ซูเฟิ่งหลิงถลึงตามองหลี่หลงหลิน แล้วกัดฟันสีเงินของนางเจ้าคนสารเลวนี่ ต้องเป็นตัวซวยแน่ๆ!อยู่กับเจ้าทีไร ไม่เคยมีเรื่องดีเลย!หลี่หลงหลินยืนขึ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ ท่านอย่าโกรธไปเลยนะ! เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของซูเฟิ่งหลิง ข้าสั่งให้นางปิดร้านเอง! ความผิดทั้งหมด ข้าหลี่หลงหลินจะเป็นผู้รับผิดชอบเองขอรับ!”ซูเฟิ่งหลิงเหลือบมองหลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจเฮอะ!ถือว่าเจ้ายังมีจิตสำนึกที่ดี!ลั่วอวี้จู๋ตะลึงงัน แววตาทั้งคู่จ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน แล้วกล่าวด้วยความไม่เข้าใจ “องค์ชายเก้า เหตุใดเจ้าถึงต้องทำเช่นนี้?”หลี่หลงหลินก็พูดเสียงเรื่อยเฉื่อย “ช่วงเวลาพิเศษ ก็ต้องทำเรื่องที่พิเศษ! สถานการณ์ของตระกูลซูมาถึงจุดที่ร้ายแรงมาก! จำเป็นต้องใช้วิธีการที่คาดไม่ถึงเพื่อทำลายสถานการณ์นี้ขอรับ!”ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วอันงดงามของนางพร้อมกล่าวว่า “ทำลายสถานการณ์ที่เจ้าว่าคือการบังคับให้ซื้อหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ใช่แล้ว”ลั่วอวี้จู๋แค่นเสียงเย็นชากล่าวว่า “แล้วการค้าขายเช่นนี้ องค์ชายเก้าหาเงินได้เท่าไร?”หลี่หลงหลินก็หันไปพูดกับซูเฟิ่งหลิง “เอาเงินที่ขา
และทันใดนั้นคนจำนวนนับไม่ถ้วนก็พากันแห่เข้ามาในร้านขายผ้าสกุลซู เหยียบจนธรณีประตูร้านแตกหักแล้ว“นี่เป็นผ้าที่ดีที่สุดที่ข้าเคยเห็นมา!”“ผ้าดีๆ แบบนี้ขายในราคาเพียงสิบแปดเหวินเท่านั้นจริงๆ หรือ?”“สมองของเจ้าของร้านต้องมีปัญหาแน่นอน!” “ทุกคนรีบไปซื้อกันเถอะ ใกล้จะมืดแล้วเดี๋ยวร้านปิดเอา!”“ข้าอยากได้ผ้าหนึ่งผืน!”“ข้าอยากได้สองผืน!”“...”ผู้ลี้ภัยเหล่านี้แท้จริงแล้วไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อน แต่มาแย่งกันซื้อผ้าเพียงแค่ชั่วพริบตานั้น กิจการของร้านขายผ้าสกุลซูจากที่ไม่มีใครเอ่ยถึง ตอนนี้ได้กลายเป็นที่นิยมแล้วซูเฟิ่งหลิงและหลี่หลงหลินรับผิดชอบการขายที่หน้าร้าน ส่วนลั่วอวี้จู๋อยู่หลังโต๊ะคิดเงิน ทำหน้าที่รับเงินและคิดบัญชีลูกค้ามีจำนวนมากเกินไปจริงๆทั้งสามคนยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหอบหายใจซูเฟิ่งหลิงและลั่วอวี้จู๋เห็นร้านขายดีเช่นนี้ ก็ไม่เพียงแต่มีความสุขเท่านั้น แต่ในใจก็ยังรู้สึกประหลาดใจด้วยนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?เห็นได้ชัดว่าหลี่หลงหลินเป็นคนบังคับให้ซื้อ และทำลายชื่อเสียงของสกุลซูแต่เหตุใดกิจการถึงได้ขายดีขนาดนี้!ไม่เพียงเท่านั้นนี่ก็คือเจตนาของหลี่หลง
“แบบนี้ไม่เท่ากับช่วยเหลือพวกวิปลาสหรือ?”ผู้ลี้ภัยทุกคนต่างตกใจดินแดนทางเหนือเป็นดินแดนที่ยากจนข้นแค้น เมื่อเทียบกับที่ศรีวิไลอย่างเมืองหลวงที่มีแสงสีมากมายและพิลึกพิลั่นแห่งนี้ข่าวที่ว่าองค์ชายเก้าเป็นโรคตะวันพันมังกรและชอบบุรุษนั้นน่าตกใจมากสำหรับพวกเขา และมันก็ได้ทำลายศีลธรรมอันดีงามทั้งหมดลงทันทีมันขัดต่อจริยธรรมของมนุษย์ และเป็นความผิดที่เลวร้ายมาก!ตนกลับซื้อผ้าจากคนชั่วร้ายคนหนึ่ง นี่ไม่เท่ากับช่วยเหลือเผด็จการหรือ?แต่เหล่าผู้ลี้ภัยถือผ้าราคาถูกและหนาเอาไว้ พวกเขาไม่อาจทำใจวางลงได้หลิวเกินเซิงถามอย่างอึกอักว่า “องค์ชายเก้า เจ้าชอบบุรุษจริงๆ หรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้น ผ้าเหล่านี้พวกข้าไม่ซื้อแล้ว...”เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยินอย่างนั้น แก้มของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที นางรีบถอยหลังกลับไปลั่วอวี้จู๋รู้เรื่องราวภายในเป็นอย่างดี ก่อนจะถลึงตามองซูเฟิ่งหลิง “ดูเรื่องงามไส้ที่เจ้าทำสิ!”ซูเฟิ่งหลิงมีสีหน้าเศร้าโศก ก่อนจะเอ่ยอย่างน่าสงสาร “ข้าก็แค่นึกสนุก ถึงได้ลงมือทำอย่างหุนหันพลันแล่น แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะเกิดเรื่องใหญ่ในเมืองหลวงเช่นนี้...”“เฮ้อ!”ลั่วอวี้จู๋ถอ
เห็นได้ชัดว่าจะบุ่มบ่ามใช้กำลังไม่ได้!หรือว่าจะทำได้เพียงมองดูคนชั่วร้ายผู้นี้เย่อหยิ่งวางอำนาจบาตรใหญ่ แล้วตนก็ทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้น?ชาวบ้านต่างก็มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยความโกรธ ไม่อาจกลืนความโกรธนี้ลงได้!หลิวเกินเซิงตะเบ็งเสียงกล่าวว่า “พวกเจ้ามัวอึ้งอะไรกันอยู่? ผ้าทุกผืนที่ขายได้ องค์ชายเก้าสมควรตายผู้นี้ก็จะขาดทุนไปยี่สิบเหวิน พวกเราต้องซื้อมันอย่างบ้าคลั่ง ให้เจ้าคนเผด็จการคนนี้ขาดทุนย่อยยับตายไปเลย!”ประโยคนี้ได้ปลุกทุกคนตื่นขึ้นจากฝัน!ใช่!องค์ชายเก้าที่หยิ่งผยองเผด็จการผู้นี้ อาศัยฐานะการที่ตนเป็นองค์ชายมากลั่นแกล้งชาวบ้าน แล้วยังชอบบุรุษ เช่นนี้มันขัดต่อจริยธรรมของมนุษย์ไม่ใช่หรือ?พวกเราไม่อาจตีเจ้าได้!แต่พวกเราสามารถเอาเปรียบเจ้าได้ ให้เจ้าขาดทุนจนตาย!แม้ว่ายี่สิบเหวินจะไม่มาก แต่ถ้าทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันซื้อ สะสมจากน้อยไปมาก ก็จะทำให้เจ้าขาดทุนจนต้องปิดร้านไป!“ข้าขอซื้อผืนหนึ่ง!”“ข้าขอซื้อห้าผืน!”“หลีกไปให้หมด ข้าต้องการซื้อสิบผืน ข้าต้องการให้องค์ชายเก้าขาดทุนจนสิ้นเนื้อประดาตัว!”ความกระตือรือร้นของเหล่าชาวบ้านถูกจุดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ พวกเขาเ
“ก็เท่ากับห้าพันเหวิน...”“หนึ่งพันเหวินเท่ากับหนึ่งก้วน หนึ่งก้วนก็เท่ากับหนึ่งตำลึง”“หมายความว่าวันนี้ได้กำไรห้าตำลึง”ซูเฟิ่งหลิงไม่เข้าใจ “พวกเราทำงานยุ่งทั้งวัน เหนื่อยแทบตาย แต่กลับได้กำไรแค่ห้าตำลึง? ถ้าอย่างนั้นหนึ่งเดือน ก็ได้กำไรแค่ห้าสิบตำลึงน่ะสิ?”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้า แล้วพูดอย่างจริงจัง “น้อยอย่างนั้นล่ะ อีกอย่างร้านค้าเป็นของเรา ไม่ต้องคำนวณค่าเช่า แต่ก็ยังมีค่าแรงของพวกเราสามคน ถ้าเกิดว่าจ้างลูกจ้าง ต้องขาดทุนแน่”ซูเฟิ่งหลิงเริ่มตื่นตระหนกแล้ว “จบแล้วๆ ข้าก็นึกว่าหลี่หลงหลินพูดไปอย่างนั้น แต่ที่ไหนได้ขาดทุนจริงๆ!”ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วมองไปที่หลี่หลงหลิน “องค์ชาย วิธีนี้มันไม่ใช่วิธีที่ดีเลย! ไม่เพียงไม่ได้กำไร แต่ยังขาดทุนอีกด้วย! พวกเราขึ้นราคาหน่อยดีไหม?”หลี่หลงหลินมองใบหน้าที่งดงามของลั่วอวี้จู๋แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าเหตุใดพวกชาวบ้านลี้ภัยจากดินแดนทางเหนือถึงได้มาซื้อผ้าที่ร้านของพวกเรา?”ลั่วอวี้จู๋ตะลึงเล็กน้อย “ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงฉาวโฉ่ของเจ้าหรือ?”หลี่หลงหลินส่ายหัว “นั่นแค่เบื้องหน้า! สาเหตุที่แท้จริงก็คือผ้าร้านเรามีคุณภาพด
หลี่หลงหลินยุ่งทั้งวัน เหนื่อยแทบตาย เขากินอาหารค่ำไปไม่กี่คำ จากนั้นก็นอนลงบนเตียง อยากจะพักผ่อนสักหน่อยเวลานี้ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก ร่างหญิงงามที่สวยหยาดเยิ้มแวบผ่านเข้ามาปานสายลมก็คือซูเฟิ่งหลิงวันนี้นางไม่ได้สวมเครื่องแบบทหาร แต่เป็นครั้งแรกที่นางสวมชุดกระโปรงสีแดง ทำให้นางดูสวยหยาดเยิ้มดึงดูดใจคน จนหาที่เปรียบไม่ได้“เจ้าคิดจะทำอะไร?”หลี่หลงหลินสะดุ้งตกใจ รีบทำท่าป้องกันทันที “ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ห้องข้างๆ ถ้าเจ้าวางแผนทำมิดีมิร้ายกับข้า ข้าจะตะโกน!”ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มของซูเฟิ่งหลิงก็แดงก่ำ นางกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความโกรธ “ปากเจ้านี่มันพูดเรื่องดีไม่ได้เลยใช่หรือไม่! เจ้าคิดว่าข้าเป็นอะไร? เป็นโจรหญิงหรืออย่างไร?”หลี่หลงหลินเกาหัว “หรือว่าไม่ใช่? ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาที่นี่ทำไม?”ซูเฟิ่งหลิงก้มหน้าลง สองมือลูบชายกระโปรง แล้วพูดเสียงเบาราวกับยุง “ข้า...ข้า...ข้าอยากมาขอโทษเจ้า”“ขอโทษ!”หลี่หลงหลินมองซูเฟิ่งหลิงตั้งแต่หัวจดเท้า แล้วเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา “มิน่าล่ะถึงได้แต่งตัวเป็นสตรีเช่นนี้ ที่แท้เจ้าก็อยากจะใช้กลหญิงงามกับข้านี่เอง! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็มาข้างๆ ข้านี
ซูเฟิ่งหลิงตะลึง ก่อนจะมองไปที่หลี่หลงหลินด้วยความไม่เชื่อตนก่อปัญหาใหญ่ขนาดนี้ หลี่หลงหลินจะใจกว้างให้อภัยตนได้ขนาดนั้นเลยหรือ?ซูเฟิ่งหลิงรู้สึกละอายใจ “แต่ว่า ชื่อเสียงของเจ้าล่ะจะทำอย่างไร? ให้ข้าคิดหาทางเปิดเผยความลับต่อหน้าสาธารณะ กู้ศักดิ์ศรีของเจ้ากลับคืนมาดีหรือไม่...”หลี่หลงหลินยิ้ม “แม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ แต่ก็ยังเป็นภรรยาในนาม แม้ว่าเจ้าจะบอกความจริงคิดว่าจะมีใครเชื่อหรือไม่? กลับกัน ยิ่งอธิบายก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ชื่อเสียงของข้าก็มีแต่จะฉาวโฉ่ยิ่งกว่าเดิม!”“ช่างเถอะ!”“เจอปัญหามากมายแค่ไหนก็ไม่เป็นไร!”“ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อเสียงของคนที่ชั่วร้ายอันดับหนึ่งในใต้หล้า ยังมากกว่าชื่อเสียงของคุณชายเสเพลอันดับหนึ่งในเมืองหลวง!”ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้ว “แต่ถ้าเจ้าจะไม่ให้ข้าทำอะไรเลย ข้าคงไม่มีความสุข!”หลี่หลงหลินเลิกคิ้ว แล้วพูดอย่างด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “เจ้ามาบีบเท้าให้ข้าสิ...”“ไสหัวไป!”สีหน้าของซูเฟิ่งหลิงเปลี่ยนไป ทั้งร้อนรนและโกรธเคือง “เจ้านี่ช่างเชื่อถือไม่ได้เลย! ข้าพูดเรื่องจริงจังกับเจ้าอยู่! เจ้ากลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ข้ารู้สึกผิดหวังมาก...”เมื่
“ไร้สาระ!”“ข้าก็ต้องเลือกที่จะทำลายชื่อเสียงของเจ้าอยู่แล้วน่ะสิ!”ซูเฟิ่งหลิงเลือกโดยไม่ลังเลกองทัพสกุลซูมีรากฐานที่หนาแน่นภายใต้การจัดการของซูเฟิ่งหลิง เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวลือที่ทำลายชื่อเสียงของหลี่หลงหลินก็ได้แพร่กระจายไปในกองทัพไม่เพียงแค่ในกองทัพที่เสื่อมโทรมของสกุลซูเท่านั้นกระทั่งกองทัพปกป้องเมืองหลวง รวมไปถึงในหมู่องครักษ์ ล้วนมีข่าวลือการกระทำที่ชั่วช้าของหลี่หลงหลินชื่อเสียงของหลี่หลงหลินก็ตกต่ำลงอย่างยิ่ง แต่เขากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กินดื่มตามปกติ แทบไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด ปล่อยให้เรื่องราวมันปะทุต่อไปไม่กี่วันต่อมาฮ่องเต้หวู่ออกจากว่าราชการเช้า แล้วไปที่ห้องทรงพระอักษรล่าสุดนี้ อารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ยังไม่มีข่าวดีมาจากดินแดนทางเหนืออีกทั้งพวกลี้ภัยที่มาจากดินแดนทางเหนือก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆฮ่องเต้หวู่ที่เฝ้าดูอยู่ก็รู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่งตราบใดที่เขาพูดถึงเรื่องหาที่อยู่ให้ผู้ลี้ภัยในราชสำนักขึ้นมา เหล่าขุนนางใหญ่ก็เริ่มแกล้งตายอย่างไรเสียการหาที่อยู่ให้ผู้ลี้ภัย จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก!ราชสำนักตอนนี้ไม่มีเงินซื้ออาหารแล
หลี่หลงหลินเชี่ยวชาญในการอ่านสีหน้าและท่าทีของผู้คน เพียงมองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าขันทีน้อยผู้นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หากเขามีเอี่ยวจริง คงไม่อาจรักษาความสงบภายใต้แรงกดดันมหาศาลของตนได้เช่นนี้!“ต้องมีใครอยู่เบื้องหลังแน่!”ตอนนี้ เหล่าขุนนางที่เคยเป็นปฏิปักษ์กับเขาล้วนถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น!ไม่มีใครกล้าหาเรื่องหลี่หลงหลินหรอกเห็นได้ชัดว่า มีเพียงองค์หญิงใหญ่เท่านั้นที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!หลี่หลงหลินหันกลับไปจ้องนางแต่สิ่งที่เขาเห็น คือรอยยิ้มคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มขององค์หญิงใหญ่ ดวงตางดงามของนางจ้องตรงมาที่เขาอย่างมีเลศนัยชัดเจนแล้วว่า นางเป็นคนทำแน่นอน!หลี่หลงหลินอยากจะเปิดเผยเรื่องนี้ให้กระจ่าง แต่กลับไม่มีหลักฐานใดๆมันง่ายมากที่จะถูกอีกฝ่ายใส่ร้ายถึงเวลานั้น เกรงว่าต่อให้กระโดดลงแม่น้ำหวงเหอก็ชำระล้างความบริสุทธิ์ไม่ได้ตอนนี้ ใครเป็นคนสับเปลี่ยนของขวัญไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปสิ่งที่สำคัญคือ ลูกธนูอยู่บนสายแล้ว เขาต้องยิงออกไป! ตอนนี้ สายตาของเหล่าขุนนางทั้งหมดจับจ้องไปที่หลี่หลงหลินรอให้เขาและพระชายาขึ้นไปถวายพระพรหากเขายอมส่งมอบหยกแตกนี
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้รู้สึกว่าถ้อยคำของหลี่หลงหลินเมื่อครู่มีสิ่งใดไม่เหมาะสมผู้ใดบังอาจหยามเกียรติต้าเซี่ยของข้าต่อให้ไกลเพียงใดก็ต้องถูกกำจัด!ฮ่องเต้หวู่ตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “เหตุใดจะไม่ได้?”ขุนนางอาวุโสที่เป็นผู้นำคณะเงยหน้าขึ้นอย่างหวาดหวั่น กล่าวว่า “ฝ่าบาท บริเวณชายฝั่งกำลังเผชิญกับพายุไต้ฝุ่น หากทรงตัดสินพระทัยทำศึกโดยประมาท เกรงว่าอาจต้องสูญเสียมากกว่าผลที่ได้รับพ่ะย่ะค่ะ!”“ยิ่งไปกว่านั้น ช่องแคบตงอิ๋งมีสายลมศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแคว้น การเดินเรือผ่านไปนั้นยากลำบากมาก การยกพลขึ้นฝั่งจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้พลันสงบสติอารมณ์ลงทันที ทรงใคร่ครวญถึงถ้อยคำของเหล่าขุนนางแม้คำพูดเหล่านั้นจะฟังไม่รื่นหูนัก แต่ก็เป็นความจริงทั้งสิ้นหากตนปล่อยให้โทสะครอบงำและเร่งรีบส่งกองทัพออกไปโดยไม่ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนไม่เพียงแต่จะไม่สามารถสงบศึกชายฝั่งได้ แต่อาจยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลง เปิดโอกาสให้ศัตรูฉวยโอกาสโจมตี!ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า แล้วตรัสเสียงเย็นชาว่า “เอาเถอะ แคว้นเล็กกระจ้อยร่อย แผ่นดินกันดารไร้ค่าเช่นนั้น ข้าไม่เคยใส่ใจอยู่แล้ว ตอ
ตงอิ๋งเป็นประเทศราชของราชวงศ์ต้าเซี่ยมาตั้งแต่สมัยโบราณทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากราชวงศ์ต้าเซี่ยแต่คาดไม่ถึงว่าตงอิ๋งไม่เพียงแต่ไม่ออกมาชี้แจง ยังกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการหักหลังอีกด้วยประเทศเล็กๆ ที่ไร้ค่า ยังคิดที่จะกลืนกินแผ่นดินของต้าเซี่ยหากไม่ใช่เพื่อความมั่นคงของแคว้นเพื่อราษฎรทั่วหล้าฮ่องเต้หวู่คงจะยกทัพไปปราบตงอิ๋งด้วยตนเองแล้ว!องค์หญิงใหญ่ดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของฮ่องเต้หวู่ ยังคงพูดด้วยความภาคภูมิใจ “เสด็จพ่อ ท่านคงยังไม่ทรงทราบว่า เมื่อหลายปีก่อนตงอิ๋งได้ค้นพบเหมืองแร่เงินจำนวนมาก ชื่อว่าเหมืองเงินสือเจี้ยน”“จากการสำรวจพบว่าปริมาณสำรองนั้นมหาศาลอย่างยิ่ง เกรงว่าต่อให้รวมเหมืองเงินทั้งหมดของต้าเซี่ยเข้าด้วยกัน ก็คงเทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!””“อะไรนะ!”เมื่อองค์หญิงใหญ่กล่าวจบ ผู้คนในที่นั้นต่างพากันสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกตะลึงฮ่องเต้ขมวดคิ้ว สายตาเฉียบคมดั่งคมดาบหากไม่ใช่เพราะวันนี้เป็นวันมงคล เขาคงจะจับองค์หญิงใหญ่เข้าคุกไปแล้ว!ความประทับใจที่ดีที่เขามีต่อนางเมื่อครู่ หายไปจนหมดสิ้นตำหนักฉือหนิงทั้งตำหนักเงียบสง
คนที่ยืนอยู่หน้าหลี่หลงหลินคือหลี่เทียนฉี่ลูกชายคนโต และองค์หญิงใหญ่แม้ว่าหลี่หลงหลินจะดำรงตำแหน่งรัชทายาทในขณะนี้ แต่ก็ยังต้องแยกแยะระหว่างลูกที่เกิดจากชายาเอกและอนุ และต้องมีลำดับอาวุโสจึงต้องยืนอยู่ด้านหลังแต่หลี่หลงหลินไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เพราะสิ่งที่ควรจะเป็นของเขาก็จะเป็นของเขาในที่สุดองค์หญิงใหญ่เหลือบมองหลี่หลงหลินแวบหนึ่ง พลางเผยสีหน้าราวกับกำลังดูละครสนุกๆ“อีกเดี๋ยวข้าจะรอดูว่าเจ้าจะรับมืออย่างไร!”องค์หญิงใหญ่เดินไปหาฮองไทเฮาก่อน เปลี่ยนจากท่าทีหยิ่งยโสเมื่อครู่ เป็นความเคารพ “ขอถวายพระพรฮองไทเฮา ให้ทรงมีพระชนมายุยืนยาวดั่งสายน้ำทะเลตะวันออกไหลริน และมั่นคงดั่งต้นสนเฒ่าแห่งขุนเขาทิศใต้ นี่เป็นของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ ที่หม่อมฉันขอถวายแด่ฮองไทเฮาเพคะ!”กล่าวจบ นางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เปิดผ้าแพรสีแดงบนถาดไม้หวงฮวาลี่ออกเผยให้เห็นกล่องอัญมณีที่สวยงามอย่างยิ่งสายตาของทุกคนในที่นั้นถูกดึงดูดไปทั้งกล่องอัญมณีมีลักษณะคล้ายผีเสื้อทั่วทั้งตัว ด้านหน้าถูกแกะสลักประดับด้วยมุก ลวดลายพื้นหลังเผยให้เห็นเกล็ดปีกผีเสื้ออย่างประณีตงดงามฮองไทเฮาสวมแว่นตาที่หลี่หลงหลินทำ
องค์หญิงใหญ่ก้าวเข้าไปในตำหนักฉือหนิงแปลกที่ดูเหมือนไม่มีใครในตำหนักรู้จักนางนอกจากหลี่หลงหลินแล้ว ไม่มีใครกล้าเข้ามาทักทายนางเลยองค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเดิมทีวันนี้นางคิดว่าตัวเองจะเป็นจุดสนใจของทุกคนอย่างน้อยก็น่าจะมีคนเข้ามาพูดคุยกับนางบ้างแต่ตั้งแต่แรก นางก็คิดว่าตัวเองสำคัญเกินไปแล้วหลี่เทียนฉี่กระซิบข้างหูองค์หญิงใหญ่ “องค์หญิงใหญ่ ท่านเห็นหรือไม่ว่าหลี่หลงหลินน่ารังเกียจแค่ไหน!”องค์หญิงใหญ่เหลือบมองเขานางไม่เคยคิดเลยว่า หลี่เทียนฉี่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่คาดหวังของทุกคน ตอนนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าเช่นนี้นางไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตัวเองเกิดมาจากท้องแม่เดียวกันกับเขา!แต่หลี่เทียนฉี่พูดถูกอยู่เรื่องหนึ่งหลี่หลงหลินน่ารังเกียจจริงๆเขาไม่เคยมองนางอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำองค์หญิงใหญ่ตวาด “ดูเจ้าสิ ไร้ประโยชน์! ถูกคนไร้ค่าอย่างหลี่หลงหลินแย่งตำแหน่งรัชทายาทไป น่าอับอายขายหน้าจริงๆ!”ยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินยังมีอาจารย์ของฮ่องเต้คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังหลี่เทียนฉี่กล่าว “ท่านอย่าได้ดูแคลนหลี่หลงหลินเชียว เขาไม่ได้เป็นคนที่ดูเผินๆ แล้วจะเข้าใจได้ง่ายๆ หรอก!
นี่คือสงครามที่ไร้ควันปืนหลังจากการทดสอบหลายรอบ องค์หญิงใหญ่ก็รู้ถึงความสามารถของหลี่หลงหลินแล้วเป็นไปตามที่นางคาดไว้ก่อนหน้านี้จริงๆลึกล้ำเกินหยั่งถึงเขาไม่เหมือนกับหลี่เทียนฉี่ ผู้ไร้ประโยชน์ที่ทำอะไรไม่สำเร็จ! บรรยากาศเปลี่ยนไปสายตาขององค์หญิงใหญ่จับจ้องไปที่ซูเฟิ่งหลิง บีบรอยยิ้มปลอมๆ ออกมา “ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ”“ได้ยินชื่อเสียงของพระชายาองค์รัชทายาทมานานแล้ว ว่าเป็นผู้มีชาติตระกูลดี มีฝีมือด้านศิลปะการต่อสู้ กล้าหาญ และเชี่ยวชาญในการต่อสู้”“ได้ยินมาว่าองค์รัชทายาททรงโปรดปรานเรื่องตะวันพันมังกร นึกว่าจะเป็นคนแข็งแกร่ง”“ไม่คิดเลยว่าจะงดงามเช่นนี้”คำพูดไม่กี่คำขององค์หญิงใหญ่ ทำให้บรรยากาศในตำหนักฉือหนิงเปลี่ยนไปในทันทีซูเฟิ่งหลิงไม่สามารถต้านทานได้เลยท้ายที่สุด ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแม้แต่หลี่หลงหลินที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่คิดว่าองค์หญิงใหญ่จะยิ้มเยาะเย้ยถากถางและตรงไปตรงมาเช่นนี้เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิง หลี่เทียนฉี่ก็รู้สึกสะใจ!บรรยายไม่ถูกเลยว่าชื่นใจแค่ไหน!รู้หรือไม่ว่า ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้เปรียบหลี่หลงหลินเลย
“ถวายบังคมองค์รัชทายาท!”เมื่อนางกำนัลและขันทีเห็นหลี่หลงหลิน ต่างรีบวางมือจากงานและคำนับเขาแม้ว่านางกำนัลและขันทีเหล่านี้จะอยู่ในตำหนักฉือหนิง ซึ่งอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางของการต่อสู้ทางการเมืองในวันธรรมดา พวกเขาก็แค่รับใช้ฮองไทเฮา ชีวิตเรียบง่ายยิ่งพวกเขาเข้าไม่ถึงอำนาจมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้นเท่านั้น!อยากรับใช้องค์รัชทายาทแม้ในความฝันต้องการสร้างความสัมพันธ์กับเขาท้ายที่สุด เว่ยซวินก็รับใช้ฮ่องเต้หวู่มาตั้งแต่เด็กจนโตมิฉะนั้น เขาจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?นางกำนัลและขันทีกระตือรือร้นเป็นพิเศษแต่หลี่หลงหลินไม่สนใจเพราะเขามีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่ในใจตั้งแต่มาถึงตำหนักฉือหนิง สายตาของเขาก็มองหาใครบางคนในฝูงชนอยู่ตลอดเวลาต้องการมองหาองค์หญิงไท่ผิงท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาที่ยุ่งยากที่สุดในตอนนี้ก็คือนาง“องค์รัชทายาท ไข่มุกหมิงแห่งทะเลใต้หนึ่งเม็ด!”ขันทีน้อยรายงานของขวัญที่หลี่หลงหลินมอบให้ด้วยเสียงอันดังราวกับกำลังเอาใจหลี่หลงหลินแต่หลี่หลงหลินไม่สนใจ เพียงแต่มองไปที่ซูเฟิ่งหลิงข้างๆ“ช้าแล้ว พวกเราเข้าไปกันเถอะ”หลี่หลงหลินยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ใ
ไม่มีใครมาต้อนรับนางราวกับว่านางไม่เคยมีตัวตนอยู่มีเพียงลู่ฮองเฮาที่ทรงห่วงใยตน แต่ตอนนี้นางถูกฮ่องเต้หวู่เนรเทศไปยังตำหนักเย็นถูกจำกัดอิสรภาพของนางและจะไม่มาต้อนรับตนเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ องค์หญิงใหญ่ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และระงับความโกรธในใจทั้งหมดนี้เป็นเพราะคนชั่วที่ยุยงฮ่องเต้หวู่!“องค์ชายเก้า...”องค์หญิงใหญ่พึมพำในปาก ดวงตาของนางฉายแววฆ่าฟันหลังจากเดินทางมาหลายปีนางมิใช่เด็กสาวที่ไร้เดียงสาเช่นในอดีตอีกต่อไปแล้วการกลับมาครั้งนี้ของนาง ไม่ใช่แค่เพื่อพิสูจน์ตัวเองแต่เพื่อทวงทุกอย่างของนางกลับคืนมาเพื่อให้ขุนนางทั้งราชสำนักยอมสยบต่อนาง!องค์หญิงใหญ่เหลือบมองร่างหลายร่างวูบผ่านข้างรถม้าและหายเข้าไปในกำแพงวังหลวงแม้ว่าพระราชวังต้องห้ามจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันแน่นหนาที่สุดในต้าเซี่ยแต่สำหรับหน่วยกล้าตายใต้บัญชาของตนแล้ว เรื่องนี้ไม่มีค่าให้กล่าวถึงเลยท้ายที่สุด พวกเขาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการคัดเลือกและฝึกฝนอย่างดีจากแคว้นโวกั๋วคอยคุ้มครองนางโดยเฉพาะหากนางได้รับเวลาและเงินทุนเพียงพอการฝึกฝนทหารฝีมือดีแปดร้อยนาย จะต้องสามารถโค่นล้มการปกครอ
หลังจากอยู่ร่วมกันเช้าค่ำเป็นเวลานานหลี่หลงหลินรู้อุปนิสัยของซูเฟิ่งหลิงแล้วเพียงแต่ปากคมดั่งมีด จิตใจกลับนุ่มเหมือนเต้าหู้เท่านั้นหากตนเองไม่พาซูเฟิ่งหลิงไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟ นั่นต่างหากหายนะที่แท้จริง!น่ากลัวว่าต้องถูกทวนเงินแทงจนกลายเป็นตะแกรงร่อน!ดังนั้นตนเองไม่จำเป็นต้องกังวลซูเฟิ่งหลิงเพียงแจ้งนางคร่าวๆ ก็เท่านั้นบัดนี้กังวลที่สุดกลับเป็นองค์หญิงไท่ผิงทั้งหมดล้วนยังไม่มีแผนมนุษย์ทุกคนล้วนหวากหวั่นต่อตำแหน่งอำนาจอยู่ตลอดรอหลี่หลงหลินดึงสติกลับมาได้ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วน้อยๆ “ท่านพูดเถอะวันนั้นข้าใส่เสื้อผ้าเยี่ยงไรถึงจะเหมาะสม?”หลี่หลงหลินครุ่นคิด พูดยิ้มๆ “เมื่อหลายวันก่อนข้าให้พี่สะใภ้สี่ตัดชุดกระโปรงหน้าม้าให้เจ้าแล้วมิใช่หรือ? ทั้งหล่อเหลาทั้งสง่างาม ชวนให้ตกตะลึงทั้งงาน”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้ายิ้มๆ “ที่แท้ท่านก็เตรียมทั้งหมดไว้พรักพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ฟังท่านแล้วกัน!”......พระราชวังต้องห้ามขบวนรถม้าแล่นอย่างเชื่องช้ามาถึงหน้าประตูเมืองขบวนรถม้าจัดเตรียมไว้อย่างเรียบง่ายมาก ทั้งหมดมีคนไม่ถึงยี่สิบคนแต่หากมีความรู้ย่อมสามารถมองออกว่าขบวน