“เอาล่ะ เลิกซึ้งได้แล้ว”หยุนเจิงยิ้มมองฉินชีหู่ จากนั้นก็ถาม “ตอนที่พวกท่านมา มีทหารไล่ตามหรือไม่?”“ไม่มี!”ฉินชีหู่หัวเราะ “ข้าส่งคนตรวจดูด้านหลัง ทหารไล่ตามเหล่านั้นเข้าเมืองเว่ยแล้ว คิดว่าคงนอนพักค้างคืนที่เมืองเว่ย แต่ว่า ม้าศึกของพวกเขาคืนนี้คงต้องหิวท้องร้องแล้ว ฮ่าๆๆ...”เวลานี้ อาหารสำหรับคนยังจัดการง่ายหากไม่ได้จริงๆ ก็ฆ่าม้าศึกบรรเทาความหิว นี่กว่าเปล่าให้คนหิวตายฆ่าม้าศึกห้าร้อยตัว พอจะให้คนสองหมื่นคนกินอิ่มไปด้วยหนึ่งมื้อแล้วแต่อาหารสำหรับม้าศึก กลับจัดการไม่ง่ายอย่าว่าแต่อาหารสัตว์ในเมืองเว่ยเลย แม้แต่หญ้าเหี่ยวเฉาที่อยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำสายรองของแม่น้ำไป๋สุ่ย หยุนเจิงก็ส่งให้คนเผาทิ้งหมดแล้ว!ทหารไล่ตามด้านหลังพวกเขาคิดจะเติมเต็มความหิวให้ม้าศึก ยิ่งยากขึ้นไปอีก“เช่นนั้นก็ดี!”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวเตือน “แม้เป็นเช่นนี้ แต่พวกเราก็จำเป็นต้องเพิ่มความระวัง ระวังทหารไล่ตามเปลี่ยนจากทหารม้าเป็นทหารราบ เคลื่อนทัพมาจู่โจมตอนกลางคืน!”พวกเขาเดินทางไกลมาหนึ่งวัน ระหว่างนั้น ม้าศึกยังได้กินหญ้าและธัญพืชบ้าง ม้าศึกหลายตัวเหนื่อยแล้วทหารไล่ตา
ชายแดนเมืองเว่ยเกออาซูยืนด้วยใบหน้าเขียวคล้ำอยู่นอกป่าที่ถูกไฟเผาเมื่อรวมกับสิ่งที่ทหารบาดเจ็บพูดถึงรอยกีบม้าบนหิมะ โดยพื้นฐานแล้วสามารถคาดการณ์ได้แล้ว กลุ่มทหารม้าชั้นยอดต้าเฉียนบุกไปยังชนเผาที่อยู่ใกล้เมืองเว่ยที่สุดแล้วเวลานี้ ชนเผ่าแห่งนั้นคงถูกทำลายหมดสิ้นแล้วอีกทั้ง เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เกออาซูไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลยเวลาตลอดทั้งวัน ม้าศึกของพวกเขากินธัญพืชที่พักมาเป็นครั้งคราวเท่านั้นตอนนี้ คนและม้าของพวกเขาล้วนขาดเสบียงแล้ว!เจ้าพวกชาวต้าเฉียนที่สมควรตาย เผ้าแม้กระทั่งหญ้าแห้งริมแม่น้ำ!ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เติมอาหารให้ม้าศึกของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย!ระยะห่างจากพวกเขากับทัพศัตรูแค่สามสิบลี้เท่านั้น!แต่สามสิบลี้นี้ ราวกับเปลี่ยนเป็นคูเมืองตามธรรมชาติแล้ว!ม้าศึกของพวกเขาวิ่งไม่ไหวแล้ว!เดิมก็ไม่มีทางตามทหารม้าของต้าเฉียนทัน!ไม่ต้องคิดก็รู้ รอให้ทหารม้าต้าเฉียนออกจากชนเผ่าแห่งนั้น คงเผาเสบียงอาหารของชนเผ่าแห่งนี้จนไม่เหลือซาก!รอให้พวกเขาค่อยๆ ตามไป ม้าและคงก็ไม่มีเสบียงให้เติมแล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาไม่มีทางตามทหารม้าต้าเฉียนที่สมควรตายเ
ขณะที่เกออาซูตบหน้าฟางหยุนซื่อด้วยความโมโหไม่หยุด ทหารราบคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งมา “ท่านแม่ทัพ องค์หญิงเจียเหยามาถึงแล้ว...”เจียเหยา?เกออาซูใจกระตุก ผลักฟางหยุนซื่อออก รีบร้อนพลิกตัวขึ้นหลังม้า วิ่งไปในเมืองแม้ม้าของเขาเทียบไม่ได้กับย่ำเหมันต์ของปานปู้ แต่ก็นับว่าเป็นม้าชัดเลิศที่วิ่งได้พันลี้ต่อให้เป็นเช่นนี้ ความเร็วของม้าตัวนนี้ไม่ได้กินอาหารตลอดวันลดไปอย่างมากม้าของเขายังเป็นเช่นนี้ นับประสาสิ่งใดกับม้าศึกของทหารทั่วไป?หากทำตามวิธีของฟางหยุนซื่อจริง ไม่เพียงทำให้ม้าศึกทั้งหมดของพวกเขาสิ้นเปลือง กองทัพสองหมื่นของพวกเขา เกรงว่าคงพิการหมดแล้วกลับมาค่อยจัดการไอสุนัขนี่!เกออาซูเต็มไปด้วยความโกรธอยู่เต็มอก กลับเข้าไปในเมืองเจียเหยาพาองครักษ์คนสนิทสิบกว่าคนควบม้ามาตลอดทาง คนและม้าของพวกเขาล้วนเหนื่อยล้า“เกาอาซูคาราวะองค์หญิง”เมื่อเห็นเจียเหยา เกออาซูรีบทำความเคารพ“ท่านแม่ทัพไม่ต้องมากพิธี”เจียเหยาโบกมืออย่างเหนื่อยล้า จากนั้นก็ไถ่ถาม “ตอนนี้ทหารม้าต้าเฉียนไปทางใดแล้ว?”เกออาซูฮึดฮัดกล่าว “พวกเขาคงจู่โจมชนเผ่าที่อยู่ใกล้ที่สุด...”กล่าวจบ เกออาซูก็อธิบายสถานการณ์กับเ
เห็นสภาพของฟางหยุนซื่อ เจียเหยาขมวดคิ้วถาม “เกิดสิ่งใดขึ้น?”“ข้าตีเอง!”เกออาซูชี้ฟางหยุนซื่อด้วยความโมโห “องค์หญิง ไอสุนัขนี่คิดจะทำร้ายคนของพวกเรา...”กล่าวจบ เกออาซูบอกสิ่งที่ฟางหยุนซื่อกล่าวออกมาด้วยความโมโหหากไม่ใช่เจียเหยาอยู่ด้วย เขายังอยากจะซัดไอสุนัขนี่อีกรอบ“เจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว”เจียเหยาช้อนตามองเกออาซู “วิธีนี้ของเขา แม้จะทำให้พวกเราเสียหายหนัก แต่ทัพศัตรูก็เสียหายหนักเช่นกัน! ขอแค่ทัพศัตรูเสียหาย ก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสานสังหารหมู่ชนเผ่าของพวกเราด้านหลังแล้ว...”หากปล่อยให้ทหารม้าชั้นยอดต้าเฉียนสังหารหมู่ต่อไปเช่นนี้ ความเสียหายในภายหลังของพวกเขาก็จะยิ่งมากขึ้นใช้ชีวิตกองทัพสองหมื่นคนไปแลกกับการสร้างความเสียหายให้ทหารม้าต้าเฉียน ความจริงก็เป็นวิธีที่ไม่เลวเมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา เกออาซูสีหน้าหมองลงในทันทีแผนการของไอสุนัขนี่ นึกไม่ถึงว่าจะได้รับการยอมรับจากองค์หญิง?“องค์หญิง ท่านคงไม่คิดจะทำเช่นนี้หรอกกระมัง?”เกออาซูขมวดคิ้วมองเจียเหยา จากนั้นก็จ้องมองฟางหยุนซื่อด้วยความโหดเหี้ยมหากองค์หญิงตัดสินใจทำเช่นนี้จริง เขาจะฆ่าไอสุนัขนี่เป็นคนแรก!“ความจริงแล้ว
สวรรค์รู้ว่าไอสารเลวนี่สามารถคิดแผนที่คนมากมายคิดไม่ถึงหรือ?พวกเขาแพ้สงครามติดต่อกัน ทหารสูญเสียเสบียงจำนวนมากตอนนี้ คิดจะฝืนจัดการทหารม้าชั้นยอดของหยุนเจิง ความเป็นไปได้มีน้อยมากใกล้ต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว!นางจำเป็นต้องจัดเตรียมเรื่องหลังต้นฤดูใบไม้ผลิแล้วพัวพันกับต้าเฉียนต่อไป หลังจากต้นฤดูใบไม้ผลิ ชีวิตประจำวันของพวกเขาก็จะยิ่งยากขึ้นเมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา เกออาซูอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความไม่ยอมรับให้ตายสินี่มันสู้สงสรามเช่นไรกัน!รู้เห็นว่าศัตรูอยู่ที่ใด รู้เห็นเป้าหมายของศัตรู พวกเขามีกองทัพ ทว่ากลับไร้กำลังขัดขวางตอนนี้ ตอนนี้ยังต้องเป็นฝ่ายปล่อยแนวป้องกันเพื่อลดความเสียหายขี้ขลาด!อึดอัด!ทำสงครามมาถึงตรงนี้ กล่าวได้แค่ขายหน้า!เกออาซูรู้สึกอึดอัด เหยุใดเจียเหยาจะไม่อึดอัดเล่า?นอกจากอึดอัดแล้ว ยังรู้สึกละอายสถานการณ์ถึงเส้นตาย ล้วนเป็นหยุนเจิงที่ทำลายแล้ว!เสียแรงที่นางมั่นอกมั่นใจ คิดว่าครั้งนี้หยุนเจิงต้องไม่อาจหลบหนีไปได้สุดท้าย หยุนเจิงกลับตกหน้างรุนแรงหนึ่กฉากให้ตื่นจากฝันสวยงามของนางหากรู้ก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ล่าถอยออกจากสามเมืองชายแดนด
ตลอดทั้งคืน พวกหยุนเจิงไม่ได้รอเป่ยหวนมาจู่โจมผลลัพธ์นี้ เรื่องนี้กลับอยู่เหนือความคาดหมายของหยุนเจิงนึกไม่ถึงว่าเป่ยหวนไม่สนใจพวกเขา?ในตายสิหรือว่าจะปล่อยโอกาสให้พวกเขาสังหารหมู่ชนเผ่าบริเวณทุ่งหญ้ามู่หม่าหรือ?มารดาเขาสิมันผิดปกติ!หยุนเจิงเต็มไปด้วยความคำถาม สั่งกองทัพเตรียมออกเดินทางพวกเขานำเสบียงจากชนเผ่าแห่งนี้ที่จะสะดวกพกพาไปด้วยทั้งหมด ส่วนที่ไม่สะดวกพกพา ล้วนเผาทั้งหมดสิ้นวัวแพะของชนเผ่า ถูกพวกเขาเชือดหมดแล้ว แม้พวกเขาเอาไปไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจเหลือทิ้งไว้ให้ศัตรูสำหรับม้าสองพันตัวในชนเผ่า ถูกพวกเขาพาไปทั้งหมด บังเอิญช่วยพวกเขาบรรทุกของบางอย่างได้พอดีก่อนออกเดินทาง หยุนเจิงมาหาหัวหน้าชนเผ่า กล่าวอย่างเย็นชา “ช่วยข้าบอกกับแม่ทัพกองทหารไล่ตามที่ตามมาด้านหลัง ข้าเคารพกฎเกณ์ทุ่งหญ้าของพวกเจ้า แต่พวกเจ้าก็ต้องเคารพกฎของข้าด้วย!”“ผู้บาดเจ็บสาหัสเหล่านี้ ข้าจะปล่อยไว้ที่ชนเผ่าของพวกเจ้า! เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ข้าจะนำของมาแลกกับพวกเขา!”“หากพวกเจ้ากล้าสังหารคนเหล่านี้ ครั้งหน้าตอนที่ข้าบุกมาที่ทุ่งหญ้า ม้าเหยียบต่ำไปที่ใด แม้แต่ไก่หรือสุนัขก็ไม่เหลือ!”กล่าวจบ หยุนเจิง
“ใช่ เป็นเช่นนี้แน่นอน!”ฉินชีหู่พยักหน้า “มิฉะนั้น ใครจะโง่ปล่อยทุ่งหญ้าดีเพียงนี้ไปไม่ต้องการแล้ว?”หยุนเจิงหรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นก็ออกคำสั่ง “ฟังคำสั่ง กองทัพทั้งหมดจู่โจมชนเผ่าที่กำลังอพยพ! ไม่สนว่าเหตุใดพวกเขาอพยพ ปล้นก่อนค่อยว่ากัน!ปล้นได้เท่าใดก็เท่านั้น!ชนเผ่าเมื่อคืนมีแพะและม้ามากมาย คิดว่าวัว แพะและม้าของชนเผ่าแห่งนี้ต้องมีมากกว่ากระมัง?ถึงเช่นไร พวกเขาอยู่ที่ทุ่งหญ้ามู่หม่าด้วยทุ่งหญ้าคุณภาพสูงเช่นนี้ ย่อมสามารถผสมพันธ์ปศุสัตว์ได้มากขึ้น“ฮ่าๆ น้องชายพูดถูกต้อง!”ฉินชีหู่หัวเราะ “ในเมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจปล่อยไปได้แล้ว!”สิ้นเสียงคำสั่งหยุนเจิง กองทัพเริ่มจู่โจมทันทีม้าศึกของพวกเขาเต็มไปด้วยพลัง ระยะทางสิบลี้ กล่าวได้ว่าใกล้มากไม่นาน พวกเขาก็เห็นชนเผ่าเป่ยหวนที่กำลังอพยพ“บุก!”หลังเสียงร้องตะโกนของฉินชีหู่และหยุนเจิง การสังหารหมู่ก็เปิดฉากขึ้นอีกครั้งตอนที่พวกหยุนเจิงเริ่มเปิดฉากสังหาร เจียเหยาพาคนมาถึงยังชนเผ่าที่หยุนเจิงบุกจู่โจมเมื่อคืน“มีคนรอดหรือไม่?”เมื่อได้ข่าวที่หน่วยสอดแนมนำกลับมา เจียเหยารู้สึกประหลาดใจด้วยความยินดีเดิมนางนึกว่าชนเผ่าแห่งนี
การจู่โจมกะทันหัน ทำให้พวกเขาหยุนเจิงได้รับบาดเจ็บแม้หยุนเจิงไม่อยากให้เกิดการบาดเจ็บ แต่ในเมื่อเป็นการต่อสู้ การบาดเจ็บล้มตายเป็นสิ่งที่ยากหลีกเลี่ยงแม้คนส่วนมากที่อพยพเป็นคนชรา สตรีและเด็ก แต่ก็มีชายฉกรรจ์อยู่บ้างอีกทั้ง เผชิญหน้ากับการจู่โจมของพวกเขา คนชรามากมายก็ยังหยิบจับอาวุธขึ้นมาแม้จะเป็นการต่อสู้ฝ่ายเดียว แต่การบาดเจ็บล้มตายก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้การต่อสู้จบลง พวกเขาสูญเสียสองคนไปจากการต่อสู้ บวกกับผู้บาดเจ็บประมาณสิบคนทว่า กำไรที่พวกเขาได้มานั้นมหาศาลแค่ม้าเล็กใหญ่รวมกันมีถึงแปดพันตัวบวกกับม้าสี่พันตัวที่พวกเขาได้มาก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขาสามารถหนึ่งคนขี่ม้าสองตัวแล้ว!ให้ตายสิ!นี่ถึงจะเรียกว่าทหารม้าที่แท้จริง!“น้องชาย วัวและแพะเหล่านี้คงไม่ต้องฆ่าแล้วกระมัง?”ฉินชีหู่เลือดท่วมกายมาถึงข้างกายหยุนเจิง ถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจมารดาเขาสิ!หากทุกการต่อสู้ทำได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็สบายมากแล้วเสียหายเล็กน้อย กำไรมหาศาล!มารดาเขาสิ นี่ถึงเรียกว่าชัยชนะ!“ท่านคงไม่คิดจะพาวัวและแพะเหล่านี้ไปด้วยกระมัง?”หยุนเจิงคาดเดาเจตนาของฉินชีหู่“แน่นอนสิ!”ฉินชีห
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่