วันต่อมาหลี่หลงหลินเพิ่งได้ยินข่าว องค์ชายสี่ถูกโบย เกือบเอาชีวิตไม่รอดกระนั้น เขามิได้เก็บมาใส่ใจอย่างไรเสีย ซื้อฝ้าย ประดิษฐ์จักรเย็บผ้า คนสอนเย็บผ้า เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเสียทั้งแรงเสียทั้งเวลาโชคดีลั่วอวี้จู๋ กงซูหว่าน หลิ่วหรูเยียนช่วยเหลือ หาไม่แล้วเรื่องมากมายเพียงนี้ หลี่หลงหลินเพียงคนเดียวต้องยุ่งมากเป็นแน่ไม่พูดไม่ได้ สตรีสกุลซู มีความสามารถอย่างแท้จริงพวกนางจัดการงานเล็กน้อยเหล่านี้ เหลือหลี่หลงหลินว่างงานเพียงคนเดียว เดินเล่นไปทุกหนแห่ง คล้ายเด็กข้างถนนไม่มีงานทำคนหนึ่งหลังผ่านช่วงเที่ยงซูเฟิ่งหลิงพาทหารที่เหลือ กลับจากหาไม้หนึ่งชุดที่ภูเขาทิศประจิม เหนื่อยจนหน้าแดงก่ำ หายใจกระหืดกระหอบ ตอนนี้เอง นางมองเห็นหลี่หลงหลินกำลังเดินเล่นอยู่ที่นั่น ทันใดนั้นเกิดโทสะขึ้นมาระลอกหนึ่ง“หลี่หลงหลิน!”ซูเฟิ่งหลิงโมโหเดินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามา แขนทั้งสองข้างเท้าเอว “พวกเราสตรีหนึ่งกลุ่ม กำลังยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ ท่านบุรุษคนหนึ่ง ถึงขั้นมาแอบอู้งานอยู่ที่นี่?”หลี่หลงหลินยิ้มตาหยี ชี้เข้าที่สมองของตน “เจ้าไม่เข้าใจ! ข้าคือคนใช้สมองทำงาน ไม่เหมือนกับคนคิดอ่านเรียบง่าย แข
เพียงหลี่หลงหลินได้ยิน ทันใดนั้นก็คลี่ยิ้มแล้ว “พี่สะใภ้ใหญ่อ่อนโยนเป็นกุลสตรี ดีกว่าเสือโคร่งเฉกเช่นซูเฟิ่งหลิงคนนี้! ข้ากำลังอยากไปดูภายในร้านอยู่พอดี!”ซูเฟิ่งหลิงถลึงตาใส่หลี่หลงหลินหนึ่งปราด พูดว่า “เขาไป ข้าก็ไม่ไปแล้ว! ข้าเพิ่งกลับจากภูเขาทิศประจิม เหนื่อยแทบตายแล้ว...”สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าซูเข้มขึ้น ด่าออกมา “เจ้าเด็กคนนี้ เหตุใดดื้อเพียงนี้? ใช่หรือไม่ว่าเจ้าต้องการทำให้ข้าโมโหตาย เจ้าถึงจะพอใจ?”ซูเฟิ่งหลิงได้ยินถ้อยคำนี้ ทันใดนั้นตกใจแย่แล้ว สีหน้าโศกเศร้าเสียใจ “ท่านย่า ข้าไป ข้าไปยังใช้ไม่ได้อีกหรือ?”แม้ซูเฟิ่งหลิงไม่ยินยอมเยี่ยงไร แต่กลับทำได้เพียงไปร้านพร้อมหลี่หลงหลินมองเงาหลังของทั้งคู่ ฮูหยินผู้เฒ่าซูบ่นงึมงำ “เด็กน้อย ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้แล้ว!”ณ ร้านขายผ้าสกุลซูร้านมีขนาดใหญ่มาก แต่กลับเงียบเหงาไร้ผู้คน ไม่มีลูกค้าแม้คนเดียวมีเพียงลั่วอวี้จู๋ที่มีสีหน้าอมทุกข์ นั่งถอนหายใจอยู่หลังโต๊ะขายของเพียงลำพังมองเห็นหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงมาแล้ว ลั่วอวี้จู๋รีบลุกขึ้น เปล่งเสียงดีใจปนตกตะลึง “องค์ชาย น้องหญิง เหตุใดพวกท่านมาได้เล่า?”ใบหน้าซูเฟิ่งหลิงดำทึ
ซูเฟิ่งหลิงล้วนโง่งมแล้วเดิมนางคิดว่า สกุลซูสามารถทำเงินมหาศาลได้หนึ่งก้อน!คิดไม่ถึง ปัญหาใหญ่ถึงขั้นมาเยือนแล้ว!สีหน้าซูเฟิ่งหลิงกระวนกระวาย “พี่สะใภ้ใหญ่ ถ้าอย่างนั้นจะทำเยี่ยงไร?”ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้ว ถอนหายใจพลางพูด “พวกเราทอผ้ายิ่งได้มากเท่าใด ขาดทุนก็มากเท่านั้น! บัดนี้ทำได้เพียงหยุดผลิต จึงจะสามารถลดความเสียหายได้! หาไม่แล้ว ไม่เกินหนึ่งเดือน สกุลซูจะต้องล้มละลายเป็นแน่!”ซูเฟิ่งหลิงชะงักงัน ส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง “พี่สะใภ้ใหญ่ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้! หากพวกเราหยุดผลิต เช่นนั้นพวกแม่ม่ายจะทำเยี่ยงไร? พวกนางยังรอเงินค่าจ้าง ส่งลูกเข้าสำนักศึกษาอยู่นะ”ลั่วอวี้จู๋พูดอย่างลำบากใจ “ข้าย่อมรู้ดี! แต่ นี่เป็นเพียงหนทางเดียวในตอนนี้!”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พูดว่า “ไม่! ข้ากลับคิดว่า สกุลซูจะต้องสามารถรอดพ้นจากอุปสรรคในครานี้ไปได้เป็นแน่! พวกเราไม่เพียงไม่สามารถหยุดการผลิตได้ มิหนำซ้ำยังสามารถขยายขนาดให้ใหญ่ยิ่งขึ้นได้อีกด้วย!”ลั่วอวี้จู๋มองหลี่หลงหลินอย่างเหลือจะเชื่อ พูดไม่ออก “องค์ชาย ท่านเสียสติไปแล้ว? ท่านเองก็เห็นแล้ว นานมากเพียงนี้ ไม่มีลูกค้าแม้คนเดียว...”หลี่หลงห
เผ่าหมานลงใต้ โจมตียึดเมือง ยึดได้ราวห้าเมืองราษฎร์ทางเหนือของต้าเซี่ย เพื่อหลีกหนีไฟสงคราม ต่างพากันหนีเอาตัวรอดมายังเมืองหลวง กลายเป็นผู้ลี้ภัยเพียงแต่ฮ่องเต้หวู่คิดไม่ถึง ผู้ลี้ภัยมีมากเพียงนี้!หนึ่งแสนคน!นั่นคือหนึ่งแสนปากเชียวนะ!หากดูแลไม่ดี จะต้องเกิดความโกลาหลเป็นแน่!ฮ่องเต้หวู่ออกคำสั่งในทันใด “เหตุใดไม่รีบพูดตั้งแต่แรก? รีบเรียกขุนนางใหญ่ของสำนักเลขาธิการ มาหารือเรื่องนี้!”เว่ยซวินค้อมตัวลง “น้อมรับพระบัญชา”พระบรมราชโองการถ่ายทอดลงมา ขุนนางใหญ่ของสำนักเลขาธิการต่างพากันเข้าวัง มาปรึกษาหารือต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่อย่างกระตือรือร้นขุนนางใหญ่เห็นพ้องต้องกัน สนับสนุนการตัดสินพระทัยของฮ่องเต้หวู่ จะต้องตั้งถิ่นฐานใหม่ให้ผู้ลี้ภัยอย่างเหมาะสมจากนั้น พวกเขาแต่ละคนยื่นมือออกมา หันทางฮ่องเต้หวู่เพื่อขอเงิน!ผู้บัญชาการย่อมไม่ปล่อยให้ผู้อยู่ใต้อาณัติหิว!เสื้อผ้าอาหารที่พักอาศัยของผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคน ทุกด้านล้วนต้องจ่ายเงิน!นี่มิใช่เงินจำนวนน้อยๆ!เพียงฮ่องเต้หวู่ได้ยินว่าต้องการเงิน ชะงักงันในทันใด!เงินที่เราทำสงคราม ล้วนนำมาจากเว่ยซวินที่นั่นพวกเจ้าม
ณ ภายนอกเมืองหลวง ผู้ลี้ภัยจากแดนเหนือจำนวนมากล้วนรวมกันอยู่ที่นี่พวกเขาตั้งกระโจมภายในพื้นที่ผู้ลี้ภัย หลังตั้งถิ่นฐานชั่วคราวแล้ว ก็พากันเข้าเมืองหลวง ซื้อของจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันตลาดที่เดิมทีเงียบเหงา ทันใดนั้นกลายเป็นเนืองแน่น ครึกครื้นขึ้นมาแล้วหลิวเกินเซิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเขาอายุสี่สิบกว่าปี สวมเสื้อหนังสกปรก ร้อนจนเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเต็มศีรษะ น่าสงสารมากอย่างเห็นได้ชัด“เมืองหลวงอากาศบ้านี่! เหตุใดถึงร้อนเพียงนี้!”หลิวเกินเซิงปาดเหงื่อเม็ดใหญ่เต็มศีรษะ ปากบ่นงึมงำแดนเหนือยังปกคลุมไปด้วยหิมะ อากาศหนาวพื้นเย็น เมืองหลวงเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิเดือนสาม หญ้างอกงามสกุณาโบยบินหลินเกินเซิงเองก็เป็นคนยากจน ค้าขายเล็กน้อยที่แดนเหนือ เงินในมือก็มีไม่กี่อีแปะ บนตัวสวมเสื้อหนังเพียงตัวเดียวอุณหภูมิของเมืองหลวงสูงมาก ไม่สามารถสวมเสื้อหนังได้แล้วหลิวเกินเซิงวางแผนซื้อผ้าหนึ่งพับ ให้ตนเองและคนในครอบครัวทำเสื้อผ้าบางๆ สวมใส่ปรากฏว่า หลิวเกินเซิงเดินมาหลายร้านแล้ว เพียงผ่านเข้าประตูยังไม่ทันแนะนำตัว ก็ถูกลูกจ้างใช้สายตาหมิ่นแคลนมองคนไล่ออกมาแล้ว“เมืองหลวงนี้...ก็มิใช
หลิวเกินเซิงเผชิญหน้ากับเทพเจ้าแห่งความตายซูเฟิ่งหลิง ยังมีใบหน้าเจ้าเล่ห์ของหลี่หลงหลิน ไม่กล้าขัดขืนอย่างแท้จริงเขาทำได้เพียงยอมจำนน เดินมาที่ชั้นวางของอย่างเชื่อฟังหา?หลิวเกินเซิงยื่นมือไปลูบผ้า รู้สึกแปลกใจอยู่บ้างผ้านี้ทออย่างละเอียด มิใช่สินค้ามีตำหนิมองจากการทอดูแล้ว เป็นของดีจะต้องเทียบผ้าซงเจียงได้เป็นแน่หลิวเกินเซิงว้าวุ่นภายในใจในเมื่อมิใช่สินค้ามีตำหนิ น่ากลัวว่าตนเองต้องถูกกรรโชกเงินมากเป็นแน่!ครั้งนี้ ตนเองต้องล้มละลายแน่แล้ว!เสียงหลิวเกินเซิงสั่นเครือ “องค์ชายเก้า ผ้านี้ต้องจ่ายมากน้อยเพียงใด?”หลี่หลงหลินตอบ “แปดสิบอีแปะ!”หลิวเกินเซิงได้ยินราคา ทั้งตัวคนล้วนตะลึงงันเป็นไปได้เยี่ยงไร?เมื่อครู่เขาไปถามร้านอื่น แม้แต่ผ้าคุณภาพต่ำที่สุด หนึ่งผืนก็ราคาหนึ่งร้อยอีแปะแล้วยิ่งไปกว่านั้นคุณภาพผ้าผืนนี้ดีมากเพียงนี้ อย่างน้อยราคาก็ต้องสองร้อยอีแปะปรากฏว่าขายเพียงแปดสิบอีแปะ?ตนเองมิได้เข้าใจผิดกระมัง?หลิวเกินเซิงสงสัยว่าตนเองฟังผิดไป “เท่าใดนะ? แปดสิบตำลึง?”หลี่หลงหลินหลุดหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าคนต่างถิ่น ใช่หรือไม่ว่าฟังภาษากลางไม่เข้าใจ! แปดสิ
“ผ้าดีเพียงนี้ ขายเพียงแปดสิบอีแปะ ซื้อได้ก็ได้กำไรแล้ว!”“ผลประโยชน์นี้ไม่ตักตวงไม่ได้แล้ว!”“พอดีเลย พวกเราล้วนต้องซื้อผ้าตัดชุดใหม่!”“ทุกคนไปด้วยกันเถอะ!”คนพื้นเพเดียวกันเดินตามหลังหลิวเกินเซิง เดินทางไปยังร้านขายผ้าสกุลซูพร้อมกันณ จวนสกุลซูลั่วอวี้จู๋เพิ่งหลับไปได้ไม่นาน ก็ตกใจตื่นขึ้นมาแล้วไม่รู้เพราะสาเหตุใด หนังตานางกระตุกไม่หยุด รู้สึกกระวนกระวายภายในใจ คล้ายกำลังจะมีเรื่องเกิดขึ้นแล้วตอนนี้เอง เสียงตะโกนดังขึ้นหน้าประตู “ฮูหยินน้อย เกิดเรื่องแล้ว!”ลั่วอวี้จู๋รีบลุกขึ้นจากเตียง ผลักประตูเปิดออก พบว่าเป็นลูกจ้างส่งผ้าของร้านขายผ้าสกุลซู“เกิดเรื่องใด? อย่าลนลาน! พูดช้าๆ!”ลั่วอวี้จู๋สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ตั้งสมาธิสีหน้าลูกจ้างตกตะลึงรับมือไม่ทัน “ฮูหยินน้อย เมื่อครู่ข้าไปส่งผ้าที่ร้าน บังเอิญพบคุณหนูใหญ่และองค์ชายเก้าบังคับซื้อบังคับขาย...”เพียงลั่วอวี้จู๋ได้ยิน ตกตะลึงสีหน้าเผือดซีด “ถึงขั้นมีเรื่องนี้?”ลูกจ้างพูดอย่างมั่นใจ “ข้าไม่มีวันมองพลาด! คุณหนูใหญ่ถือหอก ขวางประตูไว้! ลูกค้าคนนั้นตกใจแทบแย่แล้ว คุกเข่าขอความเมตตาบนพื้น....”“แย่แล้ว...แย
ซูเฟิ่งหลิงถลึงตามองหลี่หลงหลิน แล้วกัดฟันสีเงินของนางเจ้าคนสารเลวนี่ ต้องเป็นตัวซวยแน่ๆ!อยู่กับเจ้าทีไร ไม่เคยมีเรื่องดีเลย!หลี่หลงหลินยืนขึ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ ท่านอย่าโกรธไปเลยนะ! เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของซูเฟิ่งหลิง ข้าสั่งให้นางปิดร้านเอง! ความผิดทั้งหมด ข้าหลี่หลงหลินจะเป็นผู้รับผิดชอบเองขอรับ!”ซูเฟิ่งหลิงเหลือบมองหลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจเฮอะ!ถือว่าเจ้ายังมีจิตสำนึกที่ดี!ลั่วอวี้จู๋ตะลึงงัน แววตาทั้งคู่จ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน แล้วกล่าวด้วยความไม่เข้าใจ “องค์ชายเก้า เหตุใดเจ้าถึงต้องทำเช่นนี้?”หลี่หลงหลินก็พูดเสียงเรื่อยเฉื่อย “ช่วงเวลาพิเศษ ก็ต้องทำเรื่องที่พิเศษ! สถานการณ์ของตระกูลซูมาถึงจุดที่ร้ายแรงมาก! จำเป็นต้องใช้วิธีการที่คาดไม่ถึงเพื่อทำลายสถานการณ์นี้ขอรับ!”ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วอันงดงามของนางพร้อมกล่าวว่า “ทำลายสถานการณ์ที่เจ้าว่าคือการบังคับให้ซื้อหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ใช่แล้ว”ลั่วอวี้จู๋แค่นเสียงเย็นชากล่าวว่า “แล้วการค้าขายเช่นนี้ องค์ชายเก้าหาเงินได้เท่าไร?”หลี่หลงหลินก็หันไปพูดกับซูเฟิ่งหลิง “เอาเงินที่ขา
“กางเกงยีนส์หรือ?”หลิ่วหรูเยียนจ้องมองหลี่หลงหลินอย่างลึกซึ้ง ดวงตาคู่งามฉายแววประหลาดใจนางไม่เพียงเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งพิณ หมากกระดาน อักษรวิจิตร และกวีนิพนธ์เท่านั้น แต่ยังชำนาญในงานเย็บปัก ถือเป็นกุลสตรีมากความสามารถอย่างแท้จริงทว่าเสื้อผ้าในภาพวาดตรงหน้านี้ หลิ่วหรูเยียนกลับไม่เคยได้ยิน หรือพบเห็นที่ใดมาก่อนเลยหลี่หลงหลินแย้มยิ้ม พลางอธิบาย “กางเกงยีนส์ ที่จริงก็คือชุดทำงานชนิดหนึ่ง ทนทาน สะดวกในการทำงาน ข้าออกแบบให้สะใภ้รอง สำหรับช่างฝีมือที่เขาประจิม”หลิ่วหรูเยียนฉุกคิดขึ้นมาได้ “เช่นนั้น ข้าเข้าใจแล้ว! กางเกงยีนส์ น่าสนใจดี! ดูเหมือนจะไม่ยากนัก ข้าจะรีบออกแบบตัดเย็บให้โดยเร็ว”หลี่หลงหลินพยักหน้ารับ ก่อนหยิบแบบร่างอีกแผ่นออกมา “นี่คือกระโปรงหน้าม้า สตรีสวมใส่ยามขี่ม้า รบกวนเจ้าตัดเย็บให้ซูเฟิ่งหลิงสักชุดด้วย!”หลิ่วหรูเยียนหยิบแบบร่างขึ้นมา พินิจดูอย่างละเอียด ก่อนแย้มยิ้มงาม “ชุดนี้งดงามยิ่ง!”ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากบันได ซูเฟิ่งหลิงเดินขึ้นมา เอ่ยเสียงแง่งอน “นั่นไง! เจ้ามาหาพี่สี่อีกแล้ว!”หลี่หลงหลินยิ้มตอบ “ข้ามาขอให้พี่สี่ช่วยงานบางอย่าง เจ้ามาที่น
เว่ยซวินยืนอยู่ข้างๆ ฮ่องเต้หวู่ กางร่มบังลมหนาวและหิมะที่โปรยปราย “ฝ่าบาท กระหม่อมได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว! เพียงแต่ หากไม่สร้างเครื่องทำความร้อนใต้พื้นนี้ แล้วจะทูลรัชทายาทอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจ “เจ้าเก้ามีเล่ห์เหลี่ยมเยอะ! เจ้าออกจากวังไป บอกสถานการณ์ให้เขารู้ แล้วให้เขาคิดหาวิธีเอง!”เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮองไทเฮา เป็นเรื่องใหญ่ฮ่องเต้หวู่ไม่ไว้ใจให้คนอื่นทำ จึงต้องให้เว่ยซวินขันทีคนสนิทไปจัดการด้วยตัวเองเว่ยซวินก้มคำนับ “กระหม่อมรับพระบัญชา!”......ตระกูลซู หอละอองฝนดอกเหมยในหอแดงเล่มแรกเสร็จสมบูรณ์แล้วหลิ่วหรูเยียนสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาว พิงหน้าต่าง มองทิวทัศน์หิมะบนผืนน้ำนอกหน้าต่าง ใจลอยคิดถึงเนื้อเรื่องตอนต่อไปได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นบนบันได หลิ่วหรูเยียนหันไปมอง เห็นว่าเป็นหลี่หลงหลิน ใบหน้าสวยก็ปรากฏรอยยิ้ม “รัชทายาท ท่านมาแล้ว! ข้าจะไปชงชาให้ท่าน...”ครู่ต่อมาน้ำชาร้อนๆ ถูกวางไว้ตรงหน้าหลี่หลงหลินผ่านไอน้ำที่ลอยขึ้นมา หลี่หลงหลินจ้องมองใบหน้าสวยของหลิ่วหรูเยียน ยิ้มแล้วพูดว่า “สะใภ้สี่ ต้องขอบคุณเจ้า ยอดขายหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ย ก
เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของฮองไทเฮา ซึ่งชัดเจนว่าทรงกริ้วแล้ว หลี่เทียนฉี่ก็แอบยินดีอยู่ในใจ จึงพูดต่อว่า “ฮองเฮาหลินมีจิตใจทะเยอทะยาน ฆ่าฉินกุ้ยเฟย แล้วยังใส่ร้ายจนเสด็จแม่ของข้าถูกส่งไปยังตำหนักเย็น ต่อไปคงจะถึงคราวเสด็จย่าแล้วพะย่ะค่ะ!”ฮองไทเฮาตกพระทัยเป็นอย่างมาก “เจ้าหมายถึง ฉินกุ้ยเฟยและฮอองเฮาหลู่ ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของฮองเฮาหลินงั้นรึ? แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร! นางดูอ่อนโยนบอบบาง ไม่น่าจะใช่คนแบบนี้!”หลี่เทียนฉี่หัวเราะเยาะ “เสด็จย่า ท่านใจดีเกินไป รู้หน้าไม่รู้ใจนะพะย่ะค่ะ! ข้าได้ยินมาว่า ตอนที่ฉินกุ้ยเฟยตาย เจ้าเก้าก็อยู่ที่นั่นด้วย เห็นนางถูกเผาทั้งเป็นกับตา!”“ส่วนเสด็จแม่ของข้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถูกเจ้าเก้าใส่ร้ายป้ายสี!” “เจ้าเก้าทำเพื่อใคร?”“ก็เพื่อที่จะให้แม่แท้ๆ ของตัวเองได้เป็นฮองเฮา มีอำนาจเหนือวังหลังน่ะสิ!”“แม้แต้เว่ยซวิน ตอนนี้ก็แปรพักตร์ไปเป็นสุนัขรับใช้ของฮองเฮาหลินแล้ว!”“ในวังหลังอันกว้างใหญ่นี้ มีเพียงเสด็จย่าที่นางยังเกรงใจอยู่บ้าง!”“ดังนั้น นางถึงได้ให้เจ้าเก้าใช้อุบายสกปรก คิดจะกำจัดท่าน เพื่อที่จะได้ครองอำนาจในวังหลังแต่เพียงผู้เดียว!”เฮือ
“อีกอย่าง ข้าเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว”หลี่เทียนฉี่ดีใจในหัวใจ เจอช่องโหว่แล้ว!ทันใดนั้นเขาก็พูดอย่างมีเหตุมีผล “เสด็จย่า ท่านไม่รู้สินะ! หนังสือพิมพ์วิชาต้าเซี่ยนี้ ไม่ใช่ของดีอะไร! เจ้าเก้าเขียนเรื่องราวที่บิดเบือนใส่ร้ายบัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งชิงหลวน!”“ว่ากันว่าบัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งโกรธจนกระอักเลือด แทบสิ้นลมหายใจ!”“บัณฑิตทั่วทั้งแผ่นดิน ต่างก็โกรธแค้น ทุกคนต่างกล่าวประณาม ต้องการให้เจ้าเก้าคืนความยุติธรรม!”ฮองไทเฮาหน้าเปลี่ยนสีด้วยความประหลาดใจและกล่าวว่า “มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ? บัณฑิตทรงคุณวุฒิซ่งเป็นเจ้าสำนักของสำนักศึกษา ข้าเคยพบมาก่อน เขาเป็นผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมและปัญญา!”“เจ้าเก้าเหตุใดเขาถึง...”หลี่เทียนฉี่หัวเราะเยาะเย้ย “เสด็จย่า หากท่านไม่เชื่อ ก็ลองดูด้วยตัวเองเถอะ!”ฮองไทเฮาทรงตัวสั่นเทา มือจับแว่นสายตาเก่าแล้วสวม ก่อนหยิบหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดสีหน้าของนางเมื่ออ่านก็ดูตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ จริงอยู่ บนหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นเขียนเรื่องราววุ่นวายไร้สาระจนเกินเชื่อ“แต่ว่า...”“หลี่หลงหลินเป็นเด็กดีแท้ๆ!”“เมื่อเช้านี้ ฮ่
ระดับเทคโนโลยีเครื่องทำความร้อนใต้พื้นนั้นไม่ได้สูงมากนักเป็นเพียงท่อทองแดง แต่มีราคาแพงมากไม่ต้องพูดถึงชาวบ้านทั่วไป เกรงว่าแม้แต่เชื้อพระวงศ์ก็ยังไม่มีปัญญาใช้มีเพียงสถานที่อย่างพระราชวังเท่านั้นที่สามารถติดตั้งเครื่องทำความร้อนใต้พื้นเพื่อป้องกันความหนาวเย็นได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายหลี่หลงหลินไม่ได้พูดอะไรมาก เขาจ้องมองขาเรียวเล็กและตรงของกงซูหว่านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับไปด้วยความพึงพอใจ......ตำหนักฉือหนิงองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่นำของขวัญมากมายมาเข้าเฝ้าฮองไทเฮา“เด็กดี!”“ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเมืองหลวงแล้ว!”“ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว!”ฮองไทเฮาโอบกอดหลี่เทียนฉี่ไว้แน่นหลี่เทียนฉี่บีบน้ำตาออกมาสองสามหยดและพูดอย่างเสแสร้งว่า “เสด็จย่า ในตงไห่ ไม่มีวันไหนเลยที่ข้าจะไม่คิดถึงท่าน...”“กลับมาก็ดีแล้ว! กลับมาก็ดีแล้ว!”ฮองไทเฮาหลั่งน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นหลี่เทียนฉี่เป็นบุตรชายคนโตที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทเมื่ออายุได้สามขวบ และเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ของต้าเซี่ยเรียกได้ว่าเขาได้รับความรักมากมายสิ่งนี้ทำให้หลี่เทียนฉ
การกำหนดเครื่องแต่งกายให้เป็นแบบเดียวกัน ก็เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งตัวอย่างเช่น การสวมกระโปรง ไว้ผมยาว ล้วนเป็นข้อห้ามกงซูหว่าน ในฐานะบุคคลอันดับสองของสถาบันวิจัยซีซาน กลับไม่สนใจเรื่องนี้เลย สวมชุดสีดำทั้งวัน ช่างฝีมือด้านล่างอยากใส่อะไรก็ใส่ แต่ละคนสวมชุดคลุมยาว นี่ไม่ใช่การเอาชีวิตของตนเองมาล้อเล่นหรอกหรือ?กงซูหว่านใจเต้นแรง แววตาเป็นประกาย “กำหนดชุดทำงาน กำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวด! รัชทายาท ความคิดของเจ้าดีมาก! แต่... ชุดทำงานที่เจ้าพูด มีลักษณะอย่างไร? ไม่ใช่กระโปรงที่สั้นกว่านี้ใช่หรือไม่?”ช่างฝีมือส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ชุดทำงานของพวกเขาพูดง่าย ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก็พอแต่ในสถาบันวิจัย ยังมีช่างฝีมือหญิงสาวอีกส่วนหนึ่งดูท่าทางเจ้าชู้ของหลี่หลงหลิน หากออกแบบเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสม ให้พวกนางสวมใส่ จะต้องอับอายขายหน้าแน่!หลี่หลงหลินกล่าวอย่างชอบธรรม “สะใภ้รอง เจ้าคิดอะไร? อะไรคือกระโปรงที่สั้นกว่านี้ ข้าลามกขนาดนั้นหรือ? ใครไม่รู้บ้างว่า ข้าหลี่หลงหลินเป็นคนซื่อตรง ไม่สนใจสตรี!”กงซูหว่านเบ้ปากเสแสร้ง เจ้าเสแสร้งทั้งนั้น!เจ้าหลอกน้องสาวข้าก็พอ หากข้าเชื่อเจ้าสักคำ ก็ไม่ใ
“ซี้ดๆ...”หลี่หลงหลินมองใต้กระโปรงดำของกงซูหว่าน น่องขาขาวดุจหยก ดวงตาเบิกกว้าง ขมุบขมิบปากอย่างอดไม่ได้เพียงน่าเสียดาย กระโปรงยังยาว ถึงเพียงหัวเข่าเท่านั้น...กงซูหว่านพบว่าหลี่หลงหลินจับจ้องขาของตนอยู่ตลอด ใบหน้าแดงเรื่อ “ท่านกำลังมองอันใด?”หลี่หลงหลินเงยหน้า เผยรอยยิ้มไร้พิษสง “ข้าคิดว่ากระโปรงของพี่สะใภ้รองยังยาวอยู่บ้าง”ยังยาว?กงซูหว่านอึ้งงันอยู่กับที่ ดวงตาสองข้างจับจ้องหลี่หลงหลิน ใบหน้าร้อนผะผ่าวตนเองดีชั่วอย่างไรก็เป็นสตรีในครอบครัวมีศีลธรรม มิใช่สตรีในโลกีย์ขายยิ้มยั่วยวนคน เผยน่องขาออกมาได้นี่ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว หลี่หลงหลินถึงขั้นได้คืบเอาศอก ยังอยากให้กระโปรงสั้นขึ้นอีกนิด?ไร้สาระ!กงซูหว่านโมโหบ้างแล้ว สบถเสียงเย็นยามหลี่หลงหลินเป็นองค์ชาย ยังมีความเคารพตนหลายส่วน ทุกวันร้องเรียกพี่สะใภ้อย่างนั้น พี่สะใภ้อย่างนี้บัดนี้เขาเป็นรัชทายาท อุปนิสัยเจ้าชู้มักมากก็เผยออกมาแล้ว“คนลามก!”กงซูหว่านเผยสีหน้าเย็นชา สบถด่าทีหนึ่ง หันหลังจากไปหลี่หลงหลินจับข้อมือขาวนวลของกงซูหว่านไว้ ใบหน้าจริงจัง “พี่สะใภ้รอง ท่านเข้าใจความนัยข้าผิดไปแล้ว!”กงซูหว่านขมวดคิ้ว “เ
อันที่จริง หลี่หลงหลินมีความเห็นแก่ตัวไม่เพียงติดตั้งเครื่องทำความร้อนให้ไทฮองไทเฮา แต่ยังทำเพื่อมารดาของตนฮองเฮาหลินอีกด้วยขอเพียงฝ่าบาทรับปากติดตั้งเครื่องทำความร้อนให้ตำหนักฉือหนิงหลี่หลงหลินจะใช้ประโยชน์จากภารกิจนี้ ติดตั้งเครื่องทำความร้อนที่ตำหนักฉางเล่อ ขอเพียงพระมารดาตอบตกลง ก็ไม่มีใครกล้าพูดอันใดอย่างไรเสียบัดนี้หลินซื่อก็ไม่ใช่สนมที่ใครก็สามารถรังแกได้อีก แต่เป็นมารดาของใต้หล้าฮองเฮาแห่งต้าเซี่ย!ฮองเฮาหลินชะงักไป เอ่ยถามอยากตกตะลึง “ฤดูร้อน? ทำได้จริงหรือ?”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินอยู่เหนือความรู้ของนางเปลี่ยนแปลงฤดูกาลเป็นฤดูร้อน นี่คือวิธีการของเซียนอย่างไม่ต้องสงสัยหลี่หลงหลินอธิบายหลักการการติดตั้งเครื่องทำความร้อนหนึ่งรอบฮองเฮาหลินตกตะลึงพรึงเพริด ส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง “เจ้าพูดว่าใช้ท่อทองแดง วางไว้ใต้พื้นตำหนักฉางเล่อ? ไม่ได้ ไม่ได้! นี่ต้องจ่ายเงินมากน้อยเพียงใด? ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว!”“หากมีเงินเหล่านี้ มิสู้นำไปบรรเทาทุกข์ให้ราษฎรจะดีกว่า!”“หากข้ารู้สึกหนาว สวมใส่เสื้อผ้าหนาหน่อยก็พอ หากไม่ไหวจริงๆ ก็เดินให้มากหน่อย ร่างกายก็อบอุ่นแล้ว”หลี่หลงห
“เครื่องทำความร้อน?”ฮ่องเต้หวู่ได้ยินคำศัพท์แปลกใหม่นี้ ก็ชะงักไปเล็กน้อยเจ้าเก้าเจ้าเด็กคนนี้ คิดจะเล่นพิเรนทร์อันใดอีก?หลี่หลงหลินอธิบาย “ภายในวังล้วนใช้ถ่านให้ความอบอุ่น ไม่เพียงราคาสูง อีกทั้งยังเย็น ใกล้เกินไปก็สำลักควัน ลูกอายุน้อย ยังมิอาจทนต่อควันได้ นับประสาอะไรกับเสด็จย่าเล่า?”ถ้อยวาจานี้ พูดเสียจนฮ่องเต้หวู่ใจอ่อนแท้จริงแล้ว เขาเองก็คิดว่าเผาถ่านให้ความอบอุ่น ไม่สบายอย่างมากระยะนี้ไทฮองไทเฮาไออย่างรุนแรงเคยตามหมอหลวงมาตรวจอาการ นี่เกี่ยวข้องกับผิงถ่านให้ความอบอุ่นจริงๆ เสียด้วยแต่หากไม่เผาก็จะหนาวฮ่องเต้หวู่เฟ้นหาวิธีการ กลับไม่พบวิธีที่ดีอะไรเขาเป็นลูกกตัญญูคนหนึ่ง กำลังกังวลเพราะเรื่องนี้อยู่เชียวหลี่หลงหลินคิดหาวิธีการออกแล้ว?ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า พูดอย่างแปลกใจ “ใช่ ถ่านไร้ควันทำให้สำลัก เสด็จย่าของเจ้าไออยู่ตลอด ทว่าเครื่องทำความร้อนนี้ ตกลงคืออันใด ทั้งให้ความอบอุ่น ทั้งไม่สำลัก?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “กราบทูลเสด็จพ่อ เครื่องทำความร้อนนี้ อุ่นยิงกว่าถ่านไร้ควัน! ใช้ท่อโลหะเชื่อมต่อ ภายในมีน้ำร้อนส่งผ่านต่อเนื่องไม่หยุด!”ฮ่องเต้หวู่สงสัย “น้ำร้อน