คำตอบสองคำตอบตรวจสอบไม่ยากนักเพียงแค่บวกเพิ่มเข้าไปก็พอขณะที่ปานปู้ตรวจสอบคำตอบที่เพิ่มออกมาทั้งสองตัวแล้ว เขาก็ทำตัวไม่ถูกทันทีถูก!คำตอบทั้งสองตัวนี้เป็นคำตอบที่ถูกต้อง!โจทย์ข้อนี้มีคำตอบทั้งหมดหกตัวจริงๆ?เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?ทั้งๆ ที่ตนคิดรอบคอบแล้วนี่!เหตุใดจึงมีหกคำตอบ?“เป็นไปไม่ได้ๆ...”ปานปู้เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากอย่างร้อนรน แล้วเริ่มคำนวณขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นการกระทำของปานปู้แล้ว ตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ ต่างตะลึงงันทันทีเกิดอะไรขึ้น?หรือว่าองค์ชายหกคิดถูกแล้ว?เป็นปานปู้ที่คิดออกมาไม่หมดนั้นหรือ?ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น เยี่ยจื่อพลันพยุงซินเซิงที่ยังไม่ทันไม่สติดีขึ้นพลางเอ่ยเสียงเบาว่า "เจ้าเด็กโง่ หยุดร้องไห้ได้แล้ว องค์ชายหกชนะแล้ว!"นางคิดคำนวณดูแล้วคำตอบของหยุนเจิงทั้งหกตัวนี้เป็นคำตอบที่ถูก!ถึงแม้ปานปู้จะคำนวณอีกเป็นร้อยครั้งก็ยังถูกอยู่ดี!“องค์ชาย...ชนะแล้ว?”ซินเซิงมองเยี่ยจื่ออย่างโง่เขลาราวกับไม่เชื่อหูตนเองอย่างไรอย่างนั้นเหตุใดองค์ชายถึงชนะอีกแล้ว?ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ปานปู้ก็ล้มลงกับพื้นถูกจริงๆ ด้วย!คำตอบอีกสองตัวท
องครักษ์จับปานปู้ไว้ แล้วพูดอย่างดุเดือดว่า "เราจะไป หากต้าเฉียนคิดจะขัดขวาง ให้ถามกองทัพม้าเหล็กของเป่ยหวนก่อนว่ายอมไหม!”เมื่อเห็นว่าเป่ยหวนพยายามโกง ตู้กุยหยวนจึงชัดกระบี่ไปจากมือของเกาเหอโดยตรง“ยอมรับความพ่ายแพ้หรือไม่?”ตู้กุยหยวนยืนถือมีดไว้ที่แขนข้างหนึ่ง จ้องมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าเย็นชา “คิดจะเดินจากไป ถามกระบี่ในมือข้าแล้วหรือยัง!”“วอนหาที่ตาย!”องครักษ์ของปานปู้ชักดาบออกมาเผชิญหน้ากันทันที"เก็บ!"ปานปู้ตะโกนด้วยความโกรธและกัดฟันพูด "ข้าลูกผู้ชายแห่งเป่ยหวน ยอมรับความพ่ายแพ้! อย่าให้ต้าเฉียนมองเป่ยหวนเป็นเรื่องตลก!""ราชครู!"องครักษ์โกรธจัด “ท่านเป็นราชครูของเป่ยหวน ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน...”"หุบปาก!"ปานปู้ตะคอกเสียงดังและกำหมัดแน่นเขาเองก็อยากจะโกงเช่นเดียวกันแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะโกงถ้าเขาโกงตอนนี้ เขาอาจจะไม่ได้เสบียงจากต้าเฉียนก็เป็นได้หากไม่มีเสบียงนั่น เป่ยหวนคงไม่สามารถอยู่รอดได้ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บนี้แน่นอนปานปู้สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วคลายหมัดออกช้าๆความอัปยศอดสูในวันนี้ เขาจะเอาคืนเป็นสิบเท่าในภายภาคหน้า!ปานปู้พูดในใจอย่างชั่วร้ายแล
ยามดึก จักรพรรดิเหวินอารมณ์ดีไม่น้อยหลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จแต่เช้า จักรพรรดิเหวินก็มาที่ตำหนักของซูเฟยไม่ว่าอย่างไร เรื่องขอเสบียงของเป่ยหวนก็คลี่คลายในที่สุดแม้จะเสียใจเล็กน้อย แต่ต้าเฉียนก็ได้รับผลประโยชน์บ้าง ซึ่งดีกว่าการมอบเสบียงจำนวนสามล้านชุดให้กับเป่ยหวนเปล่าๆ มาหลังจากที่เครียดกับเรื่องนี้มานาน ก็ถึงเวลาพักผ่อนเสียทีซูเฟยให้กำเนิดหยุนลี่กับจักรพรรดิเหวินเมื่ออายุได้สิบเจ็ดปี ปัจจุบันอายุได้สี่สิบสามปีแล้วแต่ซูเฟยได้รับการดูแลอย่างดี ไม่เพียงแต่มีเสน่ห์ตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเก่งเรื่องบนเตียงอีกด้วย สามารถทำให้จักรพรรดิเหวินรู้สึกพึงพอใจได้ทุกครั้ง ทำให้จักรพรรดิเหวินโปรดปราณนางที่สุดบัดนี้องค์รัชทายาทก่อกบฏและถูกประหารชีวิตแล้ว ฮองเฮาเองก็ไม่มีทายาทคนอื่นๆ เรื่องที่จะถูกปลดจากตำแหน่งนั้นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็วซูเฟยหมายครองตำแหน่งฮองเฮามานานแล้ว นางจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้จักรพรรดิเหวินพอใจภายใต้การยั่วยวนของซูเฟย ทำให้จักรพรรดิเหวินอดไม่ได้อีกต่อไปขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังเตรียมสู้รบกับซูเฟยนั้น ก็มีเสียงมู่ซุ่นที่ฟังดูร้อนใจกัง
“จะสนใจไปไยว่าเป็นของใคร จูงไปหมดนี่ก่อนค่อยว่ากัน!”ในคอกม้า หยุนเจิงไม่สนใจว่าม้าเหล่านี้เป็นของผู้ใด จูงออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังยอมฆ่าผิดตัว ดีกว่าปล่อยให้รอด!อย่างมากพอจบเรื่องแล้วก็แค่คืนม้าไปที่จุดพักม้าก็สิ้นเรื่องเมื่อเห็นม้าของตัวเองถูกจูงไป ชาวเป่ยหวนทั้งหมดก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ แต่ละคนแทบอยากจะฉีกร่างหยุนเจิงออกเป็นชิ้นๆ“เลิกมองได้แล้ว!”ปานปู้ที่กำลังโกรธจัด ตวาดอย่างไม่พอใจ “ใครก็ห้ามเข้าไปขวาง ปล่อยให้พวกเขาจูงไป! ลูกผู้ชายชาวเป่ยหวนอย่างข้า กล้าเดิมพันก็กล้ายอมรับความพ่ายแพ้!”หลังจากพูดจบ ปานปู้ก็เดินกลับห้องด้วยความเดือดดาลแพ้ไปแล้ว จะพูดอะไรได้อีก?มีหลักฐานแจ่มแจ้งเสียปานนั้น นับตั้งแต่ที่เขาแพ้เดิมพัน ม้าเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นของเป่ยหวนอีกแล้วตาไม่เห็นนับว่าสะอาด!ขืนดูอยู่ตรงนี้ต่อ ก็รังแต่จะทำให้โมโหยิ่งขึ้นเท่านั้นพอกลับเข้าไปในห้อง ปานปู้หยิบลูกศรขนนกติดจดหมายที่ถูกยิงเข้ามาก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้ที่เก็บลูกศรและจดหมายเอาไว้ เพราะเกิดความคิดชั่ววูบตอนนี้จดหมายฉบับนั้นมีประโยชน์แล้วลูกศรขนนกนี้ก็ควรถึงเวลาใช้ให้เกิดประโยชน์แล้ว
ตาเฒ่าคนนี้ ไม่รู้จักสะกดกลั้นอารมณ์เอาเสียเลย!หยุนเจิงบ่นในใจ โบกมือแล้วพาทุกคนออกไปน่าเสียดายที่ปานปู้ไม่มีสิ่งใดที่สามารถนำมาเดิมพันได้จริงๆไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รังเกียจที่จะเดิมพันกับปานปู้อีกสักครั้งด้วยระดับความรู้ทางคณิตศาสตร์ของปานปู้ อย่างมากก็อยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาเท่านั้นเพียงแค่ออกโจทย์เกี่ยวกับฟังก์ชัน ก็พอให้เขาคำนวณไปทั้งชีวิตแล้วขณะที่หยุนเจิงกำลังคิดเรื่อยเปื่อย ก็เห็นขบวนมังกรยาวเฟื้อยมาแต่ไกล“ฮ่องเต้เสด็จ!”พร้อมกับเสียงตะโกนดัง สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที ทั้งหมดลงจากหลังม้าเพื่อถวายบังคมจักรพรรดิเหวินไม่นานหลังจากนั้น ราชองครักษ์สองแถวที่แต่งกายเต็มยศก็คุ้มกันขบวนรถม้าพระที่นั่งของจักรพรรดิเหวินเข้ามาใกล้มู่ซุ่นเปิดม่านรถม้าออก จักรพรรดิเหวินก็ก้าวออกมาด้วยสีหน้าถมึงทึง“น้อมรับเสด็จฝ่าบาท!”ทุกคนต่างแสดงความเคารพ“เจ้าหก ออกมาหาข้าบัดเดี๋ยวนี้!”จักรพรรดิเหวินตวาดเสียงดุดัน ทำให้ทุกคนตัวสั่นสะท้านด้วยความตกใจหยุนเจิงพูดไม่ออก เดินช้าๆ ออกจากฝูงชน “ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าทำอะไรของเจ้า”จักรพรรดิเหวินถลึงตาอย่างเกรี้ยวกราด แผดเ
“ลูกมิได้คิดจะจัดตั้งกองทัพทหารม้า…”หยุนเจิงจงใจแสร้งทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ “ลูกแค่อยากนำไปขาย เพื่อหาเงินสำหรับงานแต่งงาน...”“บังอาจ!”จักรพรรดิเหวินเบิกตากว้างเท่ากับระฆังทองแดง วางอำนาจด้วยรัศมีแห่งราชา “ราชสำนักเราขาดแคลนม้าศึก เจ้าในฐานะองค์ชาย กลับกล้าลักลอบขนม้าศึกอีกรึ”หยุนเจิงหายใจไม่ทั่วท้อง เป็นใบ้ชั่วขณะ บัดซบ!ตาเฒ่านี่กำลังทำการปล้นอย่างถูกต้อง!ยิ่งกว่านั้น สาเหตุของการปล้นทำให้เขาไม่สามารถห้าข้อโต้แย้งได้โดยสิ้นเชิง“เอาล่ะ! เห็นแก่เจ้าที่ไร้ประโยชน์!”จักรพรรดิเหวินจ้องมองหยุนเจิงอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ารู้ว่าเจ้าได้ม้าเหล่านี้มาเพราะชนะ เอาเช่นนี้ ข้าจะให้เจ้าเลือกม้าดีๆ ก่อนสักยี่สิบตัว แล้วจึงส่งที่เหลือไปยังกองทหารเสินอู่!”ฮะ!ตบหัวแล้วลูบหลังม้ายี่สิบตัว?ช่างใจกว้างเสียจริง!ร้ายกาจยิ่งกว่าผู้บัญชาการทหารอีก!เดาว่าตาเฒ่านี่ยังคิดที่จะให้ตัวเองขอบคุณพระเมตตาด้วยซ้ำ!แม้ว่าในใจของหยุนเจิงจะไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อจักรพรรดิเหวินได้พูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงให้เกาเหอพวกเขาคัดเลือกม้าโดยเร็วให้ตายเถอะ ยุ่งยากมาทั้งวัน สุดท้ายก็เหมือนทำชุดแ
จักรพรรดิเหวินต้องการเสด็จไปจวนของหยุนเจิง หยุนเจิงก็ไม่สามารถหยุดเขาได้หลังจากสั่งให้หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเมืองส่งม้าไปยังกองทหารเสินอู่ จักรพรรดิเหวินผู้ซึ่งอารมณ์ดีจึงให้คนจัดขบวนเสด็จไปยังจวนขององค์ชายหกในขณะที่กำลังเบิกบานพระทัย จักรพรรดิเหวินก็เริ่มรู้สึกกังวลอีกครั้งควรให้รางวัลเจ้าหกเป็นสิ่งใดดี?เอาม้าศึกชั้นดีหลายร้อยตัวมาจากเจ้าหกแล้ว ถ้าไม่ประทานรางวัลให้บ้าง ก็ดูจะไม่เหมาะสมแต่ของรางวัลสำหรับความดีความชอบของเจ้าหกก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ได้ประทานให้ ตอนนี้เขาก็สร้างผลงานอีกแล้ว!คราวนี้เขาไม่รู้ว่าจะให้รางวัลเขาอย่างไรขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังกลุ้มพระทัยอยู่นั้น มู่ซุ่นก็ตามขึ้นมา และรายงานจักรพรรดิเหวินผ่านม่านรถม้าว่า “ฝ่าบาท เมื่อครู่มีคนจากจุดพักม้ามารายงานว่า องค์ชายหกทำให้ปานปู้โกรธจนกระอักเลือด เขาถามว่าควรส่งหมอหลวงไปตรวจอาการดีหรือไม่...”“อะไรนะ”ทันใดนั้นจักรพรรดิเหวินก็เปิดม่านแล้วตรัสว่า “เจ้าหกยังทำให้โจรเฒ่าปานปู้โกรธจนกระอักเลือดงั้นรึ”“พ่ะย่ะค่ะ!”มู่ซุ่นพยักหน้า“รีบบอกข้าเร็ว ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ให้ข้าพลอยสนุกไปด้วยคน”จักรพรรดิเหวินเบิก
หยุนเจิงขานรับ แต่อดไม่ได้ที่จะบ่นในใจตาเฒ่าคนนี้ชอบทำตัวเด่นจริงๆ!เมื่อเข้าไปในจวน จักรพรรดิเหวินเหลือบมองพ่อบ้านโดยตั้งใจแต่คล้ายไม่ตั้งใจ เกือบจะเตะพ่อบ้านออกไปหลายครั้งเห็นได้ชัดว่าเจ้าหกชนะการเดิมพัน เขากลับบอกว่าเจ้าหกกำลังตกอยู่ในอันตราย!ตัวเองกำลังอยู่ในอารมณ์อันสนุกสนาน แต่ถูกขัดจังหวะเสียได้!กระจายข่าวมั่วๆ โดยไม่เข้าใจสถานการณ์ด้วยซ้ำ!ช่างเถอะ!เช่นนั้นก็ใช้เหตุผลนี้ย้ายเขาออกไปจากเจ้าหกก็แล้วกัน!จักรพรรดิเหวินตัดสินใจ แล้วเสด็จเข้าไปในจวนภายใต้การคารวะจากทุกคน“บอกข้ามาเร็ว ว่าเรื่องการเดิมพันของพวกเจ้าเป็นมาอย่างไร!”ทันทีที่จักรพรรดิเหวินนั่งลง เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะถามบอกน้องสาวท่านน่ะสิ!ข้ายังไม่ได้กินข้าวเลยด้วยซ้ำ!หยุนเจิงบ่นในใจแล้วพูดว่า “ยากนักที่เสด็จพ่อจะมาที่จวนของลูก ให้ลูกสั่งคนเตรียมสุราอาหารมาดีหรือไม่ เสด็จพ่อกับลูกจะได้กินข้าวไปด้วยคุยไปด้วย”จักรพรรดิเหวินไม่หิว แต่พอนึกถึงปานปู้ที่โกรธหยุนเจิงจนกระอักเลือด เข้าก็นึกครึ้มอกครึ้มใจ พยักหน้าว่า “ก็ดี!”เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิเหวินตกลง คนรับใช้ในจวนก็เริ่มเตรียมสุราและอาหารทันทีระหว่า
เขารู้เพียงว่า ท่านอ๋องผู้นี้ ซึ่งผ่านศึกมานับไม่ถ้วน มิใช่คนที่จะเมตตาปรานีใครได้ง่ายๆอู๋โหย่วเต๋อสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในที่สุดก็พยายามรวบรวมเรี่ยวแรง ขยับร่างที่อ่อนแรงของตนขึ้นคุกเข่าให้เรียบร้อย“ขอ… ขอท่านอ๋องเมตตาด้วย…”“ได้! ข้าจะให้เจ้า!”หยุนเจิงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองหลิวอู่และหลี่เจี่ย “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกตระกูลอู๋ ทั้งบิดา บุตร และพ่อบ้านผู้นี้ จะเป็น วัวไถนา ของพวกเจ้า! ให้พวกมันลากคันไถให้พวกเจ้า! ส่วนเรื่องอาหารไม่ต้องห่วง ข้าจะเป็นคนดูแลเอง ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่อดตาย!”อะไรนะ?เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ไม่เพียงแต่อู๋โหย่วเต๋อเท่านั้นที่ตะลึงงัน แม้แต่หลิวอู่และหลี่เจี่ยเองก็ตกตะลึงเช่นกันภายในแคว้นต้าเฉียน ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนถูกใช้ให้ลากคันไถแทนวัวแต่เรื่องเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับชาวบ้านยากไร้ที่ไม่มีเงินเช่าวัวเท่านั้นทว่า เรื่องให้ตระกูลอู๋กลายเป็นวัวไถนาให้พวกเขา แม้แต่ในฝัน พวกเขาก็ไม่เคยกล้าคิด!พวกเขานิ่งอึ้งไปอยู่นาน ก่อนจะได้สติ รีบคุกเข่ากระแทกพื้นและกล่าวเสียงดัง “ข้าน้อยขอคารวะท่านอ๋อง! ขอขอบพระคุณในพระเมตตาอันล้ำลึก!”ใ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้ซับซ้อนอะไรเพียงแค่อู๋โหย่วเต๋อโลภอยากได้วัวไถนาของเหล่าหลิวโถวเดิมทีเขาตั้งใจจะใช้เงินซื้อวัวจากเหล่าหลิวโถวในราคาถูก แต่เหล่าหลิวโถวกลับไม่ยอมขายให้ไม่ว่าจะอย่างไรเมื่ออู๋โหย่วเต๋อหมดความอดทน จึงใส่ร้ายว่าเหล่าหลิวโถวขโมยวัวของตระกูลอู๋ไป และกล่าวว่า หากไม่ได้ขโมยจริง ก็ต้องมีทะเบียนวัวมายืนยันแต่ปัญหาก็คือ วัวตัวนี้เป็นของที่หยุนเจิงพระราชทานให้เหล่าหลิวโถว! แล้วเหล่าหลิวโถวจะมีทะเบียนวัวจากที่ใดกัน?เหล่าหลิวโถวพูดจนปากจะฉีกก็ยังแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ เขายืนกรานว่าวัวตัวนี้เป็นของที่หยุนเจิงพระราชทานให้ แต่ไม่ว่าอย่างไร อู๋โหย่วเต๋อก็ไม่ยอมฟัง ซ้ำยังข่มขู่ว่าจะพาตัวเหล่าหลิวโถวไปแจ้งความที่ศาลเหล่าหลิวโถวเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอดชีวิต พอได้ยินว่าต้องไปแจ้งความก็ถึงกับตกใจกลัวสุดท้าย วัวตัวนั้นก็ถูกอู๋โหย่วเต๋อแย่งไปจนได้หลังจากวัวถูกพาออกไป เหล่าหลิวโถวก็ร้องไห้ไม่หยุด ราวกับจิตวิญญาณหลุดออกจากร่างเมื่อหลิวอู่และหลี่เจี่ยได้ยินข่าวอีกครั้ง เหล่าหลิวโถวก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว… เขาแขวนคอตายใต้ต้นไม้ข้างกระท่อมของตัวเอง“ที่พวกเขาก
อู๋โหย่วเต๋อเห็นท่าไม่ดีจึงไม่กล้าเอนกายต่อ รีบลุกจากเก้าอี้ไม้ไผ่ แล้วเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประจบ“นายทหาร ข้ามิทราบว่ามีใครในจวนข้าทำเรื่องผิดไป…”“พาตัวไป!”เสิ่นควานไม่แม้แต่จะให้เขาพูดจบ โบกมือสั่งการทันที ทหารองครักษ์สองนายตรงเข้าไปจับกุมอู๋โหย่วเต๋อ“ปล่อยข้านะ!”อู๋โหย่วเต๋อโกรธจัด “พวกเจ้าคิดว่าเป็นใคร ถึงกล้าบุกเข้ามาอาละวาดในตระกูลอู๋ของข้า? อย่าคิดว่าใส่ชุดเกราะแล้วจะขู่ข้าได้ ข้า…”ผัวะ!ยังไม่ทันที่อู๋โหย่วเต๋อจะพูดจบ ทหารองครักษ์นายหนึ่งก็ซัดหมัดเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรงอู๋โหย่วเต๋อร้องลั่น ร่างกายโค้งงอราวกับกุ้งต้ม“เจ้าด้วย! จับไป!”เสิ่นควานปรายตามองพ่อบ้าน ก่อนจะสั่งต่อไปยังเหล่าทหาร “ปิดล้อมตระกูลอู๋! หากไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง ห้ามผู้ใดเข้าออกเด็ดขาด!”“รับทราบ!”กองทหารองครักษ์รับคำสั่งทันทีท่านอ๋อง!เมื่อได้ยินคำนี้ พ่อบ้านถึงกับรู้สึกว่าโลกหมุนคว้าง ก่อนจะล้มลงนั่งก้นกระแทกพื้น ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดท่านอ๋อง! เป็นท่านอ๋องจริงๆ!สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว!อู๋โหย่วเต๋อที่กำลังเจ็บจนหน้าบิดเบี้ยวก็ถึงกับแข็งค้างไปชั่วขณะ ราวกับว่าเขา
ตระกูลอู๋นายท่านอู๋โหย่วเต๋อกำลังเอนกายบนเก้าอี้ไม้ไผ่ รับไออุ่นจากแสงแดดอย่างสบายใจ บนร่างยังมีผ้าขนสัตว์นุ่มคลุมอยู่สาวรับใช้สองนางคุกเข่าอยู่ข้างซ้ายขวาของเขา พลางนวดเฟ้นให้เป็นจังหวะเป็นตอน บางครั้งยังถูกอู๋โหย่วเต๋อใช้มือบีบเค้นร่างกายพวกนางไปด้วยสาวรับใช้ทั้งสองไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง ได้แต่ปล่อยให้อู๋โหย่วเต๋อกระทำตามใจขณะที่อู๋โหย่วเต๋อกำลังหลับตาเพลิดเพลิน พ่อบ้านก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา“นายท่าน!”พ่อบ้านดูร้อนรน รีบเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเบาๆ ข้างหูอู๋โหย่วเต๋อลืมตาขึ้นทันที โบกมือไล่สาวรับใช้ทั้งสองออกไป ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น “เหล่าหลิวโถวตายแล้ว? ตายได้อย่างไร?”พ่อบ้านตอบกลับ “เจ้าเฒ่านั่นบอกว่าจะออกไปเข้าห้องส้วมเมื่อคืน แต่กลับไปหยิบเชือกป่านแล้วแขวนคอตายใต้ต้นไม้ ตอนที่มีคนพบเข้าก็แข็งทื่อไปแล้ว…”“แขวนคอตายรึ?”อู๋โหย่วเต๋อถอนหายใจโล่งอกก่อนจะบ่นอย่างไม่พอใจ “มันแขวนคอตายเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา เจ้าจะร้อนรนไปทำไม?”“ข้าน้อยแค่กลัวว่าเรื่องที่เจ้าเฒ่านั่นพูดไว้จะเป็นความจริง…” พ่อบ้านสีหน้าไม่สู้ดีนัก “นายท่าน วัวตัวนั้นจะเป็นของที่ท่านอ๋องมอบให้เหล่าหลิวโถวจริ
พวกเขาต่างรู้ดีว่า การนำโหวซื่อไคมาขายแบบนี้ ย่อมทำให้โหวซื่อไคมีความแค้นต่อพวกเขาแน่นอนว่าโหวซื่อไคคงไม่คิดร่วมมือกับพวกเขาอีกหากต้องการแบ่งผลประโยชน์ในครั้งนี้ ก็มีเพียงให้หยางหุยโจวเป็นผู้เชื่อมโยงความสัมพันธ์เท่านั้น“เรื่องนี้… ไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”หยางหุยโจวรู้สึกโลภขึ้นมา แต่กลับทำเป็นวางตัวไว้ก่อนหากสามารถฟันกำไรจากพวกซูเฮ่อเหนียนอีกทาง หลังจากได้จากโหวซื่อไคไปแล้ว นั่นก็หมายความว่า ตนไม่ต้องลงทุนแม้แต่ตำลึงเดียว แต่กลับสามารถกอบโกยเงินมหาศาลได้!เงินขาวๆ กองโตเช่นนี้ จะให้ตนไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?“ใต้เท้ากล่าวอะไรเช่นนั้น!”ซูเฮ่อเหนียนหัวเราะ “หากมิใช่เพราะใต้เท้า พวกเราคงยังไม่รู้เลยว่าโหวซื่อไคมีเส้นทางทำเงินเช่นนี้! นี่เป็นสิ่งที่ใต้เท้าควรได้รับอยู่แล้ว!”“ถูกต้อง!”ซูซ่งฝู่รีบเสริม “ขอใต้เท้าอย่าได้ปฏิเสธเลย!”อืม… พวกเขากล่าวมาถึงเพียงนี้แล้ว จะปฏิเสธก็ใช่ที่!หยางหุยโจวรู้สึกยินดีจนแทบกลั้นไม่อยู่ แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่ง “เช่นนั้น… ข้าขอไปหารือกับโหวซื่อไคก่อน แล้วค่อยว่ากัน”สำเร็จแล้ว!ซูเฮ่อเหนียนและซูซ่งฝู่สบตากัน ก่อนจะเผยรอยยิ้มพึงพอใจตราบใดที่
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขามิได้หลอกเจ้า?”หยางหุยโจวยังคงระมัดระวัง จึงย้ำถามอีกครั้ง“แน่ใจ!”โหวซื่อไคพยักหน้าหนักแน่น “เขากล่าวว่าสามารถสอนข้าได้ต่อหน้า! รอจนข้าเรียนรู้วิธีได้แล้ว ค่อยจ่ายเงินให้เขาก็ยังไม่สาย! หากมิเป็นเช่นนี้ ข้าย่อมไม่เชื่อเขาแน่!”อืม เช่นนี้ก็สมเหตุสมผลหากเป็นการสอนกันต่อหน้า ก็ถือว่ามีเหตุผลอยู่แต่ว่า เขาเองก็แปลกใจยิ่งนักผางลู่ซานมีวิธีการเช่นไร ถึงกล้ารับประกันว่าน้ำตาลแดงห้าจินจะได้เป็นน้ำตาลขาวหนึ่งจิน?หากเป็นเรื่องจริง นี่จะกลายเป็นเส้นทางทำเงินมหาศาลทีเดียว!“หากน้ำตาลขาวผลิตได้ง่ายเพียงนี้ เหตุใดเขาจึงมีเพียงสิบจินเท่านั้น?”หยางหุยโจวถามต่อ“เขาไม่กล้าทำอย่างเปิดเผย”โหวซื่อไคกล่าวเสียงต่ำ “ข้าเคยได้ยินเขาพูดว่า ก่อนหน้านี้เคยมีคนสนิทของหยุนเจิงหักหลัง ขายเส้นทางทำเงินมากมายออกไป! ทำให้หยุนเจิงไม่ไว้ใจผู้ใดอีก เขาจึงไม่กล้าซื้อน้ำตาลแดงมากเกินไป เกรงว่าหยุนเจิงจะสงสัย…”คนที่ทรยศหยุนเจิง?นั่นไม่ใช่จางซูหรอกหรือ?หยางหุยโจวแค่นยิ้มในใจ ไม่ซักไซ้เรื่องนี้ต่ออีก แล้วถามว่า “เจ้าขาดอยู่อีกหนึ่งแสนตำลึงเท่านั้นหรือ?”“ยังขาดอยู่อีกมาก”โหวซ
“ขอรับ!”องครักษ์ทั้งสองรับคำสั่ง แล้วเข้ามาจับกุมโหวซื่อไคทันทีโหวซื่อไคตกใจจนหน้าซีด รีรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบร้องตะโกนออกมา “ใต้เท้า ข้า… ข้ายอมพูด! ข้าจะพูด!”เมื่อเห็นโหวซื่อไคยอมอ่อนข้อ หยางหุยโจวจึงส่งสัญญาณให้องครักษ์ปล่อยตัวเขา“ว่ามา!”หยางหุยโจวกล่าวเสียงขึงขัง แสดงอำนาจขุนนางเต็มที่“เรื่องนี้…”โหวซื่อไคลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะลองกล่าวอย่างระมัดระวัง “ใต้เท้า ขอเจรจาเป็นการส่วนตัวสักคราเถิด?”หยางหุยโจวพยักหน้า แล้วพาโหวซื่อไคเดินออกไปอีกทางครานี้ โหวซื่อไค “สารภาพ” อย่างว่าง่ายน้ำตาลขาวเหล่านี้ล้วนมาจากซั่วเป่ย เป็นผางลู่ซานที่ขายให้แก่เขาผางลู่ซานเป็นผู้ดูแลโรงงานทั้งหมดในซั่วเป่ย รวมถึงโรงงานผลิตน้ำตาลขาวด้วยดังนั้น ผางลู่ซานจึงแอบกักตุนและยักยอกน้ำตาลขาวไว้ไม่น้อยแต่เพราะเขาไม่กล้าออกหน้าขายเองโดยตรง จึงเลือกขายผ่านโหวซื่อไคเหตุที่เขาไม่กล้าบอกที่มาของน้ำตาลขาว ก็เพราะกลัวหยุนเจิงล่วงรู้เรื่องนี้ หากหยุนเจิงรู้เข้า ไม่เพียงแต่เขา แม้แต่ผางลู่ซานก็ต้องเอาชีวิตมาทิ้ง!หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดจบ โหวซื่อไคยังหยิบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงออกมายัดใส่มือหย
ตอนเที่ยวันรุ่งขึ้นง โหวซื่อไคถูกเชิญไปที่จวนซูซ่งฝู่อีกครั้งเพื่อดื่มสุราวันนี้ ไม่เพียงแต่มีซูซ่งฝู่และซูเฮ่อเหนียน ยังมีหยางหุยโจวร่วมอยู่ด้วยหลายคนมิได้ร่วมรับประทานอาหารกันในเรือนหลักของจวนซูซ่งฝู่ แต่เลือกไปยังศาลาเย็นในสวนหลังบ้าน ดูจากท่าทีแล้วชัดเจนว่ามีเรื่องจะพูดคุยกัน“หลานรัก ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือใต้เท้าหยาง หยางหุยโจว ผู้ช่วยที่ปรึกษาจวนรัชทายาท!”ซูซ่งฝู่กล่าวพลางหัวเราะ พลางแนะนำโหวซื่อไค“ข้าน้อยคารวะใต้เท้าหยาง”โหวซื่อไครีบคารวะหยางหุยโจวทันที“โหวซื่อไค เจ้ายอมรับความผิดหรือไม่?”หยางหุยโจวมองโหวซื่อไคด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าฉายแววไม่พอใจเจ้ายอมรับความผิดหรือไม่?ประโยคแรกที่หยางหุยโจวเอ่ยออกมา ทำให้โหวซื่อไคถึงกับตกตะลึงโหวซื่อไคมองอย่างงุนงง “ข้าน้อยโง่เขลาเกินไป มิทราบว่าใต้เท้าหยางกล่าวถึงเรื่องใด?”“ในเมื่อเจ้าคิดจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ ข้าก็จะเตือนเจ้าให้สักหน่อย”หยางหุยโจวจ้องโหวซื่อไคด้วยสายตาเย็นเยียบ “น้ำตาลขาว!”น้ำตาลขาว?แววตาของโหวซื่อไคพลันส่องประกายความเข้าใจขึ้นมาวูบหนึ่งเข้าใจแล้วพวกเขามุ่งเป้ามาที่น้ำตาลขาวนี่เอง!นี่ช่
หลังจากออกจากตระกูลซู โหวซื่อไคก็รีบเดินทางไปยังหัวเมืองสี่ทิศเพื่อทำการซื้อขายน้ำตาลแดงหัวเมืองสี่ทิศแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอาณาเขตของตระกูลซูโดยสมบูรณ์ การกระทำของโหวซื่อไค ย่อมไม่อาจเล็ดลอดสายตาของคนในตระกูลซูไปได้จากพฤติกรรมของโหวซื่อไค พวกเขาก็สามารถคาดเดาได้ทันทีว่า น้ำตาลขาวนั้นผลิตขึ้นจากน้ำตาลแดงที่ผ่านกระบวนการกลั่นให้บริสุทธิ์เมื่อคิดถึงกำไรอันมหาศาลของน้ำตาลขาว ซูซ่งฝู่ก็รีบเรียกประชุมผู้อาวุโสทั้งหกของตระกูลซูในทันที เพื่อหารือกันว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจน้ำตาลขาวนี้ได้อย่างไรโอกาสอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว!หากมีเงินให้หา ยังนิ่งเฉยอยู่ ก็คงเป็นพวกโง่งมเต็มที!แต่ว่า โหวซื่อไคกลับปากแข็งเกินไปและที่สำคัญ ดูเหมือนว่าโหวซื่อไคจะไม่ต้องการให้ตระกูลซูเข้ามาแบ่งส่วนแบ่งในธุรกิจนี้เลย!หากต้องการเข้ามาในธุรกิจน้ำตาลขาว ก็ต้องหาทางให้โหวซื่อไคเปิดปากให้ได้ขณะที่ทุกคนกำลังหารือกันว่าจะบีบให้โหวซื่อไคพูดออกมาได้อย่างไร จู่ๆ ก็มีคนจากจวนของซูเฮ่อเหนียนรีบรุดเข้ามา เขาก้มกระซิบข้างหูซูเฮ่อเหนียนอย่างลับๆ“ว่าอย่างไรนะ!?”ซูเฮ่อเหนียนถึงกับลุกพรวดขึ้นทันที ก่อนจะลากพ่อบ้