ปล่อยให้ทหารม้าเป่ยหวนติดตามพวกเขาเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี!ครั้งนี้พวกเขาถ่วงเวลากองทหารม้านี่ การโจมตีชนเผ่าแรกสำเร็จแล้ว ครั้งต่อไปเล่า?แม่ทัพบัญชาการของเป่ยหวนไม่ใช่คนโง่วิธีนี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวหากใช้อีกครั้งต่อไป เป็นไปได้มากว่าศัตรูคงเข้ามากดดันโดยตรงแล้วไม่ได้!ต้องคิดหาวิธีให้ทหารม้ากองนี้ถอยหนี!มิฉะนั้นทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนอยู่ใต้สายตาของอีกฝ่ายไม่เป็นประโยชน์กับแผนการขั้นต่อไปของพวกเขา!บนทางระหว่างถอย หยุนเจิงสังเกตสภาพสถานที่โดยรอบไม่หยุด ทั้งยังคิดหากลยุทธทำลายศัตรูคิดไปคิดมา หยุนเจิงก็ยังหาวิธีที่ดีไม่ได้ถึงเช่นไรที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่เหมือนหุบผาชันช่องลมหรือหุบเขามรณะคิดจะให้ประโยชน์จากสถานที่ทำให้พวกเขาสามารถตีทัพศัตรูได้ แต่ทัพศัตรูไม่อาจโจมตีพวกเขา โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้คิดจัดการกองทัพทหารม้านี้ เกรงว่าต้องเผชิญหน้าโดยตรงสักครั้งแล้ว!หยุนเจิงกำลังครุ่นคิด เห็นว่าไม่ไกลมีเนินดินอยู่ จึงตัดสินใจทันที เรียกคนไปถ่ายทอดคำสั่งให้ฉินชีหู่ “สั่งกองกำลังฉินชีหู่ รีบกลับมาช่วยสนับสนุน อ้อมไปยังเนินดินด้านข้างของงพวกเรา ทันทีที่หน่วยข้าทำศึก
“ฆ่า!”สิ้นเสียงฆ่าที่ดังสะเทือนไปทั่วบริเวร ในที่สุดทหารม้าทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้ากันสู้กันตอนที่ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้อาณาบริเวณสามลี้ ทหารม้าเป่ยหวนแบ่งออกเป็นสองอย่างรวดเร็ว บุกมาที่ด้านข้างของพวกเขานี่เป็นทักษะการรบที่ทหารม้าไปหวนคุ้นเคยที่สุด อ้อมไปด้านข้างของศัตรู จัดการทหารที่ไม่มีก็กันบ้าง รอให้ศัตรูเสียหาย คอย ดำเนินการล่าเหยื่อตรงหน้าเมื่อเห็นการแปรขบวนทัพของศัตรู หยุนเจิงอดนึกดีใจไหมสุดท้ายก็มาลูกไม้นี้!ยังดีที่พวกเขาบุกโจมตีที่ปีกขวาของทัพศัตรูหากพวกเขาเลือกโจมตีข้างหน้าโดยตรง ไม่นานก็จะตกอยู่กลางวงล้อมซ้ายขวาของทัพศัตรูพวกเขาออกโจมตีสัมภาระเบา ไม่ใช่ทหารม้าทุกคนจะมีโล่ในมือ มีเพียงคนจำนวนน้อยที่มีม้าศึกที่ค่อนข้างดีและโล่ป้องกันการโจมตีด้วยขอบเขตกว้างขวาง ล้วนเป็นทหารที่มีโล่กันบังในมืออยู่ข้างหน้า ทำลายแนวรบของศัตรูก่อนเมื่อกองกำลังศัตรูมาถึงทั้งสองข้างพวกเขาจะโจมตีแบบกองโจร ทหารม้ามากมายไม่มีโล่กันบังล้วนตกอยู่ในอาณาเขตการโจมตีของศัตรู ก็จะเกิดความเสียหายหนักมากเนื่องจากทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กัน แม่ทัพของศัตรูเข้าใจเจตนาของพวกเขาหยุนเจิงแล้วตรงหน้าเห็นว่
พวกเขานำทหารออกรบ ไม่มีใครสวมชุดเกราะที่จักรพรรดิเหวินมอบให้ใช้คำพูดของหยุนเจิง แต่งตัวงามหยาดเยิ้มเช่นนั้น บนสนามรบ ก็เหมือนเป็นเป้ายิงที่มีชีวิต!แต่พวกเขาละลายม้าศึก!ย่ำเหมันต์ที่หยุนเจิงขี่ เป็นสัตว์พาหนะของปานปู้ราชครูเป่ยหวน!ตอนที่หยุนเจิงแลกเปลี่ยนม้ากับปานปู้ที่หุบผาชันช่องผม ทหารเป่ยหวนมากมายล้วนอยู่ในเหตุการณ์พวกเขาอาศัยย่ำเหมันต์ทำให้แยกตัวตนของหยุนเจิงได้!ถูกเสิ่นลั่วเยี่ยนเตือนสติ เมี่ยวอินมีปฏิกริยาตอบโต้ทันที!“เข้ามา! ทุกคนเข้ามาใกล้ข้า! โจมตี!”“ทุคนเข้ามาใกล้พวกเรา!”เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินบุกไปยังสถานที่ที่หยุนเจิงอยู่ ด้านหนึ่งร้องตะโกน อีกด้านรวบรวมทหารต้าเฉียนต่อสู้กับศัตรูอย่างต่อเนื่อง รีบมุ่งหน้าไปหาหยุนเจิงเวลานี้ หยุนเจิงก็รับรู้ถึงความผิดปกติแล้วศัตรูรอบกายพวกเขามีมากขึ้นเรื่อยๆความรู้สึกเหมือน ชาวเป่ยหวนพวกนี้กำลังฉีดเลือดไก่ยังดีที่ทหารองครักษ์ของอวี๋ซื่อจงล้วนเป็นทหารชั้นยอด ต่อให้ศัตรูมีจำนวนเป็นเท่าตัว ก็ยังไม่เพรี้ยงพร้ำในตอนที่ทั้งสองฝ่าต่อสู้กันดุเดือน กองทหารฉินชีหู่บุกออกมาจากเนินเดินที่อยู่ไม่ไกลหน่วยของฉินชีหู่แบ่งทห
เวลาเดียวกัน เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินรวบรวมคนจำนวนมาก ตามหยุนเจิงไป พากันพุ่งหาเจียเจียปูไม่หยุดภายใต้ดวงอาทิตย์อัสดง หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนนำกำลังทหารร้อยกว่าคน ไล่ติดตามทิศทางที่เจียเจียปูอยู่ไม่หยุดไม่นาน คนที่เร็วที่สุดคือฉินชีหู่ฉินชีหู่ขี่มานำเป็นคนแรก ด้วยท่าทีสังหารเจ็ดในเจ็ดนอกแนวรบของศัตรูด้วยม้าหนึ่งหอกเดียวเพียงลำพังเลือดแดงสดย้อมเกราะของฉินชีหู่ ทว่าฉินชีหู่ยิ่งฆ่ายิ่งตื่นเต้นเวลานี้ ทุกคนราวกับเครื่องจักรสังหารหยุนเจิงเองก็นำกองทัพไล่ล่าไม่หยุดแม้ว่าดาบแตกร้าวหลายรอยแล้ว ก็ยังไล่ล่าไม่หยุดบนสนามรบ เสียงร้องอนาถของคนและเสียงม้าร้องดังขึ้นระงม ภายใต้เงาสะท้อนของอาทิตย์ยามเย็น ทั้งสนามรบเหมือนกับนรกเลือดไม่ปานท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ในที่สุดสงครามครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงแล้วทหารม้าหนึ่งหมื่นห้าพันคนของเป่ยหวน นอกจากคนจำนวนน้อยที่ฉวยโอกาสหลบนี้ไปตอนช่วงโกลาหลแล้ว คนจำนวนมากอยู่ที่นี่ทหารต้าเฉียนพากันจุดคบเพลิงบางส่วนกำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ บางส่วนกำลังแทงดาบซ้ำตามความต้องการของหยุนเจิงสำหรับทหารม้าเป่ยหวนที่บาดเจ็บสาหัสแต่ยังไม่ตาย แทงดาบลงไป ก็สามารถเ
เวลานี้ ฉินชีหู่มาถึงข้างกายหยุนเจิงเพิ่งผ่านสนามรบเลือด ฉินชีหู่ร่างเต็มไปด้วยเลือดเช่นกันแต่ว่า เจ้าหมอนี่ห้าวหาญจริง มองดูแล้วไม่มีบาดแผลสักนิดขณะนี้ กลิ่นอายการสังหารบนตัวเขายังไม่หายไปทั้งหมด บวกกับเลือดบนตัวเขา เหมือนเทพความตายมาเยือนยังโลกยังดีที่หยุนเจิงเคยชินกับกลิ่นคาวเลือดบนสนามรบแล้ว มิฉะนั้นคนโดนกลิ่นอายสังหารของเจ้าหมอนี่ซัดซาดแล้ว“เจ้าคิดว่าควรทำเช่นไร?”หยุนเจิงเงยหน้ามองฉินชีหู่“ฆ่า!”น้ำเสียงของฉินชีหูเย็นชาเป็นพิเศษ ไม่มีความเมตตาใด“……”หยุนเจิงสีหน้ามืดครึ้ม “ฆ่าเชลยเหล่านี้แล้ว เจ้าข้าไปขุดเหมืองหรือ?”เจ้านี่ ฆ่าจนบ้าไปแล้วกระมัง?ตอนนี้เขาต้องการกรรมกรขุดเหมือง!ต่อไปเรื่องซ่อมถนนสร้างสะพาน ล้วนต้องการเชลยศึกเหล่านี้“แต่ว่า...”ฉินชีหู่ขมวดคิ้ว “พวกเรายังต้องจู่โจมด้านหลังของทัพศัตรู พาเชลยเหล่านี้ไป พวกเราก็เพิ่มความเร็วไม่ได้แล้ว! ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเราจะคว้าโอกาสบุกเข้าด้านหลังของศัตรูได้ คงไม่อาจถอนทัพตอนนี้ได้กระมัง?”มีอย่างที่ไหนบุกจู่โจมแล้วยังพาเชลยไปด้วย?ต่อให้มีเมตตาก็ไม่ใช่วิธีเมตตาเช่นนี้!เมี่ยวอินและเสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าต
ทุกคนเก็บกวาดสนามรบทั้งวันทั้งคืน ตลอดจนถึงกลางดึก ถึงจะทำความสะอาดสนามรบเสร็จศพของทหารต้าเฉียนเหล่านั้น พวกเขาไม่สามารถนำไปด้วยชั่วคราว ทำได้เพียงขุดหลุมฝังกลบ ส่วนศพของทหารเป่ยหวน ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาควรกังวลด้วยคำสั่งเคร่งครัดของหยุนเจิง สนามรบทำความสะอาดจนสะอาดเป็นพิเศษเกราะที่เสียหายล้วนไม่เหลือทิ้งไว้ให้ทัพศัตรู!มิฉะนั้น ทัพศัตรูนำกลับไปซ่อมแซม จากนั้นก็สามารถนำมาใช้ได้ใหม่หลังทำความสะอาดสนามรบเรียบร้อย ตัวเลขความเสียหายของพวกเขาก็สรุปออกมาแล้วการต่อสู้ครั้งนี้ ทหารที่พวกเขาสังหารทัพศัตรูบวกกับเชลยศึก มีหนึ่งหมื่นสามพันกว่าคนแต่นี่เป็นการต่อสู้ปะทะรุนแรง ความสูญเสียของพวกเขาก็หนักมาก แค่คนที่สู้ตายในสนามรบก็มีสองพันห้าร้อยกว่าคนแล้ว ยังมีคนบาดเจ็บหนึ่งพันกว่าคนส่วนคนบาดเจ็บเล็กน้อย เช่นนั้นก็มีมากแล้วเมื่อได้รู้จำนวนความเสียหาย หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มข่มขื่นชนะก็นับว่าชนะ แต่ความเสียหายของพวกเขาก็รับว่าหนักหนาสาหัสรบแค่เพียงครั้งเดียว ก็ลดกำลังไปความแข็งแกร่งไปสองส่วน!นี่เป็นสถานการณ์ที่ฉินชีหู่นำกองกำลังมาถึงทันเวลาหากพวกฉินชีหู่มาช้ากว่านี้อีกหน
เช่นนี้ ก็สามารถปล่อยมือมาสร้างทหารม้าหนักใหม่ได้!หากเป็นขบวนปะทะ ทหารม้าหนักเหมาะสมที่สุดแล้วเมื่อคิดเช่นนี้ หยุนเจิงมองเจียเจียปู้ที่ถูกมัดไว้ด้านข้าง“ทักษะการรับมือสถานการณ์ของเจ้าไม่เลว นับว่าเป็นแม่ทัพที่ดี ข้าจะให้โอกาสเจ้ายอมแพ้!”หยุนเจิงเริ่มชักจูงเจียเจียปู้ให้ยอมแพ้“ฝันไปเถอะ!”เจียเจียปูสองตาแดง จ้องหยุนเจิงอย่างรุนแรง “เป่ยหวนข้ามีแต่ผู้ชายที่ตายในสนามรบ ไม่มีผู้ชายที่ยอมจำนน!”“……”หยุนเจิงหมดคำจะพูด ชี้ไปยังทหารม้าเป่ยหวนเหล่านั้นที่ยอมจำนน ถากถางอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไม่เสแสร้งจะตายหรือ? คนเหล่านี้ ไม่ใช่ชายเป่ยหวนหรือ? ล้วนเป็นสมุนรับใช้ของกองทัพพวกเจ้า?”เจียเจียปู้เมื่อได้ฟังพลันกล่าวสิ่งใดไม่ออก ใบหน้าก็เริ่มแดง“จะฆ่าจะแกงเช่นไร แล้วแต่จะบัญชา!”เจียเจียปู้หลับตาลงอย่างตรงไปตรงมา ยืดคอของตัวเอง“ไม่ยอมจำนวนจริงหรือ?”หยุนเจิงขมวดคิ้ว จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อย่าคิดแข็งกระด้างกับข้า อีกไม่นานตอนที่เป่ยหวนพวกเจ้าร้องขอข้า ตอนนี้เจ้ายอมจำนวน ข้าสามารถประคองเจ้าเป็นจั่วเสียนอ๋องของเป่ยหวน ถึงขั้น ให้เจ้าเป็นประมุขใหญ่ของเป่ยหวน!”เขาอยากสนับสนุน
ค่ายใหญ่เป่ยหวน“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว!เกออาซูที่กำลังหลับอยู่ถูกคนปลุกให้ตื่น“เกิดสิ่งใดขึ้นอีก?”เกออาซูลืมตาขึ้นอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ถามทหารคนสนิทด้วยความหงุดหงิดทหารคนสนิทมองเกออาซูด้วยความกระวนกระวาย กล่าวด้วยความเศร้าเสียใจ “กองทหารม้าหนึ่งหมื่นห้าพันคนของเจียเจียปู้เจอกับการโจมตีของทัพศัตรู เกิดความเสียหายอย่างหนัก! มีเพียงทหารหนึ่งพันสี่ร้อยกว่าคนที่ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหนีกลับมา เจียเจียปู้เหมือนจะถูกทัพศัตรูประหารแล้ว...”“อะไรนะ?”ความง่วงของเกออาซูหายไปหมดสิ้น พลันลุกขึ้นยืนทว่าข่าวร้ายที่มาโดยกะทันหันทำให้เขาเวียนหัว เกือบหัวทิ่มไปกับพื้นหลังพยายามยืนอย่างมั่นคง เกออาซูคว้าทหารคนสนิท คำรามด้วยความอาฆาต “พูดมา เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่?”ทหารหนึ่งหมื่นห้าพันคนออกไป กลับมาได้แค่หนึ่งพันสี่ร้อยกว่าคน?แม้แต่เจียเจียปู้ก็ถูกประหารแล้ว?เหตุใดเป็นเช่นนี้?เจียเจียปู้เจ้าคนสารเลว เขาคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?เขาสั่งเด็ดขาดพยายามอย่ารับศึกกับทหารม้าเป่ยหวน แค่ต้องถ่วงเวลาพวกเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุใดต้องรับศึกทัพศัตรู?คนหนึ่งหมื่นสามพันคน!พวกเขามีกองทัพทั้งหมดไม่ถึงส
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่