ภาพลักษณ์ที่เย็นชาและสง่างามของเขาเป็นสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ที่ได้พบเขา ซึ่งทำให้นางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย เขาสนับสนุนนาง “มะ...ไม่ใช่...” ฮูหยินจ้าวเห็นว่าท่าทีของหมอเทวดาเฮ่อหลานแปลกไป จึงรีบโบกไม้โบกมือ แต่คำพูดของเขาทำให้นางสับสนอย่างหนัก นางต้องการอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน หมอเทวดาเฮ่อหลานส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชาและสะบัดแขนเสื้ออย่างหงุดหงิด “หากในโลกนี้มีโรคที่คุณชายน้อยของข้าไม่อาจรักษาได้ ไม่ว่าจะตามใครมารักษาก็ไร้ประโยชน์! หากคุณชายน้อยของข้าบอกว่าสามารถรักษาได้ ก็ถือว่าสวรรค์ทรงโปรด ใครก็ไม่สามารถพรากชีวิตเขาไปได้” ไม่เพียงแต่คนอื่น ๆ จะตะลึงกับคำพูดนั้น แม้แต่ฉู่เนี่ยนซีก็พลอยตกใจไปด้วย ท่านหมอเฮ่อหลานต้องเชื่อใจนางมากเพียงใดถึงพูดเรื่องบ้า ๆ เช่นนั้นออกมาได้ แต่...เขาพูดถูก! แม้แต่ยมทูตแห่งนรกก็ไม่สามารถพรากคนที่นางต้องการรักษาไปได้! “จะ...จะเป็นไปได้อย่างไร?!” ฮูหยินจ้าวมองอย่างเหลือเชื่อ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหมอเทวดาเฮ่อหลาน ซึ่งดูเหมือนเขาจะไม่ได้ล้อเล่น หัวใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อเห็นท่าทางของนาง หมอเทวดาเ
ด้วยความร้อนรน หลายคนจึงเข้าไปในเรือนชั้นใน เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดก่อนหน้านี้ จ้าวเฉิงไฉก็เปิดหน้าต่างให้อากาศไหลเวียนอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายอากาศภายในห้องก็ดีขึ้นมาก ตอนนี้เถ้าแก่จ้าวนอนอยู่เงียบ ๆ อยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาหม่นหมอง และริมฝีปากดำคล้ำ ฉู่เนี่ยนซีเลิกเปลือกตาของเขาขึ้น สังเกตที่รูม่านตา จากนั้นจึงยืดตัวขึ้น “เถ้าแก่จ้าวมีปัญหาเกี่ยวกับตับ ประสิทธิภาพการทำงานของตับลดลงอย่างเห็นได้ชัด และสมรรถภาพทางกายของเขาก็ลดลงด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีไข้” ฉู่เนี่ยนซีพยายามอย่างมากที่จะอธิบายให้พวกเขาฟังโดยใช้คำพูดที่เข้าใจได้ง่ายที่สุด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเถ้าแก่จ้าวมีภาวะตับแข็ง ตอนที่นางอยู่ที่หอการแพทย์ นางสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเถ้าแก่จ้าวเป็นสีเหลืองและนัยน์ตาขุ่นมัว อีกทั้งเวลาที่เขาพูด เขาจะใช้มือคลำช่วงท้องตรงบริเวณตับของตัวเอง เมื่อนางเห็นเช่นนั้นก็เลยพอเดาได้ว่าเขาน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับตับ ในตอนนั้นที่นางเตือนก็เพราะหวังดี แต่เขากลับเข้าใจเป็นอื่นไปเสียอย่างนั้น ตอนนี้ตับของเขาเสียหายหนักแต่โชคดีที่ไม่กลายเป็นมะเร็งตับไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้น แม้จะรักษาได้แต
“ท่านไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง เหตุผลที่ข้ารักษาท่านก็เป็นเพียงเพราะท่านเลี้ยงดูบุตรมาให้เป็นคนกตัญญู ส่วนเรื่องอื่นเช่นเรื่องเงินนั้น ท่านก็ยังต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลอยู่ดี” เมื่อมีการกล่าวถึงค่ารักษา สีหน้าของเถ้าแก่จ้าวก็แสดงถึงความไม่สบายใจ ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็มีเสียงจากข้างนอกดังขึ้น “ฮูหยิน ให้พวกเราเข้าพบเถ้าแก่จ้าวเถอะ” “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากอนุญาตให้พวกเจ้าเข้าไป แต่ท่านหมอเทวดากำลังรักษาเขาอยู่ พวกเจ้าขอลากับท่านอาจารย์ไว้รึเปล่า? ก่อนจะพากันวิ่งมาถึงที่นี่” จ้าวเฉิงไฉได้ยินดังนั้น จึงพยักหน้าเป็นเชิงขอโทษฉู่เนี่ยนซีแล้วเดินออกไป สักพักเสียงข้างนอกก็หยุดลง จ้าวเฉิงไฉและคนอื่น ๆ ก็เข้ามา อวี๋หนานเดินไปหาฉู่เนี่ยนซี และพูดเสียงเบา “ได้ยินว่าเป็นกลุ่มเด็กเร่ร่อนที่เถ้าแก่จ้าวคอยให้ความช่วยเหลือขอรับ อีกทั้งยังจ้างอาจารย์มาสอนหนังสือพวกเขาที่นี่ด้วย วันนี้พอได้ยินมาว่าเถ้าแก่จ้าวป่วยเลยกรูกันมาเยี่ยม” ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้ามอง ไม่คิดว่าที่ฮูหยินจ้าวพูดเกี่ยวกับการช่วยเหลือขอทานก่อนหน้านี้จะมีความเป็นมาเช่นนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่จัดหาอาหารและน้ำดื่มให้เท่านั้น แต่ยังจ่ายค่
“ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้น เมื่อทำความคุ้นเคยแล้ว ท่านก็จะทำได้ดีเอง ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล ตอนนี้เถ้าแก่จ้าวอาจจะยังไม่มีจ่าย เช่นนั้นต่อไปนี้ค่อยหักจากเงินเดือนของท่านจะว่าอย่างไร?” ตอนนี้เถ้าแก่จ้าวเข้าใจความตั้งใจของนางแล้ว และรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง จนดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ “นับจากนี้ชีวิตของจ้าวจงจะเป็นของคุณชายซี ข้าน้อยจ้าวผู้นี้ไม่ต้องการค่าจ้าง ข้ายินดีที่จะลงนามในสัญญาทาส จากนี้ไปคุณชายซีจะเป็นนายท่านของข้าน้อย!” ไม่ว่าเถ้าแก่จ้าวจะอ่อนเพลียแค่ไหนก็ตาม แต่เขาคุกเข่าลงอย่างจริงใจและเด็ดเดี่ยว ฉู่เนี่ยนซีและคนอื่น ๆ ไม่คิดว่าเขาจะเลือกทำเช่นนี้ การลงนามในสัญญาทาสก็เหมือนกับการขายตัวเอง ในอนาคตเขาจะไม่มีสิทธิเช่นปุถุชนทั่วไป จะเป็นเพียงทาสไปตลอดชีวิต และเขาจะต้องทำทุกอย่างที่ฉู่เนี่ยนซีสั่ง นั่นทำให้ฉู่เนี่ยนซีตกใจและรู้สึกว่านางมองคนไม่ผิด จากนั้นนางก็ยิ้มและพูดติดตลกกับเขาว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด ลูกชายของท่านเตรียมตัวจะสอบจอหงวนใช่หรือไม่ ถ้าเขาสามารถสอบได้ระดับสูง แต่กลับมีพ่อเป็นทาสจริง ๆ นั่นจะไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรอกหรือ อีกทั้งข้าเองก็ไม่ได้ต้องการทาส ถ้า
ขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังครุ่นคิด นางก็เดินไปที่โต๊ะก่อนจะเขียนส่วนผสมทางยาสองสามอย่างลงบนกระดาษ แล้วส่งให้อวี๋ตง "ต้มส่วนผสมทางยาเหล่านี้แล้วแบ่งให้ทุกคน"หลังจากยื่นใบสั่งยาให้กับอวี๋ตงแล้ว ฉู่เนี่ยนซีก็ยังคงคอยสังเกตอาการของผู้ป่วยและความผิดปกติในหอการแพทย์ต่อหลังจากนั้นไม่นานอวี๋ตง อวี๋หนาน เฮ่อหลานและคนอื่น ๆ ก็นำยาขึ้นมาป้อนให้กับผู้ป่วย“โอ๊ย...เจ็บ”“เจ็บเหลือเกิน...หนาวเหลือเกิน”หนาวอย่างนั้นหรือ? ฉู่เนี่ยนซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองไปที่ผู้ป่วยคนที่พูด นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบอาการของเขา และดวงตาของนางก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงทันที“ช้าก่อน อย่าพึ่งป้อน”เมื่อทุกคนได้ยินเสียงของฉู่เนี่ยนซี พวกเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นนางเดินผ่านฝูงชนและไล่ตรวจดูอาการของแต่ละคนจริง ๆ ด้วย คนเหล่านี้ไม่ได้รับพิษจากพิษชนิดเดียวกันเลยพิษโลกคาวโลกีย์จะทำให้แขนขาอ่อนแรงและปวดท้องเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาว และเจ็บปวดจนเหงื่อโทรมเช่นนี้แต่เมื่อเวลาผ่านไปบางคนกลับเริ่มรู้สึกหนาวอาการเหมือนกันแต่ความแตกต่างอยู่ที่สภาวะร้อนและเย็น“ให้ยาคนไข้ที่มีเหงื่อบนศีรษะก่
ความเชื่อมั่นของพี่น้องตระกูลอวี๋ที่มีต่อฉู๋เนี่ยนซีนั้นแทบจะฝังแน่นอยู่ในกระดูก และพวกเขาก็เชื่อฟังคำสั่งของนางด้วยชีวิตอวี๋หนานทะยานขึ้นและเอื้อมมือไปที่ช่องระบายอากาศอย่างไม่ลังเล ในไม่ช้า เขาก็กระโดดลงมาบนพื้นอีกครั้งโดยมีกระเป๋าเล็ก ๆ อยู่ในมือ“พระชายา” อวี๋หนานกางมือออก โดยมีกระเป๋าเล็ก ๆ สีฟ้าวางอยู่บนฝ่ามือของเขากลิ่นหอมพิเศษโชยออกมาจากกระเป๋าฉู๋เนี่ยนซีสูดดมอย่างหนัก และมุมปากของนางก็โค้งงอขึ้นทันทีผลหยินหยาง!นี่คือกลิ่นของผลหยินหยาง!มิน่าล่ะ เนื้อและแกนของผลหยินหยางมีคุณสมบัติคือหยางที่มีฤทธิ์เย็นและหากเดาไม่ผิด พิษที่พวกเขาได้รับ ต้องมาจากแกนของผลหยินหยางแน่หากกินแกนผลหยินหยางเข้าไปจะเป็นการทำร้ายม้ามและกระเพาะอาหาร แถมยังเป็นพิษอย่างมากต่อบางคนที่เป็นหวัด และยังมีอีกหน้าที่หนึ่งคือช่วยเสริมให้สมารถดูดซึมยาได้ดีอีกด้วยแต่เมื่อรวมกับผงโลกคาวโลกีย์ก็จะมีบทบาทในการทำให้เป็นกลาง โดยไม่ทำลายรากยาถ้าอยากให้พิษโลกคาวโลกีย์มีประสิทธิผลมากขึ้นจะต้องรับประทานเข้าไป เพราะหากพึ่งพาการสูดดมเพียงอย่างเดียว ฤทธิ์ทางยาจะให้ผลน้อยกว่าหนึ่งในสิบ ดังนั้นบุคคลนี้จึงอาศัยแก
เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเย่เฟยหลียังคงได้รับบาดเจ็บ นางจึงสั่งการอีกสองสามอย่างก่อนจะเปลี่ยนชุดและกลับไปที่จวนอ๋องขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะก้าวเข้าไปในเรือนนอนของเย่เฟยหลี นางก็ได้ยินเสียงการสนทนาดังออกมาจากด้านใน“พี่สาม ข้าคิดว่าท่านถูกฉู๋เนี่ยนซีสตรีอัปลักษณ์...สตรีผู้นั้นวางยาแน่ ๆ ท่านถึงได้เอาแต่พูดแทนนางเช่นนี้!”“วันนี้ข้าเห็นสนมซ่างกวานพูดคุยกับกระต่ายที่บาดเจ็บ แถมยังทำแผลให้มันด้วย ฉู่เนี่ยนซีเคยทำแบบนั้นหรือไม่?นางคงมีแต่จะเผามันกินเสียมากกว่า!”ฉู่เนี่ยนซีถอยเท้ากลับไปอย่างเงียบ ๆ และอดไม่ได้ที่จะลูบจมูกตัวเอง องค์ชายเจ็ดคนนี้รู้จักนางดีทีเดียว เพราะนางจะเผามันกินจริง ๆ!“เผาแล้วยังไง? หากเป็นข้า ข้าเองก็จะเผามันกินเช่นกัน” ราวกับว่าเย่เฟยหลีไม่ได้ยินประเด็นหลักที่เขาต้องการพูด เขากึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วยเย่ฉงเฉิงหายใจแทบไม่ออก เขาตบต้นขาตัวเองก่อนจะยืนขึ้น“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น ข้าหมายความว่าสนมซ่างกวานเป็นคนจิตใจดี และมีเมตตาต่อสัตว์เล็กสัตว์น้อย นางจะมีเล่ห์เหลี่ยมได้อย่างไร? พี่สาม ตอนนี้ท่านมีทัศนคติต่อนางเช่นนี้แถมยังสั่งให้นางเปลี่ยนค
เมื่อมองดูดวงตาที่เป็นประกายของเขา ใบหน้าของฉู่เนี่ยนซีก็ร้อนขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ เขาบอกว่านางงามอย่างนั้นหรือ? สายตาของเขาผิดปกติหรือเปล่า?แต่เสียงที่ทุ้มลึกและนุ่มนวลของบุรุษผู้นี้ก็ทำให้อบอุ่นใจมาก แม้แต่ฉู่เนี่ยนซีที่ปกติแล้วจะสงบก็ไม่อาจต้านทานได้เย่ฉงเฉิงไม่คิดว่าเย่เฟยหลีจะตอบเช่นนี้ เขาโกรธมากจนพูดไม่ออกเป็นเวลานานมีเพียงสองคำที่หลุดออกมาในตอนท้าย "ข้าขอตัว!"แล้วเขาก็รีบออกไปจากห้องทันที!ทันใดนั้นในห้องก็เหลือเพียงเย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีใบหน้าของฉู่เนี่ยนซีเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อนึกถึงคำพูดของเขา ทำให้นางได้แต่สาปแช่งอยู่ในใจ‘ให้ตายเถอะ ช่วงนี้นางเป็นอะไรไป’‘อะไรนิดอะไรหน่อยก็หน้าแดง เย่เฟยหลีเองก็เหมือนกัน ทำไมถึงได้เอาแต่หยอดอยู่เรื่อย’‘การแสดง! จะต้องเป็นการแสดงแน่ ๆ! มันคือการแสดงต่อคนนอก เพื่อให้เย่ฉงเฉิงจอมงี่เง่าคนนั้นโกรธ’‘ต้องเป็นเช่นนี้แน่’ เมื่อคิดเช่นนั้น ฉู่เนี่ยนซีก็ตบหน้าตัวเอง แล้วมองไปที่เย่เฟยหลี“ข้ามาดูว่าแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”เย่เฟยหลีพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อเห็นการกระทำที่