ตอนกลางคืน หยุนเจิงกับโปหลวนสนทนากันอยู่นานนอกจากทำความเข้าใจสถานการณ์ภายในเป่ยหวนกับโปหลวนแล้ว หยุนเจิงยังช่วยออกความคิดเห็นบางอย่างให้โปหลวนวันที่สอง สีฟ้าเริ่มสว่าง หยุนเจิงสั่งให้คนของนักรบภูตสิบแปดคุ้มกันพวกโปหลวนจากไปก่อนออกเดินทาง โปหลวนรับประกันสาบานว่าภายในสิบวัน จะเรียกระดมกองกำลังเก่าให้ได้สามหมื่นคนขึ้นไปหยุนเจิงไม่รู้ว่าจะเชื่อใจโปหลวนได้เท่าใดแต่ในเมื่อโปหลวนกล่าวเช่นนี้แล้ว เขาก็ทำได้แค่เลือกจะเชื่อโปหลวนมองดูพวกโปหลวนจากไป หยุนเจิงอดส่ายหน้าไม่ได้ไอคนชั่ว!ร่วมมือกับเขาตั้งแต่ต้นก็จบแล้ว?ตอนนี้ถูกคนคิดบัญชีจนหมดสภาพเช่นนี้ ต้องวิ่งมาหาเขาด้วยความอับจนหนทาง ให้ตายสินี่มันทรมานกันซ้ำไปซ้ำมา!ตอนนี้เขาไม่คาดหวังว่าโปหลวนจะทำงานใหญ่สำเร็จ แค่หวังว่าจะใช้โปหลวนสร้างความขัดแย้งภายในระหว่างพวกเขาขึ้นมาได้อีกทั้ง เขาทำได้เพียงให้ความร่วมมือกับโปหลวน ไม่อาจร่วมมือกันได้อย่างเปิดเผยหากคนเป่ยหวนรู้ว่าโปหลวนร่วมมือกับเขาแล้ว ไม่แน่แม้แต่กองกำลังเก่าของโปหลวนคงคิดจะฆ่าเขาเช่นกันช่างเถอะ!เอาตามนี้เถอะ!หากโปหลวนสามารถระดมกองกำลังเก่าสามหมื่นคนได้จริง ช่วยเห
ฉินชีหู่พยักหน้า“รอเดี๋ยว!”หยุนเจิงเรียกฉินชีหู่ที่กำลังจะจากไป “ใช่แล้ว เจ้าส่งคนออกไปสำรวจหน่อย มาดูกันว่ามีจุดไหนที่น้ำตื้นและข้ามง่าย หรืออาจเป็นสถานที่แคบๆ ก็ได้!”แม่น้ำสายนั้นเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำไป๋สุ่ย แต่กลับขั้นกลางระหว่างชายแดนเว่ยและทุ่งหญ้ามู่หม่าหากมีสถานที่ที่สะดวกต่อการข้ามแม่น้ำ ต้องการไปยังทุ่งหญ้ามู่หม่าอีกครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมแล้ว“ไม่มีปัญหา!”ฉินชีหู่ตอบอย่างสบาย……วันถัดไป หยุนเจิงเรียกเมี่ยวอินมาหาตัวเองแต่เช้า“เจ้ามีเรื่องใดจะพูดกับข้า?”เมี่ยวอินหัวหน้ามองหยุนเจิง กล่าวด้วยความรอยยิ้มสวยหยาดเยิ้ม “หรือจะบอกว่า เจ้าอยากหาสถานที่ไร้ผู้คนทำเรื่องเลวร้าย?”“เรื่องนี้ได้!”หยุนเจิงโอบเอวคอดกิ่วของเมี่ยวอิน จากนั้นก็ยิ้มร้าย “ไม่เช่นนี้ พวกเราลองดูตอนนี้เลย? บอกตามตรง ข้ายังนึกถึงรสชาติความอบอุ่นคราวนั้น...”“ถุย!”เมี่ยวอินตัดบทหยุนเจิงด้วยความเขินอาย “ในสมองเจ้า นอกจากต่อสู้หลอกคนแล้ว ที่เรื่องก็มีแต่เรื่องนี้แล้ว!”หยุนเจิงหัวเราะ “อาหาร ราคะ เป็นเรื่องธรรมชาติ!”“อย่าโลภ!” เมี่ยวอินมองเขาด้วยความโกรธและอาย จากนั้นก็ถาม “เจ้าต้องการพูด
ประมุขใหญ่เป่ยหวนส่งทูตมา?หยุนเจิงลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็วฮูเจี๋ยคิดจะทำสิ่งใด?ส่งทูตมาเจรจาสงบศึกหรือ?“ไปดูเถอะ!”หยุนเจิงหรี่ดวงตาเล็กน้อย พาเมี่ยวอินตามอวี๋ซื่อจงไปอย่างรวดเร็ว“สีหน้าเจ้าเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ?”เดินไปได้สองก้าว หยุนเจิงสังเกตว่าสีหน้าของอวี๋ซื่อจงค่อนข้างผิดปกติ“ทูตที่ฮูเจี๋ยส่งมาก็คือแม่ทัพที่มอบตัวของต้าเฉียนเราฟางหยุนซื่อ!”อวี๋ซื่อจงกล่าวด้วยความดุร้าย “ข้าเห็นไอสวะนั่นแล้วก็อยากจะสับร่างมันเป็นหมื่นชิ้น!”“อ๋อ?”หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ว่ามา เรื่องราวเป็นเช่นไร?”อวี๋ซื่อจงพยักหน้า ค่อยๆ เอ่ยปากพูดฟางหยุนซื่อ เป็นคนเขตหยางในมณฑลเจียงครั้งหนึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายพลระดับสามในกองทหารมณฑลทางเหนือ นับมีตำแหน่งสูงในกองทหารมณฑลทางเหนือแล้วต้าเฉียนพ่ายแพ้เมื่อหกปีก่อน มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับสวะฟางหยุนซื่อถ้าฟางหยุนซีไม่กบฏและยอมจำนนต่อศัตรู ทำให้ทั้งสองข้างของพวกเขาถูกเป่ยหวนตีได้อย่างง่ายดาย ต่อให้ต้าเฉียนพ่ายแพ้ ก็ไม่ถึงกับพ่ายแพ้ย่อยยับเช่นนี้ จักรพรรดิเหวินอาจจะไม่ถูกปิดล้อมพูดถึงสวะฟางหยุนซื่อผู้นี้ อวี๋ซื่อจงกัดฟันด้วยความเก
เหล่าแม่ทัพที่ได้ยินข่าวกำลังหยอกล้อก่นด่าฟางหยุนซื่อสุนัขตัวนี้ เพื่อระบายความโกรธแค้นในใจหากไม่เห็นแก่สถานะทูตของฟางหยุนซื่อ ตอนนี้พวกเขาคงพุ่งไปจับเจ้าสวะนี่สับเป็นหมื่นชิ้นไปแล้วฟังคำพูดไม่น่าลื่นหูของเหล่าแม่ทัพ ฟางหยุนซื่อยังคงมีท่าทางสบายอกสบายใจในเมื่อเขาสวามิภักดิ์ต่อศัตรูทรยศบ้านเมือง จดจุบของภรรยาและลูกสาว เขาไม่ต้องคิดก็รู้สำหรับคนอย่างเขา ขอแค่เขามีชีวิตรอดก็พอแล้ว ภรรยาและลูกสาวจะมีจุดจบเช่นไร ล้วนไม่สำคัญในเมื่อต้องใช้ชีวิตเยี่ยงสัตว์ ก็ต้องมีจิตสำนึกเยี่ยงสัตว์แน่นอน ท่าทางไม่สะทกสะท้านของฟางหยุนซื่อเป็นเพียงการเสแสร้งเขารู้ว่าเหล่าแม่ทัพต้าเฉียนเหล่านี้เกลียดชังเขาเพียงใดเขาไม่กลัวคำดูถูกเหยียดหยามของแม่ทัพเหล่านี้ เขากลัวแต่ว่าคนเหล่านี้จะโกรธจนไม่เคารพกฎ จับเขาหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนกระทั่งหยุนเจิงเดินเข้ามาใกล้ ทุกคนจึงเปิดทางให้“ท่านอ๋อง!”ทุกคนพากันทำความเคารพหยุนเจิงโบกมือให้ทุกคน สายตาทอดมองฟางหยุนซื่อฟางหยุนซื่อดูไปแล้วเหมือจะอายุประมาณสี่สิบปี สีหน้าดูไม่เลว ดูท่าทางแล้ว อยู่ที่เป่ยหวนคงไม่เลวเลย“เจ้าคือฟางหยุนซื่อ?”หยุนเจิงมองค
แม้ฟางหยุนซื่อจะไม่พอใจกับท่าทางของหยุนเจิง แต่ก็ไม่กล้ารีบร้อนหลังพยายามสงบสติอารมณ์ หยุนเจิงจึงเปิดปากพูด “ประมุขฮูเจี๋ยมีความต้องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับต้าเฉียน ให้องค์หญิงต้าเฉียนแต่งงานกับท่านอ๋อง หวังว่าต้าเฉียนกับเป่ยหวนจะหยุดการโจมตี สร้างความสัมพันธ์ที่ดีอีกครั้ง...”กล่าวจบ ฟางหยุนซื่อให้คนส่งหนังสือสมรสออกไปหยุนเจิงเรียกคนไปรับเอามาหยุนเจิงเปิดอ่าน ลูกตาหดลงอย่างควบคุมไม่อยู่เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินยื่นหน้ามาใกล้เงียบๆ บนใบหน้าเผยแววประหลาดใจเป็นหนังสือสมรถจริงด้วย!นี่คือหนังสือสมรสอย่างเป็นทางการ น่าเชื่อถือว่าคำพูดจากปากเจียเหยามากฮูเจี๋ยต้องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับต้าเฉียนจริงหรือ?ใช้การแต่งงานแลกกับการเจรจาสงบศึกหรือ?หรือจะบอกว่า คิดจะใช้วิธีที่ทำกับโปหลวนมาใช้กับหยุนเจิง?อย่างหลังน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่ากระมัง?ถึงเช่นไร ทุกวันนี้เป่ยหวนก็ถูกตีจนกลายเป็นสภาพนี้แล้ว กล่าวได้ว่าทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณหยุนเจิงฮูเจี๋ยไม่อยากเอาชีวิตหยุนเจิง นั่นก็ผิดปกติแล้ว!หยุนเจิงเก็บหนังสือสมรส กล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ในเมื่อประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยส่งหนัง
หากเจียเหยาและฮูเจี๋ยคิดอยากถ่วงเวลาพวกเขา ดูเหมือน คงมีแค่เป้าหมายเดียว“โปหลวนไม่จำเป็นเรียกระดมกองกำลังเก่าให้มากพอ แต่พวกเขาอาจพบการกระทำของโปหลวนแล้ว!”หยุนเจิงพยักหน้า “ตอนนี้พวกเขาต้องการจัดการโปหลวนนั้นง่ายมาก แต่ก่อนหน้านั้นคือ พวกเราไม่ส่งทหารไปช่วยเหลือโปหลวน!”“ขอแค่ถ่วงเวลาพวกเราไว้ พวกเขาก็สามารถกำจัดโปหลวนได้อย่างรวดเร็ว ยุติความขัดแย้งภายใน!”“เจียเหยาก็พวกเราสงสัย จึงจงใจขอร้องข้าให้เอามันเทศดินครึ่งหนึ่งคืนให้นาง!”“นางอยากให้ข้าเข้าใจว่านี่เป็นการค้า ไม่ใช่แผนร้าย...”เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของหยุนเจิง ทุกคนพยักหน้าเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่อยู่หากโปหลวนทางนั้นทำงานสำเร็จแล้ว เจียเหยาและฮูเจี๋ยอาจทำเช่นนี้จริงถึงขั้นกล่าวได้ว่าจำเป็นต้องทำเช่นนี้!“ดังนั้น เจ้านัดเจียเหยาอีกสามวันให้หลังพบกันที่ทะเลสาบไป๋หลาง กำลังหลอกพวกเขาเช่นกัน?”เมี่ยวอินยกมุมปากยิ้มตอนแรกนางนึกว่าหยุนเจิงแอบตกลงกับเจียเหยาเป็นการส่วนตัว!เดิมนางคิดว่าช้ากว่านี้หน่อยจะชี้แนะกับหยุนเจิงว่าต้องทำใจว่าศัตรูมีแผนร้ายตอนนี้ดูเหมือนไม่จำเป็นแล้ว“แน่นอนว่าเป็นการหลอกพวกเขา!”หัวเราะยิ้ม
ออกจากชายแดนเว่ย ฟางหยุนซื่อควบม้ากลับไปอย่างบ้าคลั่งเพื่อการส่งทูตครั้งนี้ ประมุขฮูเจี๋ยมอบม้าล้ำค่าที่มีความทนทานแข็งแกร่งให้กับเขาฟางหยุนซื่อควบม้าไปตลอดทาง ในที่สุดหลังฟ้ามืดครึ่งชั่วยามก็มาถึงค่ายใหญ่ที่ตั้งอยู่ใต้เขาห่านป่าหวนกลับของประมุขฮูเจี๋ย ฟางหยุนซื่อเพิ่งเข้ามา ประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยก็ถามสถานการณ์การทูตกับเขาอย่างอดใจรอไม่ไหวฟางหยุนซื่อไม่กล้าปิดบัง เล่าทุกขั้นตอนอย่างละเอียดแม้แต่ตอนที่เขาถูกคนต้าเฉียนพวกนั้นทำให้อับอายก็เล่าอย่างชัดเจนดูเหมือน ครั้งนี้เขาได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างมากทว่า ประมุขฮูเจี๋ยไม่สนใจเรื่องที่เขาได้รับความไม่เป็นธรรมแม้แต่น้อยฟางหยุนซื่อเพิ่งกล่าวจบ ฮูเจี๋ยก็มองเจียเหยาที่อยู่ข้างกายเขาไม่เคยพบหยุนเจิง แต่คุ้นเคยกับชื่อหยุนเจิงเขานึกไม่ถึงเลยสักนิด จักรพรรดิเหวินที่ถูกพวกเขาทุบตีจนสูญเสียเกราะเมื่อหกปีก่อน จะมีลูกชายเช่นนี้ความอัปยศของจักรพรรดิเหวินเมื่อหกปีก่อน สุดท้ายก็ถูกลูกชายเขาคนนี้ล้างให้หมดแล้วทุกวันนี้ วิกฤตกาลกลับมาอยู่ฝั่งเป่ยหวนแล้วเป่ยหวนทางนี้ คนที่เข้าใจหยุนเจิงมากที่สุด ก็ไม่ใช่คนอื่นนอกจากลูกสาวสุดที่รักของเข
ทว่าตั้งแต่เจียเหยานำทัพมา ก็พ่ายแพ้ติดต่อกันไม่ใช่หรือ?นางก็แค่แม่ทัพแพ้สงคราม มีสิทธิ์ใดมาพูดจากับเขาเช่นนี้?“ไม่กลัว?”เจียเหยามองไห่เจ๋อด้วยความเย็นชา “เจ้าไปถามทหารภายในค่ายเหล่านั้น ถามว่าพวกเขากลัวหยุนเจิงหรือไม่?”กองทัพเป่ยหวน ถ้วนกล่าวได้ว่าถูกหยุนเจิงโจมตีย่อยยับ!หยุนเจิงชื่อนี้ ในเป่ยหวนตอนนี้ กลายเป็นเหมือนฝันร้ายของคนจำนวนมากเมื่อกล่าวถึงหยุนเจิง คนมากมายในกองทัพก็รู้ถึงหวาดกลัวขอแค่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นหยุนเจิงนำทัพ ขวัญกำลังใจทหารของพวกเขาก็ลดลไปหลายส่วนแล้ว!เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้น่ากลัวเช่นนี้ เขายังกล้าบอกว่าพวกเขาหน้ากลัวหมาป่า หลังกลัวเสือ?สมควรให้เขานำทัพด้วยตัวเองไปสู้กับหยุนเจิงสักครั้ง!“มีเพียงคนขี้ขลาดเท่านั้นที่จะกลัว!”ไห่เจ๋อถากถางเสียงเย็นอย่างไม่เห็นด้วย “หากเจ้ากลัว ก็กลับชนเผ่าของเจ้าไป! เสด็จพ่อตอนแรกหากให้ข้านำทัพไปยังสามเมืองชายแดน พวกเราจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้เช่นไร?”“เจ้า...”ประโยคเดียวของไห่เจ๋อ จุดไฟโทสะของเจียเหยาได้ในพริบตานางจะฟังไม่ออกได้เช่นไร ไห๋เจ๋อกำลังโทษว่านางนำทัพได้ไม่ดี ทำให้เป่ยหวนตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย“เจ้าอ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่