“ผ้าดีเพียงนี้ ขายเพียงแปดสิบอีแปะ ซื้อได้ก็ได้กำไรแล้ว!”“ผลประโยชน์นี้ไม่ตักตวงไม่ได้แล้ว!”“พอดีเลย พวกเราล้วนต้องซื้อผ้าตัดชุดใหม่!”“ทุกคนไปด้วยกันเถอะ!”คนพื้นเพเดียวกันเดินตามหลังหลิวเกินเซิง เดินทางไปยังร้านขายผ้าสกุลซูพร้อมกันณ จวนสกุลซูลั่วอวี้จู๋เพิ่งหลับไปได้ไม่นาน ก็ตกใจตื่นขึ้นมาแล้วไม่รู้เพราะสาเหตุใด หนังตานางกระตุกไม่หยุด รู้สึกกระวนกระวายภายในใจ คล้ายกำลังจะมีเรื่องเกิดขึ้นแล้วตอนนี้เอง เสียงตะโกนดังขึ้นหน้าประตู “ฮูหยินน้อย เกิดเรื่องแล้ว!”ลั่วอวี้จู๋รีบลุกขึ้นจากเตียง ผลักประตูเปิดออก พบว่าเป็นลูกจ้างส่งผ้าของร้านขายผ้าสกุลซู“เกิดเรื่องใด? อย่าลนลาน! พูดช้าๆ!”ลั่วอวี้จู๋สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ตั้งสมาธิสีหน้าลูกจ้างตกตะลึงรับมือไม่ทัน “ฮูหยินน้อย เมื่อครู่ข้าไปส่งผ้าที่ร้าน บังเอิญพบคุณหนูใหญ่และองค์ชายเก้าบังคับซื้อบังคับขาย...”เพียงลั่วอวี้จู๋ได้ยิน ตกตะลึงสีหน้าเผือดซีด “ถึงขั้นมีเรื่องนี้?”ลูกจ้างพูดอย่างมั่นใจ “ข้าไม่มีวันมองพลาด! คุณหนูใหญ่ถือหอก ขวางประตูไว้! ลูกค้าคนนั้นตกใจแทบแย่แล้ว คุกเข่าขอความเมตตาบนพื้น....”“แย่แล้ว...แย
ซูเฟิ่งหลิงถลึงตามองหลี่หลงหลิน แล้วกัดฟันสีเงินของนางเจ้าคนสารเลวนี่ ต้องเป็นตัวซวยแน่ๆ!อยู่กับเจ้าทีไร ไม่เคยมีเรื่องดีเลย!หลี่หลงหลินยืนขึ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ ท่านอย่าโกรธไปเลยนะ! เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของซูเฟิ่งหลิง ข้าสั่งให้นางปิดร้านเอง! ความผิดทั้งหมด ข้าหลี่หลงหลินจะเป็นผู้รับผิดชอบเองขอรับ!”ซูเฟิ่งหลิงเหลือบมองหลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจเฮอะ!ถือว่าเจ้ายังมีจิตสำนึกที่ดี!ลั่วอวี้จู๋ตะลึงงัน แววตาทั้งคู่จ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน แล้วกล่าวด้วยความไม่เข้าใจ “องค์ชายเก้า เหตุใดเจ้าถึงต้องทำเช่นนี้?”หลี่หลงหลินก็พูดเสียงเรื่อยเฉื่อย “ช่วงเวลาพิเศษ ก็ต้องทำเรื่องที่พิเศษ! สถานการณ์ของตระกูลซูมาถึงจุดที่ร้ายแรงมาก! จำเป็นต้องใช้วิธีการที่คาดไม่ถึงเพื่อทำลายสถานการณ์นี้ขอรับ!”ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วอันงดงามของนางพร้อมกล่าวว่า “ทำลายสถานการณ์ที่เจ้าว่าคือการบังคับให้ซื้อหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ใช่แล้ว”ลั่วอวี้จู๋แค่นเสียงเย็นชากล่าวว่า “แล้วการค้าขายเช่นนี้ องค์ชายเก้าหาเงินได้เท่าไร?”หลี่หลงหลินก็หันไปพูดกับซูเฟิ่งหลิง “เอาเงินที่ขา
และทันใดนั้นคนจำนวนนับไม่ถ้วนก็พากันแห่เข้ามาในร้านขายผ้าสกุลซู เหยียบจนธรณีประตูร้านแตกหักแล้ว“นี่เป็นผ้าที่ดีที่สุดที่ข้าเคยเห็นมา!”“ผ้าดีๆ แบบนี้ขายในราคาเพียงสิบแปดเหวินเท่านั้นจริงๆ หรือ?”“สมองของเจ้าของร้านต้องมีปัญหาแน่นอน!” “ทุกคนรีบไปซื้อกันเถอะ ใกล้จะมืดแล้วเดี๋ยวร้านปิดเอา!”“ข้าอยากได้ผ้าหนึ่งผืน!”“ข้าอยากได้สองผืน!”“...”ผู้ลี้ภัยเหล่านี้แท้จริงแล้วไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อน แต่มาแย่งกันซื้อผ้าเพียงแค่ชั่วพริบตานั้น กิจการของร้านขายผ้าสกุลซูจากที่ไม่มีใครเอ่ยถึง ตอนนี้ได้กลายเป็นที่นิยมแล้วซูเฟิ่งหลิงและหลี่หลงหลินรับผิดชอบการขายที่หน้าร้าน ส่วนลั่วอวี้จู๋อยู่หลังโต๊ะคิดเงิน ทำหน้าที่รับเงินและคิดบัญชีลูกค้ามีจำนวนมากเกินไปจริงๆทั้งสามคนยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหอบหายใจซูเฟิ่งหลิงและลั่วอวี้จู๋เห็นร้านขายดีเช่นนี้ ก็ไม่เพียงแต่มีความสุขเท่านั้น แต่ในใจก็ยังรู้สึกประหลาดใจด้วยนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?เห็นได้ชัดว่าหลี่หลงหลินเป็นคนบังคับให้ซื้อ และทำลายชื่อเสียงของสกุลซูแต่เหตุใดกิจการถึงได้ขายดีขนาดนี้!ไม่เพียงเท่านั้นนี่ก็คือเจตนาของหลี่หลง
“แบบนี้ไม่เท่ากับช่วยเหลือพวกวิปลาสหรือ?”ผู้ลี้ภัยทุกคนต่างตกใจดินแดนทางเหนือเป็นดินแดนที่ยากจนข้นแค้น เมื่อเทียบกับที่ศรีวิไลอย่างเมืองหลวงที่มีแสงสีมากมายและพิลึกพิลั่นแห่งนี้ข่าวที่ว่าองค์ชายเก้าเป็นโรคตะวันพันมังกรและชอบบุรุษนั้นน่าตกใจมากสำหรับพวกเขา และมันก็ได้ทำลายศีลธรรมอันดีงามทั้งหมดลงทันทีมันขัดต่อจริยธรรมของมนุษย์ และเป็นความผิดที่เลวร้ายมาก!ตนกลับซื้อผ้าจากคนชั่วร้ายคนหนึ่ง นี่ไม่เท่ากับช่วยเหลือเผด็จการหรือ?แต่เหล่าผู้ลี้ภัยถือผ้าราคาถูกและหนาเอาไว้ พวกเขาไม่อาจทำใจวางลงได้หลิวเกินเซิงถามอย่างอึกอักว่า “องค์ชายเก้า เจ้าชอบบุรุษจริงๆ หรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้น ผ้าเหล่านี้พวกข้าไม่ซื้อแล้ว...”เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยินอย่างนั้น แก้มของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที นางรีบถอยหลังกลับไปลั่วอวี้จู๋รู้เรื่องราวภายในเป็นอย่างดี ก่อนจะถลึงตามองซูเฟิ่งหลิง “ดูเรื่องงามไส้ที่เจ้าทำสิ!”ซูเฟิ่งหลิงมีสีหน้าเศร้าโศก ก่อนจะเอ่ยอย่างน่าสงสาร “ข้าก็แค่นึกสนุก ถึงได้ลงมือทำอย่างหุนหันพลันแล่น แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะเกิดเรื่องใหญ่ในเมืองหลวงเช่นนี้...”“เฮ้อ!”ลั่วอวี้จู๋ถอ
เห็นได้ชัดว่าจะบุ่มบ่ามใช้กำลังไม่ได้!หรือว่าจะทำได้เพียงมองดูคนชั่วร้ายผู้นี้เย่อหยิ่งวางอำนาจบาตรใหญ่ แล้วตนก็ทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้น?ชาวบ้านต่างก็มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยความโกรธ ไม่อาจกลืนความโกรธนี้ลงได้!หลิวเกินเซิงตะเบ็งเสียงกล่าวว่า “พวกเจ้ามัวอึ้งอะไรกันอยู่? ผ้าทุกผืนที่ขายได้ องค์ชายเก้าสมควรตายผู้นี้ก็จะขาดทุนไปยี่สิบเหวิน พวกเราต้องซื้อมันอย่างบ้าคลั่ง ให้เจ้าคนเผด็จการคนนี้ขาดทุนย่อยยับตายไปเลย!”ประโยคนี้ได้ปลุกทุกคนตื่นขึ้นจากฝัน!ใช่!องค์ชายเก้าที่หยิ่งผยองเผด็จการผู้นี้ อาศัยฐานะการที่ตนเป็นองค์ชายมากลั่นแกล้งชาวบ้าน แล้วยังชอบบุรุษ เช่นนี้มันขัดต่อจริยธรรมของมนุษย์ไม่ใช่หรือ?พวกเราไม่อาจตีเจ้าได้!แต่พวกเราสามารถเอาเปรียบเจ้าได้ ให้เจ้าขาดทุนจนตาย!แม้ว่ายี่สิบเหวินจะไม่มาก แต่ถ้าทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันซื้อ สะสมจากน้อยไปมาก ก็จะทำให้เจ้าขาดทุนจนต้องปิดร้านไป!“ข้าขอซื้อผืนหนึ่ง!”“ข้าขอซื้อห้าผืน!”“หลีกไปให้หมด ข้าต้องการซื้อสิบผืน ข้าต้องการให้องค์ชายเก้าขาดทุนจนสิ้นเนื้อประดาตัว!”ความกระตือรือร้นของเหล่าชาวบ้านถูกจุดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ พวกเขาเ
“ก็เท่ากับห้าพันเหวิน...”“หนึ่งพันเหวินเท่ากับหนึ่งก้วน หนึ่งก้วนก็เท่ากับหนึ่งตำลึง”“หมายความว่าวันนี้ได้กำไรห้าตำลึง”ซูเฟิ่งหลิงไม่เข้าใจ “พวกเราทำงานยุ่งทั้งวัน เหนื่อยแทบตาย แต่กลับได้กำไรแค่ห้าตำลึง? ถ้าอย่างนั้นหนึ่งเดือน ก็ได้กำไรแค่ห้าสิบตำลึงน่ะสิ?”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้า แล้วพูดอย่างจริงจัง “น้อยอย่างนั้นล่ะ อีกอย่างร้านค้าเป็นของเรา ไม่ต้องคำนวณค่าเช่า แต่ก็ยังมีค่าแรงของพวกเราสามคน ถ้าเกิดว่าจ้างลูกจ้าง ต้องขาดทุนแน่”ซูเฟิ่งหลิงเริ่มตื่นตระหนกแล้ว “จบแล้วๆ ข้าก็นึกว่าหลี่หลงหลินพูดไปอย่างนั้น แต่ที่ไหนได้ขาดทุนจริงๆ!”ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วมองไปที่หลี่หลงหลิน “องค์ชาย วิธีนี้มันไม่ใช่วิธีที่ดีเลย! ไม่เพียงไม่ได้กำไร แต่ยังขาดทุนอีกด้วย! พวกเราขึ้นราคาหน่อยดีไหม?”หลี่หลงหลินมองใบหน้าที่งดงามของลั่วอวี้จู๋แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าเหตุใดพวกชาวบ้านลี้ภัยจากดินแดนทางเหนือถึงได้มาซื้อผ้าที่ร้านของพวกเรา?”ลั่วอวี้จู๋ตะลึงเล็กน้อย “ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงฉาวโฉ่ของเจ้าหรือ?”หลี่หลงหลินส่ายหัว “นั่นแค่เบื้องหน้า! สาเหตุที่แท้จริงก็คือผ้าร้านเรามีคุณภาพด
หลี่หลงหลินยุ่งทั้งวัน เหนื่อยแทบตาย เขากินอาหารค่ำไปไม่กี่คำ จากนั้นก็นอนลงบนเตียง อยากจะพักผ่อนสักหน่อยเวลานี้ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก ร่างหญิงงามที่สวยหยาดเยิ้มแวบผ่านเข้ามาปานสายลมก็คือซูเฟิ่งหลิงวันนี้นางไม่ได้สวมเครื่องแบบทหาร แต่เป็นครั้งแรกที่นางสวมชุดกระโปรงสีแดง ทำให้นางดูสวยหยาดเยิ้มดึงดูดใจคน จนหาที่เปรียบไม่ได้“เจ้าคิดจะทำอะไร?”หลี่หลงหลินสะดุ้งตกใจ รีบทำท่าป้องกันทันที “ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ห้องข้างๆ ถ้าเจ้าวางแผนทำมิดีมิร้ายกับข้า ข้าจะตะโกน!”ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มของซูเฟิ่งหลิงก็แดงก่ำ นางกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความโกรธ “ปากเจ้านี่มันพูดเรื่องดีไม่ได้เลยใช่หรือไม่! เจ้าคิดว่าข้าเป็นอะไร? เป็นโจรหญิงหรืออย่างไร?”หลี่หลงหลินเกาหัว “หรือว่าไม่ใช่? ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาที่นี่ทำไม?”ซูเฟิ่งหลิงก้มหน้าลง สองมือลูบชายกระโปรง แล้วพูดเสียงเบาราวกับยุง “ข้า...ข้า...ข้าอยากมาขอโทษเจ้า”“ขอโทษ!”หลี่หลงหลินมองซูเฟิ่งหลิงตั้งแต่หัวจดเท้า แล้วเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา “มิน่าล่ะถึงได้แต่งตัวเป็นสตรีเช่นนี้ ที่แท้เจ้าก็อยากจะใช้กลหญิงงามกับข้านี่เอง! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็มาข้างๆ ข้านี
ซูเฟิ่งหลิงตะลึง ก่อนจะมองไปที่หลี่หลงหลินด้วยความไม่เชื่อตนก่อปัญหาใหญ่ขนาดนี้ หลี่หลงหลินจะใจกว้างให้อภัยตนได้ขนาดนั้นเลยหรือ?ซูเฟิ่งหลิงรู้สึกละอายใจ “แต่ว่า ชื่อเสียงของเจ้าล่ะจะทำอย่างไร? ให้ข้าคิดหาทางเปิดเผยความลับต่อหน้าสาธารณะ กู้ศักดิ์ศรีของเจ้ากลับคืนมาดีหรือไม่...”หลี่หลงหลินยิ้ม “แม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ แต่ก็ยังเป็นภรรยาในนาม แม้ว่าเจ้าจะบอกความจริงคิดว่าจะมีใครเชื่อหรือไม่? กลับกัน ยิ่งอธิบายก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ชื่อเสียงของข้าก็มีแต่จะฉาวโฉ่ยิ่งกว่าเดิม!”“ช่างเถอะ!”“เจอปัญหามากมายแค่ไหนก็ไม่เป็นไร!”“ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อเสียงของคนที่ชั่วร้ายอันดับหนึ่งในใต้หล้า ยังมากกว่าชื่อเสียงของคุณชายเสเพลอันดับหนึ่งในเมืองหลวง!”ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้ว “แต่ถ้าเจ้าจะไม่ให้ข้าทำอะไรเลย ข้าคงไม่มีความสุข!”หลี่หลงหลินเลิกคิ้ว แล้วพูดอย่างด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “เจ้ามาบีบเท้าให้ข้าสิ...”“ไสหัวไป!”สีหน้าของซูเฟิ่งหลิงเปลี่ยนไป ทั้งร้อนรนและโกรธเคือง “เจ้านี่ช่างเชื่อถือไม่ได้เลย! ข้าพูดเรื่องจริงจังกับเจ้าอยู่! เจ้ากลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ข้ารู้สึกผิดหวังมาก...”เมื่
“น่าเสียดายก็เพียงแต่ มีคนไม่ยอมให้เสด็จย่าท่านได้อยู่อย่างสุขสบาย ยุยงให้เข้าใจผิด ทำให้ท่านต้องทนต่อความหนาว!”หลี่หลงหลินเหลือบมองหลี่เทียนฉี่แวบหนึ่ง บอกเป็นนัยสวบ!สีหน้าแดงเรื่อของหลี่เทียนฉี่กลายเป็นดำดุจตับหมูฝันไปก็คาดไม่ถึงหลี่หลงหลินเจ้าเด็กคนนี้ถึงขั้นพลิกสถานการณ์กล่าวหาผู้อื่นสวมหมวกเด็กอกตัญญูลงบนศีรษะตน!“เสด็จย่า!”หลี่เทียนฉี่สูญเสียความใจเย็นไปในทันใด พูดแก้ตัว “ท่านอย่าฟังคำยุแยงของเขาเป็นอันขาด! นี่เขากำลังใส่ร้ายคน!”หลี่หลงหลินเลิกคิ้วขึ้น “องค์ชายใหญ่ เราไม่ได้เอ่ยชื่อ ท่านกลับร้อนตัวกระโดดออกมา นี่มิใช่กำลังยอมรับผิดหรือ?”เราและตัวเราล้วนเป็นคำแทนตัวของรัชทายาทหลี่หลงหลินใช้น้อยมากโดยเฉพาะคำว่าเรา รู้สึกไม่เป็นมงคลอยู่บ้างหลี่หลงหลินไม่อยากเป็นเหมือนฮ่องเต้หวู่ ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครเข้าใจทว่า ยามอยู่ต่อหน้าหลี่เทียนฉี่ หลี่หลงหลินกลับตั้งใจใช้คำว่า “เรา” ที่มีความนัยท้าทายต้องรู้ว่าตอนที่หลี่เทียนฉี่เป็นรัชทายาท ก็แทนตนเองว่าเราอย่างนั้นเราอย่างนี้เพื่อแสดงออกว่าตนเองไม่เหมือนผู้อื่น!ดังคาดมุมปากหลี่เทียนฉี่กระตุกริก สีหน้
ตำหนักฉางเล่อไม่มีเตาถ่านแม้เตาเดียว หนาวยิ่งกว่าภายนอก!ทุกคนสวมใส่แน่นหนาทั้งชั้นในและชั้นนอก ยังรู้สึกหนาวจนตัวสั่นเจ้าพูดว่าร้อนกับข้า?ไร้สาระ!หลี่เทียนฉี่ลุกออกมา เอ่ยปากเย้ยหยันอย่างไม่ไว้หน้า “รัชทายาท เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ! วันที่อากาศหนาวถึงเพียงนี้ คนใกล้หนาวตายเต็มที เจ้าพูดว่ากลัวพวกเราร้อน?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “องค์ชายใหญ่ ในเมื่อท่านไม่กลัวร้อน เช่นนั้นก็สวมเสื้อผ้าไว้ อย่าถอดก็แล้วกัน!”องค์ชายใหญ่?หลี่เทียนฉี่ได้ยินคำเรียกขานนี้ สีหน้าแข็งทื่อในทันใดนับตั้งแต่ยังเด็กหลี่หลงหลินล้วนเรียกขานเขาว่าพี่ใหญ่เขาไม่ใส่ใจใยดีหลี่หลงหลิน ไม่เคยเรียกเขาว่าน้องชาย แต่เรียกเขาว่าเจ้าเก้าบัดนี้เวลาผ่านมานานมากแล้วหลี่หลงหลินเป็นรัชทายาท เป็นกษัตริย์ส่วนหลี่เทียนฉี่เจ้าแคว้นคนนี้เป็นขุนนางกษัตริย์และขุนนางแตกต่างกัน ย่อมไม่สนิทสนมกันถึงขั้นเรียกขานว่าพี่ใหญ่ไม่เรียกชื่อโดยตรง แต่เรียกว่าองค์ชายใหญ่ แท้จริงแล้วถือว่าไว้หน้ามากเพียงพอ!ทว่าหลี่เทียนฉี่กลับไม่อาจยอมรับในทันทีเลยได้“ฮึ”“ไม่ถอดก็ไม่ถอด!”หลี่เทียนฉี่สบถเสียงเย็นทีหนึ่ง “ข้ากลับอยากเห็นนัก เจ
ฮ่องเต้หวู่โกรธจัด ตะคอกออกมากลางงานเลี้ยงหลี่เทียนฉี่และเหล่าขุนนางเห็นสถานการณ์แล้ว แม้ว่าใบหน้าหวาดกลัว ตะโกนว่า “ฝ่าบาทระงับโทสะด้วย” แต่แท้จริงแล้วภายในใจกลับมีความสุขหลี่หลงหลิน!นี่เจ้ารนหาที่ตายเอง โทษคนอื่นไม่ได้!ครั้งนี้ดูว่าเจ้าจะเอาตัวรอดเยี่ยงไร!ขณะเดียวกัน หลี่หลงหลินกำลังพาซูเฟิ่งหลิงไปสนทนาเรื่องสัพเพเหระกับฮองเฮาหลินแม่สามีลูกสะใภ้เข้ากันได้ยากอุปนิสัยของฮองเฮาหลินสุขุมอ่อนโยน เข้าหาง่ายมากซูเฟิ่งหลิงกลับเซ่อซ่า มุทะลุวู่วามอุปนิสัยของแม่สามีและลูกสะใภ้แตกต่างกัน หลี่หลงหลินในฐานะลูกชาย ในฐานะสามี ย่อมต้องเป็นคนกลางเชื่อมความสัมพันธ์ ทำให้พวกนางเข้ากันได้ในเวลาอันสั้นป้องกันมิให้ภายภาคหน้าแม่สามีและลูกสะใภ้มีปัญหากัน คนปวดหัวก็คือตนเองได้ยินเสียงตะคอก ใบหน้างดงามโดดเด่นของฮองเฮาหลินเผยสีหน้าหวาดกลัว ตำหนิหลี่หลงหลิน “องค์ชาย แม่บอกแล้ว ว่าอย่าเล่นอะไรพิเรน! เสด็จพ่อเจ้ากริ้วไม่ผิดไปดังคาด!”“ถึงกระนั้น เจ้าก็ไม่ต้องกลัว!”“มีแม่อยู่ ไม่มีใครสามารถทำร้ายเจ้าได้!”“ต่อให้เป็นฝ่าบาทก็ไม่ได้...”เดิมทีสตรีอ่อนโยนบอบบาง ครั้นเป็นมารดากลับเข้มแข็งป
หลี่เทียนฉี่กวาดมองรอบด้าน แปลกใจมากเช่นเดียวกันเจ้าเก้า ตกลงเจ้ากำลังทำอันใดอยู่กันแน่?เสด็จแม่ของเจ้ากำลังจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผา นี่มันซอมซ่อเกินไปแล้วกระมัง!เหล่าขุนนางแต่ละคนล้วนหนาวเหน็บ ความไม่พอใจก่อตัวขึ้นภายในใจสำหรับตนเอง นี่ยังไม่ใช่โอกาสอันดีที่สวรรค์ประทานให้อีกหรือ?ทว่า ในเมื่อนี่เป็นงานเลี้ยงที่ฮองเฮาหลินจัดขึ้น องค์ชายอย่างตนเป็นฝ่ายตะคอกโวยวาย ประท้วงใส่นางก่อน ย่อมไม่เหมาะสม“รอเสด็จพ่อมาถึง ละครสนุกก็จะเริ่มขึ้นแล้ว!”หลี่เทียนฉี่ยกมุมปาก เผยรอยยิ้มเย็นชา“ฮ่องเต้เสด็จ!”เสียงแหลมแหบพร่าของเว่ยซวินดังขึ้นที่หน้าประตูตำหนักทุกคนต่างลุกขึ้น ชะเง้อมองไปเห็นฮ่องเต้หวู่เดินเข้าตำหนักฉางเล่อ บนเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาๆ หนึ่งชั้น“หิมะตกหนักจริงๆ!”ฮ่องเต้หวู่ถอดเสื้อคลุมออก ทันใดนั้นความหนาวก็โจมตีเข้ามาระลอกหนึ่งเกิดอันใดขึ้น?เหตุใดภายในตำหนักฉางเล่อหนาวยิ่งกว่าภายนอกอีกเล่า?เข้าใจผิดไปหรือ?ฮ่องเต้หวู่หันหน้ามอง พบว่าเหล่าขุนนางที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ละคนล้วนตัวสั่น จมูกยังมีหยดน้ำแข็งเกาะดูท่าแล้วไม่ใช่ตนเองคิดไปเ
วันส่งท้ายปีเก่า หิมะโปรยปรายตำหนักฉางเล่อแขวนโคมไฟสว่างไสว บรรยากาศครึกครื้นไม่ธรรมดาเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างเดินทางมาอย่างไม่ขาดสาย“หิมะตกหนักถึงเพียงนี้ หนาวจะตายอยู่แล้ว เหตุใดถึงจัดงานเลี้ยงกันเล่า!”“วันหิมะตกหนักปกคลุมพื้น ข้าเกือบลื่นล้มบนพื้นไปแล้ว!”“อากาศเช่นนี้ออกจากใต้ผ้าห่มเท่ากับรนหาที่ตาย!”“ปีนี้ไม่ยอมให้คนอยู่อย่างสงบเลยจริงๆ!”ขุนนางสองสามคนมาถึงแล้วก็รวมตัวกัน แสดงความไม่พอใจของตนอากาศหนาวเหน็บ ลมพัดเย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูก ผู้มาเยือนมีใครบ้างไม่สวมใส่เสื้อผ้าอย่างแน่นหนา ทำให้ตนเองคล้ายบ๊ะจ่างลูกหนึ่งองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่สวมใส่ชุดหรูหรางดงาม สวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำแกมทองยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนางเห็นว่าเหล่าขุนนางไม่พอใจถึงเพียงนี้ ก็ลอบรู้สึกลำพองใจอยู่รางๆหลี่เทียนฉี่กล่าวทักทาย “มาเข้าร่วมงานเลี้ยงท่ามกลางอากาศเช่นนี้ ความจงรักภักดีของทุกท่านมากเสียจนไม่อาจจำกัดความได้เลย!”ขุนนางคนหนึ่งเผยสีหน้าหดหู่ “องค์ชายอย่าล้อเล่นเลย ข้าอายุปูนนี้แล้วมิอาจทนต่อความทรมานได้พ่ะย่ะค่ะ”“ใช่แล้ว องค์ชาย หากไม่ใช่ฮองเฮาเป็นผู้เชิญมาเข้าร่วมง
“ก็แค่ติดตั้งท่อทำความร้อนเล็กน้อยเท่านั้น...”ไทฮองไทเฮาได้ยินถ้อยคำนี้ รู้สึกสบายอยู่บ้างจริงๆ จึงเอ่ยออกมา “เฮ้อ! เจ้าเก้าคนนี้ หากกตัญญูได้สักครึ่งหนึ่งของเจ้า ข้าก็พอใจแล้ว!”“เจ้าพูดถูกแล้ว เจ้าเก้าติดตั้งท่อทำความร้อนที่ตำหนักฉางเล่อ มิได้ติดตั้งที่ตำหนักฉือหนิงเสียหน่อย เกี่ยวอันใดกับข้าด้วยเล่า?”หลี่เทียนฉี่อ้ำอึ้ง “แต่ วันนี้หลานเข้าวัง บังเอิญได้ยินพวกขุนนางของสำนักโหรหลวงถกเถียงกัน ได้ยินเสียงซุบซิบนินทามาบ้าง ก็ไม่รู้เป็นความจริงหรือไม่”ไทฮองไทเฮาลอบตกตะลึงภายในใจ “พวกเขาพูดว่าอะไร?”หลี่เทียนฉี่กระซิบเสียงค่อย “พวกเขาพูดว่า ที่เจ้าเก้าดำเนินการก่อสร้างเอะอะเอิกเกริกภายในพระราชวังต้องห้าม ชุลมุนวุ่นวายถึงเพียงนี้ มิใช่เพื่อติดตั้งท่อทำความร้อน! อย่างไรเสีย ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องใช้ท่อทองเหลืองทำความร้อนมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”ไทฮองไทเฮาพยักหน้านางเองก็ไม่เชื่อเรื่องเครื่องทำความร้อนใต้พื้นดินตรงกันข้าม ได้ยินหลี่เทียนฉี่พูดว่าใช้ท่อโลหะ กลับน่าเชื่อถือมากกว่าเพียงแต่นางมีเรื่องที่คิดไม่ตกหลี่หลงหลินต้องการติดตั้งท่อทำความร้อนที่ตำหนักฉือหนิงเพื่อลอบฟังการเคลื่อนไหว
ในพระราชวังต้องห้ามมีการวางท่อทำความร้อนใต้พื้น ในช่วงเวลาหนึ่ง ทุกหนทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ไทเฮาทรงโปรดความเงียบสงบ เมื่อได้ยินเสียงขุดพื้นด้านนอกดังขึ้น ก็ไม่พอใจยิ่งนัก รับสั่งให้เกากงกงขันทีคนสนิทออกไปสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้น ผลปรากฏว่า เกากงกงยังไม่ทันออกจากตำหนักฉือหนิง องค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่ก็มาถึง “ถวายบังคมเสด็จย่า!” หลี่เทียนฉี่สวมชุดปักลายหม่าง มาอยู่ต่อหน้าไทเฮา และโค้งคำนับ ไทเฮากระชับเสื้อนวมบนตัวแน่น เอ่ยด้วยความขุ่นเคือง “องค์ชายใหญ่ เจ้ามาได้จังหวะพอดี! ไปถามให้ข้าทีว่า ในวังเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงได้เสียงดังเช่นนี้?” “เฮ้อ อากาศหนาวเย็นก็แย่แล้ว ยังจะเสียงดังอีก” “ยังจะให้คนอยู่อย่างสงบอีกหรือ!” หลี่เทียนฉี่แสร้งทำเป็นประหลาดใจ “เสด็จย่า พระองค์ยังไม่รู้หรือ? เป็นฝีมือของเจ้าเก้า! ให้คนมาขุดพื้นในวัง บอกว่าจะวางท่อทองแดง!” ไทเฮาตกใจมาก รีบเอ่ยว่า “เจ้าหมายถึงท่อทองแดงที่ใช้ดักฟังหรือ? ข้าได้พูดกับฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้ก็ทรงรับปากแล้ว เรื่องนี้ยุติแล้ว! เหตุใดเจ้าเก้าจึงยังไม่ยอมเลิกรา ยังจะลงมือก่อสร้างอีก?” “หรือว่า แม้แต่คำพูดของฮ่องเต้ เขาก็
ครู่ต่อมา ในที่สุดหลี่เทียนฉี่ก็ถอนหายใจยาว ยืนขึ้น “เดิมทีข้าไม่เต็มใจ แต่ในเมื่อพวกเจ้าวิงวอน ข้าก็จะฝืนใจ เพื่อพวกเจ้า!” “แต่ว่า พวกเจ้าต้องฟังคำสั่งของข้า!” เหล่าขุนนางต่างยินดี “พวกข้าล้วนทำตามคำสั่งขององค์ชายใหญ่!” “องค์ชายใหญ่ เพียงแค่พระองค์เป็นผู้นำ พวกข้าก็จะเข้าวังเข้าเฝ้า ทูลฟ้องรัชทายาท!” “เรื่องนี้ไม่ควรชักช้า พวกเราเข้าวังกันเถอะ!” หลี่เทียนฉี่ส่ายหน้า เอ่ยอย่างเย้ยหยัน “พวกเจ้าเหล่าขุนนางทูลขอมาแล้วกี่ครั้ง? โค่นเจ้าเก้าได้หรือไม่?” เหล่าขุนนางต่างก้มหน้า ไม่เอ่ยอะไร การทูลขอของเหล่าขุนนาง เป็นกลวิธีที่พวกเขาใช้จนชำนาญ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่เพียงใด เพียงแค่เหล่าขุนนางคุกเข่าที่หน้าท้องพระโรง และให้ขุนนางชราไม่กี่คนแสดงละครแกล้งฆ่าตัวตาย ฮ่องเต้หวู่ก็ต้องยอม! แต่กลวิธีนี้กลับใช้ไม่ได้กับหลี่หลงหลิน พวกเขาเหล่าขุนนางทูลขอมาหลายครั้งแล้ว หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่ไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย กลับเลื่อนขั้นได้เป็นรัชทายาทอย่างรวดเร็ว? เจ้ากรมพิธีการขมวดคิ้ว “องค์ชายใหญ่ เช่นนั้นท่านว่าควรทำอย่างไร?” เหล่าขุนนางต่างพยักหน้า “องค์ชายใหญ่ ท่านโปรดชี้แนะพวกข้า
ฮ่องเต้หวู่อนุญาตโดยปริยาย เว่ยซวินไม่กล้าชักช้า เร่งระดมขันทีและองครักษ์เสื้อแพรไปหลายร้อยคน ฤดูหนาวหิมะโปรยปราย พระราชวังต้องห้ามอันวิจิตรตระการตา กลายเป็นสถานที่ก่อสร้างอันจอแจ งานดำเนินไปอย่างเร่งรีบ ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่นางสนมในวังหลัง แม้แต่ขุนนางในราชสำนักก็รับรู้ “องค์รัชทายาททรงก่อสร้างครั้งใหญ่ในวัง ติดตั้งท่อทำความร้อนใต้พื้น ท่อที่วางนั้นทำจากทองเหลือง!” “นี่มันสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว!” “ช่างเป็นการใช้ของล้ำค่าอย่างไร้ประโยชน์!” “ฟุ่มเฟือย ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว!” “ราชสำนักลำบากเพียงนี้ เบี้ยหวัดก็แทบจะจ่ายไม่ไหว องค์รัชทายาทกลับฟุ่มเฟือยอย่างไร้ยางอาย นำทองเหลืองราคาแพงฝังไว้ใต้ดิน!” “ใช่แล้ว เหตุใดพระองค์ไม่ทรงมอบเงินเหล่านี้ให้แก่พวกเรา? ให้พวกเราช่วยเหลือประชาชนที่น่าสงสารเหล่านั้น?” เหล่าขุนนางข้าราชการต่างรวมตัวกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เหล่าขุนนางต่างโกรธแค้น! ฮ่องเต้หวู่ก็ใจแคบมากพอแล้ว ในคลังหลวงมีเงินนับสิบล้านตำลึง แต่กลับเก็บไว้แน่นหนา ไม่ยอมนำออกมาให้ตนเอง ไม่คิดว่า หลี่หลงหลินจะยิ่ง