ปล่อยให้ทหารม้าเป่ยหวนติดตามพวกเขาเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี!ครั้งนี้พวกเขาถ่วงเวลากองทหารม้านี่ การโจมตีชนเผ่าแรกสำเร็จแล้ว ครั้งต่อไปเล่า?แม่ทัพบัญชาการของเป่ยหวนไม่ใช่คนโง่วิธีนี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวหากใช้อีกครั้งต่อไป เป็นไปได้มากว่าศัตรูคงเข้ามากดดันโดยตรงแล้วไม่ได้!ต้องคิดหาวิธีให้ทหารม้ากองนี้ถอยหนี!มิฉะนั้นทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนอยู่ใต้สายตาของอีกฝ่ายไม่เป็นประโยชน์กับแผนการขั้นต่อไปของพวกเขา!บนทางระหว่างถอย หยุนเจิงสังเกตสภาพสถานที่โดยรอบไม่หยุด ทั้งยังคิดหากลยุทธทำลายศัตรูคิดไปคิดมา หยุนเจิงก็ยังหาวิธีที่ดีไม่ได้ถึงเช่นไรที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่เหมือนหุบผาชันช่องลมหรือหุบเขามรณะคิดจะให้ประโยชน์จากสถานที่ทำให้พวกเขาสามารถตีทัพศัตรูได้ แต่ทัพศัตรูไม่อาจโจมตีพวกเขา โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้คิดจัดการกองทัพทหารม้านี้ เกรงว่าต้องเผชิญหน้าโดยตรงสักครั้งแล้ว!หยุนเจิงกำลังครุ่นคิด เห็นว่าไม่ไกลมีเนินดินอยู่ จึงตัดสินใจทันที เรียกคนไปถ่ายทอดคำสั่งให้ฉินชีหู่ “สั่งกองกำลังฉินชีหู่ รีบกลับมาช่วยสนับสนุน อ้อมไปยังเนินดินด้านข้างของงพวกเรา ทันทีที่หน่วยข้าทำศึก
“ฆ่า!”สิ้นเสียงฆ่าที่ดังสะเทือนไปทั่วบริเวร ในที่สุดทหารม้าทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้ากันสู้กันตอนที่ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้อาณาบริเวณสามลี้ ทหารม้าเป่ยหวนแบ่งออกเป็นสองอย่างรวดเร็ว บุกมาที่ด้านข้างของพวกเขานี่เป็นทักษะการรบที่ทหารม้าไปหวนคุ้นเคยที่สุด อ้อมไปด้านข้างของศัตรู จัดการทหารที่ไม่มีก็กันบ้าง รอให้ศัตรูเสียหาย คอย ดำเนินการล่าเหยื่อตรงหน้าเมื่อเห็นการแปรขบวนทัพของศัตรู หยุนเจิงอดนึกดีใจไหมสุดท้ายก็มาลูกไม้นี้!ยังดีที่พวกเขาบุกโจมตีที่ปีกขวาของทัพศัตรูหากพวกเขาเลือกโจมตีข้างหน้าโดยตรง ไม่นานก็จะตกอยู่กลางวงล้อมซ้ายขวาของทัพศัตรูพวกเขาออกโจมตีสัมภาระเบา ไม่ใช่ทหารม้าทุกคนจะมีโล่ในมือ มีเพียงคนจำนวนน้อยที่มีม้าศึกที่ค่อนข้างดีและโล่ป้องกันการโจมตีด้วยขอบเขตกว้างขวาง ล้วนเป็นทหารที่มีโล่กันบังในมืออยู่ข้างหน้า ทำลายแนวรบของศัตรูก่อนเมื่อกองกำลังศัตรูมาถึงทั้งสองข้างพวกเขาจะโจมตีแบบกองโจร ทหารม้ามากมายไม่มีโล่กันบังล้วนตกอยู่ในอาณาเขตการโจมตีของศัตรู ก็จะเกิดความเสียหายหนักมากเนื่องจากทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กัน แม่ทัพของศัตรูเข้าใจเจตนาของพวกเขาหยุนเจิงแล้วตรงหน้าเห็นว่
พวกเขานำทหารออกรบ ไม่มีใครสวมชุดเกราะที่จักรพรรดิเหวินมอบให้ใช้คำพูดของหยุนเจิง แต่งตัวงามหยาดเยิ้มเช่นนั้น บนสนามรบ ก็เหมือนเป็นเป้ายิงที่มีชีวิต!แต่พวกเขาละลายม้าศึก!ย่ำเหมันต์ที่หยุนเจิงขี่ เป็นสัตว์พาหนะของปานปู้ราชครูเป่ยหวน!ตอนที่หยุนเจิงแลกเปลี่ยนม้ากับปานปู้ที่หุบผาชันช่องผม ทหารเป่ยหวนมากมายล้วนอยู่ในเหตุการณ์พวกเขาอาศัยย่ำเหมันต์ทำให้แยกตัวตนของหยุนเจิงได้!ถูกเสิ่นลั่วเยี่ยนเตือนสติ เมี่ยวอินมีปฏิกริยาตอบโต้ทันที!“เข้ามา! ทุกคนเข้ามาใกล้ข้า! โจมตี!”“ทุคนเข้ามาใกล้พวกเรา!”เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินบุกไปยังสถานที่ที่หยุนเจิงอยู่ ด้านหนึ่งร้องตะโกน อีกด้านรวบรวมทหารต้าเฉียนต่อสู้กับศัตรูอย่างต่อเนื่อง รีบมุ่งหน้าไปหาหยุนเจิงเวลานี้ หยุนเจิงก็รับรู้ถึงความผิดปกติแล้วศัตรูรอบกายพวกเขามีมากขึ้นเรื่อยๆความรู้สึกเหมือน ชาวเป่ยหวนพวกนี้กำลังฉีดเลือดไก่ยังดีที่ทหารองครักษ์ของอวี๋ซื่อจงล้วนเป็นทหารชั้นยอด ต่อให้ศัตรูมีจำนวนเป็นเท่าตัว ก็ยังไม่เพรี้ยงพร้ำในตอนที่ทั้งสองฝ่าต่อสู้กันดุเดือน กองทหารฉินชีหู่บุกออกมาจากเนินเดินที่อยู่ไม่ไกลหน่วยของฉินชีหู่แบ่งทห
เวลาเดียวกัน เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินรวบรวมคนจำนวนมาก ตามหยุนเจิงไป พากันพุ่งหาเจียเจียปูไม่หยุดภายใต้ดวงอาทิตย์อัสดง หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนนำกำลังทหารร้อยกว่าคน ไล่ติดตามทิศทางที่เจียเจียปูอยู่ไม่หยุดไม่นาน คนที่เร็วที่สุดคือฉินชีหู่ฉินชีหู่ขี่มานำเป็นคนแรก ด้วยท่าทีสังหารเจ็ดในเจ็ดนอกแนวรบของศัตรูด้วยม้าหนึ่งหอกเดียวเพียงลำพังเลือดแดงสดย้อมเกราะของฉินชีหู่ ทว่าฉินชีหู่ยิ่งฆ่ายิ่งตื่นเต้นเวลานี้ ทุกคนราวกับเครื่องจักรสังหารหยุนเจิงเองก็นำกองทัพไล่ล่าไม่หยุดแม้ว่าดาบแตกร้าวหลายรอยแล้ว ก็ยังไล่ล่าไม่หยุดบนสนามรบ เสียงร้องอนาถของคนและเสียงม้าร้องดังขึ้นระงม ภายใต้เงาสะท้อนของอาทิตย์ยามเย็น ทั้งสนามรบเหมือนกับนรกเลือดไม่ปานท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ในที่สุดสงครามครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงแล้วทหารม้าหนึ่งหมื่นห้าพันคนของเป่ยหวน นอกจากคนจำนวนน้อยที่ฉวยโอกาสหลบนี้ไปตอนช่วงโกลาหลแล้ว คนจำนวนมากอยู่ที่นี่ทหารต้าเฉียนพากันจุดคบเพลิงบางส่วนกำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ บางส่วนกำลังแทงดาบซ้ำตามความต้องการของหยุนเจิงสำหรับทหารม้าเป่ยหวนที่บาดเจ็บสาหัสแต่ยังไม่ตาย แทงดาบลงไป ก็สามารถเ
เวลานี้ ฉินชีหู่มาถึงข้างกายหยุนเจิงเพิ่งผ่านสนามรบเลือด ฉินชีหู่ร่างเต็มไปด้วยเลือดเช่นกันแต่ว่า เจ้าหมอนี่ห้าวหาญจริง มองดูแล้วไม่มีบาดแผลสักนิดขณะนี้ กลิ่นอายการสังหารบนตัวเขายังไม่หายไปทั้งหมด บวกกับเลือดบนตัวเขา เหมือนเทพความตายมาเยือนยังโลกยังดีที่หยุนเจิงเคยชินกับกลิ่นคาวเลือดบนสนามรบแล้ว มิฉะนั้นคนโดนกลิ่นอายสังหารของเจ้าหมอนี่ซัดซาดแล้ว“เจ้าคิดว่าควรทำเช่นไร?”หยุนเจิงเงยหน้ามองฉินชีหู่“ฆ่า!”น้ำเสียงของฉินชีหูเย็นชาเป็นพิเศษ ไม่มีความเมตตาใด“……”หยุนเจิงสีหน้ามืดครึ้ม “ฆ่าเชลยเหล่านี้แล้ว เจ้าข้าไปขุดเหมืองหรือ?”เจ้านี่ ฆ่าจนบ้าไปแล้วกระมัง?ตอนนี้เขาต้องการกรรมกรขุดเหมือง!ต่อไปเรื่องซ่อมถนนสร้างสะพาน ล้วนต้องการเชลยศึกเหล่านี้“แต่ว่า...”ฉินชีหู่ขมวดคิ้ว “พวกเรายังต้องจู่โจมด้านหลังของทัพศัตรู พาเชลยเหล่านี้ไป พวกเราก็เพิ่มความเร็วไม่ได้แล้ว! ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเราจะคว้าโอกาสบุกเข้าด้านหลังของศัตรูได้ คงไม่อาจถอนทัพตอนนี้ได้กระมัง?”มีอย่างที่ไหนบุกจู่โจมแล้วยังพาเชลยไปด้วย?ต่อให้มีเมตตาก็ไม่ใช่วิธีเมตตาเช่นนี้!เมี่ยวอินและเสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าต
ทุกคนเก็บกวาดสนามรบทั้งวันทั้งคืน ตลอดจนถึงกลางดึก ถึงจะทำความสะอาดสนามรบเสร็จศพของทหารต้าเฉียนเหล่านั้น พวกเขาไม่สามารถนำไปด้วยชั่วคราว ทำได้เพียงขุดหลุมฝังกลบ ส่วนศพของทหารเป่ยหวน ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาควรกังวลด้วยคำสั่งเคร่งครัดของหยุนเจิง สนามรบทำความสะอาดจนสะอาดเป็นพิเศษเกราะที่เสียหายล้วนไม่เหลือทิ้งไว้ให้ทัพศัตรู!มิฉะนั้น ทัพศัตรูนำกลับไปซ่อมแซม จากนั้นก็สามารถนำมาใช้ได้ใหม่หลังทำความสะอาดสนามรบเรียบร้อย ตัวเลขความเสียหายของพวกเขาก็สรุปออกมาแล้วการต่อสู้ครั้งนี้ ทหารที่พวกเขาสังหารทัพศัตรูบวกกับเชลยศึก มีหนึ่งหมื่นสามพันกว่าคนแต่นี่เป็นการต่อสู้ปะทะรุนแรง ความสูญเสียของพวกเขาก็หนักมาก แค่คนที่สู้ตายในสนามรบก็มีสองพันห้าร้อยกว่าคนแล้ว ยังมีคนบาดเจ็บหนึ่งพันกว่าคนส่วนคนบาดเจ็บเล็กน้อย เช่นนั้นก็มีมากแล้วเมื่อได้รู้จำนวนความเสียหาย หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มข่มขื่นชนะก็นับว่าชนะ แต่ความเสียหายของพวกเขาก็รับว่าหนักหนาสาหัสรบแค่เพียงครั้งเดียว ก็ลดกำลังไปความแข็งแกร่งไปสองส่วน!นี่เป็นสถานการณ์ที่ฉินชีหู่นำกองกำลังมาถึงทันเวลาหากพวกฉินชีหู่มาช้ากว่านี้อีกหน
เช่นนี้ ก็สามารถปล่อยมือมาสร้างทหารม้าหนักใหม่ได้!หากเป็นขบวนปะทะ ทหารม้าหนักเหมาะสมที่สุดแล้วเมื่อคิดเช่นนี้ หยุนเจิงมองเจียเจียปู้ที่ถูกมัดไว้ด้านข้าง“ทักษะการรับมือสถานการณ์ของเจ้าไม่เลว นับว่าเป็นแม่ทัพที่ดี ข้าจะให้โอกาสเจ้ายอมแพ้!”หยุนเจิงเริ่มชักจูงเจียเจียปู้ให้ยอมแพ้“ฝันไปเถอะ!”เจียเจียปูสองตาแดง จ้องหยุนเจิงอย่างรุนแรง “เป่ยหวนข้ามีแต่ผู้ชายที่ตายในสนามรบ ไม่มีผู้ชายที่ยอมจำนน!”“……”หยุนเจิงหมดคำจะพูด ชี้ไปยังทหารม้าเป่ยหวนเหล่านั้นที่ยอมจำนน ถากถางอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไม่เสแสร้งจะตายหรือ? คนเหล่านี้ ไม่ใช่ชายเป่ยหวนหรือ? ล้วนเป็นสมุนรับใช้ของกองทัพพวกเจ้า?”เจียเจียปู้เมื่อได้ฟังพลันกล่าวสิ่งใดไม่ออก ใบหน้าก็เริ่มแดง“จะฆ่าจะแกงเช่นไร แล้วแต่จะบัญชา!”เจียเจียปู้หลับตาลงอย่างตรงไปตรงมา ยืดคอของตัวเอง“ไม่ยอมจำนวนจริงหรือ?”หยุนเจิงขมวดคิ้ว จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อย่าคิดแข็งกระด้างกับข้า อีกไม่นานตอนที่เป่ยหวนพวกเจ้าร้องขอข้า ตอนนี้เจ้ายอมจำนวน ข้าสามารถประคองเจ้าเป็นจั่วเสียนอ๋องของเป่ยหวน ถึงขั้น ให้เจ้าเป็นประมุขใหญ่ของเป่ยหวน!”เขาอยากสนับสนุน
ค่ายใหญ่เป่ยหวน“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว!เกออาซูที่กำลังหลับอยู่ถูกคนปลุกให้ตื่น“เกิดสิ่งใดขึ้นอีก?”เกออาซูลืมตาขึ้นอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ถามทหารคนสนิทด้วยความหงุดหงิดทหารคนสนิทมองเกออาซูด้วยความกระวนกระวาย กล่าวด้วยความเศร้าเสียใจ “กองทหารม้าหนึ่งหมื่นห้าพันคนของเจียเจียปู้เจอกับการโจมตีของทัพศัตรู เกิดความเสียหายอย่างหนัก! มีเพียงทหารหนึ่งพันสี่ร้อยกว่าคนที่ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหนีกลับมา เจียเจียปู้เหมือนจะถูกทัพศัตรูประหารแล้ว...”“อะไรนะ?”ความง่วงของเกออาซูหายไปหมดสิ้น พลันลุกขึ้นยืนทว่าข่าวร้ายที่มาโดยกะทันหันทำให้เขาเวียนหัว เกือบหัวทิ่มไปกับพื้นหลังพยายามยืนอย่างมั่นคง เกออาซูคว้าทหารคนสนิท คำรามด้วยความอาฆาต “พูดมา เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่?”ทหารหนึ่งหมื่นห้าพันคนออกไป กลับมาได้แค่หนึ่งพันสี่ร้อยกว่าคน?แม้แต่เจียเจียปู้ก็ถูกประหารแล้ว?เหตุใดเป็นเช่นนี้?เจียเจียปู้เจ้าคนสารเลว เขาคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?เขาสั่งเด็ดขาดพยายามอย่ารับศึกกับทหารม้าเป่ยหวน แค่ต้องถ่วงเวลาพวกเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุใดต้องรับศึกทัพศัตรู?คนหนึ่งหมื่นสามพันคน!พวกเขามีกองทัพทั้งหมดไม่ถึงส