หลังจากล้างแผลแล้ว นางใช้เข็มเงินห้ามเลือดเพื่อป้องกันไม่ให้พิษแพร่กระจาย จากนั้นก็ใช้เข็มเงินเพื่อจิ้มลงตรงจุดฝังเข็มอีกครั้ง หลังจากจิ้มเข็มเงินเข้าไปในจุดฝังเข็ม ความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีก็บรรเทาลงและสีหน้าของเขาก็เริ่มดีขึ้น ฉู่เนี่ยนซีหยิบยาแก้อักเสบและน้ำจากลำธารที่นางเตรียมไว้ล่วงหน้าจากห้วงว่างเปล่าและป้อนให้เขา ผ่านไปประมาณสิบห้านาที ฉู่เนี่ยนซีก็ดึงเข็มเงินออกและทายาตามบาดแผล จากนั้นก็ค่อย ๆ ประคองให้เขาเอนนอนลงบนฟาง แม้ว่าจะควบคุมพิษไว้ได้แล้ว แต่ผลข้างเคียงจากพิษยังไม่ถูกกำจัดออกไป ประกอบกับยังมีอาการบาดเจ็บสาหัสอยู่ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเย่เฟยหลีเองแล้ว ฉู่เนี่ยนซีเหนื่อยมาทั้งวัน แต่เพราะกลัวว่าเย่เฟยหลีจะอาการกำเริบอีกครั้ง นางจึงระงับความง่วงงุนและนั่งพิงกำแพงถ้ำมองดูเขาอย่างใกล้ชิด “ท่านแม่...” ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เย่เฟยหลีขมวดคิ้วขณะหลับและเริ่มพึมพำกับตัวเอง เย่เฟยหลีที่แสนฉลาดหลักแหลมผู้ที่ทำให้นางต้องรุดไปอยู่ข้าง ๆ คอยสังเกตอาการบาดเจ็บของเขา “ท่านแม่...” “เจ้าพูดอะไร?” “อย่าทิ้งลูกไป!” เย่เฟยหลีขมวดคิ้วแน่นมากกว่าเดิมและปัดป่า
ฉู่เนี่ยนซีพูดไปพลางพยุงเย่เฟยหลีให้นั่งพิงกำแพงแล้วยื่นผลไม้ให้เขา เย่เฟยลี่หยิบผลไม้ขึ้นมา เหลือบมองมัน แล้วมองไปยังปลาตัวอ้วนที่อยู่ไม่ไกล “ได้ปลาพวกนี้มาจากไหน?” “มีแม่น้ำอยู่ตรงนั้น อยากกินอะไรก็ไปจับได้...” นางคงไม่มีทางบอกไปว่านี่เป็นปลาที่นางเลี้ยงในบ่อน้ำพุในห้วงว่างเปล่าแน่ ๆ เย่เฟยหลีพยักหน้า แต่ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่กระโปรงของนางซึ่งไม่มีคราบน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ถามต่อ ฉู่เนี่ยนซีจุดไฟอย่างรวดเร็วและวางปลาที่เตรียมไว้ลงบนไฟ เนื่องจากนี่คือปลาที่เลี้ยงในบ่อน้ำพุจากห้วงว่างเปล่า แม้จะไม่ได้ปรุงรสใดใด แต่ก็อร่อยกว่าปลาย่างธรรมดา นั่นจึงช่วยให้ฉู่เนี่ยนซีพ้นจากเรื่องยุ่งยากไปได้มาก หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว ฉู่เนี่ยนซีก็ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเย่เฟยหลีและเปลี่ยนยาบนแผลให้เขา จากนั้นทั้งสองก็นั่งพิงกำแพงด้วยความหลงใหลในประกายไฟที่พุ่งออกมาเป็นครั้งคราว ในที่สุด ฉู่เนี่ยนซีก็เป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ นางหันไปมองเย่เฟยหลีด้วยสายตาแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อคืน!” “เจ้าช่วยข้าไว้ ข้าต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายขอบคุณ” “นั่นไม่เหมือนกั
ทันทีที่ทั้งสองมาถึงทางเข้าถ้ำ เหลียงหยวนและคนอื่น ๆ ที่กำลังค้นหาเห็นทั้งสองคนพวกเขาก็ดีใจและวิ่งมาอย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋อง” เหลียงหยวนวิ่งไปหาทั้งสองคน ด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ท่านอ๋อง พระองค์ได้รับบาดเจ็บนี่พ่ะย่ะค่ะ” เย่เฟยหลีที่ดูซีดเซียวไม่พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้า เมื่อเห็นว่าเขาอ่อนแอเพียงใด เหลียงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักใจ “พระชายา ให้กระหม่อมช่วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ขณะที่พูด เขาก็ค่อย ๆ ประคองเย่เฟยหลีที่พิงฉู่เนี่ยนซีอยู่เปลี่ยนมาพิงตนอย่างช้า ๆ กลิ่นหอมและความนุ่มนวลจากผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาหายไป ทำให้เย่เฟยหลีขมวดคิ้ว และดวงตาคู่นั้นก็จ้องมองเหลียงหยวนด้วยเจตนาสังหาร ทันใดนั้น เหลียงหยวนก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ เย่เฟยหลีที่กำลังพิงเขาอยู่มองเขาอย่างเยือกเย็น ทำให้เขาตกใจ “ท่านอ๋องรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ? ให้กระหม่อมดูบาดแผลให้หรือไม่? ขอพระองค์ทรงวางพระทัย กระหม่อมจะระวังให้มากขึ้น” “ไม่เป็นไร...ข้าสบายดี” เย่เฟยหลีหรี่ตาลงและกัดฟันพูด “เจ้าไม่ได้กลับไปที่สนามฝึกมานานแล้วใช่หรือไม่? ในเมื่อเจ้าว่างขนาดนี้ก็ไปได้เลย พรุ่งนี้ค่อยกลับมา” เหลียงหยวนตกตะลึง
เหลียงหยวนยืนอยู่ข้างเย่เฟยหลี ใบหน้าของเขาสับสนอยู่ครู่หนึ่ง และสุดท้ายเขาก็กัดฟันพูดขึ้น “ท่านอ๋องคิดมากเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ บางทีชายารองซ่างกวานอาจจะแค่เป็นห่วงพระองค์เท่านั้นเอง” “นางออกจากวังมาก่อนพวกข้า หากเป็นคนธรรมดา นางก็จะรออยู่ที่จวนเงียบ ๆ นางจะขอให้เจ้าตามหาข้าทันทีที่กลับถึงจวนได้อย่างไร?” ท่าทางของเย่เฟยหลีนับว่ายากจะคาดเดา หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงแตกต่างออกไป เขาอาจจะไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วครั้งเล่าทำให้เขารู้ว่าซ่างกวานเยียนไม่ได้เรียบร้อยและไร้เดียงสาอย่างที่เห็น ครั้งก่อนที่นางตกลงไปในน้ำ จู่ ๆ ฮองเฮาและองค์จักรพรรดิก็เสด็จมา เขาก็คิดว่าเรื่องนี้ช่างบังเอิญเกินไป ระหว่างทางกลับวันนี้ก็ได้ยินจากเหลียงหยวนว่าเมื่อคืนนี้ซ่างกวานเยียนกลับมาด้วยท่าทีตื่นตระหนก นางเข้าไปในเรือนของเขาหลายครั้ง และเมื่อเห็นเหลียงหยวนก็ทำท่าอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ท้ายที่สุดนางก็บอกเหลียงหยวนว่าเย่เฟยหลียังไม่กลับมา กลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น จึงขอให้ออกตามหาเขา ทว่าติดสินบนคนขับรถม้าให้พาไปยังที่ห่างไกล ทั้งยังเข้าไปในป่าลึก แต่หาชายสวมหน้ากากเหล่านั้นไม่เจอ เข
หมอเทวดาเฮ่อหลานตามมาด้วยความตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว และทัศคติของเขาที่มีต่อฉู่เนี่ยนซีก็ถือว่าเคารพเป็นพิเศษ “ท่านจะออกตรวจหรือ?” “ใช่” จากนั้นฉู่เนี่ยนซีก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่ง เขียนชื่อยาลงไปแล้วส่งให้เขา “อีกเดี๋ยวต้องใช้ตัวยาพวกนี้ ข้าจะออกไปก่อน ท่านกับอวี๋หนานค่อยตามมาทีหลัง!” การจัดการของหอการแพทย์นั้นเข้มงวดมาก ตัวอย่างเช่น วัตถุยาล้ำค่าบางตัวจะถูกเก็บไว้แยกต่างหากในเขตมังกรดำบนชั้นสาม เฉพาะผู้ที่มีป้ายมังกรดำเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ขณะนี้มีป้ายมังกรดำเพียงสามป้ายเท่านั้น ป้ายหนึ่งอยู่ในมือของฉู่เนี่ยนซี อีกป้ายอยู่ในมือของอวี๋ตงที่เป็นผู้ดูแลหอการแพทย์และอีกป้ายมอบให้แก่หมอเทวดาเฮ่อหลาน “ได้! เช่นนั้นข้าขอตัว” หมอเทวดาเฮ่อหลานมองดูรายนามยาในมือ ดวงตาของเขาแทบจะเป็นประกาย เขาพยักหน้าตอบรับแล้วเดินออกไป นั่นทำให้จ้าวฉงเฉิงตกตะลึง เขานึกถึงข่าวลือที่ว่า “ตราบใดที่หมอเทวดาซานเซิงเป็นผู้ทำการรักษา ก็จะมีหมอเทวดาเฮ่อหลานคอยเป็นผู้ช่วยเสมอ” ดูท่าว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริง นี่ทำให้จ้าวเฉิงไฉเคารพชายหนุ่มที่ดูเด็กกว่าตรงหน้ามากยิ่งขึ้น จากนั้นจ้าวเฉิงไฉก็นำทางไปยังบ้านของ
หลังจากที่ฮูหยินจ้าวได้ยินดังนั้นก็รีบดึงจ้าวเฉิงไฉไปอีกทาง ลดเสียงลงและดุว่า ”เจ้าลูกชายคนนี้ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? พ่อเจ้าหาหมอมาตั้งมากมายขนาดนั้นแต่ก็ยังไร้ประโยชน์ นี่เขาเพิ่งจะอายุเท่าไหร่ แม้จะมีพรสวรรค์แต่ก็สู้หมอที่มีประสบการณ์มาหลายสิบปีไม่ได้หรอก” “ท่านแม่ หอการแพทย์ของเขาตอนนี้ดีกว่าหอหุยชุนของท่านพ่อเป็นร้อยเท่า ไม่เพียงเพราะได้รับการสนับสนุนจากท่านหมอเทวดาเฮ่อหลานเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความรู้ด้านการแพทย์ของท่านหมอเทวดาซานเซิงเองด้วย ว่ากันว่าความรู้ด้านการแพทย์ของเขาสูงกว่าท่านหมอเทวดาเฮ่อหลานเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อท่านพ่อขอให้ข้าเชิญเขามา แปลว่าท่านพ่อคงจะเชื่อใจเขามากแน่ ๆ” จ้าวเฉิงไฉอธิบายอย่างจริงจัง แต่ฮูหยินจ้าวไม่ได้ใส่ใจนัก นางปรายตามองฉู่เนี่ยนซี ลดเสียงลงเล็กน้อยและดึงจ้าวเฉิงไฉมาแล้วพูดว่า “วัน ๆ เจ้าเอาแต่เรียนจะไปรู้อะไร ตอนนี้คนเขาลือกันว่าพวกเขาแค่อาศัยชื่อเสียงของท่านหมอเทวดาเฮ่อหลานเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ นั่นคือกลยุทธ์ของพวกเขา ความรู้ด้านการแพทย์ของเขาเองอาจไม่ดี โรคส่วนใหญ่ที่รักษาให้หายขาดได้เป็นเพราะท่านหมอเทวดาเฮ่อหลานเป็นคนรักษา” ฮูหยิน
“ท่านแม่! หยุดพูดได้แล้ว! ท่านพ่อพูดแล้วนี่ว่ามีเพียงคุณชายซีเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้! ท่านคิดจะทำร้ายท่านพ่อหรือ!” จ้าวเฉิงไฉได้ยินแม่ของเขาพูดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็เริ่มวิตกกังวล เมื่อฮูหยินจ้าวได้ยินสิ่งที่เขาพูด นางก็สงบลงทันที ในใจของนาง บุตรชายมีความกตัญญูมาโดยตลอด นางไม่คาดคิดว่าเขาจะพูดเรื่องแบบนี้กับนางเสียด้วยซ้ำ “เจ้ากำลังพูดอะไร ข้าทำร้ายอะไรพ่อเจ้า? คนที่ทำร้ายเขาคือลูกอกตัญญูเช่นเจ้าต่างหาก เจ้าไม่ไปเชิญท่านหมอเทวดาเฮ่อหลาน แต่กลับเชิญคุณชายน้อยเช่นนี้มาจะมีประโยชน์อะไร?! ที่ข้าทำตัวนอมน้อมสงบเสงี่ยมเช่นนี้ก็เพื่อใครเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้พ่อเจ้าหายดีเร็ว ๆ?!” ขณะที่พูด ฮูหยินจ้าวรู้สึกเสียใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และน้ำตาของนางไหลไม่หยุด “และถ้าพ่อของเจ้าไม่ได้ใช้เงินทั้งหมดที่เคยได้รับจากหอหุยชุนไปช่วยเหลือขอทานเหล่านั้นเสียหมด ตอนนี้ก็คงไม่ต้องขายทุกอย่างเพื่อเอาเงินมาจ่ายค่ารักษาหรอก” “ที่ผ่านมาข้าใช้ชีวิตลำบากร่วมกับเขามา ข้าก็ไม่เคยบ่น ยามเขาป่วยข้าก็พยายามไปขอร้องให้คนมารักษา เจ้าเป็นลูกที่ดี แต่ตอนนี้กลับกล่าวหาว่าข้ากำลังทำร้ายพ่อของเจ้าอีกรึ?!” “ชาติที่แล้วข
ภาพลักษณ์ที่เย็นชาและสง่างามของเขาเป็นสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ที่ได้พบเขา ซึ่งทำให้นางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย เขาสนับสนุนนาง “มะ...ไม่ใช่...” ฮูหยินจ้าวเห็นว่าท่าทีของหมอเทวดาเฮ่อหลานแปลกไป จึงรีบโบกไม้โบกมือ แต่คำพูดของเขาทำให้นางสับสนอย่างหนัก นางต้องการอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน หมอเทวดาเฮ่อหลานส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชาและสะบัดแขนเสื้ออย่างหงุดหงิด “หากในโลกนี้มีโรคที่คุณชายน้อยของข้าไม่อาจรักษาได้ ไม่ว่าจะตามใครมารักษาก็ไร้ประโยชน์! หากคุณชายน้อยของข้าบอกว่าสามารถรักษาได้ ก็ถือว่าสวรรค์ทรงโปรด ใครก็ไม่สามารถพรากชีวิตเขาไปได้” ไม่เพียงแต่คนอื่น ๆ จะตะลึงกับคำพูดนั้น แม้แต่ฉู่เนี่ยนซีก็พลอยตกใจไปด้วย ท่านหมอเฮ่อหลานต้องเชื่อใจนางมากเพียงใดถึงพูดเรื่องบ้า ๆ เช่นนั้นออกมาได้ แต่...เขาพูดถูก! แม้แต่ยมทูตแห่งนรกก็ไม่สามารถพรากคนที่นางต้องการรักษาไปได้! “จะ...จะเป็นไปได้อย่างไร?!” ฮูหยินจ้าวมองอย่างเหลือเชื่อ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหมอเทวดาเฮ่อหลาน ซึ่งดูเหมือนเขาจะไม่ได้ล้อเล่น หัวใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อเห็นท่าทางของนาง หมอเทวดาเ