เที่ยงของวันที่สองหยุนเจิงนำกองทัพสามหมื่นคุ้มกันส่งเสบียงเข้าประจำการที่ชายแดนเว่ย คนของนักรบภูตสิบแปดพาชาวเป่ยหวนหลายคนที่สภาพจนตรอกมาหาพวกเขาทุกคนล้วนเลือดย้อมไปทั่วตัว บนตัวยังมีบาดแผลเห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการต่อสู้นองเลือดมา“นี่มันเรื่องใดกัน? พวกเขาเป็นใคร?”หยุนเจิงถามภูตเก้าตอบทันที “องค์ชาย ท่านนี้คือโย่วเสียนอ๋องโปหลวนแห่งเป่ยหวน ตอนที่พวกเราแทรกแซงเข้าไปในทุ่งหญ้ามู่หม่า พบพวกเขาที่ถูกทหารม้านับร้อยไล่ตามล่าโดยบังเอิญ พวกเราช่วยเขากำจัดทหารไล่ตาม โย่วเสียนอ๋องรู้ตัวตนของพวกเรา จึงขอร้องพวกเราให้พาพวกเขากลับมาพบท่านอ๋อง...”“ข้าโปหลวน คาราวะท่านอ๋อง!”ภูตเก้าเพิ่งกล่าวจบ โปหลวนผมเผ้าพะรุงพะรังรีบกระโดดขึ้นมาทำความเคารพหยุนเจิงโปหลวนคุกเข่าข้างเดียว มือขวาวางไว้ตำแหน่งหัวใจในเป่ยหวน นี่นับว่าเป็นการทำความเคารพสูงสุดแล้วการทำความเคารพที่สูงกว่านี้ ก็คือการกราบแล้วนอนราบไปกับพื้นแล้วแต่ว่า นั่นเป็นการทำความเคารพบูชาสวรรค์และบรรพบุรุษเมื่อเห็นการทำความเคารพของโปหลวน ทหารคนสนิทที่เหลือพากันทำความเคารพตามโปหลวนหยุนเจิงกระโดดลงหลังม้า มองประเมินโปหลวนตั้งแต่
หยุนเจิงขมวดคิ้วถาม “อยู่ดีๆ ชนเผ่าของเจ้าจะเกิดการกบฏได้เช่นไร?”พูดถึงเรื่องนี้ โปหลวนใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า กัดฟันแน่น “ก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านอ๋องจู่โจมทุ่งหญ้ามู่หม่า ข้าฉวยโอกาสยึดชนเผ่าในสังกัดของฮูเจี๋ย...”เดิมที ชนเผ่าที่เขายึดนั้นไม่มีปัญหาใดที่แย่ก็คือเนื่องจากเสบียงของเจียเหยาไม่เพียงพอ จึงโยกย้ายคนไปมากมายในบรรดาคนที่ถูกโยกย้าย มีคนไม่น้อยถูกเขายึดครองในชนเผ่าเหล่านั้นคนเหล่านี้ถูกโยกย้ายแล้ว ย่อมต้องกลับไปยังชนเผ่าของตัวเองฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาเดินทางไปยังเขาเทพหมาป่า คนที่ถูกโยกย้ายเหล่านั้นถูกซื้อตัว จากนั้นส่งคนไปรายงาน บอกว่าทหารม้าต้าเฉียนบุกไปยังทุ่งหญ้ามู่หม่าแล้วลูกชายคนโตของเขาเป็นพวกคนโง่มีความกล้าหาญแต่ไร้สมอง นึกไม่ถึงว่าจะเชื่อว่าเป็นความจริง นำทหารมุ่งไปยังทุ่งหญ้ามู่หม่าด้วยตัวเองทันทีชนเผ่าในทุ่งหญ้าฆ่าวัวฆ่าแพะ ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างอบอุ่นตอนที่กินอิ่มหนำสำราญก็หลับไป คนในชนเผ่าก็พลันลอบจู่โจมลูกชายคนโตของเขาตายท่ามกลางความโกลาหลในกองทัพ ทหารห้าพันบางคนตาย บางคนหนีจากนั้น พวกเขาก็ต่ำอยู่ในสภาพเช่นนี้“……”เมื่อฟังคำของโปหลวน ทุกคน
ช่วยเหลือเงินและเสบียง?เมื่อได้ยินคำพูดของโปหลวน คนข้างกายหยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะแอบเบ้ปากเขาช่างฝันหวานนัก!เปิดปากมาก็คือเรื่องเงินและเสบียง!เขาคิดว่าเงินและเสบียงของหยุนเจิงเป็นลมพัดหรือไร!หยุนเจิงกลับไม่พูดจา เพียงแค่ขบคิดเงียบๆช่วยโปหลวน เป็นเรื่องแน่นอน!แต่ว่า เขาต้องการดูว่าโปหลวรคุ้มค่าที่เขาจะช่วยเหรือไม่อย่าเอาเงินและเสบียงของเขาไปถลุง สุดท้ายก็เสียเปรียบพวกเขาเจียเหยาขบคิดเงียบๆ หยุนเจิงพาโปหลวนไปด้านข้าง“ช่วยเจ้า ไม่ใช่ไม่ได้ แต่เจ้าต้องทำให้ข้าเห็นความสามารถเจ้า!”หยุนเจิงไม่อ้อมค้อมกับโปหลวน กล่าวเข้าประเด็น“ท่านอ๋องมีเงื่อนไขใด?”ในเมื่อหยุนเจิงตรงไปตรงมาเช่นนี้ โปหลวนก็ตรงเข้าประเด็นเช่นกันหยุนเจิงถามเสียงต่ำ “เจ้าสามารถเรียกกองกำลังเก่ากลับมาได้เท่าใด?”โปหลวนกล่าวด้วยความมั่นอกมั่นใจ “ชนเผ่าเหล่านั้นของข้า ต่อให้ยอมอยู่ใต้อำนาจเจียเหยาและฮูเจี๋ย ก็เพียงแค่ยอมจำนนชั่วคราวเท่านั้น! ขอแค่มีเสบียงมากพอ อย่างน้อยข้าก็สามารถระดมกองทัพหนึ่งแสนได้!”กองทัพหนึ่งแสน?หยุนเจิงหน้าดําทะมึนเจ้าหมอนี่ จะขี้โม้ก็ไม่จำเป็นต้องขนาดนี้!หากเป็นตอนก่อนเกิดเร
ดื่มเลือดเป็นพันธมิตร?หยุนเจิงสีหน้าดำทะมึนข้าดื่มบ้านนายท่านรองของเจ้าสิ!ประสาทแดก!ขยับไม่ขยับก็จะดื่มเลือดเป็นพันธมิตร!สัญญาเลือดใดก็ไม่อาจพึ่งพาได้!มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่พึ่งพาได้!ได้!เห็นแก่ที่เจ้าหมอนี่ยังมีราคาอยู่บ้าง เช่นนั้นก็รับปากคำขอของเขาแล้วกัน!หยุนเจิงสบถในใจ พยักหน้ากล่าว “ได้ เช่นนั้นข้าจะดื่มเลือดเป็นพันธมิตรกับโย่วเสียนอ๋อง!”กล่าวจบ หยุนเจิงเรียกคนเตรียมชามเหล้าสองใบส่วนเหล้า นำแฮลกอฮอล์ที่พวกเขานำมาผสมน้ำมากหน่อย ให้มีกลิ่นเหล้าก็พอแล้วเมื่อชามเหล้าส่งมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาสองคน หยุนเจิงกรีดนิ้วมือของตัวเอง บีบเลือดสองสามหยดลงในชามเหล้าโปหลวนใจกล้า กรีดบนฝ่ามือโดยตรง ปล่อยให้เลือดสดไหลลงในชามเหล้า“……”หยุนเจิงเห็นดังนั้น ในใจสบถอย่างบ้าคลั่งขยับไม่ขยับก็กรีดฝ่ามือแล้ว?มารดาเขาสิ มือใช้จับอาวุธและกุมบังเหียนตกลงไหม?นี่ส่งผลต่อแรงในการทำสงครามโดยแท้!มิน่าเล่าเจ้าคนเลวนี่จึงถูกเจียเหยาและฮูเจี๋ยวางแผนใส่จนสภาพเป็นเช่นนี้กรีดนิ้วมันจะตายหรือไร!ยังใส่เลือดลงในเหล้ามากมายเช่นนี้?เขาคิดว่าดื่มเลือดของเขาก็สามารถเพิ่มพลังมหาศ
ตอนกลางคืน หยุนเจิงกับโปหลวนสนทนากันอยู่นานนอกจากทำความเข้าใจสถานการณ์ภายในเป่ยหวนกับโปหลวนแล้ว หยุนเจิงยังช่วยออกความคิดเห็นบางอย่างให้โปหลวนวันที่สอง สีฟ้าเริ่มสว่าง หยุนเจิงสั่งให้คนของนักรบภูตสิบแปดคุ้มกันพวกโปหลวนจากไปก่อนออกเดินทาง โปหลวนรับประกันสาบานว่าภายในสิบวัน จะเรียกระดมกองกำลังเก่าให้ได้สามหมื่นคนขึ้นไปหยุนเจิงไม่รู้ว่าจะเชื่อใจโปหลวนได้เท่าใดแต่ในเมื่อโปหลวนกล่าวเช่นนี้แล้ว เขาก็ทำได้แค่เลือกจะเชื่อโปหลวนมองดูพวกโปหลวนจากไป หยุนเจิงอดส่ายหน้าไม่ได้ไอคนชั่ว!ร่วมมือกับเขาตั้งแต่ต้นก็จบแล้ว?ตอนนี้ถูกคนคิดบัญชีจนหมดสภาพเช่นนี้ ต้องวิ่งมาหาเขาด้วยความอับจนหนทาง ให้ตายสินี่มันทรมานกันซ้ำไปซ้ำมา!ตอนนี้เขาไม่คาดหวังว่าโปหลวนจะทำงานใหญ่สำเร็จ แค่หวังว่าจะใช้โปหลวนสร้างความขัดแย้งภายในระหว่างพวกเขาขึ้นมาได้อีกทั้ง เขาทำได้เพียงให้ความร่วมมือกับโปหลวน ไม่อาจร่วมมือกันได้อย่างเปิดเผยหากคนเป่ยหวนรู้ว่าโปหลวนร่วมมือกับเขาแล้ว ไม่แน่แม้แต่กองกำลังเก่าของโปหลวนคงคิดจะฆ่าเขาเช่นกันช่างเถอะ!เอาตามนี้เถอะ!หากโปหลวนสามารถระดมกองกำลังเก่าสามหมื่นคนได้จริง ช่วยเห
ฉินชีหู่พยักหน้า“รอเดี๋ยว!”หยุนเจิงเรียกฉินชีหู่ที่กำลังจะจากไป “ใช่แล้ว เจ้าส่งคนออกไปสำรวจหน่อย มาดูกันว่ามีจุดไหนที่น้ำตื้นและข้ามง่าย หรืออาจเป็นสถานที่แคบๆ ก็ได้!”แม่น้ำสายนั้นเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำไป๋สุ่ย แต่กลับขั้นกลางระหว่างชายแดนเว่ยและทุ่งหญ้ามู่หม่าหากมีสถานที่ที่สะดวกต่อการข้ามแม่น้ำ ต้องการไปยังทุ่งหญ้ามู่หม่าอีกครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมแล้ว“ไม่มีปัญหา!”ฉินชีหู่ตอบอย่างสบาย……วันถัดไป หยุนเจิงเรียกเมี่ยวอินมาหาตัวเองแต่เช้า“เจ้ามีเรื่องใดจะพูดกับข้า?”เมี่ยวอินหัวหน้ามองหยุนเจิง กล่าวด้วยความรอยยิ้มสวยหยาดเยิ้ม “หรือจะบอกว่า เจ้าอยากหาสถานที่ไร้ผู้คนทำเรื่องเลวร้าย?”“เรื่องนี้ได้!”หยุนเจิงโอบเอวคอดกิ่วของเมี่ยวอิน จากนั้นก็ยิ้มร้าย “ไม่เช่นนี้ พวกเราลองดูตอนนี้เลย? บอกตามตรง ข้ายังนึกถึงรสชาติความอบอุ่นคราวนั้น...”“ถุย!”เมี่ยวอินตัดบทหยุนเจิงด้วยความเขินอาย “ในสมองเจ้า นอกจากต่อสู้หลอกคนแล้ว ที่เรื่องก็มีแต่เรื่องนี้แล้ว!”หยุนเจิงหัวเราะ “อาหาร ราคะ เป็นเรื่องธรรมชาติ!”“อย่าโลภ!” เมี่ยวอินมองเขาด้วยความโกรธและอาย จากนั้นก็ถาม “เจ้าต้องการพูด
ประมุขใหญ่เป่ยหวนส่งทูตมา?หยุนเจิงลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็วฮูเจี๋ยคิดจะทำสิ่งใด?ส่งทูตมาเจรจาสงบศึกหรือ?“ไปดูเถอะ!”หยุนเจิงหรี่ดวงตาเล็กน้อย พาเมี่ยวอินตามอวี๋ซื่อจงไปอย่างรวดเร็ว“สีหน้าเจ้าเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ?”เดินไปได้สองก้าว หยุนเจิงสังเกตว่าสีหน้าของอวี๋ซื่อจงค่อนข้างผิดปกติ“ทูตที่ฮูเจี๋ยส่งมาก็คือแม่ทัพที่มอบตัวของต้าเฉียนเราฟางหยุนซื่อ!”อวี๋ซื่อจงกล่าวด้วยความดุร้าย “ข้าเห็นไอสวะนั่นแล้วก็อยากจะสับร่างมันเป็นหมื่นชิ้น!”“อ๋อ?”หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ว่ามา เรื่องราวเป็นเช่นไร?”อวี๋ซื่อจงพยักหน้า ค่อยๆ เอ่ยปากพูดฟางหยุนซื่อ เป็นคนเขตหยางในมณฑลเจียงครั้งหนึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายพลระดับสามในกองทหารมณฑลทางเหนือ นับมีตำแหน่งสูงในกองทหารมณฑลทางเหนือแล้วต้าเฉียนพ่ายแพ้เมื่อหกปีก่อน มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับสวะฟางหยุนซื่อถ้าฟางหยุนซีไม่กบฏและยอมจำนนต่อศัตรู ทำให้ทั้งสองข้างของพวกเขาถูกเป่ยหวนตีได้อย่างง่ายดาย ต่อให้ต้าเฉียนพ่ายแพ้ ก็ไม่ถึงกับพ่ายแพ้ย่อยยับเช่นนี้ จักรพรรดิเหวินอาจจะไม่ถูกปิดล้อมพูดถึงสวะฟางหยุนซื่อผู้นี้ อวี๋ซื่อจงกัดฟันด้วยความเก
เหล่าแม่ทัพที่ได้ยินข่าวกำลังหยอกล้อก่นด่าฟางหยุนซื่อสุนัขตัวนี้ เพื่อระบายความโกรธแค้นในใจหากไม่เห็นแก่สถานะทูตของฟางหยุนซื่อ ตอนนี้พวกเขาคงพุ่งไปจับเจ้าสวะนี่สับเป็นหมื่นชิ้นไปแล้วฟังคำพูดไม่น่าลื่นหูของเหล่าแม่ทัพ ฟางหยุนซื่อยังคงมีท่าทางสบายอกสบายใจในเมื่อเขาสวามิภักดิ์ต่อศัตรูทรยศบ้านเมือง จดจุบของภรรยาและลูกสาว เขาไม่ต้องคิดก็รู้สำหรับคนอย่างเขา ขอแค่เขามีชีวิตรอดก็พอแล้ว ภรรยาและลูกสาวจะมีจุดจบเช่นไร ล้วนไม่สำคัญในเมื่อต้องใช้ชีวิตเยี่ยงสัตว์ ก็ต้องมีจิตสำนึกเยี่ยงสัตว์แน่นอน ท่าทางไม่สะทกสะท้านของฟางหยุนซื่อเป็นเพียงการเสแสร้งเขารู้ว่าเหล่าแม่ทัพต้าเฉียนเหล่านี้เกลียดชังเขาเพียงใดเขาไม่กลัวคำดูถูกเหยียดหยามของแม่ทัพเหล่านี้ เขากลัวแต่ว่าคนเหล่านี้จะโกรธจนไม่เคารพกฎ จับเขาหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนกระทั่งหยุนเจิงเดินเข้ามาใกล้ ทุกคนจึงเปิดทางให้“ท่านอ๋อง!”ทุกคนพากันทำความเคารพหยุนเจิงโบกมือให้ทุกคน สายตาทอดมองฟางหยุนซื่อฟางหยุนซื่อดูไปแล้วเหมือจะอายุประมาณสี่สิบปี สีหน้าดูไม่เลว ดูท่าทางแล้ว อยู่ที่เป่ยหวนคงไม่เลวเลย“เจ้าคือฟางหยุนซื่อ?”หยุนเจิงมองค