พ่อบ้านไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกต่อไปและวิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนกเขาต้องรีบบอกข่าวให้คนของจักรพรรดิเหวินทราบหากจักรพรรดิเหวินเสด็จมา บางทีองค์ชายหกอาจจะมีโอกาสรอดก็เป็นได้เมื่อเห็นพ่อบ้านที่วิ่งออกไปอย่างตื่นตระหนกแล้ว ปานปู้ถึงกับหัวเราะลั่น “องค์ชายหก อย่ารอช้าเลย รีบเผยคำตอบมาดีกว่า วันนี้ข้าจะทำให้ท่านแพ้อย่างราบคราบ!”“ราชครูหัวเราะอะไรน่ะ?”หยุนเจิงมองปานปู้ด้วยสีหน้าดำคล้ำ“ข้ากำลังหัวเราะองค์ชายหกผู้โง่เขลาอยู่น่ะ!”ปานปู้หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “องค์ชายหกคิดว่าคำถามนี้จะง่ายขนาดนี้เชียวหรือ องค์ชายหกท่านอวดดีเกินไปแล้ว! และการอวดดีนั้นมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ!”“อืม พูดดี!”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย “การอวดดีย่อมต้องมีราคาที่ต้องจ่าย!!”ระหว่างนั้น หยุนเจิงพลันเผยคำตอบของตนออกมาเมื่อเห็นคำตอบที่หยุนเจิงเผยออกมานั้น ปานปู้มึนงงในทันใดวินาทีต่อมาเสียงหัวเราะของปานปู้ก็หยุดลงกะทันหันหกคำตอบ?หยุนเจิงหาได้หกคำตอบนั้นหรือ?เมื่อเห็นคำตอบของหยุนเจิงแล้ว คนรับใช้ในจวนเองก็ตกตะลึงเช่นกันเกิดอะไรขึ้น?เกิดอะไรขึ้น?แต่ไม่นานทุกคนก็กลับมาเศร้าอีกครั้งคำตอบของปานปู้มีทั
คำตอบสองคำตอบตรวจสอบไม่ยากนักเพียงแค่บวกเพิ่มเข้าไปก็พอขณะที่ปานปู้ตรวจสอบคำตอบที่เพิ่มออกมาทั้งสองตัวแล้ว เขาก็ทำตัวไม่ถูกทันทีถูก!คำตอบทั้งสองตัวนี้เป็นคำตอบที่ถูกต้อง!โจทย์ข้อนี้มีคำตอบทั้งหมดหกตัวจริงๆ?เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?ทั้งๆ ที่ตนคิดรอบคอบแล้วนี่!เหตุใดจึงมีหกคำตอบ?“เป็นไปไม่ได้ๆ...”ปานปู้เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากอย่างร้อนรน แล้วเริ่มคำนวณขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นการกระทำของปานปู้แล้ว ตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ ต่างตะลึงงันทันทีเกิดอะไรขึ้น?หรือว่าองค์ชายหกคิดถูกแล้ว?เป็นปานปู้ที่คิดออกมาไม่หมดนั้นหรือ?ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น เยี่ยจื่อพลันพยุงซินเซิงที่ยังไม่ทันไม่สติดีขึ้นพลางเอ่ยเสียงเบาว่า "เจ้าเด็กโง่ หยุดร้องไห้ได้แล้ว องค์ชายหกชนะแล้ว!"นางคิดคำนวณดูแล้วคำตอบของหยุนเจิงทั้งหกตัวนี้เป็นคำตอบที่ถูก!ถึงแม้ปานปู้จะคำนวณอีกเป็นร้อยครั้งก็ยังถูกอยู่ดี!“องค์ชาย...ชนะแล้ว?”ซินเซิงมองเยี่ยจื่ออย่างโง่เขลาราวกับไม่เชื่อหูตนเองอย่างไรอย่างนั้นเหตุใดองค์ชายถึงชนะอีกแล้ว?ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ปานปู้ก็ล้มลงกับพื้นถูกจริงๆ ด้วย!คำตอบอีกสองตัวท
องครักษ์จับปานปู้ไว้ แล้วพูดอย่างดุเดือดว่า "เราจะไป หากต้าเฉียนคิดจะขัดขวาง ให้ถามกองทัพม้าเหล็กของเป่ยหวนก่อนว่ายอมไหม!”เมื่อเห็นว่าเป่ยหวนพยายามโกง ตู้กุยหยวนจึงชัดกระบี่ไปจากมือของเกาเหอโดยตรง“ยอมรับความพ่ายแพ้หรือไม่?”ตู้กุยหยวนยืนถือมีดไว้ที่แขนข้างหนึ่ง จ้องมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าเย็นชา “คิดจะเดินจากไป ถามกระบี่ในมือข้าแล้วหรือยัง!”“วอนหาที่ตาย!”องครักษ์ของปานปู้ชักดาบออกมาเผชิญหน้ากันทันที"เก็บ!"ปานปู้ตะโกนด้วยความโกรธและกัดฟันพูด "ข้าลูกผู้ชายแห่งเป่ยหวน ยอมรับความพ่ายแพ้! อย่าให้ต้าเฉียนมองเป่ยหวนเป็นเรื่องตลก!""ราชครู!"องครักษ์โกรธจัด “ท่านเป็นราชครูของเป่ยหวน ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน...”"หุบปาก!"ปานปู้ตะคอกเสียงดังและกำหมัดแน่นเขาเองก็อยากจะโกงเช่นเดียวกันแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะโกงถ้าเขาโกงตอนนี้ เขาอาจจะไม่ได้เสบียงจากต้าเฉียนก็เป็นได้หากไม่มีเสบียงนั่น เป่ยหวนคงไม่สามารถอยู่รอดได้ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บนี้แน่นอนปานปู้สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วคลายหมัดออกช้าๆความอัปยศอดสูในวันนี้ เขาจะเอาคืนเป็นสิบเท่าในภายภาคหน้า!ปานปู้พูดในใจอย่างชั่วร้ายแล
ยามดึก จักรพรรดิเหวินอารมณ์ดีไม่น้อยหลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จแต่เช้า จักรพรรดิเหวินก็มาที่ตำหนักของซูเฟยไม่ว่าอย่างไร เรื่องขอเสบียงของเป่ยหวนก็คลี่คลายในที่สุดแม้จะเสียใจเล็กน้อย แต่ต้าเฉียนก็ได้รับผลประโยชน์บ้าง ซึ่งดีกว่าการมอบเสบียงจำนวนสามล้านชุดให้กับเป่ยหวนเปล่าๆ มาหลังจากที่เครียดกับเรื่องนี้มานาน ก็ถึงเวลาพักผ่อนเสียทีซูเฟยให้กำเนิดหยุนลี่กับจักรพรรดิเหวินเมื่ออายุได้สิบเจ็ดปี ปัจจุบันอายุได้สี่สิบสามปีแล้วแต่ซูเฟยได้รับการดูแลอย่างดี ไม่เพียงแต่มีเสน่ห์ตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเก่งเรื่องบนเตียงอีกด้วย สามารถทำให้จักรพรรดิเหวินรู้สึกพึงพอใจได้ทุกครั้ง ทำให้จักรพรรดิเหวินโปรดปราณนางที่สุดบัดนี้องค์รัชทายาทก่อกบฏและถูกประหารชีวิตแล้ว ฮองเฮาเองก็ไม่มีทายาทคนอื่นๆ เรื่องที่จะถูกปลดจากตำแหน่งนั้นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็วซูเฟยหมายครองตำแหน่งฮองเฮามานานแล้ว นางจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้จักรพรรดิเหวินพอใจภายใต้การยั่วยวนของซูเฟย ทำให้จักรพรรดิเหวินอดไม่ได้อีกต่อไปขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังเตรียมสู้รบกับซูเฟยนั้น ก็มีเสียงมู่ซุ่นที่ฟังดูร้อนใจกัง
“จะสนใจไปไยว่าเป็นของใคร จูงไปหมดนี่ก่อนค่อยว่ากัน!”ในคอกม้า หยุนเจิงไม่สนใจว่าม้าเหล่านี้เป็นของผู้ใด จูงออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังยอมฆ่าผิดตัว ดีกว่าปล่อยให้รอด!อย่างมากพอจบเรื่องแล้วก็แค่คืนม้าไปที่จุดพักม้าก็สิ้นเรื่องเมื่อเห็นม้าของตัวเองถูกจูงไป ชาวเป่ยหวนทั้งหมดก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ แต่ละคนแทบอยากจะฉีกร่างหยุนเจิงออกเป็นชิ้นๆ“เลิกมองได้แล้ว!”ปานปู้ที่กำลังโกรธจัด ตวาดอย่างไม่พอใจ “ใครก็ห้ามเข้าไปขวาง ปล่อยให้พวกเขาจูงไป! ลูกผู้ชายชาวเป่ยหวนอย่างข้า กล้าเดิมพันก็กล้ายอมรับความพ่ายแพ้!”หลังจากพูดจบ ปานปู้ก็เดินกลับห้องด้วยความเดือดดาลแพ้ไปแล้ว จะพูดอะไรได้อีก?มีหลักฐานแจ่มแจ้งเสียปานนั้น นับตั้งแต่ที่เขาแพ้เดิมพัน ม้าเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นของเป่ยหวนอีกแล้วตาไม่เห็นนับว่าสะอาด!ขืนดูอยู่ตรงนี้ต่อ ก็รังแต่จะทำให้โมโหยิ่งขึ้นเท่านั้นพอกลับเข้าไปในห้อง ปานปู้หยิบลูกศรขนนกติดจดหมายที่ถูกยิงเข้ามาก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้ที่เก็บลูกศรและจดหมายเอาไว้ เพราะเกิดความคิดชั่ววูบตอนนี้จดหมายฉบับนั้นมีประโยชน์แล้วลูกศรขนนกนี้ก็ควรถึงเวลาใช้ให้เกิดประโยชน์แล้ว
ตาเฒ่าคนนี้ ไม่รู้จักสะกดกลั้นอารมณ์เอาเสียเลย!หยุนเจิงบ่นในใจ โบกมือแล้วพาทุกคนออกไปน่าเสียดายที่ปานปู้ไม่มีสิ่งใดที่สามารถนำมาเดิมพันได้จริงๆไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รังเกียจที่จะเดิมพันกับปานปู้อีกสักครั้งด้วยระดับความรู้ทางคณิตศาสตร์ของปานปู้ อย่างมากก็อยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาเท่านั้นเพียงแค่ออกโจทย์เกี่ยวกับฟังก์ชัน ก็พอให้เขาคำนวณไปทั้งชีวิตแล้วขณะที่หยุนเจิงกำลังคิดเรื่อยเปื่อย ก็เห็นขบวนมังกรยาวเฟื้อยมาแต่ไกล“ฮ่องเต้เสด็จ!”พร้อมกับเสียงตะโกนดัง สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที ทั้งหมดลงจากหลังม้าเพื่อถวายบังคมจักรพรรดิเหวินไม่นานหลังจากนั้น ราชองครักษ์สองแถวที่แต่งกายเต็มยศก็คุ้มกันขบวนรถม้าพระที่นั่งของจักรพรรดิเหวินเข้ามาใกล้มู่ซุ่นเปิดม่านรถม้าออก จักรพรรดิเหวินก็ก้าวออกมาด้วยสีหน้าถมึงทึง“น้อมรับเสด็จฝ่าบาท!”ทุกคนต่างแสดงความเคารพ“เจ้าหก ออกมาหาข้าบัดเดี๋ยวนี้!”จักรพรรดิเหวินตวาดเสียงดุดัน ทำให้ทุกคนตัวสั่นสะท้านด้วยความตกใจหยุนเจิงพูดไม่ออก เดินช้าๆ ออกจากฝูงชน “ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าทำอะไรของเจ้า”จักรพรรดิเหวินถลึงตาอย่างเกรี้ยวกราด แผดเ
“ลูกมิได้คิดจะจัดตั้งกองทัพทหารม้า…”หยุนเจิงจงใจแสร้งทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ “ลูกแค่อยากนำไปขาย เพื่อหาเงินสำหรับงานแต่งงาน...”“บังอาจ!”จักรพรรดิเหวินเบิกตากว้างเท่ากับระฆังทองแดง วางอำนาจด้วยรัศมีแห่งราชา “ราชสำนักเราขาดแคลนม้าศึก เจ้าในฐานะองค์ชาย กลับกล้าลักลอบขนม้าศึกอีกรึ”หยุนเจิงหายใจไม่ทั่วท้อง เป็นใบ้ชั่วขณะ บัดซบ!ตาเฒ่านี่กำลังทำการปล้นอย่างถูกต้อง!ยิ่งกว่านั้น สาเหตุของการปล้นทำให้เขาไม่สามารถห้าข้อโต้แย้งได้โดยสิ้นเชิง“เอาล่ะ! เห็นแก่เจ้าที่ไร้ประโยชน์!”จักรพรรดิเหวินจ้องมองหยุนเจิงอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ารู้ว่าเจ้าได้ม้าเหล่านี้มาเพราะชนะ เอาเช่นนี้ ข้าจะให้เจ้าเลือกม้าดีๆ ก่อนสักยี่สิบตัว แล้วจึงส่งที่เหลือไปยังกองทหารเสินอู่!”ฮะ!ตบหัวแล้วลูบหลังม้ายี่สิบตัว?ช่างใจกว้างเสียจริง!ร้ายกาจยิ่งกว่าผู้บัญชาการทหารอีก!เดาว่าตาเฒ่านี่ยังคิดที่จะให้ตัวเองขอบคุณพระเมตตาด้วยซ้ำ!แม้ว่าในใจของหยุนเจิงจะไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อจักรพรรดิเหวินได้พูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงให้เกาเหอพวกเขาคัดเลือกม้าโดยเร็วให้ตายเถอะ ยุ่งยากมาทั้งวัน สุดท้ายก็เหมือนทำชุดแ
จักรพรรดิเหวินต้องการเสด็จไปจวนของหยุนเจิง หยุนเจิงก็ไม่สามารถหยุดเขาได้หลังจากสั่งให้หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเมืองส่งม้าไปยังกองทหารเสินอู่ จักรพรรดิเหวินผู้ซึ่งอารมณ์ดีจึงให้คนจัดขบวนเสด็จไปยังจวนขององค์ชายหกในขณะที่กำลังเบิกบานพระทัย จักรพรรดิเหวินก็เริ่มรู้สึกกังวลอีกครั้งควรให้รางวัลเจ้าหกเป็นสิ่งใดดี?เอาม้าศึกชั้นดีหลายร้อยตัวมาจากเจ้าหกแล้ว ถ้าไม่ประทานรางวัลให้บ้าง ก็ดูจะไม่เหมาะสมแต่ของรางวัลสำหรับความดีความชอบของเจ้าหกก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ได้ประทานให้ ตอนนี้เขาก็สร้างผลงานอีกแล้ว!คราวนี้เขาไม่รู้ว่าจะให้รางวัลเขาอย่างไรขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังกลุ้มพระทัยอยู่นั้น มู่ซุ่นก็ตามขึ้นมา และรายงานจักรพรรดิเหวินผ่านม่านรถม้าว่า “ฝ่าบาท เมื่อครู่มีคนจากจุดพักม้ามารายงานว่า องค์ชายหกทำให้ปานปู้โกรธจนกระอักเลือด เขาถามว่าควรส่งหมอหลวงไปตรวจอาการดีหรือไม่...”“อะไรนะ”ทันใดนั้นจักรพรรดิเหวินก็เปิดม่านแล้วตรัสว่า “เจ้าหกยังทำให้โจรเฒ่าปานปู้โกรธจนกระอักเลือดงั้นรึ”“พ่ะย่ะค่ะ!”มู่ซุ่นพยักหน้า“รีบบอกข้าเร็ว ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ให้ข้าพลอยสนุกไปด้วยคน”จักรพรรดิเหวินเบิก
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่