ทันทีที่ทั้งสองมาถึงทางเข้าถ้ำ เหลียงหยวนและคนอื่น ๆ ที่กำลังค้นหาเห็นทั้งสองคนพวกเขาก็ดีใจและวิ่งมาอย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋อง” เหลียงหยวนวิ่งไปหาทั้งสองคน ด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ท่านอ๋อง พระองค์ได้รับบาดเจ็บนี่พ่ะย่ะค่ะ” เย่เฟยหลีที่ดูซีดเซียวไม่พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้า เมื่อเห็นว่าเขาอ่อนแอเพียงใด เหลียงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักใจ “พระชายา ให้กระหม่อมช่วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ขณะที่พูด เขาก็ค่อย ๆ ประคองเย่เฟยหลีที่พิงฉู่เนี่ยนซีอยู่เปลี่ยนมาพิงตนอย่างช้า ๆ กลิ่นหอมและความนุ่มนวลจากผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาหายไป ทำให้เย่เฟยหลีขมวดคิ้ว และดวงตาคู่นั้นก็จ้องมองเหลียงหยวนด้วยเจตนาสังหาร ทันใดนั้น เหลียงหยวนก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ เย่เฟยหลีที่กำลังพิงเขาอยู่มองเขาอย่างเยือกเย็น ทำให้เขาตกใจ “ท่านอ๋องรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ? ให้กระหม่อมดูบาดแผลให้หรือไม่? ขอพระองค์ทรงวางพระทัย กระหม่อมจะระวังให้มากขึ้น” “ไม่เป็นไร...ข้าสบายดี” เย่เฟยหลีหรี่ตาลงและกัดฟันพูด “เจ้าไม่ได้กลับไปที่สนามฝึกมานานแล้วใช่หรือไม่? ในเมื่อเจ้าว่างขนาดนี้ก็ไปได้เลย พรุ่งนี้ค่อยกลับมา” เหลียงหยวนตกตะลึง
เหลียงหยวนยืนอยู่ข้างเย่เฟยหลี ใบหน้าของเขาสับสนอยู่ครู่หนึ่ง และสุดท้ายเขาก็กัดฟันพูดขึ้น “ท่านอ๋องคิดมากเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ บางทีชายารองซ่างกวานอาจจะแค่เป็นห่วงพระองค์เท่านั้นเอง” “นางออกจากวังมาก่อนพวกข้า หากเป็นคนธรรมดา นางก็จะรออยู่ที่จวนเงียบ ๆ นางจะขอให้เจ้าตามหาข้าทันทีที่กลับถึงจวนได้อย่างไร?” ท่าทางของเย่เฟยหลีนับว่ายากจะคาดเดา หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงแตกต่างออกไป เขาอาจจะไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วครั้งเล่าทำให้เขารู้ว่าซ่างกวานเยียนไม่ได้เรียบร้อยและไร้เดียงสาอย่างที่เห็น ครั้งก่อนที่นางตกลงไปในน้ำ จู่ ๆ ฮองเฮาและองค์จักรพรรดิก็เสด็จมา เขาก็คิดว่าเรื่องนี้ช่างบังเอิญเกินไป ระหว่างทางกลับวันนี้ก็ได้ยินจากเหลียงหยวนว่าเมื่อคืนนี้ซ่างกวานเยียนกลับมาด้วยท่าทีตื่นตระหนก นางเข้าไปในเรือนของเขาหลายครั้ง และเมื่อเห็นเหลียงหยวนก็ทำท่าอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ท้ายที่สุดนางก็บอกเหลียงหยวนว่าเย่เฟยหลียังไม่กลับมา กลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น จึงขอให้ออกตามหาเขา ทว่าติดสินบนคนขับรถม้าให้พาไปยังที่ห่างไกล ทั้งยังเข้าไปในป่าลึก แต่หาชายสวมหน้ากากเหล่านั้นไม่เจอ เข
หมอเทวดาเฮ่อหลานตามมาด้วยความตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว และทัศคติของเขาที่มีต่อฉู่เนี่ยนซีก็ถือว่าเคารพเป็นพิเศษ “ท่านจะออกตรวจหรือ?” “ใช่” จากนั้นฉู่เนี่ยนซีก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่ง เขียนชื่อยาลงไปแล้วส่งให้เขา “อีกเดี๋ยวต้องใช้ตัวยาพวกนี้ ข้าจะออกไปก่อน ท่านกับอวี๋หนานค่อยตามมาทีหลัง!” การจัดการของหอการแพทย์นั้นเข้มงวดมาก ตัวอย่างเช่น วัตถุยาล้ำค่าบางตัวจะถูกเก็บไว้แยกต่างหากในเขตมังกรดำบนชั้นสาม เฉพาะผู้ที่มีป้ายมังกรดำเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ขณะนี้มีป้ายมังกรดำเพียงสามป้ายเท่านั้น ป้ายหนึ่งอยู่ในมือของฉู่เนี่ยนซี อีกป้ายอยู่ในมือของอวี๋ตงที่เป็นผู้ดูแลหอการแพทย์และอีกป้ายมอบให้แก่หมอเทวดาเฮ่อหลาน “ได้! เช่นนั้นข้าขอตัว” หมอเทวดาเฮ่อหลานมองดูรายนามยาในมือ ดวงตาของเขาแทบจะเป็นประกาย เขาพยักหน้าตอบรับแล้วเดินออกไป นั่นทำให้จ้าวฉงเฉิงตกตะลึง เขานึกถึงข่าวลือที่ว่า “ตราบใดที่หมอเทวดาซานเซิงเป็นผู้ทำการรักษา ก็จะมีหมอเทวดาเฮ่อหลานคอยเป็นผู้ช่วยเสมอ” ดูท่าว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริง นี่ทำให้จ้าวเฉิงไฉเคารพชายหนุ่มที่ดูเด็กกว่าตรงหน้ามากยิ่งขึ้น จากนั้นจ้าวเฉิงไฉก็นำทางไปยังบ้านของ
หลังจากที่ฮูหยินจ้าวได้ยินดังนั้นก็รีบดึงจ้าวเฉิงไฉไปอีกทาง ลดเสียงลงและดุว่า ”เจ้าลูกชายคนนี้ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? พ่อเจ้าหาหมอมาตั้งมากมายขนาดนั้นแต่ก็ยังไร้ประโยชน์ นี่เขาเพิ่งจะอายุเท่าไหร่ แม้จะมีพรสวรรค์แต่ก็สู้หมอที่มีประสบการณ์มาหลายสิบปีไม่ได้หรอก” “ท่านแม่ หอการแพทย์ของเขาตอนนี้ดีกว่าหอหุยชุนของท่านพ่อเป็นร้อยเท่า ไม่เพียงเพราะได้รับการสนับสนุนจากท่านหมอเทวดาเฮ่อหลานเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความรู้ด้านการแพทย์ของท่านหมอเทวดาซานเซิงเองด้วย ว่ากันว่าความรู้ด้านการแพทย์ของเขาสูงกว่าท่านหมอเทวดาเฮ่อหลานเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อท่านพ่อขอให้ข้าเชิญเขามา แปลว่าท่านพ่อคงจะเชื่อใจเขามากแน่ ๆ” จ้าวเฉิงไฉอธิบายอย่างจริงจัง แต่ฮูหยินจ้าวไม่ได้ใส่ใจนัก นางปรายตามองฉู่เนี่ยนซี ลดเสียงลงเล็กน้อยและดึงจ้าวเฉิงไฉมาแล้วพูดว่า “วัน ๆ เจ้าเอาแต่เรียนจะไปรู้อะไร ตอนนี้คนเขาลือกันว่าพวกเขาแค่อาศัยชื่อเสียงของท่านหมอเทวดาเฮ่อหลานเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ นั่นคือกลยุทธ์ของพวกเขา ความรู้ด้านการแพทย์ของเขาเองอาจไม่ดี โรคส่วนใหญ่ที่รักษาให้หายขาดได้เป็นเพราะท่านหมอเทวดาเฮ่อหลานเป็นคนรักษา” ฮูหยิน
“ท่านแม่! หยุดพูดได้แล้ว! ท่านพ่อพูดแล้วนี่ว่ามีเพียงคุณชายซีเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้! ท่านคิดจะทำร้ายท่านพ่อหรือ!” จ้าวเฉิงไฉได้ยินแม่ของเขาพูดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็เริ่มวิตกกังวล เมื่อฮูหยินจ้าวได้ยินสิ่งที่เขาพูด นางก็สงบลงทันที ในใจของนาง บุตรชายมีความกตัญญูมาโดยตลอด นางไม่คาดคิดว่าเขาจะพูดเรื่องแบบนี้กับนางเสียด้วยซ้ำ “เจ้ากำลังพูดอะไร ข้าทำร้ายอะไรพ่อเจ้า? คนที่ทำร้ายเขาคือลูกอกตัญญูเช่นเจ้าต่างหาก เจ้าไม่ไปเชิญท่านหมอเทวดาเฮ่อหลาน แต่กลับเชิญคุณชายน้อยเช่นนี้มาจะมีประโยชน์อะไร?! ที่ข้าทำตัวนอมน้อมสงบเสงี่ยมเช่นนี้ก็เพื่อใครเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้พ่อเจ้าหายดีเร็ว ๆ?!” ขณะที่พูด ฮูหยินจ้าวรู้สึกเสียใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และน้ำตาของนางไหลไม่หยุด “และถ้าพ่อของเจ้าไม่ได้ใช้เงินทั้งหมดที่เคยได้รับจากหอหุยชุนไปช่วยเหลือขอทานเหล่านั้นเสียหมด ตอนนี้ก็คงไม่ต้องขายทุกอย่างเพื่อเอาเงินมาจ่ายค่ารักษาหรอก” “ที่ผ่านมาข้าใช้ชีวิตลำบากร่วมกับเขามา ข้าก็ไม่เคยบ่น ยามเขาป่วยข้าก็พยายามไปขอร้องให้คนมารักษา เจ้าเป็นลูกที่ดี แต่ตอนนี้กลับกล่าวหาว่าข้ากำลังทำร้ายพ่อของเจ้าอีกรึ?!” “ชาติที่แล้วข
ภาพลักษณ์ที่เย็นชาและสง่างามของเขาเป็นสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ที่ได้พบเขา ซึ่งทำให้นางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย เขาสนับสนุนนาง “มะ...ไม่ใช่...” ฮูหยินจ้าวเห็นว่าท่าทีของหมอเทวดาเฮ่อหลานแปลกไป จึงรีบโบกไม้โบกมือ แต่คำพูดของเขาทำให้นางสับสนอย่างหนัก นางต้องการอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน หมอเทวดาเฮ่อหลานส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชาและสะบัดแขนเสื้ออย่างหงุดหงิด “หากในโลกนี้มีโรคที่คุณชายน้อยของข้าไม่อาจรักษาได้ ไม่ว่าจะตามใครมารักษาก็ไร้ประโยชน์! หากคุณชายน้อยของข้าบอกว่าสามารถรักษาได้ ก็ถือว่าสวรรค์ทรงโปรด ใครก็ไม่สามารถพรากชีวิตเขาไปได้” ไม่เพียงแต่คนอื่น ๆ จะตะลึงกับคำพูดนั้น แม้แต่ฉู่เนี่ยนซีก็พลอยตกใจไปด้วย ท่านหมอเฮ่อหลานต้องเชื่อใจนางมากเพียงใดถึงพูดเรื่องบ้า ๆ เช่นนั้นออกมาได้ แต่...เขาพูดถูก! แม้แต่ยมทูตแห่งนรกก็ไม่สามารถพรากคนที่นางต้องการรักษาไปได้! “จะ...จะเป็นไปได้อย่างไร?!” ฮูหยินจ้าวมองอย่างเหลือเชื่อ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหมอเทวดาเฮ่อหลาน ซึ่งดูเหมือนเขาจะไม่ได้ล้อเล่น หัวใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อเห็นท่าทางของนาง หมอเทวดาเ
ด้วยความร้อนรน หลายคนจึงเข้าไปในเรือนชั้นใน เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดก่อนหน้านี้ จ้าวเฉิงไฉก็เปิดหน้าต่างให้อากาศไหลเวียนอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายอากาศภายในห้องก็ดีขึ้นมาก ตอนนี้เถ้าแก่จ้าวนอนอยู่เงียบ ๆ อยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาหม่นหมอง และริมฝีปากดำคล้ำ ฉู่เนี่ยนซีเลิกเปลือกตาของเขาขึ้น สังเกตที่รูม่านตา จากนั้นจึงยืดตัวขึ้น “เถ้าแก่จ้าวมีปัญหาเกี่ยวกับตับ ประสิทธิภาพการทำงานของตับลดลงอย่างเห็นได้ชัด และสมรรถภาพทางกายของเขาก็ลดลงด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีไข้” ฉู่เนี่ยนซีพยายามอย่างมากที่จะอธิบายให้พวกเขาฟังโดยใช้คำพูดที่เข้าใจได้ง่ายที่สุด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเถ้าแก่จ้าวมีภาวะตับแข็ง ตอนที่นางอยู่ที่หอการแพทย์ นางสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเถ้าแก่จ้าวเป็นสีเหลืองและนัยน์ตาขุ่นมัว อีกทั้งเวลาที่เขาพูด เขาจะใช้มือคลำช่วงท้องตรงบริเวณตับของตัวเอง เมื่อนางเห็นเช่นนั้นก็เลยพอเดาได้ว่าเขาน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับตับ ในตอนนั้นที่นางเตือนก็เพราะหวังดี แต่เขากลับเข้าใจเป็นอื่นไปเสียอย่างนั้น ตอนนี้ตับของเขาเสียหายหนักแต่โชคดีที่ไม่กลายเป็นมะเร็งตับไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้น แม้จะรักษาได้แต
“ท่านไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง เหตุผลที่ข้ารักษาท่านก็เป็นเพียงเพราะท่านเลี้ยงดูบุตรมาให้เป็นคนกตัญญู ส่วนเรื่องอื่นเช่นเรื่องเงินนั้น ท่านก็ยังต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลอยู่ดี” เมื่อมีการกล่าวถึงค่ารักษา สีหน้าของเถ้าแก่จ้าวก็แสดงถึงความไม่สบายใจ ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็มีเสียงจากข้างนอกดังขึ้น “ฮูหยิน ให้พวกเราเข้าพบเถ้าแก่จ้าวเถอะ” “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากอนุญาตให้พวกเจ้าเข้าไป แต่ท่านหมอเทวดากำลังรักษาเขาอยู่ พวกเจ้าขอลากับท่านอาจารย์ไว้รึเปล่า? ก่อนจะพากันวิ่งมาถึงที่นี่” จ้าวเฉิงไฉได้ยินดังนั้น จึงพยักหน้าเป็นเชิงขอโทษฉู่เนี่ยนซีแล้วเดินออกไป สักพักเสียงข้างนอกก็หยุดลง จ้าวเฉิงไฉและคนอื่น ๆ ก็เข้ามา อวี๋หนานเดินไปหาฉู่เนี่ยนซี และพูดเสียงเบา “ได้ยินว่าเป็นกลุ่มเด็กเร่ร่อนที่เถ้าแก่จ้าวคอยให้ความช่วยเหลือขอรับ อีกทั้งยังจ้างอาจารย์มาสอนหนังสือพวกเขาที่นี่ด้วย วันนี้พอได้ยินมาว่าเถ้าแก่จ้าวป่วยเลยกรูกันมาเยี่ยม” ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้ามอง ไม่คิดว่าที่ฮูหยินจ้าวพูดเกี่ยวกับการช่วยเหลือขอทานก่อนหน้านี้จะมีความเป็นมาเช่นนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่จัดหาอาหารและน้ำดื่มให้เท่านั้น แต่ยังจ่ายค่