถางถาโถมเข้ามาไม่หยุดซูเฟิ่งหลิงไม่สันทัดในการโต้เถียง ทั้งร้อนรนทั้งโกรธ น้ำตาคลอเบ้า แทบจะร้องไห้ออกมา “พวกเจ้า... พวกเจ้า...”“หุบปาก!”ในเวลานั้น เสียงตวาดดุจสายฟ้าฟาดก็ดังขึ้นในตำหนักฉางเล่อหลี่หลงหลินก้าวออกมา มือไพล่หลัง ท่าทางหยิ่งผยอง เอ่ยเสียงเย็น “รังแกผู้หญิง นับเป็นความสามารถอันใด? พวกท่านมีความสามารถ ก็มาโต้คารมกับข้าสักห้าร้อยยก แบบไม่มีกติกาก็ได้
หลิ่วหรูเยียนเห็นขุนนางทั้งราชสำนัก แทบจะเทใจสนับสนุนองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่ทั้งหมด พากันกล่าวโทษหลี่หลงหลินอย่างรุนแรง นางก็ตื่นตระหนก คิดว่าเคราะห์ใหญ่กำลังจะมาเยือนนางได้มอบชีวิตของตนให้แก่หลี่หลงหลินแล้ว ยินยอมที่จะตายแทนเขาดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อหาใด หลิ่วหรูเยียนก็รับไว้ทั้งหมดโดยไม่ลังเล!“พี่สะใภ้สี่ เจ้า...”หลี่หลงหลินมองหลิ่วหรูเยียนด้วยความซาบซึ้งใจเขาก็คาดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อเขา!ตัวเขาเป็นถึงรัชทายาท ข้อหาหมิ่นประมาทบัณฑิตทรงคุณวุฒิ ก็มีโทษเพียงแค่ริบเบี้ยหวัดเท่านั้นแต่หลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงสามัญชน ไม่มีอำนาจ ไม่มีบารมี ไม่มีผู้หนุนหลังหากนางต้องรับโทษนี้ มีหวังต้องหัวหลุดจากบ่าฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้วขึ้น มองหลิ่วหรูเยียนด้วยความประหลาดใจ “เจ้าจะรับผิดแล้วหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่า โทษนี้ เจ้าคนเดียวไม่อาจรับไหว!”บนใบหน้างดงามของหลิ่วหรูเยียน ปรากฏรอยยิ้มที่งดงามปนเศร้า “ฝ่าบาท ไม่ว่าจะเป็นโทษทัณฑ์ใด หม่อมฉันก็ยินดีรับไว้ทั้งหมด!”“ช่างเป็นคนมีน้ำใจ...”ฮ่องเต้หวู่รำพึงในใจ “มิน่าเล่า เจ้าถึงได้แต่ง “ความฝันในหอแดง” ได้...”
ไม่ยอมรับ!ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป ทั่วทั้งท้องพระโรงก็ตกอยู่ในความเงียบงันราวกับป่าช้า!เหล่าขุนนางเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูของตนได้ยินฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น แววตาฉายแววขุ่นเคืองและผิดหวัง “เจ้าเก้า! เจ้าไม่เข้าใจความหวังดีของข้าอย่างนั้นหรือ? จำเป็นต้องมาขัดขวางข้าต่อหน้าธารกำนัล ในงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาเช่นนี้?”เขาเป็นทั้งฮ่องเต้และบิดา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด ก็ต้องรักษาไว้ซึ่งบารมี!พูดกันตามตรงไม่ว่าใครก็ต่างมองว่าฮ่องเต้หวู่ทรงลำเอียงเข้าข้างหลี่หลงหลินอย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นที่เรียกว่าทรงโปรดปรานก็ว่าได้!การลงโทษให้ริบเบี้ยหวัดเพียงสามเดือน ก็เป็นเงินแค่สามร้อยตำลึงโทษทัณฑ์นี้เบาบางยิ่งนักพูดง่ายๆ ก็คือทำเป็นพิธีไปเท่านั้นหลี่หลงหลินจะไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่ปลายก้อยแต่ฮ่องเต้หวู่ทรงทำเพื่อหลี่หลงหลินถึงเพียงนี้หลี่หลงหลินกลับยังคงไม่ยอมรับผิด!“แม้แต่โทษเพียงเล็กน้อยแค่นี้ ก็ยังไม่ยอมรับอีกหรือ?”“เจ้าเก้า เจ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก!”“ข้าหวังดีต่อเจ้า แต่เจ้ากลับไม่เห็นค่า!”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจในใจความหวังดีของเขาถูกหล
ฮ่องเต้หวู่อ่านกลับไปกลับมาหลายรอบ ก็ยังไม่เข้าใจ “องค์ชายใหญ่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”หลี่เทียนฉี่ก้มหน้าทูล “ทูลเสด็จพ่อ ในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยฉบับนี้ เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้ว! บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งชิงหลวน เป็นแบบอย่างที่ดี ลูกศิษย์มากมาย มีคุณธรรมสูงส่ง!”“องค์รัชทายาทกลับเขียนลงในหนังสือพิมพ์ ใส่ร้ายป้ายสี ทำลายชื่อเสียงของบัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง!”“บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งอ่านแล้ว โกรธจนกระอักเลือด แทบสิ้นลม จนถึงตอนนี้ก็ยังอาการสาหัส!”“ขุนนางทั้งราชสำนัก เป็นพยานให้บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งได้”“เนื้อหาในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล ไร้สาระสิ้นดี!”“ขอให้ฝ่าบาททรงประทานความเป็นธรรมแก่บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง และบัณฑิตทั้งแผ่นดินด้วย!”เมื่อสิ้นเสียงเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นต่างพากันยืนขึ้น แสดงความไม่พอใจ “ฝ่าบาท กระหม่อมทั้งหลายยินดีเป็นพยาน! เรื่องราวที่เขียนในหนังสือพิมพ์ ล้วนเป็นเรื่องโกหก พูดจาเหลวไหล!”“ใช่แล้ว ฝ่าบาท! บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่ง ไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน!”“หวังว่าฝ่าบาทจะทรงผดุงความยุติธรรม นำตัวผู้ปล่อยข่าวใส่ร้ายมาลงโทษ!”“หากบัณฑิตทรงคุณวุฒิ ยังถูกใส่ร้ายป้าย
เทพธิดาบุปผา?หลี่เทียนฉี่ยืนโดดเดี่ยวอยู่ในสวนของตำหนักฉางเล่อ ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านนี่มันเรื่องอะไรกัน?เริ่มจากเครื่องทำความร้อนใต้พื้นและลางดี จากนั้นหลี่หลงหลินก็แต่งบทกวีห่วยๆ...เอาเถอะไม่ใช่บทกวีไร้ค่า แต่เป็นบทกวีอมตะที่วิจิตรงดงามเสด็จแม่ของเขา ฮองเฮาหลิน จู่ๆ ก็ถูกฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นเทพธิดาบุปผา?ความรู้สึกถึงภยันตรายอันใหญ่หลวง ถาโถมเข้ามาดั่งคลื่นยักษ์ กลืนกินหลี่เทียนฉี่จนแทบจมหายไปในชั่วพริบตาโบราณว่า แม่มีคุณธรรมลูกจึงได้ดีในราชวงศ์ องค์ชายและพระมารดานั้นต่างต้องพึ่งพาอาศัย ส่งเสริมซึ่งกันและกันทำไมหลี่เทียนฉี่ถึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท?ไม่ใช่เพราะเขาเก่งกาจอะไรแต่เป็นเพราะว่า แม่ของเขาคือฮองเฮาหลู่!เขาคือโอรสองค์โตที่เกิดจากฮองเฮา!ดังนั้น เขาจึงเป็นองค์รัชทายาทโดยกำเนิด!บัดนี้ นางหลู่ถูกถอดถอน ถูกส่งไปยังตำหนักเย็นส่วนแม่ของหลี่หลงหลิน นางหลิน กลับได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา แถมยังกลายเป็นเทพธิดาบุปผาคราวนี้ตำแหน่งองค์รัชทายาทของหลี่หลงหลิน ก็มั่นคง ยากจะหาผู้ใดมาสั่นคลอน!“เจ้าเก้า...”“เจ้ามันเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!”หลี่เทียน