ประมุขใหญ่เป่ยหวนส่งทูตมา?หยุนเจิงลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็วฮูเจี๋ยคิดจะทำสิ่งใด?ส่งทูตมาเจรจาสงบศึกหรือ?“ไปดูเถอะ!”หยุนเจิงหรี่ดวงตาเล็กน้อย พาเมี่ยวอินตามอวี๋ซื่อจงไปอย่างรวดเร็ว“สีหน้าเจ้าเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ?”เดินไปได้สองก้าว หยุนเจิงสังเกตว่าสีหน้าของอวี๋ซื่อจงค่อนข้างผิดปกติ“ทูตที่ฮูเจี๋ยส่งมาก็คือแม่ทัพที่มอบตัวของต้าเฉียนเราฟางหยุนซื่อ!”อวี๋ซื่อจงกล่าวด้วยความดุร้าย “ข้าเห็นไอสวะนั่นแล้วก็อยากจะสับร่างมันเป็นหมื่นชิ้น!”“อ๋อ?”หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ว่ามา เรื่องราวเป็นเช่นไร?”อวี๋ซื่อจงพยักหน้า ค่อยๆ เอ่ยปากพูดฟางหยุนซื่อ เป็นคนเขตหยางในมณฑลเจียงครั้งหนึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายพลระดับสามในกองทหารมณฑลทางเหนือ นับมีตำแหน่งสูงในกองทหารมณฑลทางเหนือแล้วต้าเฉียนพ่ายแพ้เมื่อหกปีก่อน มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับสวะฟางหยุนซื่อถ้าฟางหยุนซีไม่กบฏและยอมจำนนต่อศัตรู ทำให้ทั้งสองข้างของพวกเขาถูกเป่ยหวนตีได้อย่างง่ายดาย ต่อให้ต้าเฉียนพ่ายแพ้ ก็ไม่ถึงกับพ่ายแพ้ย่อยยับเช่นนี้ จักรพรรดิเหวินอาจจะไม่ถูกปิดล้อมพูดถึงสวะฟางหยุนซื่อผู้นี้ อวี๋ซื่อจงกัดฟันด้วยความเก
เหล่าแม่ทัพที่ได้ยินข่าวกำลังหยอกล้อก่นด่าฟางหยุนซื่อสุนัขตัวนี้ เพื่อระบายความโกรธแค้นในใจหากไม่เห็นแก่สถานะทูตของฟางหยุนซื่อ ตอนนี้พวกเขาคงพุ่งไปจับเจ้าสวะนี่สับเป็นหมื่นชิ้นไปแล้วฟังคำพูดไม่น่าลื่นหูของเหล่าแม่ทัพ ฟางหยุนซื่อยังคงมีท่าทางสบายอกสบายใจในเมื่อเขาสวามิภักดิ์ต่อศัตรูทรยศบ้านเมือง จดจุบของภรรยาและลูกสาว เขาไม่ต้องคิดก็รู้สำหรับคนอย่างเขา ขอแค่เขามีชีวิตรอดก็พอแล้ว ภรรยาและลูกสาวจะมีจุดจบเช่นไร ล้วนไม่สำคัญในเมื่อต้องใช้ชีวิตเยี่ยงสัตว์ ก็ต้องมีจิตสำนึกเยี่ยงสัตว์แน่นอน ท่าทางไม่สะทกสะท้านของฟางหยุนซื่อเป็นเพียงการเสแสร้งเขารู้ว่าเหล่าแม่ทัพต้าเฉียนเหล่านี้เกลียดชังเขาเพียงใดเขาไม่กลัวคำดูถูกเหยียดหยามของแม่ทัพเหล่านี้ เขากลัวแต่ว่าคนเหล่านี้จะโกรธจนไม่เคารพกฎ จับเขาหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนกระทั่งหยุนเจิงเดินเข้ามาใกล้ ทุกคนจึงเปิดทางให้“ท่านอ๋อง!”ทุกคนพากันทำความเคารพหยุนเจิงโบกมือให้ทุกคน สายตาทอดมองฟางหยุนซื่อฟางหยุนซื่อดูไปแล้วเหมือจะอายุประมาณสี่สิบปี สีหน้าดูไม่เลว ดูท่าทางแล้ว อยู่ที่เป่ยหวนคงไม่เลวเลย“เจ้าคือฟางหยุนซื่อ?”หยุนเจิงมองค
แม้ฟางหยุนซื่อจะไม่พอใจกับท่าทางของหยุนเจิง แต่ก็ไม่กล้ารีบร้อนหลังพยายามสงบสติอารมณ์ หยุนเจิงจึงเปิดปากพูด “ประมุขฮูเจี๋ยมีความต้องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับต้าเฉียน ให้องค์หญิงต้าเฉียนแต่งงานกับท่านอ๋อง หวังว่าต้าเฉียนกับเป่ยหวนจะหยุดการโจมตี สร้างความสัมพันธ์ที่ดีอีกครั้ง...”กล่าวจบ ฟางหยุนซื่อให้คนส่งหนังสือสมรสออกไปหยุนเจิงเรียกคนไปรับเอามาหยุนเจิงเปิดอ่าน ลูกตาหดลงอย่างควบคุมไม่อยู่เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินยื่นหน้ามาใกล้เงียบๆ บนใบหน้าเผยแววประหลาดใจเป็นหนังสือสมรถจริงด้วย!นี่คือหนังสือสมรสอย่างเป็นทางการ น่าเชื่อถือว่าคำพูดจากปากเจียเหยามากฮูเจี๋ยต้องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับต้าเฉียนจริงหรือ?ใช้การแต่งงานแลกกับการเจรจาสงบศึกหรือ?หรือจะบอกว่า คิดจะใช้วิธีที่ทำกับโปหลวนมาใช้กับหยุนเจิง?อย่างหลังน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่ากระมัง?ถึงเช่นไร ทุกวันนี้เป่ยหวนก็ถูกตีจนกลายเป็นสภาพนี้แล้ว กล่าวได้ว่าทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณหยุนเจิงฮูเจี๋ยไม่อยากเอาชีวิตหยุนเจิง นั่นก็ผิดปกติแล้ว!หยุนเจิงเก็บหนังสือสมรส กล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ในเมื่อประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยส่งหนัง
หากเจียเหยาและฮูเจี๋ยคิดอยากถ่วงเวลาพวกเขา ดูเหมือน คงมีแค่เป้าหมายเดียว“โปหลวนไม่จำเป็นเรียกระดมกองกำลังเก่าให้มากพอ แต่พวกเขาอาจพบการกระทำของโปหลวนแล้ว!”หยุนเจิงพยักหน้า “ตอนนี้พวกเขาต้องการจัดการโปหลวนนั้นง่ายมาก แต่ก่อนหน้านั้นคือ พวกเราไม่ส่งทหารไปช่วยเหลือโปหลวน!”“ขอแค่ถ่วงเวลาพวกเราไว้ พวกเขาก็สามารถกำจัดโปหลวนได้อย่างรวดเร็ว ยุติความขัดแย้งภายใน!”“เจียเหยาก็พวกเราสงสัย จึงจงใจขอร้องข้าให้เอามันเทศดินครึ่งหนึ่งคืนให้นาง!”“นางอยากให้ข้าเข้าใจว่านี่เป็นการค้า ไม่ใช่แผนร้าย...”เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของหยุนเจิง ทุกคนพยักหน้าเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่อยู่หากโปหลวนทางนั้นทำงานสำเร็จแล้ว เจียเหยาและฮูเจี๋ยอาจทำเช่นนี้จริงถึงขั้นกล่าวได้ว่าจำเป็นต้องทำเช่นนี้!“ดังนั้น เจ้านัดเจียเหยาอีกสามวันให้หลังพบกันที่ทะเลสาบไป๋หลาง กำลังหลอกพวกเขาเช่นกัน?”เมี่ยวอินยกมุมปากยิ้มตอนแรกนางนึกว่าหยุนเจิงแอบตกลงกับเจียเหยาเป็นการส่วนตัว!เดิมนางคิดว่าช้ากว่านี้หน่อยจะชี้แนะกับหยุนเจิงว่าต้องทำใจว่าศัตรูมีแผนร้ายตอนนี้ดูเหมือนไม่จำเป็นแล้ว“แน่นอนว่าเป็นการหลอกพวกเขา!”หัวเราะยิ้ม
ออกจากชายแดนเว่ย ฟางหยุนซื่อควบม้ากลับไปอย่างบ้าคลั่งเพื่อการส่งทูตครั้งนี้ ประมุขฮูเจี๋ยมอบม้าล้ำค่าที่มีความทนทานแข็งแกร่งให้กับเขาฟางหยุนซื่อควบม้าไปตลอดทาง ในที่สุดหลังฟ้ามืดครึ่งชั่วยามก็มาถึงค่ายใหญ่ที่ตั้งอยู่ใต้เขาห่านป่าหวนกลับของประมุขฮูเจี๋ย ฟางหยุนซื่อเพิ่งเข้ามา ประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยก็ถามสถานการณ์การทูตกับเขาอย่างอดใจรอไม่ไหวฟางหยุนซื่อไม่กล้าปิดบัง เล่าทุกขั้นตอนอย่างละเอียดแม้แต่ตอนที่เขาถูกคนต้าเฉียนพวกนั้นทำให้อับอายก็เล่าอย่างชัดเจนดูเหมือน ครั้งนี้เขาได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างมากทว่า ประมุขฮูเจี๋ยไม่สนใจเรื่องที่เขาได้รับความไม่เป็นธรรมแม้แต่น้อยฟางหยุนซื่อเพิ่งกล่าวจบ ฮูเจี๋ยก็มองเจียเหยาที่อยู่ข้างกายเขาไม่เคยพบหยุนเจิง แต่คุ้นเคยกับชื่อหยุนเจิงเขานึกไม่ถึงเลยสักนิด จักรพรรดิเหวินที่ถูกพวกเขาทุบตีจนสูญเสียเกราะเมื่อหกปีก่อน จะมีลูกชายเช่นนี้ความอัปยศของจักรพรรดิเหวินเมื่อหกปีก่อน สุดท้ายก็ถูกลูกชายเขาคนนี้ล้างให้หมดแล้วทุกวันนี้ วิกฤตกาลกลับมาอยู่ฝั่งเป่ยหวนแล้วเป่ยหวนทางนี้ คนที่เข้าใจหยุนเจิงมากที่สุด ก็ไม่ใช่คนอื่นนอกจากลูกสาวสุดที่รักของเข
ทว่าตั้งแต่เจียเหยานำทัพมา ก็พ่ายแพ้ติดต่อกันไม่ใช่หรือ?นางก็แค่แม่ทัพแพ้สงคราม มีสิทธิ์ใดมาพูดจากับเขาเช่นนี้?“ไม่กลัว?”เจียเหยามองไห่เจ๋อด้วยความเย็นชา “เจ้าไปถามทหารภายในค่ายเหล่านั้น ถามว่าพวกเขากลัวหยุนเจิงหรือไม่?”กองทัพเป่ยหวน ถ้วนกล่าวได้ว่าถูกหยุนเจิงโจมตีย่อยยับ!หยุนเจิงชื่อนี้ ในเป่ยหวนตอนนี้ กลายเป็นเหมือนฝันร้ายของคนจำนวนมากเมื่อกล่าวถึงหยุนเจิง คนมากมายในกองทัพก็รู้ถึงหวาดกลัวขอแค่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นหยุนเจิงนำทัพ ขวัญกำลังใจทหารของพวกเขาก็ลดลไปหลายส่วนแล้ว!เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้น่ากลัวเช่นนี้ เขายังกล้าบอกว่าพวกเขาหน้ากลัวหมาป่า หลังกลัวเสือ?สมควรให้เขานำทัพด้วยตัวเองไปสู้กับหยุนเจิงสักครั้ง!“มีเพียงคนขี้ขลาดเท่านั้นที่จะกลัว!”ไห่เจ๋อถากถางเสียงเย็นอย่างไม่เห็นด้วย “หากเจ้ากลัว ก็กลับชนเผ่าของเจ้าไป! เสด็จพ่อตอนแรกหากให้ข้านำทัพไปยังสามเมืองชายแดน พวกเราจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้เช่นไร?”“เจ้า...”ประโยคเดียวของไห่เจ๋อ จุดไฟโทสะของเจียเหยาได้ในพริบตานางจะฟังไม่ออกได้เช่นไร ไห๋เจ๋อกำลังโทษว่านางนำทัพได้ไม่ดี ทำให้เป่ยหวนตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย“เจ้าอ
กลางดึก หยุนเจิงถูกอวี๋ซื่อจงปลุกให้ตื่น“องค์ชาย นักรบภูตแปดและเก้ากลับมาแล้ว!”เสียงของอวี๋ซื่อจงดังมาจากนอกประตูภูตแปด ภูตเก้า?หยุนเจิงพลันลุกขึ้นนั้ง สวมรองเท้าลวกๆ คลุมด้วยเสื้อที่เสิ่นลั่วเยี่ยนส่งมาให้ จากนั้นก็ออกไปจากประตูอย่างรวดเร็วไม่นาน หยุนเจิงเห็นภูตแปดและภูตเก้าแล้วไม่รอทั้งสองคนทำความเคารพ หยุนเจิงถามความใจร้อน “ได้ข่าวโปหลวนทางนั้นแล้วใช่หรือไม่?”“ไม่ใช่แค่ข้าวของโปหลวน!”ภูตแปดตอบ “ยังมีความเคลื่อนไหวของประมุขเป่ยหวน...”“รีบพูดมา!”หยุนเจิงเร่งเร้าอย่างทนไม่ไหวมีข่าวกลับมาก็ดีแล้ว!กลัวแต่ไม่มีข่าว อาศัยแค่การคาดเดาเรื่อยเปื่อยของตัวเองภูตแปดรู้ว่าหยุนเจิงร้อนใจ จึงนำข่าวที่พวกเขาได้มาบอกออกไปโปหลวนระดมกำลังกองกำลังเก่าได้สองหมื่นคนแล้วแต่ว่า ด้านกำลังรบยังยากที่จะพูดเรื่องจากภายในกองทัพสองหมื่นคนจากกองกำลังเก่า คนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นทหารชั้นยอด คาดว่ามีไม่ถึงห้าพันคนส่วนที่เหลือ โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นคนของแต่ละชนเผ่าภายในนั้นบางส่วนเป็นคนที่อายุห้าสิบแล้วคนชนเผ่ารอบบริเวณกองกำลังฉาเหอ ขอแค่เป็นคนที่สามารถขี่ม้าถืออาวุธได้ ล้วนนับ
ผู้ป่วยในกองทัพมากเกินไป ยังจะสู้อะไรได้อีก!ที่สำคัญที่สุดคือ ทหารของกองทหารมณฑลทางเหนือล้วนเป็นทหารทางเหนือคนมากมายว่ายน้ำไม่เป็น!ให้ทหารม้าขี่ม้าศึกข้ามแม่น้ำ ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ดีไม่ดี ยังไม่ทันได้ทำสงคราม พวกเขาคนนับพันก็จมน้ำตายไปก่อนแล้วอีกทั้ง อาหารแห้งของพวกเขานอกจากเนื้อแห้งจำนวนน้อยแล้ว โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นข้าวสาลีหรือข้าวไม่ขัดสี นอกจากนี้ยังมีเมล็ดข้าวสาลีจำนวนเล็กน้อยที่นำไปนึ่งแล้วทอดของพวกนี้เมื่อโดนน้ำ ก็จะเน่าเสียแล้วหากต้องการข้ามแม่น้ำ ก็มีคนและม้าที่พลัดแยกออกจากกันตอนข้ามแม่น้ำหืม?คิดไปคิดมา ดวงตาของหยุนเจิงพลันเป็นประกายเมื่อเห็นสีหน้าของหยุนเจิง เมี่ยวอินอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความรู้สึกดีใจ “เจ้าคิดวิธีข้ามแม่น้ำได้แล้ว?”“ใช่!”หยุนเจิงพยักหน้า“รีบพูดมา วิธีได?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าคาดหวังหยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “ให้ข้าปิดเอาไว้ก่อน! การแบ่งทหารความคิดนี้สามารถทำได้จริง พวกเราหารือกลยุทธ์รับมือกันต่อ!”ได้!ยังจะปกปิดอีก!ก็ได้!ปกปิดก็ปกปิด!ขอแค่ข้ามแม่น้ำได้ก็พอ!“หากจัดการปัญหาข้ามแม่น้ำได้แล้ว พวกเราก็สามา