ขณะที่เว่ยซั่วกำลังได้ใจ ด้านนอกมีเสียงอึกกะทึกครึกโครมดังเข้ามาเว่ยซั่วยังไม่ได้ทันได้ส่งเสียงถาม เสิ่นลั่วเยี่ยนร่างกายท่วมเลือดและตู๋กูเช่อก็พาคนบุกเข้ามามองดูทั้งสองคน เว่ยซั่วสีหน้าเปลี่ยนไปสมควรตาย พวกเขาบุกฝ่าวงล้อมสำเร็จแล้ว?หลังสติหลุดไปชั่วคราว เว่ยซั่วรีบลุกขึ้น แสร้งทำสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย รีบร้อนวิ่งมาข้างหน้า “พระชายา รองผู้บัญชาการ พวกท่านนี่คือ...”“แค่กๆๆ...”เสิ่นลั่วเยี่ยนแสร้งทำสีหน้าอ่อนแออย่างมาก จากนั้นก็ล้มไปกับพื้น“พระชายา!”เว่ยซั่วตะโกนร้อง รีบร้อนเข้าไปพยุงชั่วพริบตาที่เว่ยซั่วเข้าไปพยุง หอกลายเมฆในมือเสิ่นลั่วเยี่ยนก็ยื่นออกมาเว่ยซั่วนึกไม่ถึงว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนจะฆ่าเขา จึงไม่ได้ป้องกันแต่อย่างใดรอให้เว่ยซั่วได้สติกลับมา หอกลายเมฆก็พุ่งเข้าใส่เว่ยซั่วแล้ว“แม่ทัพ!”เมื่อเห็นเว่ยซั่วโดนโจมตี ทหารคนสนิทภายในจวนพากันชักอาวุธออกมา“หยุดเดี๋ยวนี้!”ตู๋กูเช่อแผนเสียงคำรามออกมา “เว่ยเหวินจง เว่ยซั่วสมคบคิดกับศัตรู เจตนาทำร้ายกองทัพสี่หมื่นคนที่ชายแดนเมืองกู้! เรื่องนี้หลักฐานแน่ชัด ทหารราบหลายหมื่นคนที่ชายแดนเมืองกู้ล้วนเป็นพยาน! หากเจ้ายังกล้
ชายแดนเมืองเว่ยหยุนเจิงนำกองทัพมาถึงประตูเมืองเว่ยแล้วกองประจำการของเมืองเว่ยน้อยกว่าที่พวกเขาคิดมากฉินชีหู่อาศัยเครื่องแต่งกายปลอมของพวกเขา ยึดครองประตูเมืองเว่ยได้สำเร็จรอจนกองทัพของหยุนเจิงมาถึง กองทหารรักษาการณ์เมืองเว่ยไร้เจตนาต่อต้าน หลังจากเหลือศพหลายร้อยทิ้งเอาไว้ ทหารคนอื่นก็ยอมแพ้และหนีไปแล้วหยุนเจิงสั่งคนป้องกันประตูเมืองเว่ยไว้ให้ดี ส่วนคนที่เหลือไปเก็บรวบรวมเสบียงภายในเมืองในเมื่อเมืองเว่ยมีกองทหารรักษาการณ์ ก็ย่อมต้องมีเสบียงรวบรวมได้เท่าใดก็เอาเท่านั้นแม้ว่าจะเพียงพอให้คนและม้าหมื่นคนของพวกเขาอิ่มได้สักมื้อก็ยังดีหยุนเจิงกำลังจะเข้าเมือง กลับเห็นป่าที่อยู่ไม่ไกลเมื่อถามถึงได้รู้ กลางป่านั้นคือแม่น้ำสายรองสายหนึ่งรองแม่น้ำไป๋สุ่ยแม่น้ำสายรองคดเคี้ยว ตำแหน่งท้ายน้ำทำให้เกิดทุ่งหญ้ามู่หม่าเช่นนั้นหรือหยุนเจิงครุ่นคิดเงียบๆ สั่งคนไปจุดไฟเผาป่าทันทีจุดไฟหลายตำแหน่งหน่อย จะดีมากหากทำให้ไฟไหม้ป่าขึ้นมา“เจ้ามันไร้คุณธรรมเสียจริง!”เมี่ยวอินมองหยุนเจิงอย่างมีเสน่ห์ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาไอสารเลวนี่แม้แต่สถานที่ให้ทหารไล่ตามมาด้านหลังก็ยังไม่เหล
“จะไปแล้วหรือ?”ฉินชีหู่ขมวดคิ้วกล่าว “พวกเราเพิ่งตีเมืองเว่ย แม้แต่พายลมยังไม่ได้นั่งจนร้อนเลย!”“ตอนนี้ยึดชายแดนเว่ยไปก็ไม่มีประโยชน์”หยุนเจิงส่ายหน้ากล่าว “พวกเราไม่อาจปล่ยอให้กองทัพศัตรูเติมเสบียงได้! พวกเราบึกไปยังชนเผ่าเป่ยหวนที่อยู่ใกล้เมืองเว่ยที่สุดโดยตรง คืนนี้ก็นอนที่ชนเผ่าแห่งนั้น!”ฉินชีหู่ครุนคิดเล็กน้อย “เช่นนั้นข้านำคนไปจู่โจมชนเผ่าแห่งนั้น!”“ท่านเพิ่งพาคนไปสู้รบมา พักผ่อนสักหน่อย!”หยุนเจิงปฏิเสธ “พอแล้ว เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้! พวกท่านต้องส่งไปสืบสถานการณ์ทหารที่ไล่ตามมาด้านหลัง ต้องไปก่อนที่ทหารที่ไล่ตามจะตามมาทัน พยายามมารวมตัวกับพวกเราที่ชนเผ่าแห่งนั้นให้เร็วที่สุด!”“ก็ได้!”ฉินชีหู่ตอบอย่างจนปัญญา จากนั้นก็ถาม “เชลยศึกเหล่านี้ฆ่าให้หมด?”“ไม่ต้อง!”หยุนเจิงส่ายหน้า “ถึงเช่นไรเชลยศึกเหล่านี้ก็บาดเจ็บไม่เบา เหลือไว้ให้พวกเขาเถอะ! พวกเขาไม่สามารถทิ้งคนเหล่านี้ไว้ไม่สนใจได้หรอกกระมัง?ฉินชีหู่ขมวดคิ้ว “แต่ท่านถามเรื่องชนเผ่าแห่งนั้นก็พวกเขาแล้ว ทหารไล่ตามถามพวกเขา ก็รู้แล้วว่าพวกเราไปทางใดไม่ใช่หรือ?”“รู้แล้วเป็นเช่นไร?” หยุนเจิงไม่เห็นด้วย “หากพวกเขามีค
เผชิญหน้ากับทหารต้าเฉียนอาวุธครบมือดุดันราวกับหมาป่าเหมือนเสือ ชนเผ่าที่ไร้ชายหนุ่มก็พ่ายแพ้อย่างรวดเร็วคนชราและเด็กที่เหลือถูกทหารม้าเป่ยหวนล้อมเอาไว้การประมาณการคร่าวๆ น่าจะไม่ต่ำกว่าสองพันคนมองดูทหารม้าต้าเฉียนจิตสังหารเข้มข้น ทุกคนตกใจกลัวตัวสั่น“เจ้าคิดจะลงโทษพวกเขาเช่นไร?”เมี่ยวอินกระซิบถามหยุนเจิง ด้วยความตื่นตระหนกแปลกๆแม้รู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นศัตรู แต่เห็นคนชราและเด็กไร้ที่พึ่งเหล่านี้ เมี่ยวอินรู้สึกทำใจไม่ได้แม้นางจะรู้ว่าตัวเองนั้นมีความใจดีของผู้หญิง แต่ในใจก็ยังหวังว่าหยุนเจิงจะไม่ฆ่าคนเหล่านี้สงครามก็เรื่องของสงคราม!บางที นางหวังว่าหยุนเจิงยังเหลือความเป็นมนุษย์!นางหวังว่าผู้ชายของนางมีคนมีเลือดมีเนื้อ ไม่ใช่คนเชือดสัตว์เลือดเย็นหยุนเจิงเรียกนายกองทหารม้า จากนั้นก็ถามเสียงเข้ม “เจ้ารู้ก็การฆ่าคนบนทุ่งหญ้าหรือไม่?”“รู้!”นายกองทหารม้าพยักหน้า “ตามกฎของทุ่งหญ้า หากทุกชนเผ่าเกิดการต่อสู้ คนชราไม่ฆ่า สู้ไม่เกินข้าม้า ไม่ฆ่า!”หยุนเจิงเงยหน้ามองเหล่าคนที่ตัวสั่นงกๆ สั่งเสียงเข้ม “ในเมื่อรู้ เช่นนั้นก็จัดการตามกฎ!”สร้างความวุ่นวายให้โลกฆ่าพระมารดา
“เอาล่ะ เลิกซึ้งได้แล้ว”หยุนเจิงยิ้มมองฉินชีหู่ จากนั้นก็ถาม “ตอนที่พวกท่านมา มีทหารไล่ตามหรือไม่?”“ไม่มี!”ฉินชีหู่หัวเราะ “ข้าส่งคนตรวจดูด้านหลัง ทหารไล่ตามเหล่านั้นเข้าเมืองเว่ยแล้ว คิดว่าคงนอนพักค้างคืนที่เมืองเว่ย แต่ว่า ม้าศึกของพวกเขาคืนนี้คงต้องหิวท้องร้องแล้ว ฮ่าๆๆ...”เวลานี้ อาหารสำหรับคนยังจัดการง่ายหากไม่ได้จริงๆ ก็ฆ่าม้าศึกบรรเทาความหิว นี่กว่าเปล่าให้คนหิวตายฆ่าม้าศึกห้าร้อยตัว พอจะให้คนสองหมื่นคนกินอิ่มไปด้วยหนึ่งมื้อแล้วแต่อาหารสำหรับม้าศึก กลับจัดการไม่ง่ายอย่าว่าแต่อาหารสัตว์ในเมืองเว่ยเลย แม้แต่หญ้าเหี่ยวเฉาที่อยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำสายรองของแม่น้ำไป๋สุ่ย หยุนเจิงก็ส่งให้คนเผาทิ้งหมดแล้ว!ทหารไล่ตามด้านหลังพวกเขาคิดจะเติมเต็มความหิวให้ม้าศึก ยิ่งยากขึ้นไปอีก“เช่นนั้นก็ดี!”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวเตือน “แม้เป็นเช่นนี้ แต่พวกเราก็จำเป็นต้องเพิ่มความระวัง ระวังทหารไล่ตามเปลี่ยนจากทหารม้าเป็นทหารราบ เคลื่อนทัพมาจู่โจมตอนกลางคืน!”พวกเขาเดินทางไกลมาหนึ่งวัน ระหว่างนั้น ม้าศึกยังได้กินหญ้าและธัญพืชบ้าง ม้าศึกหลายตัวเหนื่อยแล้วทหารไล่ตา
ชายแดนเมืองเว่ยเกออาซูยืนด้วยใบหน้าเขียวคล้ำอยู่นอกป่าที่ถูกไฟเผาเมื่อรวมกับสิ่งที่ทหารบาดเจ็บพูดถึงรอยกีบม้าบนหิมะ โดยพื้นฐานแล้วสามารถคาดการณ์ได้แล้ว กลุ่มทหารม้าชั้นยอดต้าเฉียนบุกไปยังชนเผาที่อยู่ใกล้เมืองเว่ยที่สุดแล้วเวลานี้ ชนเผ่าแห่งนั้นคงถูกทำลายหมดสิ้นแล้วอีกทั้ง เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เกออาซูไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลยเวลาตลอดทั้งวัน ม้าศึกของพวกเขากินธัญพืชที่พักมาเป็นครั้งคราวเท่านั้นตอนนี้ คนและม้าของพวกเขาล้วนขาดเสบียงแล้ว!เจ้าพวกชาวต้าเฉียนที่สมควรตาย เผ้าแม้กระทั่งหญ้าแห้งริมแม่น้ำ!ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เติมอาหารให้ม้าศึกของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย!ระยะห่างจากพวกเขากับทัพศัตรูแค่สามสิบลี้เท่านั้น!แต่สามสิบลี้นี้ ราวกับเปลี่ยนเป็นคูเมืองตามธรรมชาติแล้ว!ม้าศึกของพวกเขาวิ่งไม่ไหวแล้ว!เดิมก็ไม่มีทางตามทหารม้าของต้าเฉียนทัน!ไม่ต้องคิดก็รู้ รอให้ทหารม้าต้าเฉียนออกจากชนเผ่าแห่งนั้น คงเผาเสบียงอาหารของชนเผ่าแห่งนี้จนไม่เหลือซาก!รอให้พวกเขาค่อยๆ ตามไป ม้าและคงก็ไม่มีเสบียงให้เติมแล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาไม่มีทางตามทหารม้าต้าเฉียนที่สมควรตายเ
ขณะที่เกออาซูตบหน้าฟางหยุนซื่อด้วยความโมโหไม่หยุด ทหารราบคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งมา “ท่านแม่ทัพ องค์หญิงเจียเหยามาถึงแล้ว...”เจียเหยา?เกออาซูใจกระตุก ผลักฟางหยุนซื่อออก รีบร้อนพลิกตัวขึ้นหลังม้า วิ่งไปในเมืองแม้ม้าของเขาเทียบไม่ได้กับย่ำเหมันต์ของปานปู้ แต่ก็นับว่าเป็นม้าชัดเลิศที่วิ่งได้พันลี้ต่อให้เป็นเช่นนี้ ความเร็วของม้าตัวนนี้ไม่ได้กินอาหารตลอดวันลดไปอย่างมากม้าของเขายังเป็นเช่นนี้ นับประสาสิ่งใดกับม้าศึกของทหารทั่วไป?หากทำตามวิธีของฟางหยุนซื่อจริง ไม่เพียงทำให้ม้าศึกทั้งหมดของพวกเขาสิ้นเปลือง กองทัพสองหมื่นของพวกเขา เกรงว่าคงพิการหมดแล้วกลับมาค่อยจัดการไอสุนัขนี่!เกออาซูเต็มไปด้วยความโกรธอยู่เต็มอก กลับเข้าไปในเมืองเจียเหยาพาองครักษ์คนสนิทสิบกว่าคนควบม้ามาตลอดทาง คนและม้าของพวกเขาล้วนเหนื่อยล้า“เกาอาซูคาราวะองค์หญิง”เมื่อเห็นเจียเหยา เกออาซูรีบทำความเคารพ“ท่านแม่ทัพไม่ต้องมากพิธี”เจียเหยาโบกมืออย่างเหนื่อยล้า จากนั้นก็ไถ่ถาม “ตอนนี้ทหารม้าต้าเฉียนไปทางใดแล้ว?”เกออาซูฮึดฮัดกล่าว “พวกเขาคงจู่โจมชนเผ่าที่อยู่ใกล้ที่สุด...”กล่าวจบ เกออาซูก็อธิบายสถานการณ์กับเ
เห็นสภาพของฟางหยุนซื่อ เจียเหยาขมวดคิ้วถาม “เกิดสิ่งใดขึ้น?”“ข้าตีเอง!”เกออาซูชี้ฟางหยุนซื่อด้วยความโมโห “องค์หญิง ไอสุนัขนี่คิดจะทำร้ายคนของพวกเรา...”กล่าวจบ เกออาซูบอกสิ่งที่ฟางหยุนซื่อกล่าวออกมาด้วยความโมโหหากไม่ใช่เจียเหยาอยู่ด้วย เขายังอยากจะซัดไอสุนัขนี่อีกรอบ“เจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว”เจียเหยาช้อนตามองเกออาซู “วิธีนี้ของเขา แม้จะทำให้พวกเราเสียหายหนัก แต่ทัพศัตรูก็เสียหายหนักเช่นกัน! ขอแค่ทัพศัตรูเสียหาย ก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสานสังหารหมู่ชนเผ่าของพวกเราด้านหลังแล้ว...”หากปล่อยให้ทหารม้าชั้นยอดต้าเฉียนสังหารหมู่ต่อไปเช่นนี้ ความเสียหายในภายหลังของพวกเขาก็จะยิ่งมากขึ้นใช้ชีวิตกองทัพสองหมื่นคนไปแลกกับการสร้างความเสียหายให้ทหารม้าต้าเฉียน ความจริงก็เป็นวิธีที่ไม่เลวเมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา เกออาซูสีหน้าหมองลงในทันทีแผนการของไอสุนัขนี่ นึกไม่ถึงว่าจะได้รับการยอมรับจากองค์หญิง?“องค์หญิง ท่านคงไม่คิดจะทำเช่นนี้หรอกกระมัง?”เกออาซูขมวดคิ้วมองเจียเหยา จากนั้นก็จ้องมองฟางหยุนซื่อด้วยความโหดเหี้ยมหากองค์หญิงตัดสินใจทำเช่นนี้จริง เขาจะฆ่าไอสุนัขนี่เป็นคนแรก!“ความจริงแล้ว
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง!” เจียเหยากล่าวพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กุ่ยฟางต้องยอมสวามิภักดิ์และถวายบรรณาการอย่างแน่นอน แต่จำนวนบรรณาการต้องเพิ่มขึ้นอีกร้อยละห้าสิบพร้อมกันนี้ กุ่ยฟางต้องเปิดการค้าเสรีกับต้าเฉียนและเป่ยหวน นอกจากนี้ กุ่ยฟางต้องชดเชยความเสียหายที่เป่ยหวนและต้าเฉียนได้รับจากศึกครั้งนี้ โดยจ่ายชดเชยเป็นทองคำ 100,000 ตำลึง แกะ 100,000 ตัว วัว 30,000 ตัว ม้า 10,000 ตัว และเสบียงอาหาร 4 ล้านตัน และเพื่อเป็นการตอบแทน เจียเหยาจะไม่เรียกร้องให้กุ่ยฟางยกดินแดน 500 ลี้ แต่ลดลงเหลือเพียง 300 ลี้เท่านั้น! ส่วนข้อที่ให้กุ่ยฟางถวายหญิงงาม 100 คนแก่ต้าเฉียนนั้น เจียเหยาได้ยกเว้นให้โดยตรง สำหรับเงื่อนไขปลีกย่อยอื่นๆ เจียเหยาก็ยอมรับตามที่กุ่ยฟางเสนอมา เมื่อได้ยินเงื่อนไขของเจียเหยา อาเคอถูรู้สึกราวกับสมองของตนกำลังอื้ออึง การเพิ่มบรรณาการขึ้นร้อยละห้าสิบยังพอว่า แต่เจียเหยากลับเรียกร้องให้กุ่ยฟางจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลในคราวเดียว? อย่าว่าแต่ปศุสัตว์และเสบียงเลย เพียงแค่ทองคำ 100,000 ตำลึง กุ่ยฟางก็แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว ทองคำ 100,000 ตำลึง
กุ่ยฟางแม้ว่าขณะนี้ดินแดนกุ่ยฟางจะเต็มไปด้วยหิมะที่ปกคลุมไปทั่ว แต่เจียเหยาก็ยังไม่หยุดการเคลื่อนทัพ ด้วยผลจากสิ่งที่พวกเขายึดได้ระหว่างทาง กองทัพของพวกเขาจึงไม่มีใครต้องทนหนาว ทว่าความหนาวเย็นของอากาศยังคงสร้างความลำบากไม่น้อยให้กับพวกเขา ทัวฮวนและจู่หลู่ได้เสนอให้เจียเหยารับคำขอเจรจาของชื่อเหยียนหลายครั้ง แต่เจียเหยาก็ไม่ได้สนใจในตอนนี้ กองทัพของพวกเขาอยู่ห่างจากเมืองหลวงของกุ่ยฟางไม่ถึงหนึ่งร้อยลี้แล้ว! เมื่อเผชิญกับกองทัพที่ประชิดเข้ามา ชื่อเหยียนจึงส่งคนมาเจรจาขอสงบศึกอีกครั้ง ครั้งนี้ เจียเหยาไม่ได้ขับไล่คนที่ชื่อเหยียนส่งมาอีก เจียเหยาได้พบกับอาเคอถูในกระโจมใหญ่ เมื่ออาเคอถูถูกนำตัวเข้ามา เจียเหยากำลังใช้มีดเล็กๆ ตัดเนื้อแกะชิ้นร้อนๆ จากขาแกะส่งเข้าปาก ข้างกายของนาง เกออาซูยืนอยู่พร้อมถือดาบในมือ อาเคอถูไม่ทราบว่าเนื้อแกะนั้นอร่อยเพียงใด แต่เจียเหยากลับดูเหมือนกำลังเพลิดเพลินอย่างมาก “ข้าน้อยคารวะองค์หญิงเจียเหยา!” อาเคอถูคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อถวายคำนับเจียเหยา เจียเหยาช้อนตามองเล็กน้อย มองอาเคอถูอย่างเรียบเฉย “เจ้าควรเรียกข้าว่า ‘องค์หญิ
ฤดูหนาวอันยาวนาน พวกเขามีสิ่งที่ต้องเตรียมการมากมาย หยุนเจิงเดินหาอยู่ในค่ายอยู่นาน จึงเจอฉินชีหู่ในโรงตีเหล็กของค่าย เมื่อเห็นหยุนเจิง ฉินชีหู่ก็รีบถือกระบองหนามที่เขาสั่งการตีด้วยตัวเองเข้ามาหา พลางกล่าวด้วยความภูมิใจ “น้องชาย เจ้าช่างมาถูกเวลา! มาดูอาวุธใหม่ของข้าหน่อยสิ!” “ข้าดูซิ” หยุนเจิงรับกระบองหนามมาจากมือของฉินชีหู่ เพียงแค่จับก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักมหาศาล แม้หยุนเจิงจะฝึกฝนร่างกายร่วมกับเมี่ยวอินมานาน แต่เมื่อถือกระบองหนามนี้ไว้ในมือก็ยังรู้สึกว่าหนักเกินกำลังเล็กน้อย “นี่คงหนักเจ็ดสิบจินได้กระมัง?” หยุนเจิงมองฉินชีหู่ด้วยความตกตะลึง “เจ็ดสิบแปดจิน!” ฉินชีหู่หัวเราะพลางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นี่คืออาวุธที่หนักที่สุดในกองทัพแน่นอน!” ตอนนี้ฉินชีหู่หลงใหลในกระบองหนามชนิดนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดาบใหญ่หรือหอกยาว เมื่อเจอกระบองหนามของเขา ก็ต้องยอมแพ้ทั้งนั้น เพียงแค่ฟาดลงไปครั้งเดียว เกราะใดก็ป้องกันไม่ได้! เรียกได้ว่าเทพมาขวางก็กำจัดเทพ พระมาขวางก็กำจัดพระ!” “เจ้ามันแน่!” หยุนเจิงกล่าวเหน็บแนมพลางคืนกระบองหนามให้ฉินชีหู่ “ช่ว
เรื่องการอภิเษกสมรสกับเจียเหยา หยุนเจิงไม่ได้ให้ความสำคัญนัก พลังงานทั้งหมดของเขาทุ่มเทไปกับการเตรียมการกองทัพใหม่ สำหรับกองทัพกุยอี้ หยุนเจิงยังคงยึดหลักการเดิม คือ ในหนึ่งกองทัพต้องประกอบด้วยคนจากหลายแคว้น เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบกันเองและป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น กองทัพกุยอี้สี่หมื่นนาย ถูกขยายมาจากกองกำลังหนึ่งหมื่นกว่าคนของฟู่เทียนเหยียนและพรรคพวก ผู้ที่สร้างผลงานจากศึกก่อนหน้านี้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นนายทหารระดับกลางและล่าง ฟู่เทียนเหยียน ฮั่วกู้ จั่วเหริน และเกาเหอ ต่างก็นำกองกำลังหนึ่งหมื่นนาย ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาในศึกก่อนหน้า หยุนเจิงจึงจัดสรรม้าให้กองทัพกุยอี้หนึ่งหมื่นตัว และจัดตั้งกองทหารม้าห้าพันนาย ซึ่งสังกัดในกองกำลังของฟู่เทียนเหยียน หลังจากจัดการเรื่องกองทัพใหม่เรียบร้อย หยุนเจิงจึงพาคนไปเคารพหลุมศพของตู้กุยหยวน ระหว่างทางกลับ หยุนเจิงครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอนาคต เมื่อการเตรียมการเบื้องต้นเสร็จสิ้น กองทัพกุยอี้ทั้งสี่หมื่นนายจะต้องแยกกันไปฝึก ส่วนกองทัพประจำการใหม่สองหมื่นนาย เรื่องนี้ค่อนข้างง่าย กองกำลังสองหมื่นนี้เดิมทีเป็
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา