วันที่สอง หลังนำธุระข้างหลังมอบให้เฝิงอวี้แล้ว หยุนเจิงพาเมี่ยวอินและฉินชีหู่เดินทางไปยังซั่วฟางตอนนี้ ในสมองของพวกเขามีแต่คิดว่าจัดการไอสารเลวเว่ยเหวินจงเช่นไรฉินชีหู่ถึงกับบอกว่าจะถลกหนังเว่ยเหวินจงทั้งเป็น!เวลาบ่าย พวกเขาเห็นกองทหารคุ้มกันเสบียงข้างหน้าพวกเขาเข้าใกล้ พบว่าทหารของโจวมี่ห้าร้อยคนกำลังคุ้มกันเสบียงไปส่งที่เมืองจิ้งอันและสุยหนิง“อง์ชาย!”เมื่อเห็นหยุนเจิง โจวมี่ประหลาดใจด้วยความดีใจอย่างมากด้วยความดีใจ โจมมี่คาราวะทั้งสามคน“พอแล้ว พอแล้ว”หยุนเจิงยกมือห้ามโจวมี่ “พวกเรายังมีธุระ ไม่คุยกับเจ้าแล้ว! พวกเจ้ารีบไปส่งเหล้าที่เมืองสุยหนิงและจิ้งอัน! ใช่แล้ว เจ้าบอกแม่ทัพเฝ้าเมืองทั้งสอง ใครกล้าดื่มเหล้า ประหารทันที!”“ห๊า?”ฉินชีหู่มึนงง “ข้าว่านะน้องชาย เจ้าช่างใจแคบ! เจ้าให้คนส่งเหล้าไปให้กองทัพทั้งสอง แต่ไม่ให้คนดื่มเหล้า นี่ไม่ใช่ทำให้คนเกลียดหรือ?”“เหล่านี้ไม่ใช่เพื่อดื่ม!”หยุนเจิงเอือมระอา “นี่เอาไว้ใช้ล้างบาดแผลของทหารทั้งสองเมือง! ของสิ่งนี้หากดื่ม อาจถึงชีวิต!”นี่เป็นแอลกอฮอล์เข้มข้น!นี่เป็นแอลกอฮอล์ที่เขาสั่งให้จางซูกลั่นออกมาจากเหล้าจางซูเ
เวลานี้ จักรพรรดิเหวินเรียกระดมขุนนางมาประชุมทันใดนั้น ทหารวังวิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน“ฝ่าบาท รายงานด่วนจากซั่วเป่ย! คนรายงานกล่าว ท่านแม่ทัพใหญ่จิ้งเป่ยกำชับ ต้องนำจดหมายฉบับนี้มอบถึงพระหัตถ์ฝ่าบาท...”รายงานด่วนซั่วเป่ย?จักรพรรดิเหวินใจขดเกร็ง จากนั้นก็เอ่ยปาก “เร็ว พาคนเข้ามา!”ทหารวังไม่กล้าชักช้า รีบพาทหารคนสนิทของเว่ยเหวินจงเข้ามาภายในราชวัง“คาราวะ...”“เลิกพูดมากความ รีบนำจดหมายออกมา!”จักรพรรดิเหวินตัดบททหารคนสนิทของเว่ยเหวินจง มู่ซุ่นรีบวิ่งไปหาทหารคนสนิททหารคนสนิทกระหืดกระหอบ รีบนำจดหมายที่เว่ยเหวินจงเขียนด้วยตัวเองออกมามู่ซุ่นรับจดหมาย จากนั้นก็รีบวิ่งไปหาจักรพรรดิเหวิน ยกมือทั้งสองถวายให้จักรพรรดิรับจัดหมายมา เปิดจดหมายแบบลวกๆเมื่ออ่านเนื้อหาข้างใน จักรพรรดิเหวินพระเนตรทั้งสองเริ่มแดง สองพระหัตถ์สั่นไม่หยุด แม้กระทั่งกระดาษในมือหลุดปลิวไปเห็นท่าท่างผิดปกติของจักรพรรดิเหวิน หลุนลี่ที่อยู่ข้างกายจักรพรรดิเหวินรีบเข้าไปหานาทีถัดไป หยุนลี่รู้สึกปิติยินดีขึ้นมาทันใดหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนล้วนตายแล้ว!แม้แต่ศพล้วนส่งไปที่เมืองจิ้งอันแล้ว!ดี!ดีมา
หลังสิ้นเสียงของหยุนลี่ ทั้งราชสำนักตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความโศกเศร้าทันทีทุกคนทำสีหน้าเศร้าเสียใจ ราวกับบุพการีเสียชีวิตแต่ใครที่เสียใจจากจริงใจ ใครแกล้งแสดง มีเพียงพวกเขาที่รู้“ฝ่าบาท เสียใจด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”สวีสือฝู่เดินออกมา ทรุดเข่านั่งลงกับพื้น“ฝ่าบาท เสียใจด้วยพ่ะย่ะค่ะ...”เวลานี้ เหล่าขุนนางพากันคุกเข่าจักรพรรดิเหวินพยายามควบคุมอารมณ์ของพระองค์ ผ่านไปเนิ่นนาน จึงลืมพระเนตรที่เต็มไปด้วยเมฆหมอก น้ำเสียงสั่นเครือ “เรียกฉินลิ่วก่านเข้าวัง!”มู่ซุ่นรีบเรียกคนไปถ่ายทอดคำสั่ง“จ้าวจี๋!”จักรพรรดิเหวินคำรามลั่น“กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”จ้างจี๋ตอบกลับจักรพรรดิเหวินกำพระหัตถ์แน่น กล่าวเสียงต่ำ “เจ้าไปฟู่โจวเตรียมกองทัพ รอรับราชโองการมาถึง นำกองทหาร ไม่ว่าแลกด้วยสิ่งใด เร่งไปช่วยเหลือซั่วเป่ยทันที!”“พ่ะย่ะค่ะ!”จ้างจี๋รับบัญชาแล้วจากไปทันที“มู่ซุ่น รับราชโองการ!”จักรพรรดิเหวินใช้ชายแขนเสื้อเช็ดน้ำตา “สามีภรรยาเจ้าหกหยุนเจิง มีคุณูปการต่อแคว้นยิ่งใหญ่ มอบตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เจ้าเต๋อหลังหยุนเจิงมรณกรรม นามยามมรณกรรมว่าอู่เลี่ย มอบตำแหน่งให้พระชายาเป็นแม่ทัพใหญ่ก้วนจว
แต่เว่ยเหวินจงไม่ช่วยเหลือ ก็เหมือนส่งหยุนเจิงและกองทัพนับหมื่นไปตาย!“ฝ่าบาทระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพเก่าเสวียเช่อลุกขึ้นยืน ก้มโค้งกล่าว “เป่ยหวนครั้งนี้วางแผนเป็นความลับ หลังทหารนับหมื่นถูกขึงที่เมืองกู้ กำลังทหารในเมืองเว่ยเหวินจงไม่เพียงพอ กองทัพเป่ยหวนที่เทียนหูมีความผิดปกติ เว่ยเหวินจงจำเป็นต้องป้องกัน! อีกทั้ง กองทัพเป่ยหวนยึดครองตำแหน่งความได้เปรียบ เว่ยเหวินจงหากเสี่ยงเดินทัพ มีแต่จะทำให้ความเสียหายของกองทหารมณฑลทางเหนือมีมากกว่าเดิม ถึงขนาดเป็นภัยต่อทั้งซั่วเป่ย...”“เสด็จพ่อ แม่ทัพเสวียเช่อกล่าวมีเหตุผล”หยุนลี่รีบสนับสนุน “น้องหกตายในสงคราม ข้าเสียใจมาก แต่เสด็จพ่อเป็นบิดา แล้วก็ยังเป็นกษัตริย์ของแคว้น! เว่ยเหวินจงหากมีกองกำลังเสริมแต่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ ต่อให้เสด็จพ่อถลกหนักเลาะเส้นเอ็นล้วนไม่ใช่การทำเกินกว่าเหตุ! แต่เว่ยเหวินจงทำเพื่อความปลอดภัยของทั้งซั่วเป่ยนะพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ฟังคำของหยุนลี่ เหล่าขุนนางพากันพยักหน้าเห็นด้วย“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่อาจพาลกริ้วแม่ทัพใหญ่เว่ยเหวินจงได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”“เว่ยเหวินจงรักษาซั่วเป่ยมานานหลายปี หากฝ่าบาททรงกริ้วเขาเพราะ
เมืองจิ้งอันอยู่ห่างจากซั่วฟางค่อนข้างไกลจนถึงวันที่สองตอนเที่ยง พวกเขาจึงมาถึงเมืองจิ้งอันทว่า พวกเขาเพิ่งมาถึงเมืองจิ้งอันก็ได้รับข่าวไม่ดีเว่ยเหวินจงสังเกตเห็นความผิดปกติตอนที่เข้าเมืองจิ้งอันมา จึงพาทหารคนสนิทหนีทันทีเสิ่นลั่วเยี่ยนพาคนไล่ล่าขัดขวางเอาไว้ สุดท้ายก็ขวางเว่ยเหวินจงไม่ได้ตอนนี้ เว่ยเหวินจงหนีเข้าเมืองเทียนหูควบคุมทหารและม้าเมืองเทียนหูแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนและตู๋กูเช่อรวบรวมกองทัพล้อมเมืองเทียนหูเอาไว้แต่ไม่ว่าจะเป็นเสิ่นลั่วเยี่ยนหรือว่าตู๋กูเช่อ ล้วนไม่คิดจะเพิ่มความเสียหาย ดังนั้นจึงลังเลไม่กล้าโจมตีเมือง“ไอสุนัขชั่ว หนีเร็วนัก!”เมื่อได้รู้ข่าว ฉินชีหู่ด่ากราดด้วยความโกรธทันทีพวกเขาบอกแล้วว่าจะมาถลกหนังเว่ยเหวินจง!สุดท้าย ไอโจรชั่วหนีไปยังเมืองเทียนหูแล้ว?ไม่ต้องคิดก็รู้ เว่ยเหวินจงคงบอกกับกองทหารรักษาการณ์เมืองเทียนหูว่าหยุนเจิงสมคบคิดกับตู๋กูเช่อ ต้องกองทัพก่อกบฏกองทหารรักษาการณ์เทียนหูไม่รู้ความจริง ย่อมต้องเข้าข้างเว่ยเหวินจง“ไม่เป็นไร!”หยุนเจิงยิ้มกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ก็แค่จับเขาช้าลงไม่กี่วันเท่านั้น เขาหนีไม่พ้นหรอก! ไปเถอะ พวกเรารับ
หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “รอให้จับโจรสุนัขเว่ยเหวินจงได้ ทุกอย่างก็กระจ่างแล้ว!”“ท่านคิดจะจับเว่ยเหวินจงเช่นไร?” ฉินชีหู่ขมวดคิ้วมองหยุนเจิง “ท่านจับเว่ยเหวินจงด้วยวิธีใดข้าไม่สน แต่พวกท่านห้ามโจมตีเมืองเด็ดขาด!”การโจมตีเมือง ล้วนสร้างความเสียหายในต้าเฉียนอย่างมากนี่คือผลลัพธ์ที่ฉินชีหู่รับไม่ได้เด็ดขาด“วางใจ ไม่จำเป็นต้องโจมตีเมือง!”หยุนเจิงหัวเราะ “ทหาร ไปเรียกแม่ทัพตู๋กูมาประชุม!”“ขอรับ!”ไม่นาน ทหารที่อยู่นอกกระโจมไปถ่ายทอดคำสั่ง“ได้ยินว่า เจ้าได้รับบาดเจ็บ?”ขณะที่รอตู๋กูเช่อ หยุนเจิงถามอาการบาดเจ็บของเสิ่นลั่วเยี่ยน“ไม่เป็นไร”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ก็แค่รอยถลอกบนมือเท่านั้น ไม่ร้ายแรง”“มาให้ข้าดู!”หยุนเจิงไม่เชื่อคำพูดนาง!“ดูสิ่งใดเล่า!”เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องเขม็งหยุนเจิง “บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร! หากมีปัญหาข้ายังสามารถกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงนี้ได้หรือ?”“เร็วเข้า!”หยุนเจิงจ้องมองเสิ่นลั่วเยี่ยน “อย่าบังคับข้าจับเจ้าถลกชุดเกราะ!”“เจ้า...”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงด้วยความโกรธและอายไอสารเลว!พูดไร้สาระ!ฉินชีหู่ยังอยู่ในกระโจมด้วย!เขาค
เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทุกคนจมอยู่ในความคิด“จริงด้วย! เหตุใดข้าถึงคิดไม่ได้!”ตู๋กูเช่อตบหน้าผาทันใด “กองทัพพวกเราอยู่ในท่าทีกดดัน ใจทหารกองทัพเทียนหูต้องหวาดหวั่น แต่โจรชั่วเว่ยเหวินจงยังมีอำนาจ พวกเราต้องถูกเว่ยเหวินจงบีบบังคับ! ทันทีที่พวกเราปล่อย ปัญหายากก็จะถูกโยนไปให้เว่ยเหวินจงแล้ว!”“ปัญหายาก?”ฉินชีหู่ถามด้วยความไม่เข้าใจตู๋กูเช่อยิ้มกล่าว “แม้เสบียงของเทียนหูยังเหลืออยู่มาก แต่ก็สามารถทนได้เพียงเดือนเดียวเท่านั้น! เว่ยเหวินจงไม่มีทางเอาแต่หลบอยู่ในเทียนหู เขาจำเป็นต้องคิดวิธีหลบหนี!”“จากนั้นเล่า?”ฉินชีหู่ยังคงไม่เข้าใจ “ต่อให้พวกเราถอย หากเว่ยเหวินจงหนี จะทำเช่นไร?”“เขาหนีไม่รอด” หยุนเจิงรับช่วงต่อ “ขอแค่เว่ยเหวินจงนำทหารออกนอกเมือง ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ต้องมีทหารที่ไม่เต็มใจถูกเขาบังคับหนีออกมา หรือยอมแพ้ให้กับพวกเรา!”หากตอนนี้ทหารเหล่านั้นไม่หนี โดยพื้นฐานแล้วก็คือไม่คิดจะหนี!ด้านนอกมีกองทัพของพวกเขาปิดกั้น ด้านหลังเป็นเว่ยเหวินจงพวกเขายังไม่คิดหนี คิดว่าถูกเว่ยเหวินจงจับจุดตายไว้แล้วทันทีที่ออกจากเมือง มันก็กลายเป็นคนละเรื่องแล้วเสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่
ในเมื่อกล่าวมาถึงขั้นนี้แล้ว หยุนเจิงก็บอกเล่าแผนการทั้งหมดก่อนหน้าของพวกเขาให้ทั้งสองฟังแน่นอน เรื่องดินระเบิด เขาไม่ได้เอ่ยถึง เพียงแค่บอกว่าใช้วิธีพิเศษเฉพาะทำให้เกิดหิมะถล่มสิ้นเสียงของหยุนเจิง ทั้งสองคนอึ้งนั่นก็หมายความว่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่หยุนเจิงซุ่มโจมตีทหารม้าเป่ยหวนที่หุบผาชันช่องลมสำเร็จ เขาก็เริ่มวางแผนที่หุบเขามรณะแล้ว?สุดท้ายนึกไม่ถึงว่าเขาจะทำสำเร็จด้วย?นี่...นี่...ชั่วเวลานั้น สมองของพวกเขาสองคนเหมือนจะหยุดค้างพวกเขาเหมือนสูญเสียความสามารถในการคิดพิจารณาในยามปกติไปแล้วตู๋กูเช่อยิ่งคิดว่าตัวเองเป็นผู้บัญชาการกองทัพมาตั้งหลายปีนั้นเปล่าประโยชน์แล้ว!ความเสียหายเป็นศูนย์!ใช้ความเสียหายเป็นศูนย์สร้างหายนะให้ทัพศัตรู นี่คือความสำเร็จที่เหล่าแม่ทัพน้อยใหญ่ล้วนใฝ่ฝัน!อีกทั้ง เขาไม่ได้ฆ่าศัตรูจำนวนหลักร้อยหรือหลักพันเท่านั้น!แต่เป็นกองทัพสองหมื่นคน!ความสำเร็จเช่นนี้ คิดว่าแม้แต่หยุนเจิงก็คงไม่อาจก้าวข้ามไปได้อีกครั้งกระมั้ง?ฉับพลันนั้น สีหน้าตู๋กูเช่อที่มองหยุนเจิงเปลี่ยนไปหลายวันมานี้ เขาคิดว่าเขาประมาณหยุนเจิงสูงแล้วแต่นึกไม่ถึง สุดท้ายเขาก็ปร