ขณะที่เกออาซูตบหน้าฟางหยุนซื่อด้วยความโมโหไม่หยุด ทหารราบคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งมา “ท่านแม่ทัพ องค์หญิงเจียเหยามาถึงแล้ว...”เจียเหยา?เกออาซูใจกระตุก ผลักฟางหยุนซื่อออก รีบร้อนพลิกตัวขึ้นหลังม้า วิ่งไปในเมืองแม้ม้าของเขาเทียบไม่ได้กับย่ำเหมันต์ของปานปู้ แต่ก็นับว่าเป็นม้าชัดเลิศที่วิ่งได้พันลี้ต่อให้เป็นเช่นนี้ ความเร็วของม้าตัวนนี้ไม่ได้กินอาหารตลอดวันลดไปอย่างมากม้าของเขายังเป็นเช่นนี้ นับประสาสิ่งใดกับม้าศึกของทหารทั่วไป?หากทำตามวิธีของฟางหยุนซื่อจริง ไม่เพียงทำให้ม้าศึกทั้งหมดของพวกเขาสิ้นเปลือง กองทัพสองหมื่นของพวกเขา เกรงว่าคงพิการหมดแล้วกลับมาค่อยจัดการไอสุนัขนี่!เกออาซูเต็มไปด้วยความโกรธอยู่เต็มอก กลับเข้าไปในเมืองเจียเหยาพาองครักษ์คนสนิทสิบกว่าคนควบม้ามาตลอดทาง คนและม้าของพวกเขาล้วนเหนื่อยล้า“เกาอาซูคาราวะองค์หญิง”เมื่อเห็นเจียเหยา เกออาซูรีบทำความเคารพ“ท่านแม่ทัพไม่ต้องมากพิธี”เจียเหยาโบกมืออย่างเหนื่อยล้า จากนั้นก็ไถ่ถาม “ตอนนี้ทหารม้าต้าเฉียนไปทางใดแล้ว?”เกออาซูฮึดฮัดกล่าว “พวกเขาคงจู่โจมชนเผ่าที่อยู่ใกล้ที่สุด...”กล่าวจบ เกออาซูก็อธิบายสถานการณ์กับเ
เห็นสภาพของฟางหยุนซื่อ เจียเหยาขมวดคิ้วถาม “เกิดสิ่งใดขึ้น?”“ข้าตีเอง!”เกออาซูชี้ฟางหยุนซื่อด้วยความโมโห “องค์หญิง ไอสุนัขนี่คิดจะทำร้ายคนของพวกเรา...”กล่าวจบ เกออาซูบอกสิ่งที่ฟางหยุนซื่อกล่าวออกมาด้วยความโมโหหากไม่ใช่เจียเหยาอยู่ด้วย เขายังอยากจะซัดไอสุนัขนี่อีกรอบ“เจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว”เจียเหยาช้อนตามองเกออาซู “วิธีนี้ของเขา แม้จะทำให้พวกเราเสียหายหนัก แต่ทัพศัตรูก็เสียหายหนักเช่นกัน! ขอแค่ทัพศัตรูเสียหาย ก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสานสังหารหมู่ชนเผ่าของพวกเราด้านหลังแล้ว...”หากปล่อยให้ทหารม้าชั้นยอดต้าเฉียนสังหารหมู่ต่อไปเช่นนี้ ความเสียหายในภายหลังของพวกเขาก็จะยิ่งมากขึ้นใช้ชีวิตกองทัพสองหมื่นคนไปแลกกับการสร้างความเสียหายให้ทหารม้าต้าเฉียน ความจริงก็เป็นวิธีที่ไม่เลวเมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา เกออาซูสีหน้าหมองลงในทันทีแผนการของไอสุนัขนี่ นึกไม่ถึงว่าจะได้รับการยอมรับจากองค์หญิง?“องค์หญิง ท่านคงไม่คิดจะทำเช่นนี้หรอกกระมัง?”เกออาซูขมวดคิ้วมองเจียเหยา จากนั้นก็จ้องมองฟางหยุนซื่อด้วยความโหดเหี้ยมหากองค์หญิงตัดสินใจทำเช่นนี้จริง เขาจะฆ่าไอสุนัขนี่เป็นคนแรก!“ความจริงแล้ว
สวรรค์รู้ว่าไอสารเลวนี่สามารถคิดแผนที่คนมากมายคิดไม่ถึงหรือ?พวกเขาแพ้สงครามติดต่อกัน ทหารสูญเสียเสบียงจำนวนมากตอนนี้ คิดจะฝืนจัดการทหารม้าชั้นยอดของหยุนเจิง ความเป็นไปได้มีน้อยมากใกล้ต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว!นางจำเป็นต้องจัดเตรียมเรื่องหลังต้นฤดูใบไม้ผลิแล้วพัวพันกับต้าเฉียนต่อไป หลังจากต้นฤดูใบไม้ผลิ ชีวิตประจำวันของพวกเขาก็จะยิ่งยากขึ้นเมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา เกออาซูอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความไม่ยอมรับให้ตายสินี่มันสู้สงสรามเช่นไรกัน!รู้เห็นว่าศัตรูอยู่ที่ใด รู้เห็นเป้าหมายของศัตรู พวกเขามีกองทัพ ทว่ากลับไร้กำลังขัดขวางตอนนี้ ตอนนี้ยังต้องเป็นฝ่ายปล่อยแนวป้องกันเพื่อลดความเสียหายขี้ขลาด!อึดอัด!ทำสงครามมาถึงตรงนี้ กล่าวได้แค่ขายหน้า!เกออาซูรู้สึกอึดอัด เหยุใดเจียเหยาจะไม่อึดอัดเล่า?นอกจากอึดอัดแล้ว ยังรู้สึกละอายสถานการณ์ถึงเส้นตาย ล้วนเป็นหยุนเจิงที่ทำลายแล้ว!เสียแรงที่นางมั่นอกมั่นใจ คิดว่าครั้งนี้หยุนเจิงต้องไม่อาจหลบหนีไปได้สุดท้าย หยุนเจิงกลับตกหน้างรุนแรงหนึ่กฉากให้ตื่นจากฝันสวยงามของนางหากรู้ก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ล่าถอยออกจากสามเมืองชายแดนด
ตลอดทั้งคืน พวกหยุนเจิงไม่ได้รอเป่ยหวนมาจู่โจมผลลัพธ์นี้ เรื่องนี้กลับอยู่เหนือความคาดหมายของหยุนเจิงนึกไม่ถึงว่าเป่ยหวนไม่สนใจพวกเขา?ในตายสิหรือว่าจะปล่อยโอกาสให้พวกเขาสังหารหมู่ชนเผ่าบริเวณทุ่งหญ้ามู่หม่าหรือ?มารดาเขาสิมันผิดปกติ!หยุนเจิงเต็มไปด้วยความคำถาม สั่งกองทัพเตรียมออกเดินทางพวกเขานำเสบียงจากชนเผ่าแห่งนี้ที่จะสะดวกพกพาไปด้วยทั้งหมด ส่วนที่ไม่สะดวกพกพา ล้วนเผาทั้งหมดสิ้นวัวแพะของชนเผ่า ถูกพวกเขาเชือดหมดแล้ว แม้พวกเขาเอาไปไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจเหลือทิ้งไว้ให้ศัตรูสำหรับม้าสองพันตัวในชนเผ่า ถูกพวกเขาพาไปทั้งหมด บังเอิญช่วยพวกเขาบรรทุกของบางอย่างได้พอดีก่อนออกเดินทาง หยุนเจิงมาหาหัวหน้าชนเผ่า กล่าวอย่างเย็นชา “ช่วยข้าบอกกับแม่ทัพกองทหารไล่ตามที่ตามมาด้านหลัง ข้าเคารพกฎเกณ์ทุ่งหญ้าของพวกเจ้า แต่พวกเจ้าก็ต้องเคารพกฎของข้าด้วย!”“ผู้บาดเจ็บสาหัสเหล่านี้ ข้าจะปล่อยไว้ที่ชนเผ่าของพวกเจ้า! เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ข้าจะนำของมาแลกกับพวกเขา!”“หากพวกเจ้ากล้าสังหารคนเหล่านี้ ครั้งหน้าตอนที่ข้าบุกมาที่ทุ่งหญ้า ม้าเหยียบต่ำไปที่ใด แม้แต่ไก่หรือสุนัขก็ไม่เหลือ!”กล่าวจบ หยุนเจิง
“ใช่ เป็นเช่นนี้แน่นอน!”ฉินชีหู่พยักหน้า “มิฉะนั้น ใครจะโง่ปล่อยทุ่งหญ้าดีเพียงนี้ไปไม่ต้องการแล้ว?”หยุนเจิงหรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นก็ออกคำสั่ง “ฟังคำสั่ง กองทัพทั้งหมดจู่โจมชนเผ่าที่กำลังอพยพ! ไม่สนว่าเหตุใดพวกเขาอพยพ ปล้นก่อนค่อยว่ากัน!ปล้นได้เท่าใดก็เท่านั้น!ชนเผ่าเมื่อคืนมีแพะและม้ามากมาย คิดว่าวัว แพะและม้าของชนเผ่าแห่งนี้ต้องมีมากกว่ากระมัง?ถึงเช่นไร พวกเขาอยู่ที่ทุ่งหญ้ามู่หม่าด้วยทุ่งหญ้าคุณภาพสูงเช่นนี้ ย่อมสามารถผสมพันธ์ปศุสัตว์ได้มากขึ้น“ฮ่าๆ น้องชายพูดถูกต้อง!”ฉินชีหู่หัวเราะ “ในเมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจปล่อยไปได้แล้ว!”สิ้นเสียงคำสั่งหยุนเจิง กองทัพเริ่มจู่โจมทันทีม้าศึกของพวกเขาเต็มไปด้วยพลัง ระยะทางสิบลี้ กล่าวได้ว่าใกล้มากไม่นาน พวกเขาก็เห็นชนเผ่าเป่ยหวนที่กำลังอพยพ“บุก!”หลังเสียงร้องตะโกนของฉินชีหู่และหยุนเจิง การสังหารหมู่ก็เปิดฉากขึ้นอีกครั้งตอนที่พวกหยุนเจิงเริ่มเปิดฉากสังหาร เจียเหยาพาคนมาถึงยังชนเผ่าที่หยุนเจิงบุกจู่โจมเมื่อคืน“มีคนรอดหรือไม่?”เมื่อได้ข่าวที่หน่วยสอดแนมนำกลับมา เจียเหยารู้สึกประหลาดใจด้วยความยินดีเดิมนางนึกว่าชนเผ่าแห่งนี
การจู่โจมกะทันหัน ทำให้พวกเขาหยุนเจิงได้รับบาดเจ็บแม้หยุนเจิงไม่อยากให้เกิดการบาดเจ็บ แต่ในเมื่อเป็นการต่อสู้ การบาดเจ็บล้มตายเป็นสิ่งที่ยากหลีกเลี่ยงแม้คนส่วนมากที่อพยพเป็นคนชรา สตรีและเด็ก แต่ก็มีชายฉกรรจ์อยู่บ้างอีกทั้ง เผชิญหน้ากับการจู่โจมของพวกเขา คนชรามากมายก็ยังหยิบจับอาวุธขึ้นมาแม้จะเป็นการต่อสู้ฝ่ายเดียว แต่การบาดเจ็บล้มตายก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้การต่อสู้จบลง พวกเขาสูญเสียสองคนไปจากการต่อสู้ บวกกับผู้บาดเจ็บประมาณสิบคนทว่า กำไรที่พวกเขาได้มานั้นมหาศาลแค่ม้าเล็กใหญ่รวมกันมีถึงแปดพันตัวบวกกับม้าสี่พันตัวที่พวกเขาได้มาก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขาสามารถหนึ่งคนขี่ม้าสองตัวแล้ว!ให้ตายสิ!นี่ถึงจะเรียกว่าทหารม้าที่แท้จริง!“น้องชาย วัวและแพะเหล่านี้คงไม่ต้องฆ่าแล้วกระมัง?”ฉินชีหู่เลือดท่วมกายมาถึงข้างกายหยุนเจิง ถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจมารดาเขาสิ!หากทุกการต่อสู้ทำได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็สบายมากแล้วเสียหายเล็กน้อย กำไรมหาศาล!มารดาเขาสิ นี่ถึงเรียกว่าชัยชนะ!“ท่านคงไม่คิดจะพาวัวและแพะเหล่านี้ไปด้วยกระมัง?”หยุนเจิงคาดเดาเจตนาของฉินชีหู่“แน่นอนสิ!”ฉินชีห
เมื่อคิดหาวิธีถ่วงเวลาทัพศัตรูก็ยังมีโอกาส!ตัดสินใจได้แล้ว หยุนเจิงสั่งฉินชีหู่นำวัวแพะทั้งหมดไปเร่งไปยังหุบผาชันช่องลมทันทีส่วนเขานำทหารม้าสองพันป้องกันด้านขวาหลังของกองทัพหากกองกำลังโย่วเสียนอ๋องเป่ยหวนคิดจะไล่ตามมา ความเป็นไปได้ที่จะมาจากด้านขวาหลังมีมากที่สุดทันทีที่หน่วยลาดตระเวนพบทหารม้าเป่ยหวน เขาค่อยคิดหาวิธีถ่วงเวลาทัพศัตรูเดิมทีฉินชีหู่คิดอยากจะแย่งภารกิจกับหยุนเจิง แต่ถูกหยุนเจิงปฏิเสธหลังแบ่งภารกิจกันแล้ว กองทัพออกเดินทางอย่างรวดเร็ว หยุนเจิงส่งหน่วยสอดแนมไปข้างหลังจำนวนมากยังไปได้ไม่ถึงยี่สิบลี้ หน่วยลาดตระเวนกลับมารายงาน พวกเขาพบกับสายลับของศัตรู เบื้องต้นคาดว่า กองทัพศัตรูน่าจะอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงสามสิบลี้แล้วเนื่องจากพวกเขาพบสายลับของศัตรู จึงไม่อาจสืบข่าวได้มากนัก ไม่รู้ว่าทัพศัตรูที่อยู่ด้านขวางหลังมีจำนวนกี่คน“มาเร็วเสียจริง!”หยุนเจิงก่นด่าในใจ เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ทันทีแต่น่าเสียดาย เมื่อเงยหน้ามอง บริเวณโดยรอบเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ทั้งไม่มีป่าไม้ แล้วก็ไม่มีหุบเขาที่เหมาะกับการซุ่มโจมตีมีเพียงทางลาดชันเล็กๆ กี่แห่ง นับว่าเป็นภูเขาที่สูงกว
มองทัพศัตรูบนเนินดินไกลๆ แม่ทัพปาตันใหญ่ใต้สังกัดโย่วเสียนอ๋องโปหลวนรู้สึกสับสนเผชิญหน้ากับกองทัพพวกเขาที่กระชั้นชิดเข้ามา นึกไม่ถึงว่าทหารม้าต้าเฉียนที่อยู่ไกลๆ จะนิ่งเฉยได้เพียงนี้?แค่ดูก็รู้แล้วว่าผิดปกติ!หลังจากกองทัพหยุดเคลื่อนไหว ปาตันสั่งการทันที “ส่งหน่วยสอดแนมสองกอง อ้อมไปยังกองเนินข้างหน้า ตรวจสอบจากทางด้านซ้ายขวา ดูว่าทัพศัตรูมีการซุ่มโจมตีหรือไม่!”เนินดินเล็กๆ นั้นบดบังสายตาปาตัน เขาไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ด้านหลังเนินดินได้“ขอรับ!”ไม่นาน หน่วยสอดแนมสองกองก็พุ่งออกไป จากทางซ้ายและขวาเข้าใกล้บริเวณเนินดินหยุนเจิงเดาได้ถึงเจตนาอีกฝ่ายแล้ว ยังคงสั่งให้ทุกคนไม่ต้องทำสิ่งใดดูเถอะ!ให้พวกเขาดูตามใจชอบ!ถึงเช่นไรตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้วรอจนพวกเขาดูชัดเจนแล้ว ฟ้าก็มืดสนิทแล้วมองดูหยุนเจิงที่นั่งอยู่ตรงนั้นราวกับคนว่างไม่มีงานทำ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเลื่อมใสศัตรูตัวฉกาจอยู่ตรงหน้า หยุนเจิงยังนิ่งสงบได้เช่นนี้!จิตใจสงบนิ่งของเขา ทำให้คนเลื่อมใสไม่นาน หน่วยสอดแนมสองกองของเป่ยหวนอ้อมมาถึงด้านข้างทั้งสองของพวกเขา มองสถานการณ์โดยรอบของพวกเขาอย่างชัดเจนหลังจากดู
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง!” เจียเหยากล่าวพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กุ่ยฟางต้องยอมสวามิภักดิ์และถวายบรรณาการอย่างแน่นอน แต่จำนวนบรรณาการต้องเพิ่มขึ้นอีกร้อยละห้าสิบพร้อมกันนี้ กุ่ยฟางต้องเปิดการค้าเสรีกับต้าเฉียนและเป่ยหวน นอกจากนี้ กุ่ยฟางต้องชดเชยความเสียหายที่เป่ยหวนและต้าเฉียนได้รับจากศึกครั้งนี้ โดยจ่ายชดเชยเป็นทองคำ 100,000 ตำลึง แกะ 100,000 ตัว วัว 30,000 ตัว ม้า 10,000 ตัว และเสบียงอาหาร 4 ล้านตัน และเพื่อเป็นการตอบแทน เจียเหยาจะไม่เรียกร้องให้กุ่ยฟางยกดินแดน 500 ลี้ แต่ลดลงเหลือเพียง 300 ลี้เท่านั้น! ส่วนข้อที่ให้กุ่ยฟางถวายหญิงงาม 100 คนแก่ต้าเฉียนนั้น เจียเหยาได้ยกเว้นให้โดยตรง สำหรับเงื่อนไขปลีกย่อยอื่นๆ เจียเหยาก็ยอมรับตามที่กุ่ยฟางเสนอมา เมื่อได้ยินเงื่อนไขของเจียเหยา อาเคอถูรู้สึกราวกับสมองของตนกำลังอื้ออึง การเพิ่มบรรณาการขึ้นร้อยละห้าสิบยังพอว่า แต่เจียเหยากลับเรียกร้องให้กุ่ยฟางจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลในคราวเดียว? อย่าว่าแต่ปศุสัตว์และเสบียงเลย เพียงแค่ทองคำ 100,000 ตำลึง กุ่ยฟางก็แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว ทองคำ 100,000 ตำลึง
กุ่ยฟางแม้ว่าขณะนี้ดินแดนกุ่ยฟางจะเต็มไปด้วยหิมะที่ปกคลุมไปทั่ว แต่เจียเหยาก็ยังไม่หยุดการเคลื่อนทัพ ด้วยผลจากสิ่งที่พวกเขายึดได้ระหว่างทาง กองทัพของพวกเขาจึงไม่มีใครต้องทนหนาว ทว่าความหนาวเย็นของอากาศยังคงสร้างความลำบากไม่น้อยให้กับพวกเขา ทัวฮวนและจู่หลู่ได้เสนอให้เจียเหยารับคำขอเจรจาของชื่อเหยียนหลายครั้ง แต่เจียเหยาก็ไม่ได้สนใจในตอนนี้ กองทัพของพวกเขาอยู่ห่างจากเมืองหลวงของกุ่ยฟางไม่ถึงหนึ่งร้อยลี้แล้ว! เมื่อเผชิญกับกองทัพที่ประชิดเข้ามา ชื่อเหยียนจึงส่งคนมาเจรจาขอสงบศึกอีกครั้ง ครั้งนี้ เจียเหยาไม่ได้ขับไล่คนที่ชื่อเหยียนส่งมาอีก เจียเหยาได้พบกับอาเคอถูในกระโจมใหญ่ เมื่ออาเคอถูถูกนำตัวเข้ามา เจียเหยากำลังใช้มีดเล็กๆ ตัดเนื้อแกะชิ้นร้อนๆ จากขาแกะส่งเข้าปาก ข้างกายของนาง เกออาซูยืนอยู่พร้อมถือดาบในมือ อาเคอถูไม่ทราบว่าเนื้อแกะนั้นอร่อยเพียงใด แต่เจียเหยากลับดูเหมือนกำลังเพลิดเพลินอย่างมาก “ข้าน้อยคารวะองค์หญิงเจียเหยา!” อาเคอถูคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อถวายคำนับเจียเหยา เจียเหยาช้อนตามองเล็กน้อย มองอาเคอถูอย่างเรียบเฉย “เจ้าควรเรียกข้าว่า ‘องค์หญิ
ฤดูหนาวอันยาวนาน พวกเขามีสิ่งที่ต้องเตรียมการมากมาย หยุนเจิงเดินหาอยู่ในค่ายอยู่นาน จึงเจอฉินชีหู่ในโรงตีเหล็กของค่าย เมื่อเห็นหยุนเจิง ฉินชีหู่ก็รีบถือกระบองหนามที่เขาสั่งการตีด้วยตัวเองเข้ามาหา พลางกล่าวด้วยความภูมิใจ “น้องชาย เจ้าช่างมาถูกเวลา! มาดูอาวุธใหม่ของข้าหน่อยสิ!” “ข้าดูซิ” หยุนเจิงรับกระบองหนามมาจากมือของฉินชีหู่ เพียงแค่จับก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักมหาศาล แม้หยุนเจิงจะฝึกฝนร่างกายร่วมกับเมี่ยวอินมานาน แต่เมื่อถือกระบองหนามนี้ไว้ในมือก็ยังรู้สึกว่าหนักเกินกำลังเล็กน้อย “นี่คงหนักเจ็ดสิบจินได้กระมัง?” หยุนเจิงมองฉินชีหู่ด้วยความตกตะลึง “เจ็ดสิบแปดจิน!” ฉินชีหู่หัวเราะพลางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นี่คืออาวุธที่หนักที่สุดในกองทัพแน่นอน!” ตอนนี้ฉินชีหู่หลงใหลในกระบองหนามชนิดนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดาบใหญ่หรือหอกยาว เมื่อเจอกระบองหนามของเขา ก็ต้องยอมแพ้ทั้งนั้น เพียงแค่ฟาดลงไปครั้งเดียว เกราะใดก็ป้องกันไม่ได้! เรียกได้ว่าเทพมาขวางก็กำจัดเทพ พระมาขวางก็กำจัดพระ!” “เจ้ามันแน่!” หยุนเจิงกล่าวเหน็บแนมพลางคืนกระบองหนามให้ฉินชีหู่ “ช่ว
เรื่องการอภิเษกสมรสกับเจียเหยา หยุนเจิงไม่ได้ให้ความสำคัญนัก พลังงานทั้งหมดของเขาทุ่มเทไปกับการเตรียมการกองทัพใหม่ สำหรับกองทัพกุยอี้ หยุนเจิงยังคงยึดหลักการเดิม คือ ในหนึ่งกองทัพต้องประกอบด้วยคนจากหลายแคว้น เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบกันเองและป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น กองทัพกุยอี้สี่หมื่นนาย ถูกขยายมาจากกองกำลังหนึ่งหมื่นกว่าคนของฟู่เทียนเหยียนและพรรคพวก ผู้ที่สร้างผลงานจากศึกก่อนหน้านี้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นนายทหารระดับกลางและล่าง ฟู่เทียนเหยียน ฮั่วกู้ จั่วเหริน และเกาเหอ ต่างก็นำกองกำลังหนึ่งหมื่นนาย ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาในศึกก่อนหน้า หยุนเจิงจึงจัดสรรม้าให้กองทัพกุยอี้หนึ่งหมื่นตัว และจัดตั้งกองทหารม้าห้าพันนาย ซึ่งสังกัดในกองกำลังของฟู่เทียนเหยียน หลังจากจัดการเรื่องกองทัพใหม่เรียบร้อย หยุนเจิงจึงพาคนไปเคารพหลุมศพของตู้กุยหยวน ระหว่างทางกลับ หยุนเจิงครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอนาคต เมื่อการเตรียมการเบื้องต้นเสร็จสิ้น กองทัพกุยอี้ทั้งสี่หมื่นนายจะต้องแยกกันไปฝึก ส่วนกองทัพประจำการใหม่สองหมื่นนาย เรื่องนี้ค่อนข้างง่าย กองกำลังสองหมื่นนี้เดิมทีเป็
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา