“องค์ชายดูเหมือนจะมั่นใจในชัยชนะนะ?”ปานปู้มองดูหยุนเจิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหยุนเจิงยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “ราชครูเองก็มั่นใจเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”"ฮ่าๆ!"ปานปู้หัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ในเมื่อเราทั้งสองต่างก็มั่นใจในชัยชนะ หรือว่าเราเพิ่มสิ่งเดิมพันอีกดีหรือไม่?”"โอ๋?"หยุนเจิงเริ่มมีความสนใจ “ราชครูอยากจะเพิ่มอย่างไร?”ปานปู้หัวเราะฮี่ๆ “ได้ยินมาว่าองค์ชายหกกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ หากข้าชนะ พระชายาองค์ชายหกขององค์ชายหกจะตกเป็นของข้าด้วย ว่าอย่างไร?”“โจรเฒ่าไร้ยางอาย!”เยี่ยจื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป นางตะโกนออกไปด้วยความโกรธ"เป็นไปไม่ได้!"หยุนเจิงส่ายศีรษะโดยไม่คิดปานปู้หัวเราะเยาะ “องค์ชายมั่นใจไม่ใช่หรือว่าจะชนะ? แต่ไม่กล้าเดิมพันด้วยสิ่งนี้เนี่ยนะ?”หยุนเจิงส่ายศีรษะแล้วเอ่ยว่า "ถึงแม้ว่าข้าจะไร้ประโยชน์ แต่ข้าไม่เคยคิดจะเดิมพันด้วยผู้หญิงของข้า! นี่ไม่ใช่กล้าเดิมพันหรือไม่ แต่เป็นเรื่องของหลักการ!"เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ดวงตาของเยี่ยจื่อพลันฉายแววแปลกๆคำพูดของหยุนเจิงกระแทกเข้าไปในจิตใจของนางกล้าเดิมพันหรือไม่กล้าเดิมพัน กับสามารถนำมาเดิมพันหรือไม่สามารถนำมาเดิมพันนั
แม้ว่าทุกคนอยากจะห้ามปราม แต่กลับทำไม่ได้ไม่นาน ซินเซิงก็จุดธูปปานปู้ปลีกตัวไปเขียนคำตอบข้างๆ องครักษ์ติดตามของเขาเฝ้าดูไม่ห่างราวกับกลัวว่าจะมีใครเข้ามาแอบดูคำตอบอย่างไรอย่างนั้นหยุนเจิงยิ้ม แล้วหยิบปากกาขนนกออกมาเริ่มคำนวณภายใต้สายตาที่อยากรู้อยากเห็นของทุกคนเยี่ยจื่อเหลือบมองปากกาขนนกในมือของหยุนเจิงด้วยความประหลาดใจ แล้วเดินเข้าไปใกล้หยุนเจิง ดูเขาแก้โจทย์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นX Y อะไรนั่น เยี่ยจื่อไม่เข้าใจเลยนางเพียวแค่เห็นหยุนเจิงขีดเขียนอยู่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วy=(100-5x)/3ไม่นาน หยุนเจิงก็ร่างสมการออกมาแล้วเริ่มแทนค่าจากหนึ่งถึงยี่สิบ เพียงแค่แทนค่าที่ใกล้เคียงกันเป็นพอเพียงแค่ไม่กี่นาที หยุนเจิงก็ได้คำตอบถึงหกคำตอบด้วยกันเมื่อเห็นคำตอบทั้งหกข้อของหยุนเจิงแล้ว เยี่ยจื่อก็เข้าใจในทันทีมิน่าล่ะ ปานปู้ถึงได้มั่นใจเพียงนั้น แท้จริงแล้วก็มีคำตอบมากมายเพียงนี้นี่เองสมแล้วที่เป็นราชครูของเป่ยหวน เก่งเลขจริงๆ!ขณะที่เยี่ยจื่อกำลังตรวจสอบคำตอบเหล่านี้ในใจทีละคำตอบอยู่นั้น หยุนเจิงพลันวางปากกาลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ราชครู ตรวจคำตอบได้แล้ว!"ในเวลานี้ ธูปเ
พ่อบ้านไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกต่อไปและวิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนกเขาต้องรีบบอกข่าวให้คนของจักรพรรดิเหวินทราบหากจักรพรรดิเหวินเสด็จมา บางทีองค์ชายหกอาจจะมีโอกาสรอดก็เป็นได้เมื่อเห็นพ่อบ้านที่วิ่งออกไปอย่างตื่นตระหนกแล้ว ปานปู้ถึงกับหัวเราะลั่น “องค์ชายหก อย่ารอช้าเลย รีบเผยคำตอบมาดีกว่า วันนี้ข้าจะทำให้ท่านแพ้อย่างราบคราบ!”“ราชครูหัวเราะอะไรน่ะ?”หยุนเจิงมองปานปู้ด้วยสีหน้าดำคล้ำ“ข้ากำลังหัวเราะองค์ชายหกผู้โง่เขลาอยู่น่ะ!”ปานปู้หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “องค์ชายหกคิดว่าคำถามนี้จะง่ายขนาดนี้เชียวหรือ องค์ชายหกท่านอวดดีเกินไปแล้ว! และการอวดดีนั้นมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ!”“อืม พูดดี!”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย “การอวดดีย่อมต้องมีราคาที่ต้องจ่าย!!”ระหว่างนั้น หยุนเจิงพลันเผยคำตอบของตนออกมาเมื่อเห็นคำตอบที่หยุนเจิงเผยออกมานั้น ปานปู้มึนงงในทันใดวินาทีต่อมาเสียงหัวเราะของปานปู้ก็หยุดลงกะทันหันหกคำตอบ?หยุนเจิงหาได้หกคำตอบนั้นหรือ?เมื่อเห็นคำตอบของหยุนเจิงแล้ว คนรับใช้ในจวนเองก็ตกตะลึงเช่นกันเกิดอะไรขึ้น?เกิดอะไรขึ้น?แต่ไม่นานทุกคนก็กลับมาเศร้าอีกครั้งคำตอบของปานปู้มีทั
คำตอบสองคำตอบตรวจสอบไม่ยากนักเพียงแค่บวกเพิ่มเข้าไปก็พอขณะที่ปานปู้ตรวจสอบคำตอบที่เพิ่มออกมาทั้งสองตัวแล้ว เขาก็ทำตัวไม่ถูกทันทีถูก!คำตอบทั้งสองตัวนี้เป็นคำตอบที่ถูกต้อง!โจทย์ข้อนี้มีคำตอบทั้งหมดหกตัวจริงๆ?เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?ทั้งๆ ที่ตนคิดรอบคอบแล้วนี่!เหตุใดจึงมีหกคำตอบ?“เป็นไปไม่ได้ๆ...”ปานปู้เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากอย่างร้อนรน แล้วเริ่มคำนวณขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นการกระทำของปานปู้แล้ว ตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ ต่างตะลึงงันทันทีเกิดอะไรขึ้น?หรือว่าองค์ชายหกคิดถูกแล้ว?เป็นปานปู้ที่คิดออกมาไม่หมดนั้นหรือ?ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น เยี่ยจื่อพลันพยุงซินเซิงที่ยังไม่ทันไม่สติดีขึ้นพลางเอ่ยเสียงเบาว่า "เจ้าเด็กโง่ หยุดร้องไห้ได้แล้ว องค์ชายหกชนะแล้ว!"นางคิดคำนวณดูแล้วคำตอบของหยุนเจิงทั้งหกตัวนี้เป็นคำตอบที่ถูก!ถึงแม้ปานปู้จะคำนวณอีกเป็นร้อยครั้งก็ยังถูกอยู่ดี!“องค์ชาย...ชนะแล้ว?”ซินเซิงมองเยี่ยจื่ออย่างโง่เขลาราวกับไม่เชื่อหูตนเองอย่างไรอย่างนั้นเหตุใดองค์ชายถึงชนะอีกแล้ว?ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ปานปู้ก็ล้มลงกับพื้นถูกจริงๆ ด้วย!คำตอบอีกสองตัวท
องครักษ์จับปานปู้ไว้ แล้วพูดอย่างดุเดือดว่า "เราจะไป หากต้าเฉียนคิดจะขัดขวาง ให้ถามกองทัพม้าเหล็กของเป่ยหวนก่อนว่ายอมไหม!”เมื่อเห็นว่าเป่ยหวนพยายามโกง ตู้กุยหยวนจึงชัดกระบี่ไปจากมือของเกาเหอโดยตรง“ยอมรับความพ่ายแพ้หรือไม่?”ตู้กุยหยวนยืนถือมีดไว้ที่แขนข้างหนึ่ง จ้องมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าเย็นชา “คิดจะเดินจากไป ถามกระบี่ในมือข้าแล้วหรือยัง!”“วอนหาที่ตาย!”องครักษ์ของปานปู้ชักดาบออกมาเผชิญหน้ากันทันที"เก็บ!"ปานปู้ตะโกนด้วยความโกรธและกัดฟันพูด "ข้าลูกผู้ชายแห่งเป่ยหวน ยอมรับความพ่ายแพ้! อย่าให้ต้าเฉียนมองเป่ยหวนเป็นเรื่องตลก!""ราชครู!"องครักษ์โกรธจัด “ท่านเป็นราชครูของเป่ยหวน ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน...”"หุบปาก!"ปานปู้ตะคอกเสียงดังและกำหมัดแน่นเขาเองก็อยากจะโกงเช่นเดียวกันแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะโกงถ้าเขาโกงตอนนี้ เขาอาจจะไม่ได้เสบียงจากต้าเฉียนก็เป็นได้หากไม่มีเสบียงนั่น เป่ยหวนคงไม่สามารถอยู่รอดได้ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บนี้แน่นอนปานปู้สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วคลายหมัดออกช้าๆความอัปยศอดสูในวันนี้ เขาจะเอาคืนเป็นสิบเท่าในภายภาคหน้า!ปานปู้พูดในใจอย่างชั่วร้ายแล
ยามดึก จักรพรรดิเหวินอารมณ์ดีไม่น้อยหลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จแต่เช้า จักรพรรดิเหวินก็มาที่ตำหนักของซูเฟยไม่ว่าอย่างไร เรื่องขอเสบียงของเป่ยหวนก็คลี่คลายในที่สุดแม้จะเสียใจเล็กน้อย แต่ต้าเฉียนก็ได้รับผลประโยชน์บ้าง ซึ่งดีกว่าการมอบเสบียงจำนวนสามล้านชุดให้กับเป่ยหวนเปล่าๆ มาหลังจากที่เครียดกับเรื่องนี้มานาน ก็ถึงเวลาพักผ่อนเสียทีซูเฟยให้กำเนิดหยุนลี่กับจักรพรรดิเหวินเมื่ออายุได้สิบเจ็ดปี ปัจจุบันอายุได้สี่สิบสามปีแล้วแต่ซูเฟยได้รับการดูแลอย่างดี ไม่เพียงแต่มีเสน่ห์ตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเก่งเรื่องบนเตียงอีกด้วย สามารถทำให้จักรพรรดิเหวินรู้สึกพึงพอใจได้ทุกครั้ง ทำให้จักรพรรดิเหวินโปรดปราณนางที่สุดบัดนี้องค์รัชทายาทก่อกบฏและถูกประหารชีวิตแล้ว ฮองเฮาเองก็ไม่มีทายาทคนอื่นๆ เรื่องที่จะถูกปลดจากตำแหน่งนั้นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็วซูเฟยหมายครองตำแหน่งฮองเฮามานานแล้ว นางจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้จักรพรรดิเหวินพอใจภายใต้การยั่วยวนของซูเฟย ทำให้จักรพรรดิเหวินอดไม่ได้อีกต่อไปขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังเตรียมสู้รบกับซูเฟยนั้น ก็มีเสียงมู่ซุ่นที่ฟังดูร้อนใจกัง
“จะสนใจไปไยว่าเป็นของใคร จูงไปหมดนี่ก่อนค่อยว่ากัน!”ในคอกม้า หยุนเจิงไม่สนใจว่าม้าเหล่านี้เป็นของผู้ใด จูงออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังยอมฆ่าผิดตัว ดีกว่าปล่อยให้รอด!อย่างมากพอจบเรื่องแล้วก็แค่คืนม้าไปที่จุดพักม้าก็สิ้นเรื่องเมื่อเห็นม้าของตัวเองถูกจูงไป ชาวเป่ยหวนทั้งหมดก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ แต่ละคนแทบอยากจะฉีกร่างหยุนเจิงออกเป็นชิ้นๆ“เลิกมองได้แล้ว!”ปานปู้ที่กำลังโกรธจัด ตวาดอย่างไม่พอใจ “ใครก็ห้ามเข้าไปขวาง ปล่อยให้พวกเขาจูงไป! ลูกผู้ชายชาวเป่ยหวนอย่างข้า กล้าเดิมพันก็กล้ายอมรับความพ่ายแพ้!”หลังจากพูดจบ ปานปู้ก็เดินกลับห้องด้วยความเดือดดาลแพ้ไปแล้ว จะพูดอะไรได้อีก?มีหลักฐานแจ่มแจ้งเสียปานนั้น นับตั้งแต่ที่เขาแพ้เดิมพัน ม้าเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นของเป่ยหวนอีกแล้วตาไม่เห็นนับว่าสะอาด!ขืนดูอยู่ตรงนี้ต่อ ก็รังแต่จะทำให้โมโหยิ่งขึ้นเท่านั้นพอกลับเข้าไปในห้อง ปานปู้หยิบลูกศรขนนกติดจดหมายที่ถูกยิงเข้ามาก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้ที่เก็บลูกศรและจดหมายเอาไว้ เพราะเกิดความคิดชั่ววูบตอนนี้จดหมายฉบับนั้นมีประโยชน์แล้วลูกศรขนนกนี้ก็ควรถึงเวลาใช้ให้เกิดประโยชน์แล้ว
ตาเฒ่าคนนี้ ไม่รู้จักสะกดกลั้นอารมณ์เอาเสียเลย!หยุนเจิงบ่นในใจ โบกมือแล้วพาทุกคนออกไปน่าเสียดายที่ปานปู้ไม่มีสิ่งใดที่สามารถนำมาเดิมพันได้จริงๆไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รังเกียจที่จะเดิมพันกับปานปู้อีกสักครั้งด้วยระดับความรู้ทางคณิตศาสตร์ของปานปู้ อย่างมากก็อยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาเท่านั้นเพียงแค่ออกโจทย์เกี่ยวกับฟังก์ชัน ก็พอให้เขาคำนวณไปทั้งชีวิตแล้วขณะที่หยุนเจิงกำลังคิดเรื่อยเปื่อย ก็เห็นขบวนมังกรยาวเฟื้อยมาแต่ไกล“ฮ่องเต้เสด็จ!”พร้อมกับเสียงตะโกนดัง สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที ทั้งหมดลงจากหลังม้าเพื่อถวายบังคมจักรพรรดิเหวินไม่นานหลังจากนั้น ราชองครักษ์สองแถวที่แต่งกายเต็มยศก็คุ้มกันขบวนรถม้าพระที่นั่งของจักรพรรดิเหวินเข้ามาใกล้มู่ซุ่นเปิดม่านรถม้าออก จักรพรรดิเหวินก็ก้าวออกมาด้วยสีหน้าถมึงทึง“น้อมรับเสด็จฝ่าบาท!”ทุกคนต่างแสดงความเคารพ“เจ้าหก ออกมาหาข้าบัดเดี๋ยวนี้!”จักรพรรดิเหวินตวาดเสียงดุดัน ทำให้ทุกคนตัวสั่นสะท้านด้วยความตกใจหยุนเจิงพูดไม่ออก เดินช้าๆ ออกจากฝูงชน “ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าทำอะไรของเจ้า”จักรพรรดิเหวินถลึงตาอย่างเกรี้ยวกราด แผดเ
หยุนลี่พลันเข้าใจแจ่มแจ้ง มองจักรพรรดิเหวินด้วยความนับถือเต็มใบหน้าเสด็จพ่อช่างมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก!แม้กระทั่งเรื่องนี้ก็ยังทรงคำนึงถึง!“เสด็จพ่อทรงมีสายตากว้างไกล ลูกนับถือจนสุดหัวใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่กล่าวด้วยความจริงใจนี่หาใช่คำเยินยอไม่ แต่เป็นความนับถืออย่างแท้จริงเพียงเรื่องเดียว กลับมีจุดประสงค์มากมายถึงเพียงนี้“เจ้าสาม เจ้ายังอ่อนประสบการณ์เกินไป…”จักรพรรดิเหวินถอนหายใจเบาๆ “เรื่องนี้เจ้ายังต้องเรียนรู้จากเจ้าหกให้มาก! หากเจ้าหกมีเพียงกำลังทหารแข็งแกร่ง ข้าก็หาได้หวาดกลัวเขาไม่! แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตัวเจ้าหกลูกอกตัญญูผู้นี้คือสมองของเขา เขามักคิดการณ์ไกลอยู่เสมอ เขาอยู่ในจวนปี้ปัวมาสองสิบกว่าปี ข้าคิดว่าเขาคงใช้เวลาส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องเหล่านี้…”ในข้อนี้ หยุนลี่เองก็เห็นด้วยไม่มีใครรู้เท่ากับเขาว่าเจ้าหกมีความเจ้าเล่ห์เพียงใดไอ้สารเลวนี้ เมื่อก่อนในจวนปี้ปัวทำตัวขี้ขลาดแน่นอนว่าคงหมกมุ่นอยู่แต่การวางแผนเล่นงานผู้อื่น!ไม่เช่นนั้น ไอ้สารเลวนี้จะมีความเจ้าเล่ห์ได้ถึงเพียงนี้หรือ?“เสด็จพ่อสั่งสอนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่กล่าวด้วยความละอาย
"นี่..." หยุนลี่อ้าปากค้างไปชั่วขณะ แต่ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ เขารู้ดีว่าจักรพรรดิเหวินตรัสอย่างมีเหตุผล ตระกูลใหญ่และขุนนางไม่ได้สนใจว่าใครจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ พวกเขาสนแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ตอนนี้หยุนเจิงมีกองกำลังที่แข็งแกร่ง หากเขาก่อกบฏ เกรงว่าตระกูลใหญ่และขุนนางหลายคนจะเข้าข้างหยุนเจิง บางตระกูลที่มีความทะเยอทะยาน อาจถึงขั้นร่วมมือกันยกทัพก่อกบฏ แค่หยุนเจิงคนเดียวก็จัดการได้ยากมากอยู่แล้ว ถ้าหลังบ้านของเรายังมีปัญหาเพิ่มเติม ราชสำนักอาจไม่มีแม้แต่แรงที่จะต่อต้านเลยก็เป็นได้ หยุนลี่ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจกัดฟันพูดว่า "ลูกจะเชื่อเสด็จพ่อ! เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ลูกจะทำทุกวิถีทางเพื่อลดอำนาจของพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง!" เอาเป็นว่าทำตามนี้! ถ้าไม่จัดการกับพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง เงินทองของตัวเองจะมาจากไหน? เพราะนั่นมันตั้งสี่แสนตำลึงเงินนะ! เงินที่ยึดมาได้จากพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง บางส่วนจะสามารถเข้ากระเป๋าของตัวเองได้ เพื่อชดเชยความเสียหาย ส่วนหนึ่งสามารถนำเข้าคลังหลวง เพื่อนำไปเตรียมการกองทัพและป้องกันหยุนเจิง! "ถูกต้องแล้ว!" จักรพรรดิเห
“เฮ้อ…” จักรพรรดิเหวินถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตบมือหยุนลี่เบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าไปคุยกับเจ้าหกมาเป็นอย่างไรบ้าง?" พอพูดถึงเรื่องนี้ ไฟโทสะที่หยุนลี่เพิ่งกดไว้ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แต่โชคดีที่เขาเพิ่งพ่นเลือดไปสองครั้งและปลอบใจตัวเองมาพอสมควร เลยไม่ถึงกับพ่นเลือดออกมาอีก ถึงจะโกรธแค่ไหน แต่หยุนลี่ก็ยังเล่าเรื่องข้อตกลงระหว่างเขากับหยุนเจิงออกมา "ไอ้ลูกอกตัญญูช่างกล้าบ้าบิ่น!" พอจักรพรรดิเหวินได้ฟังเรื่องราวจากหยุนลี่ ก็โมโหจนหายใจแรง "เสด็จพ่ออย่าทรงกริ้ว ขอให้รักษาพระวรกายไว้ก่อนเถิด..." หยุนลี่รีบยื่นมือไปช่วยประคองลมหายใจของจักรพรรดิเหวินให้สงบลง จักรพรรดิเหวินพ่นลมหายใจอย่างแรงอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดก็เริ่มสงบลงได้ หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิเหวินก็หันไปมองหยุนลี่ด้วยสีหน้าเย็นชา "พรุ่งนี้เจ้าเด็กอกตัญญูยังต้องมาคารวะข้า เจ้าคิดว่าถ้าข้าให้คนซุ่มรอไว้ก่อน จะมีโอกาสจับมันได้ครั้งเดียวหรือไม่?" "ไม่ได้เด็ดขาด!" หยุนลี่รีบห้ามพระองค์จากความคิดบ้าคลั่งนั้น "เสด็จพ่อก็ทรงเห็นแล้วว่าเจ้าหกระวังตัวตลอดเวลา หากจับตัวมันไม่ได้ในการลงมือครั้งเดียว จะยิ่งทำให้มันโกรธแค้น ใน
เมื่อกลับถึงจวนพัก หยุนลี่ก็ระบายความโกรธด้วยการฟันหิมะอย่างบ้าคลั่ง น่าขายหน้า! ขายหน้าสิ้นดี! ทั้งชีวิตนี้เขาไม่เคยขายหน้าขนาดนี้มาก่อน เขารู้ว่าในการมาฟู่โจวครั้งนี้จะต้องถูกหยุนเจิงหลอก แต่ไม่คิดว่าจะโดนเล่นงานถึงขนาดนี้ ทั้งเงิน ทั้งข้าว ทั้งที่ดิน... ตัวเองยังสมควรเป็นองค์รัชทายาทอยู่อีกหรือ? เขากลายเป็นตัวตลกเต็มประตู! น่าชิงชัง! น่าชิงชังที่สุด! หยุนลี่ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เลือดลมภายในร่างพลุ่งพล่านไม่หยุด "พรวด..." เมื่อความโกรธทำให้เลือดลมตีขึ้น หยุนลี่ก็ทนไม่ไหวและพ่นเลือดออกมาคำใหญ่ ร่างของหยุนลี่เซไปมาจนเกือบล้มลงกับพื้น โชคดีที่ในจังหวะที่ร่างกำลังจะทรุดลง เขาปักดาบลงพื้น ใช้ดาบค้ำยันตัวเองไว้ พร้อมคุกเข่าข้างหนึ่ง "องค์รัชทายาทเพคะ!" เหล่าข้ารับใช้รีบร้องตะโกนด้วยความตื่นตกใจ ก่อนกรูเข้ามาหา "ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด..." หยุนลี่ตะโกนเสียงต่ำ ขณะที่ปาดคราบเลือดที่มุมปากออกอย่างลวกๆ เขาไม่ต้องการให้ใครเห็นสภาพอันน่าอับอายของตัวเอง เขาคือองค์รัชทายาทแห่งแผ่นดิน ต่อให้เป็นอย่างไรก็ยังต้องรักษาหน้าตาไว้ เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของหยุนลี่ บรรด
เมื่อเจอคำขู่ของหยุนเจิง หยุนลี่ถึงกับตัวสั่นไปทั้งร่างด้วยความโกรธ ลังเลอยู่นาน ในที่สุดหยุนลี่ก็กัดฟันยอมรับ "ตกลง สี่ล้านตำลึง! เหมือนกับเรื่องเสบียง ให้ชำระภายในสิ้นปี!" เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา หยุนลี่แทบกระอักเลือด เขาเคยคิดไว้ว่าจะพึ่งจางซูผู้เป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติเพื่อหาเงินได้อย่างมหาศาล ตอนนี้ เงินหาได้มาก็จริง แต่ยังไม่ทันได้ใช้ให้คุ้ม เจ้าสุนัขตัวนี้ก็มาจ้องตาเป็นมันแล้ว แถมยังต้องควักทุนสำรองออกมา และไปยืมเงินจากคนอื่นอีก! "ทีนี้มาพูดเรื่องช่างฝีมือกันเถอะ!" หยุนเจิงยิ้มอย่างพึงพอใจ "อย่ามาพูดเรื่องไปหาเอาจากกรมโยธาเลย แค่ช่างต่อเรือสองพันคนเอง ไม่ใช่ว่าสร้างเรือรบสองพันลำ! ข้าอาจไม่ยุ่งเรื่องในราชสำนัก แต่ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ยากสำหรับเจ้า" ไม่ยาก? ในใจหยุนลี่ด่าไม่หยุด นี่มันช่างต่อเรือที่มีการลงทะเบียนเอาไว้! ล้วนมีทะเบียนช่างฝีมืออยู่! ไม่ใช่พวกผู้อพยพสองพันคน! "หนึ่งพัน!" หยุนลี่พยายามระงับโทสะ "จะเคลื่อนย้ายคนที่มีทะเบียนช่างฝีมือเยอะๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย! การควบคุมช่างต่อเรืออาจไม่เข้มงวดเท่าช่างทำเกราะ แต่ถ้ามีทะเบียนติดตัว..."
ในห้องของหยุนเจิง เพิ่งจะจัดการความยุ่งเหยิงเรียบร้อย หยุนลี่ก็โผล่มาพอดี ในเวลานั้น หยุนเจิงเพิ่งจะตั้งตัวได้จากเรื่องวุ่นวายที่เกิดกับเจียเหยา "เจ้าหก เจ้าวางแผนได้ดีจริง!" หยุนลี่กำหมัดแน่น กัดฟันพูดว่า "ว่ามา เจ้าอยากได้อะไร?" หยุนลี่ไม่คิดจะอ้อมค้อมกับหยุนเจิง เจ้าสุนัขนี่วางแผนแบบนี้ก็เพื่อจะหาประโยชน์จากตนเองเท่านั้น หากมัวแต่เลี่ยงไปเลี่ยงมา คนที่ต้องเจ็บใจก็คือตัวเองอยู่ดี "พี่สาม ใจเด็ดดีจริง!" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง "เงินห้าล้านตำลึง กับช่างต่อเรืออีกสองพันคน!" "เจ้า..." หยุนลี่โกรธจนแทบระเบิด กัดฟันตะโกน "ทำไมเจ้าไม่ไปปล้นเอาเลยล่ะ?" เจ้าสัตว์เดรัจฉาน! ยังแย่กว่าเดรัจฉานเสียอีก! เขารู้อยู่แล้วว่าหยุนเจิงต้องเรียกร้องมากแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ เงินห้าล้านตำลึง? ตนจะหาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน? แม้จะมีจางซูผู้เปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งโชคลาภช่วยหาเงิน แต่แม่เจ้า ก็ไม่ถึงขนาดนี้! ซั่วเป่ยก็ยกให้เขาไปแล้ว! เขายังมาอ้อมค้อมขอเงินและเสบียงจากราชสำนักอีก? ไม่สิ ต้องบอกว่าขอจากตนต่างหาก! เขาเสียใจจริงๆ ที่ตอนนั้นปล่อยเจ้าหมอนี่ออกจากเมืองหล
เอาได้เท่าไรก็เท่านั้น หยุนเจิงหัวเราะเมื่อได้ยิน “เจ้าชอบว่าข้าว่าหน้าหนา แต่ดูเจ้าสิ ก็ไม่ได้บางไปกว่าข้าเลย!” เจียเหยาหัวเราะเบาๆ “ข้านี่แหละเรียนจากเจ้าไง?” “เช่นนั้นรบกวนเจ้าจ่ายค่าเล่าเรียนมาก่อนนะ” หยุนเจิงพูดพลางยื่นมือไปทางเจียเหยา เจียเหยาทำหน้างง ก่อนจะตบมือหยุนเจิงเบาๆ ทันทีที่มือของเจียเหยาสัมผัส ถูกลูกธนูหลายดอกยิงเข้ามาในห้องด้วยเสียง “ฟิ้ว ฟิ้ว” มีลูกธนูสองดอกที่ทะลุผ่านผ้าห่มด้านนอกมากระแทกบนโต๊ะ เกิดเสียง "ตึบ ตึบ" เจียเหยาตั้งใจจะพุ่งไปหยิบแส้ของนางที่ข้างเตียง แต่ถูกหยุนเจิงดึงตัวไว้ เจียเหยาเสียหลัก ล้มเข้าไปในอ้อมอกของหยุนเจิงทันที “ฟิ้ว ฟิ้ว…” ลูกธนูยังคงยิงเข้ามาในห้องอย่างต่อเนื่อง สองคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังโต๊ะเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน เจียเหยาจ้องมองหยุนเจิงอย่างมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งสังเกตถึงสิ่งแปลกประหลาดก่อนจะถามด้วยใบหน้าแดงซ่าน “เจ้ายังพกของเล่นที่ทำไว้ให้ลูกติดตัวอยู่หรือ?” พูดจบ เจียเหยาก็คว้าสิ่งที่ดันตัวนางอยู่ พร้อมกระตุกมันออกมา นางอยากรู้ว่ามันคืออะไร ที่หยุนเจิงทำหล่นเมื่อคราวก่อน “อย่า…” หยุนเจิงพยายามห้าม แต
โต๊ะในห้องของเขาทั้งสองมีขนาดแค่นั้น ซ่อนตัวคนเดียวก็ดูกว้างขวางดี แต่พอซ่อนตัวสองคนหลังโต๊ะ ก็รู้สึกค่อนข้างแคบลง ในระยะนี้ หยุนเจิงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเจียเหยาอย่างชัดเจน นางคงจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าใช่สบู่หอมหรือเปล่า หรือว่านางเหมือนเยี่ยจื่อ ที่ใส่กลีบดอกไม้จำนวนมากในอ่างอาบน้ำ หรือจะเป็นการอาบน้ำด้วยน้ำอบหอม? จู่ๆ ภาพเจียเหยาขณะอาบน้ำก็ผุดขึ้นมาในหัวของหยุนเจิง ทันใดนั้น หยุนเจิงรู้สึกเหมือนมีคนดึงตัวเขา จนถึงตอนนี้ หยุนเจิงถึงได้รู้สึกตัว หยุนเจิงหันศีรษะไป ก็เห็นเจียเหยาจ้องเขาด้วยสายตาสงสัย “อะไร? บนหน้าข้ามีดอกไม้หรือ?” หยุนเจิงถามด้วยสีหน้างงงวย “อะไร? ข้ากำลังอยากถามเจ้าว่ากำลังทำอะไรอยู่?” เจียเหยาหัวเราะเล็กน้อย “ข้าพูดกับเจ้านานแล้ว แต่เจ้าไม่มีปฏิกิริยาเลย ข้ายังคิดว่าเจ้าถูกผีสิงเสียอีก!” “หา?” “เช่นนั้นหรือ?” หยุนเจิงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ในใจ บ้าจริง! ยังไม่ทันถึงฤดูใบไม้ผลิเลย! เขานี่กำลังคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่? หยุนเจิงรีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนพูดด้วยท่าทีจริงจัง “เมื่อครู่ข้ากำลังคิดบางเรื่อง
เจียเหยาโกรธ “ข้าไม่ได้สงสัยว่าเจ้ามีสิ่งนั้นอยู่ในมือหรือไม่ ข้าแค่ถามไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น!” “ข้าบอกให้เจ้าไป ก็ต้องไป!” หยุนเจิงจ้องเจียเหยาทีหนึ่ง “แม้ว่าเจ้าจะวิ่งกลับไป ถ้าสถานการณ์ในเป่ยหวนไม่ดี เจ้าก็ต้องวิ่งมาหาข้าอยู่ดี วิ่งไปวิ่งมานี่เจ้าไม่เหนื่อยหรือ? หรือเจ้าอยากทรมานตัวเองจนตายเพื่อแก้แค้นข้า?” “ข้า…” เจียเหยาอึ้งจนพูดไม่ออก แต่ว่า คิดดูแล้วก็จริง หากสถานการณ์ในเป่ยหวนไม่ดี นางก็ต้องมาหาหยุนเจิงอยู่ดี คิดแบบนี้ การวิ่งไปมานั้นเหนื่อยมากจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไปดูเขาขยายช่องเขาหลางหยาก็น่าสนใจ “ก็ได้ ข้าจะฟังเจ้า” เจียเหยาพยักหน้าเบาๆ ก่อนถามด้วยสีหน้าล้อเลียน “เจ้ารู้สึกสงสารข้าหรือ?” “เจ้าอยากให้ข้าสงสารเจ้าหรือ?” หยุนเจิงถามกลับ “แน่นอน!” เจียเหยาตอบทันที “ถ้ามองในมุมของข้า ยิ่งเจ้าสงสารข้า ข้าและเป่ยหวนก็ยิ่งได้ประโยชน์” หยุนเจิงยักไหล่ “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าสงสารเจ้าก็แล้วกัน อย่างไรเจ้าก็คิดอะไรก็ได้ที่ทำให้เจ้ามีความสุข” สงสารเจียเหยาหรือ? ก็มีอยู่เล็กน้อยแหล่ะ! ทว่าก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็เพื่อรักษาอำนาจข่มขู่เจียเห