แม้ว่าทุกคนอยากจะห้ามปราม แต่กลับทำไม่ได้ไม่นาน ซินเซิงก็จุดธูปปานปู้ปลีกตัวไปเขียนคำตอบข้างๆ องครักษ์ติดตามของเขาเฝ้าดูไม่ห่างราวกับกลัวว่าจะมีใครเข้ามาแอบดูคำตอบอย่างไรอย่างนั้นหยุนเจิงยิ้ม แล้วหยิบปากกาขนนกออกมาเริ่มคำนวณภายใต้สายตาที่อยากรู้อยากเห็นของทุกคนเยี่ยจื่อเหลือบมองปากกาขนนกในมือของหยุนเจิงด้วยความประหลาดใจ แล้วเดินเข้าไปใกล้หยุนเจิง ดูเขาแก้โจทย์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นX Y อะไรนั่น เยี่ยจื่อไม่เข้าใจเลยนางเพียวแค่เห็นหยุนเจิงขีดเขียนอยู่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วy=(100-5x)/3ไม่นาน หยุนเจิงก็ร่างสมการออกมาแล้วเริ่มแทนค่าจากหนึ่งถึงยี่สิบ เพียงแค่แทนค่าที่ใกล้เคียงกันเป็นพอเพียงแค่ไม่กี่นาที หยุนเจิงก็ได้คำตอบถึงหกคำตอบด้วยกันเมื่อเห็นคำตอบทั้งหกข้อของหยุนเจิงแล้ว เยี่ยจื่อก็เข้าใจในทันทีมิน่าล่ะ ปานปู้ถึงได้มั่นใจเพียงนั้น แท้จริงแล้วก็มีคำตอบมากมายเพียงนี้นี่เองสมแล้วที่เป็นราชครูของเป่ยหวน เก่งเลขจริงๆ!ขณะที่เยี่ยจื่อกำลังตรวจสอบคำตอบเหล่านี้ในใจทีละคำตอบอยู่นั้น หยุนเจิงพลันวางปากกาลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ราชครู ตรวจคำตอบได้แล้ว!"ในเวลานี้ ธูปเ
พ่อบ้านไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกต่อไปและวิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนกเขาต้องรีบบอกข่าวให้คนของจักรพรรดิเหวินทราบหากจักรพรรดิเหวินเสด็จมา บางทีองค์ชายหกอาจจะมีโอกาสรอดก็เป็นได้เมื่อเห็นพ่อบ้านที่วิ่งออกไปอย่างตื่นตระหนกแล้ว ปานปู้ถึงกับหัวเราะลั่น “องค์ชายหก อย่ารอช้าเลย รีบเผยคำตอบมาดีกว่า วันนี้ข้าจะทำให้ท่านแพ้อย่างราบคราบ!”“ราชครูหัวเราะอะไรน่ะ?”หยุนเจิงมองปานปู้ด้วยสีหน้าดำคล้ำ“ข้ากำลังหัวเราะองค์ชายหกผู้โง่เขลาอยู่น่ะ!”ปานปู้หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “องค์ชายหกคิดว่าคำถามนี้จะง่ายขนาดนี้เชียวหรือ องค์ชายหกท่านอวดดีเกินไปแล้ว! และการอวดดีนั้นมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ!”“อืม พูดดี!”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย “การอวดดีย่อมต้องมีราคาที่ต้องจ่าย!!”ระหว่างนั้น หยุนเจิงพลันเผยคำตอบของตนออกมาเมื่อเห็นคำตอบที่หยุนเจิงเผยออกมานั้น ปานปู้มึนงงในทันใดวินาทีต่อมาเสียงหัวเราะของปานปู้ก็หยุดลงกะทันหันหกคำตอบ?หยุนเจิงหาได้หกคำตอบนั้นหรือ?เมื่อเห็นคำตอบของหยุนเจิงแล้ว คนรับใช้ในจวนเองก็ตกตะลึงเช่นกันเกิดอะไรขึ้น?เกิดอะไรขึ้น?แต่ไม่นานทุกคนก็กลับมาเศร้าอีกครั้งคำตอบของปานปู้มีทั
คำตอบสองคำตอบตรวจสอบไม่ยากนักเพียงแค่บวกเพิ่มเข้าไปก็พอขณะที่ปานปู้ตรวจสอบคำตอบที่เพิ่มออกมาทั้งสองตัวแล้ว เขาก็ทำตัวไม่ถูกทันทีถูก!คำตอบทั้งสองตัวนี้เป็นคำตอบที่ถูกต้อง!โจทย์ข้อนี้มีคำตอบทั้งหมดหกตัวจริงๆ?เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?ทั้งๆ ที่ตนคิดรอบคอบแล้วนี่!เหตุใดจึงมีหกคำตอบ?“เป็นไปไม่ได้ๆ...”ปานปู้เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากอย่างร้อนรน แล้วเริ่มคำนวณขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นการกระทำของปานปู้แล้ว ตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ ต่างตะลึงงันทันทีเกิดอะไรขึ้น?หรือว่าองค์ชายหกคิดถูกแล้ว?เป็นปานปู้ที่คิดออกมาไม่หมดนั้นหรือ?ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น เยี่ยจื่อพลันพยุงซินเซิงที่ยังไม่ทันไม่สติดีขึ้นพลางเอ่ยเสียงเบาว่า "เจ้าเด็กโง่ หยุดร้องไห้ได้แล้ว องค์ชายหกชนะแล้ว!"นางคิดคำนวณดูแล้วคำตอบของหยุนเจิงทั้งหกตัวนี้เป็นคำตอบที่ถูก!ถึงแม้ปานปู้จะคำนวณอีกเป็นร้อยครั้งก็ยังถูกอยู่ดี!“องค์ชาย...ชนะแล้ว?”ซินเซิงมองเยี่ยจื่ออย่างโง่เขลาราวกับไม่เชื่อหูตนเองอย่างไรอย่างนั้นเหตุใดองค์ชายถึงชนะอีกแล้ว?ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ปานปู้ก็ล้มลงกับพื้นถูกจริงๆ ด้วย!คำตอบอีกสองตัวท
องครักษ์จับปานปู้ไว้ แล้วพูดอย่างดุเดือดว่า "เราจะไป หากต้าเฉียนคิดจะขัดขวาง ให้ถามกองทัพม้าเหล็กของเป่ยหวนก่อนว่ายอมไหม!”เมื่อเห็นว่าเป่ยหวนพยายามโกง ตู้กุยหยวนจึงชัดกระบี่ไปจากมือของเกาเหอโดยตรง“ยอมรับความพ่ายแพ้หรือไม่?”ตู้กุยหยวนยืนถือมีดไว้ที่แขนข้างหนึ่ง จ้องมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าเย็นชา “คิดจะเดินจากไป ถามกระบี่ในมือข้าแล้วหรือยัง!”“วอนหาที่ตาย!”องครักษ์ของปานปู้ชักดาบออกมาเผชิญหน้ากันทันที"เก็บ!"ปานปู้ตะโกนด้วยความโกรธและกัดฟันพูด "ข้าลูกผู้ชายแห่งเป่ยหวน ยอมรับความพ่ายแพ้! อย่าให้ต้าเฉียนมองเป่ยหวนเป็นเรื่องตลก!""ราชครู!"องครักษ์โกรธจัด “ท่านเป็นราชครูของเป่ยหวน ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน...”"หุบปาก!"ปานปู้ตะคอกเสียงดังและกำหมัดแน่นเขาเองก็อยากจะโกงเช่นเดียวกันแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะโกงถ้าเขาโกงตอนนี้ เขาอาจจะไม่ได้เสบียงจากต้าเฉียนก็เป็นได้หากไม่มีเสบียงนั่น เป่ยหวนคงไม่สามารถอยู่รอดได้ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บนี้แน่นอนปานปู้สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วคลายหมัดออกช้าๆความอัปยศอดสูในวันนี้ เขาจะเอาคืนเป็นสิบเท่าในภายภาคหน้า!ปานปู้พูดในใจอย่างชั่วร้ายแล
ยามดึก จักรพรรดิเหวินอารมณ์ดีไม่น้อยหลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จแต่เช้า จักรพรรดิเหวินก็มาที่ตำหนักของซูเฟยไม่ว่าอย่างไร เรื่องขอเสบียงของเป่ยหวนก็คลี่คลายในที่สุดแม้จะเสียใจเล็กน้อย แต่ต้าเฉียนก็ได้รับผลประโยชน์บ้าง ซึ่งดีกว่าการมอบเสบียงจำนวนสามล้านชุดให้กับเป่ยหวนเปล่าๆ มาหลังจากที่เครียดกับเรื่องนี้มานาน ก็ถึงเวลาพักผ่อนเสียทีซูเฟยให้กำเนิดหยุนลี่กับจักรพรรดิเหวินเมื่ออายุได้สิบเจ็ดปี ปัจจุบันอายุได้สี่สิบสามปีแล้วแต่ซูเฟยได้รับการดูแลอย่างดี ไม่เพียงแต่มีเสน่ห์ตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเก่งเรื่องบนเตียงอีกด้วย สามารถทำให้จักรพรรดิเหวินรู้สึกพึงพอใจได้ทุกครั้ง ทำให้จักรพรรดิเหวินโปรดปราณนางที่สุดบัดนี้องค์รัชทายาทก่อกบฏและถูกประหารชีวิตแล้ว ฮองเฮาเองก็ไม่มีทายาทคนอื่นๆ เรื่องที่จะถูกปลดจากตำแหน่งนั้นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็วซูเฟยหมายครองตำแหน่งฮองเฮามานานแล้ว นางจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้จักรพรรดิเหวินพอใจภายใต้การยั่วยวนของซูเฟย ทำให้จักรพรรดิเหวินอดไม่ได้อีกต่อไปขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังเตรียมสู้รบกับซูเฟยนั้น ก็มีเสียงมู่ซุ่นที่ฟังดูร้อนใจกัง
“จะสนใจไปไยว่าเป็นของใคร จูงไปหมดนี่ก่อนค่อยว่ากัน!”ในคอกม้า หยุนเจิงไม่สนใจว่าม้าเหล่านี้เป็นของผู้ใด จูงออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังยอมฆ่าผิดตัว ดีกว่าปล่อยให้รอด!อย่างมากพอจบเรื่องแล้วก็แค่คืนม้าไปที่จุดพักม้าก็สิ้นเรื่องเมื่อเห็นม้าของตัวเองถูกจูงไป ชาวเป่ยหวนทั้งหมดก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ แต่ละคนแทบอยากจะฉีกร่างหยุนเจิงออกเป็นชิ้นๆ“เลิกมองได้แล้ว!”ปานปู้ที่กำลังโกรธจัด ตวาดอย่างไม่พอใจ “ใครก็ห้ามเข้าไปขวาง ปล่อยให้พวกเขาจูงไป! ลูกผู้ชายชาวเป่ยหวนอย่างข้า กล้าเดิมพันก็กล้ายอมรับความพ่ายแพ้!”หลังจากพูดจบ ปานปู้ก็เดินกลับห้องด้วยความเดือดดาลแพ้ไปแล้ว จะพูดอะไรได้อีก?มีหลักฐานแจ่มแจ้งเสียปานนั้น นับตั้งแต่ที่เขาแพ้เดิมพัน ม้าเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นของเป่ยหวนอีกแล้วตาไม่เห็นนับว่าสะอาด!ขืนดูอยู่ตรงนี้ต่อ ก็รังแต่จะทำให้โมโหยิ่งขึ้นเท่านั้นพอกลับเข้าไปในห้อง ปานปู้หยิบลูกศรขนนกติดจดหมายที่ถูกยิงเข้ามาก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้ที่เก็บลูกศรและจดหมายเอาไว้ เพราะเกิดความคิดชั่ววูบตอนนี้จดหมายฉบับนั้นมีประโยชน์แล้วลูกศรขนนกนี้ก็ควรถึงเวลาใช้ให้เกิดประโยชน์แล้ว
ตาเฒ่าคนนี้ ไม่รู้จักสะกดกลั้นอารมณ์เอาเสียเลย!หยุนเจิงบ่นในใจ โบกมือแล้วพาทุกคนออกไปน่าเสียดายที่ปานปู้ไม่มีสิ่งใดที่สามารถนำมาเดิมพันได้จริงๆไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รังเกียจที่จะเดิมพันกับปานปู้อีกสักครั้งด้วยระดับความรู้ทางคณิตศาสตร์ของปานปู้ อย่างมากก็อยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาเท่านั้นเพียงแค่ออกโจทย์เกี่ยวกับฟังก์ชัน ก็พอให้เขาคำนวณไปทั้งชีวิตแล้วขณะที่หยุนเจิงกำลังคิดเรื่อยเปื่อย ก็เห็นขบวนมังกรยาวเฟื้อยมาแต่ไกล“ฮ่องเต้เสด็จ!”พร้อมกับเสียงตะโกนดัง สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที ทั้งหมดลงจากหลังม้าเพื่อถวายบังคมจักรพรรดิเหวินไม่นานหลังจากนั้น ราชองครักษ์สองแถวที่แต่งกายเต็มยศก็คุ้มกันขบวนรถม้าพระที่นั่งของจักรพรรดิเหวินเข้ามาใกล้มู่ซุ่นเปิดม่านรถม้าออก จักรพรรดิเหวินก็ก้าวออกมาด้วยสีหน้าถมึงทึง“น้อมรับเสด็จฝ่าบาท!”ทุกคนต่างแสดงความเคารพ“เจ้าหก ออกมาหาข้าบัดเดี๋ยวนี้!”จักรพรรดิเหวินตวาดเสียงดุดัน ทำให้ทุกคนตัวสั่นสะท้านด้วยความตกใจหยุนเจิงพูดไม่ออก เดินช้าๆ ออกจากฝูงชน “ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าทำอะไรของเจ้า”จักรพรรดิเหวินถลึงตาอย่างเกรี้ยวกราด แผดเ
“ลูกมิได้คิดจะจัดตั้งกองทัพทหารม้า…”หยุนเจิงจงใจแสร้งทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ “ลูกแค่อยากนำไปขาย เพื่อหาเงินสำหรับงานแต่งงาน...”“บังอาจ!”จักรพรรดิเหวินเบิกตากว้างเท่ากับระฆังทองแดง วางอำนาจด้วยรัศมีแห่งราชา “ราชสำนักเราขาดแคลนม้าศึก เจ้าในฐานะองค์ชาย กลับกล้าลักลอบขนม้าศึกอีกรึ”หยุนเจิงหายใจไม่ทั่วท้อง เป็นใบ้ชั่วขณะ บัดซบ!ตาเฒ่านี่กำลังทำการปล้นอย่างถูกต้อง!ยิ่งกว่านั้น สาเหตุของการปล้นทำให้เขาไม่สามารถห้าข้อโต้แย้งได้โดยสิ้นเชิง“เอาล่ะ! เห็นแก่เจ้าที่ไร้ประโยชน์!”จักรพรรดิเหวินจ้องมองหยุนเจิงอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ารู้ว่าเจ้าได้ม้าเหล่านี้มาเพราะชนะ เอาเช่นนี้ ข้าจะให้เจ้าเลือกม้าดีๆ ก่อนสักยี่สิบตัว แล้วจึงส่งที่เหลือไปยังกองทหารเสินอู่!”ฮะ!ตบหัวแล้วลูบหลังม้ายี่สิบตัว?ช่างใจกว้างเสียจริง!ร้ายกาจยิ่งกว่าผู้บัญชาการทหารอีก!เดาว่าตาเฒ่านี่ยังคิดที่จะให้ตัวเองขอบคุณพระเมตตาด้วยซ้ำ!แม้ว่าในใจของหยุนเจิงจะไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อจักรพรรดิเหวินได้พูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงให้เกาเหอพวกเขาคัดเลือกม้าโดยเร็วให้ตายเถอะ ยุ่งยากมาทั้งวัน สุดท้ายก็เหมือนทำชุดแ
อย่าว่าแต่เจียเหยาเลย แม้แต่พวกเขาเองก็ยังรู้สึกว่าหยุนเจิงทำเกินไปการที่สามารถเอาชนะกุ่ยฟางได้ในครั้งนี้ เป่ยหวนมีส่วนสำคัญอย่างมากหากไม่มีเป่ยหวนช่วยดึงความสนใจ ในระหว่างที่พวกเขากำลังรบกับโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ กุ่ยฟางอาจโจมตีอวี่ซื่อจงจนแตกพ่าย หรืออาจลอบตีค่ายใหญ่ที่แย้นฮุ่ยซานจนตัดเส้นทางล่าถอยของพวกเขาโดยสิ้นเชิงในสถานการณ์เช่นนี้ ที่หยุนเจิงยังทำตัวเข้มงวดกับเป่ยหวน ถือว่าไร้น้ำใจอย่างมากที่เจียเหยาไม่ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที ก็ถือว่านางควบคุมตัวเองได้ดีแล้ว“เจ้าจะทำท่าขู่ใส่ข้าอีกแล้วใช่ไหม?”หยุนเจิงหรี่ตาลงเล็กน้อย มองเจียเหยาด้วยแววตาเตือน“ข้าจะกล้าได้อย่างไร!”เจียเหยาตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ท่านจิ้งเป่ยอ๋องไร้พ่าย หากข้ากล้าขู่ใส่ท่าน เป่ยหวนของข้าคงเต็มไปด้วยศพในไม่ช้า ข้ามีสิทธิ์ไปขู่ใส่ท่านหรือ?”“รู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว!”หยุนเจิงกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าชอบฟังข้าแค่ครึ่งๆ กลางๆ แล้วก็มาทำเสียงประชดประชันใส่ข้า เจ้าเป็นโรคหลงผิดว่าตัวเองถูกทำร้ายหรืออย่างไร?”เจียเหยาพยายามกลั้นความโกรธ พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ท่านจิ้งเป่ยอ๋องมีสิ่งใดจะพูดอีก
เจียเหยาและอวี่ซื่อจงรวมกันสามารถจับเชลยศึกได้ทั้งหมด 13,000 นายพวกเขายังสังหารทหารข้าศึกที่ดื้อดึงต่อสู้อีกประมาณ 3,000 นายเดิมทีพวกเขาต้องการจับเชลยเพิ่มอีก แต่เสบียงแห้งที่พวกเขานำมามีจำกัด จึงต้องแบ่งปันให้เชลยเพื่ออย่างน้อยพวกเขาจะมีแรงเดินทางดังนั้น แม้จะยังมีเชลยให้จับได้อีกมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ไล่ตามต่อเชลยที่พวกเขาจับได้เกือบทั้งหมดเป็นทหารราบที่ล้าหลังส่วนทหารม้าของข้าศึกนั้นหลบหนีได้รวดเร็วเกินไป พวกเขาไม่สามารถตามทัน“อืม ไม่เลว!”หยุนเจิงยิ้มอย่างพอใจ ก่อนถามต่อ “พวกเจ้าที่โจมตีหน่วยของมู่ลี่จวี มีความสูญเสียแค่ไหน?”อวี่ซื่อจงตอบ “หน่วยของเราสูญเสียไปกว่า 3,000 นาย และยังมีทหารบาดเจ็บเล็กน้อยอีกกว่า 1,000 นายที่เราปล่อยไว้ในพื้นที่เพื่อรักษาตัว พร้อมกับดูแลผู้บาดเจ็บสาหัส”“เราสูญเสียไปกว่า 5,000 นาย”เจียเหยารายงานต่อทันที “ในศึกครั้งก่อนเรามีผู้บาดเจ็บสาหัสหลายร้อยนายที่ไม่สามารถรอดชีวิตได้ ในศึกครั้งนี้คาดว่าจะมีทหารบาดเจ็บสาหัสที่รอดไม่ถึงครึ่ง และยังมี…”“พอแล้ว พอแล้ว! ไม่ต้องพูดละเอียดขนาดนั้น”หยุนเจิงขัดคำพูดของเจียเหยา แล้วถามต่อ “ในศึกครั้งนี้
จู่หลู่โค้งคำนับขอบคุณหยุนเจิงก่อน แล้วพูดอย่างลำบากใจว่า “กระหม่อมเข้าใจถึงความเมตตาของท่านอ๋อง แต่เสบียงอาหารสำหรับกองทัพสองหมื่นนายนี้ มันช่าง…”“ข้าได้เสบียงมาจากศึกครั้งนี้ จะจัดสรรให้พวกเจ้า”หยุนเจิงขัดคำพูดของจู่หลู่ ด้วยท่าทางที่ทรงอำนาจโดยไม่ต้องแสดงความโกรธ “เมื่อเจ้าจัดเตรียมกองทัพเสร็จแล้ว เจ้าจะยังขาดเสบียงอีกหรือ? หากเจ้าออกทัพช่วยรัฐมนตรี รัฐมนตรีได้เสบียงมา จะไม่มีส่วนของเจ้าได้อย่างไร?”ในตอนนี้ ทัวต๋าได้สิ้นชีวิตไปแล้วยังไม่ทราบว่าใครจะได้เป็นราชาองค์ใหม่ของกุ่ยฟางแต่ไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นราชาองค์ใหม่ของกุ่ยฟางก็ไม่มีพลังที่จะสู้รบต่อได้อีกแล้วหากราชาองค์ใหม่ของกุ่ยฟางฉลาด ก็ควรมาหาเขาเพื่อเจรจาสงบศึกหากกุ่ยฟางต้องการสงบศึก ก็ต้องยอมสละบางอย่างออกมาหากกุ่ยฟางไม่สงบศึก ก็ให้ทัวฮวนยกทัพไปโจมตีเองหากมีกองทัพเป่ยหมัวถัวของจู่หลู่ช่วยสนับสนุน การปราบปรามกุ่ยฟางที่ใกล้ตายก็เป็นเรื่องง่ายถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะสามารถใช้เสบียงที่ปล้นจากกุ่ยฟางมาเลี้ยงกองทัพของตัวเองได้เมื่อจู่หลู่รู้ว่าหยุนเจิงได้เตรียมการทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อย เขาก็กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ค
สองวันต่อมา จู่หลู่ที่ได้รับคำสั่งก็รีบควบม้าพร้อมกับองครักษ์ไม่กี่คนมาพบหยุนเจิงก่อนที่จู่หลู่จะมาถึง ทัวฮวนได้นำเชลยกุ่ยฟางจัดพิธีศพให้กับทัวต๋าน่าเสียดายที่สภาพอากาศในตอนนี้ไม่เอื้อให้สามารถนำร่างของทัวต๋ากลับไปฝังกุ่ยฟางได้สุดท้าย ทัวฮวนเป็นผู้นำในการสร้างโลงศพให้ทัวต๋าด้วยตัวเอง และฝังร่างเขาในพื้นที่นั้นการกระทำของทัวฮวนกลับช่วยให้หยุนเจิงได้รับความจงรักภักดีจากเชลยกุ่ยฟางกลุ่มใหญ่ซึ่งนี่เป็นผลลัพธ์ที่หยุนเจิงยินดีที่จะเห็นเมื่อจู่หลู่มาถึง หยุนเจิงก็พาทัวฮวนและเหมิงตัวจัดงานเลี้ยงในกระโจมใหญ่ชั่วคราวเพื่อต้อนรับเขาหลังจากแนะนำทัวฮวนและเหมิงตัวให้จู่หลู่รู้จัก หยุนเจิงก็เข้าสู่หัวข้อสำคัญทันที“กองทัพใหญ่ของกุ่ยฟางถูกเราทำลายทั้งหมดแล้ว! ข้าจำคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าได้ ข้าจะมอบดินแดนเฉวียนหรงให้อยู่ในปกครองของเจ้า…”“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”หยุนเจิงยังพูดไม่ทันจบ จู่หลู่ก็ลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้นและกล่าวขอบคุณ“ฟังข้าพูดให้จบก่อน!”หยุนเจิงยกมือหยุดจู่หลู่ ก่อนจะพูดต่อ “ทหารแห่งเป่ยหมัวถัวมีความกล้าหาญเพียงพอ แต่ไม่เข้าใจการรบ ข้าจะส่งรองผู้ช่วยสองคนไปช่วยเจ้าเตรี
เมื่อเห็นทั้งสองคน ทหารยามที่อยู่หน้ากระโจมรีบคำนับ“ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงโบกมือ แล้วพาเมี่ยวอินเข้าไปในกระโจมแม้ว่าทัวต๋าจะฟื้นสติได้สองสามวันแล้ว แต่สีหน้าของเขายังคงดูแย่มาก แทบไม่มีเลือดฝาด ดูเหมือนคนที่ใกล้สิ้นใจเต็มทีเมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ทัวต๋าถามอย่างแผ่วเบา “หยุน... หยุนเจิง?”นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกันแต่ทัวต๋าก็สามารถตัดสินได้ทันทีว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้คือจิ้งเป่ยอ๋อง หยุนเจิง“ใช่แล้ว!”หยุนเจิงพยักหน้า พร้อมจ้องทัวต๋าด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าคงได้ยินข่าวว่ากองทัพของเจ้าพ่ายแพ้ทั้งสายแล้วใช่หรือไม่? หากยังไม่ทราบ ข้าก็ยินดีบอกให้เจ้าฟัง”ทัวต๋ารู้ข่าวการพ่ายแพ้ของกองทัพแนวหน้าแล้วจริงๆอีกทั้ง ยังรู้ด้วยว่าพวกเขาพ่ายแพ้อย่างไรแม้ว่าเขาจะไม่เคยออกจากกระโจม แต่ก็ได้ยินทหารยามที่อยู่นอกกระโจมพูดถึงเรื่องนี้ไม่น้อย“เจ้าต้องการ…ให้ข้ายอมจำนนหรือ?”ทัวต๋าพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หายใจรัว พร้อมกับคาดเดาจุดประสงค์ของหยุนเจิงได้“ใช่แล้ว!”หยุนเจิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมกับเจ้า ตราบใดที่เจ้ายอมรับเงื่อนไขของข้า ข้าก็จะให้โอกาสเจ้าแ
เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนเจิงก็ได้รับข่าวว่าหวังชี่ฟื้นแล้ว“ดียิ่งนัก!”หยุนเจิงตะโกนด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบเรียกเมี่ยวอินว่า “เร็ว ไปดูหวังชี่กัน!”พูดจบ หยุนเจิงก็คว้ามือเมี่ยวอินแล้ววิ่งไปยังกระโจมที่หวังชี่อยู่โดยไม่รอคำตอบเมื่อพวกเขามาถึงกระโจม ด้านในก็เต็มไปด้วยผู้คนทั้งหมดเป็นทหารใต้บัญชาของหวังชี่“พอแล้ว พอแล้ว! ออกไปกันก่อนเถอะ ข้างในคนแน่นขนาดนี้ เหลวไหลเกินไปแล้ว?”หยุนเจิงไล่ทหารที่ล้อมอยู่ในกระโจมให้ออกไปทั้งหมด แล้วให้เมี่ยวอินจับชีพจรของหวังชี่เพื่อตรวจดูว่าอาการบาดเจ็บของเขาเริ่มคงที่แล้วหรือยังหวังชี่รู้สึกซาบซึ้งใจจนพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ขอบ…ขอบคุณฮูหยินเมี่ยว…”“พอแล้ว อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้!”เมี่ยวอินขัดหวังชี่ก่อนจะตั้งใจจับชีพจรของเขาต่อหยุนเจิงพยักหน้าให้หวังชี่เล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นไม่นาน เมี่ยวอินก็ปล่อยข้อมือของหวังชี่ พร้อมกับถอนหายใจโล่งอกก่อนจะพูดว่า “ชีวิตเจ้าถือว่ารอดมาได้แล้ว! แต่คราวนี้เจ้าบาดเจ็บหนักมาก คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัว”หวังชี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะกล่าวขอบคุณเมี่ยวอินอีกครั้ง “ขอบ…ขอบคุณฮูหยินเมี่ยวอิน…ที่ช่ว
หวังชี่ยังคงอยู่ในอาการหมดสติ และมีไข้สูงที่ไม่ลดลงเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าไข้ของหวังชี่เกิดจากร่างกายที่อ่อนแอเกินไป หรือเพราะบาดแผลติดเชื้อเมี่ยวอินเตรียมยาต้มให้คนคอยป้อนหวังชี่ แต่จนถึงตอนนี้ ไข้ของหวังชี่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะลดลงขณะที่หยุนเจิงเดินเข้ามาในกระโจม เมี่ยวอินก็กำลังตรวจอาการของหวังชี่อยู่“เป็นอย่างไรบ้าง?”หยุนเจิงถามด้วยความกังวล“ก็เหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขาแล้ว!”เมี่ยวอินลุกขึ้นด้วยความอ่อนใจ “หากไข้ของเขาลดลงได้ ก็น่าจะรอดชีวิตได้”สิ่งที่ทำได้ นางได้ทำไปหมดแล้วตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตจำนงในการมีชีวิตรอดของหวังชี่“เข้าใจแล้ว!”หยุนเจิงถอนหายใจเบาๆ “ไปเถิด ไปเดินเล่นข้างนอกกับข้าหน่อย”เมี่ยวอินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนถามว่า “ท่านไปดูทัวต๋ามาหรือยัง?”ทัวต๋าฟื้นสติแล้วแต่ร่างกายยังคงอ่อนแอมาก“ยังไม่ได้ไปเลย!”หยุนเจิงส่ายหน้าแล้วยิ้ม “ให้เขาฟื้นตัวก่อนเถิด ถ้าข้าไปคุยกับเขาแล้วเขาโมโหตายไป ข้าก็เสียเวลาพูดเปล่าๆ!”เมี่ยวอินชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ “นั่นสิ! ขนาดคนที่แข็งแรงยังแทบทนไม่ไหวกับเงื่อนไขของท่าน แล้วคนที่ใกล้ตายแบบเขายิ
ขณะที่หยุนเจิงได้รับข้อความตอบกลับจากเจียเหยา เขากำลังตรวจสอบรายงานการรบที่ตู๋กูเช่อส่งมาข้อความตอบกลับของเจียเหยานั้นเรียบง่ายมากมีเพียงสองคำรับทราบ!และไม่ได้เขียนเป็นรหัสลับเพียงสองคำนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้รหัสลับหยุนเจิงวางข้อความของเจียเหยาทิ้งไว้ข้างๆ และตรวจสอบรายงานการรบของตู๋กูเช่อต่อองค์ชายรองแห่งโฉวฉือ หยวนเว่ย นำกองกำลังป้องกันด่านเทียนฉงทิ้งป้อมหลบหนีในปัจจุบัน จั่วเริ่นได้นำทัพเข้าไปประจำการที่ด่านเทียนฉงแล้วแต่ผลลัพธ์จากการไล่ล่าโหลวอี้ของตู๋กูเช่อและพวกกลับไม่ดีนักแม้ว่านักรบภูตสิบแปดจะสามารถสร้างความขัดแย้งระหว่างกองทัพโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ได้สำเร็จ แต่กลับไม่ได้ทำให้เกิดความโกลาหลในวงกว้าง ทำให้ศัตรูสูญเสียกำลังเพียงสามพันกว่านายเท่านั้นขณะที่ตู๋กูเช่อนำทัพไล่ตาม โหลวอี้ได้นำกองกำลังถอนตัวไปยังพื้นที่ใกล้ชายแดนแคว้นต้าเย่ว์แล้วตู๋กูเช่อนำทัพโจมตี ทำลายศัตรูได้สองพันนาย และจับเชลยได้มากกว่าสี่พันคนกองกำลังใหญ่ของโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ถูกโหลวอี้พากลับเข้าไปในแคว้นต้าเย่ว์ตู๋กูเช่อกังวลเรื่องเสบียง จึงหยุดการไล่ล่า และหันไปควบคุมเชลยศึกกล
ขณะเดียวกัน ผู้เลี้ยงเหยี่ยวที่ได้รับข่าวสารก็ควบม้ามาอย่างรวดเร็ว“องค์หญิง! ข่าวจากฝั่งจิ้งเป่ยอ๋องมาถึงแล้ว!”ผู้เลี้ยงเหยี่ยวมาถึงเบื้องหน้าพวกเขา และส่งข้อความที่ได้รับมาอย่างรวดเร็วเจียเหยารับข้อความนั้น แล้วใช้ไฟจากไม้ขีดจุดกองหญ้าแห้งเล็กๆ เพื่อเริ่มถอดรหัสข้อความกองกำลังของเราสลายกองทัพศัตรูแล้ว ให้รีบมาจับเชลยทางตะวันตกของแม่น้ำหยางฉางข้อความของหยุนเจิงนั้นสั้นกระชับอย่างไรก็ตาม ขณะที่เจียเหยาอ่านข้อความ นางกลับนิ่งอึ้งไปเจียเหยาถูตาอย่างแรง ก่อนจะตรวจสอบข้อความอีกครั้งอย่างละเอียด กลัวว่าตนเองจะถอดรหัสผิดแต่ไม่ว่านางจะถอดรหัสอีกกี่ครั้ง เนื้อหาก็ยังเหมือนเดิมหยุนเจิงนำกองกำลังสลายทัพเจ็ดหมื่นของกุ่ยฟางได้แล้วหรือ?นี่…เป็นไปได้อย่างไร?กุ่ยฟางยังมีกองกำลังถึงเจ็ดหมื่นไม่ใช่หรือ!หยุนเจิงมีกำลังพลแค่หมื่นกว่านาย และในจำนวนนั้นมีทหารม้าเพียงห้าพันเท่านั้น!พวกเขายังไม่ทันโจมตี ยังไม่ได้สมทบกับหยุนเจิงเพื่อโจมตีศัตรู หยุนเจิงก็สลายกองทัพศัตรูได้แล้ว?นี่มันบ้าไปแล้ว!หยุนเจิงทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?ถึงแม้ขวัญกำลังใจของกุ่ยฟางจะตกต่ำ ก็ไม่น่าจะถูกทำลายลงได