ในเมื่อพวกเขามีความคาดเดา พวกเขาต้องรู้บางอย่างแน่นอนหยุนเจิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้มองทุกคน จากนั้นก็เอ่ยปาก “ก่อนหน้านี้จางซูให้ความคิดที่ไม่ดีกับพวกเรา...”กล่าวจบ หยุนเจิงบอกเรื่องที่พวกเขาปลอมผลจางหลิวเป็นโสมคนแลกเปลี่ยนกับเจียเหยาออกมาเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง“จางหลิวคือสิ่งใด?”ฉินชีหู่ถามด้วยสีหน้าแปลกประหลาด“คือว่า...”หยุนเจิงยิ้มด้วยสีหน้าขมขื่น “สิ่งนี้หน้าตาเหมือนโสมมาก ทว่ามันมีพิษมาก กินแล้วอาจถึงชีวิต...”มีพิษ?ถึงชีวิต?เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ฉินชีหู่พลันลุกขึ้นยืนแม้ว่าเขาไม่รู้ว่าจางหลิวคือสิ่งใด รู้เพียงว่าจางหลิวมีพิษก็พอแล้ว!“ท่านอ๋อง พวกท่าน...คงไม่ได้วางยาพิษเจียเหยาตายหรอกกระมัง?”ตู๋กูเช่อใบหน้ากระตุกเวลานี้ เขาไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือควรหัวเราะใช้จางหลิวปลอมเป็นโสมให้เจียเหยา?พวกเขาก็คิดออกมาได้!ที่สำคัญคือ พวกเขาทำสำเร็จด้วย!เรื่องนี้ ขาดคุณธรรมก็ขาดคุณธรรมอยู่หรอก แต่ก็น่าพอใจมาก!คำถามคือ หากเป็นเพราะเจียเหยาตาย สิ่งนี้นำไปสู่ความล้มเหลวในการกอบกู้ชายแดนเว่ยและชิง ก็แทบไม่ได้ขาดทุนทว่า เปลี่ยนอีกคว
วันที่สอง ทหารเป่ยหวนแบกกระสอบมาถึงชายแดนเมืองเว่ยด้วยคำพูดรุนแรงบอกว่าประมุขฮูเจียมาถึงชายแดนเมืองเว่ยแล้ว ต้องการให้เว่ยเหวินจงส่งมอบหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนออกมา มิฉะนั้น แม่ทัพและพลทหารทุกคน จะบุกซั่วเป่ยโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น!ถึงเวลานั้น ทุกที่ที่กองทัพเป่ยหวนผ่านทาง แม้แต่ไก่หรือสุนัขสักตัวก็ไม่เหลือ!หลังจากข่มขู่เสร็จ ทหารม้าเป่ยหวนยิงธนูที่เขียนด้วยรายมือประมุขฮูเจี๋ยอีกครั้งแล้วก็ต้องการให้เว่ยเหวินจงเปิดด้วยตัวเองทว่า จดหมายฉบับนี้ไม่มีทางถึงมือเว่ยเหวินจงต่อให้ถึงมือเว่ยเหวินจง ก็ไม่มีความหมายใดหากต้องการมอบหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนออกไป มีเพียงจักรพรรดิเหวินผู้เดียวที่มีอำนาจเว่ยเหวินจงไร้อำนาจนี้เว่ยเหวินจงต่อให้คิดจะบังคับหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนส่งออกไป ก็ต้องถามทหารของกองทหารเป่ยหวนว่าตกลงหรือไม่ไม่มีผู้ใดสนใจคำขู่ของทหารม้าเป่ยหวน ทุกคนเพียงเพิ่มความเร็วในการซ่อมแซมกำแพงเมืองตอนนี้มีการซ่อมแซมเพิ่มเติม ตอนที่เป่ยหวนจะโจมตี ความเสียหายของพวกเขาคงเล็กน้อยมากโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ท้องฟ้ามืดลงแล้วทว่างานซ่อมแซมกำแพงเมืองยังคงไม่หยุดลงความค
เมื่อได้ฟังคำของหลี่ต้าซาน สีหน้าของหยุนเจิงสีหน้าเปลี่ยนเป็นดูยากขึ้นมาหน่วยคุ้มกันขนส่งเสบียง พบกับการจู่โจมของกองทัพเป่ยหวน!“เสบียงเล่า?”เสิ่นลั่วเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นก็ตะโกนถามหลี่ต้าซานคร่ำครวญอย่างไร้เรี่ยวแรง “เสบียงอาหารทั้งหมดถูกเป่ยหวนแย่งไปแล้ว กองทัพสองหมื่นกว่าคนของเราแทบไม่เหลือ ข้าน้อยหนีออกมาสุดชีวิต...”เสิ่นลั่วเยี่ยนเมื่อได้ฟัง อดไม่ได้ที่จะชะงักเสบียงของกองทัพสี่หมื่นพวกเขาถูกเป่ยหวนแย่งไป!โดยไม่ต้องสงสัย กองทัพของเป่ยหวนประจำการอยู่ที่แนวสันดอนเป่ยหยวนใกล้กับบริเวณเมืองกู้!ทางข้างหลังของพวกเขา ถูกตัดขาดแล้ว!อีกทั้งกองทัพใหญ่เป่ยหวนของชายแดนชิงและชายแดนเว่ย ไม่นานก็ต้องออกมากดดัน!ชายแดนเมืองกู้ ถูกล้อมรอบทั้งสามด้าน กลายเป็นเมืองโดดเดี่ยวโดยสิ้นเชิง!อีกทั้งกองทัพเป่ยหวนก็ได้เสบียงอาหารอย่างเพียงพอแล้ว มีกำลังถ่วงเวลากับพวกเขาต่อไป!มองย้อนกลับมาที่พวกเขา เดิมพวกเขาก็ไม่ได้พกเสบียงมามากมายเสบียงที่เหลือ อย่างมากก็เพียงพอกับจำนวนสี่หมื่นคนแค่ประมาณห้าวันเท่านั้น!หยุนเจิงกำหมัดแน่น กัดฟันมองหลี่ต้าซาน “พวกเจ้าคุ้มกันเสบียงอาหารสองหมื่น
คำพูดของหยุนเจิงดังก้องเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง สีหน้าคนไม่น้อยเปลี่ยนไปดูยากขึ้นมา“น้องชายพูดไม่ผิด ต้องเป็นเว่ยเหวินจงคนสารเลวสมคบคิดศัตรู!”ฉินชีหู่ด่านำออกมาก่อน สองดวงตาเปลี่ยนเป็นแดงกล่ำ“ท่านแม่ทัพใหญ่คงไม่บ้าคลั่งเพียงนี้กระมัง?”“ไม่ใช่ก็แปลกแล้ว เพื่อสังหารท่านอ๋อง เว่ยเหวินจงแอบเล่นตุกติดน้อยหรือ?”“ใช่แล้ว! ไม่น่าเล่าเพียงยึดครองชายแดนกู้ได้ก็หนีแล้ว ที่แท้ก็มีความคิดเช่นนี้!”“เว่ยเหวินจง! ข้าจะต้องสับร่างเจ้าเป็นหมื่นชิ้น...”เวลานี้ อารมณ์ทุกคนพลุกพล่านนอกจากคนจำนวนน้อยมาก แม่ทัพแทบทุกคนล้วนด่าเว่ยเหวินจงยกใหญ่ตู๋กูเช่ออ้าปากเล็กน้อย คิดจะบอกให้ทุนคนเลือกสงสัยไร้เหตุผล แต่ก็ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่อาจกล่าวออกมาได้เว่ยเหวินจงส่งทหารชาวนาชราและอ่อนแอมาคุ้มกันเสบียง กล่าวได้ว่าทำให้กำลังทหารไม่เพียงพอเขาสั่งให้คนเหล่านี้คุ้มกันขนส่งเสบียงในคืนที่ดาวเต็มท้องฟ้า สามารถกล่าวได้ว่ากังวว่าพวกเขาจะคุ้มครองเสบียงไม่พอเป่ยหวนคาดเดาเวลาที่พวกเขาคุ้มกันขนส่งเสบียงได้อย่างแม่นยำเช่นนี้ บังเอิญเกินไปแล้วต่อให้กล่าวว่าเป่ยหวนสายสืบมาสืบล่วงหน้า สายสืบกลับไปรายงาน
อีกทั้ง เป็นไปได้มากว่าว่าไม่มีแม้แต่โอกาสจะบุกฝ่าวงล้อมออกไป!คิดไปคิดมา หยุนเจิงพลันใจกระตุก จากนั้นก็ส่งเสียงออกไป “ห้ามบุกฝ่าวงล้อมออกไปตอนนี้!”ฉินชีหู่หันหน้ามองหยุนเจิง โบกมืออย่างหยาบคาย “น้องชาย เรื่องเคลื่อนทัพสู้รบเจ้าไม่ต้องยุ่ง พวกเรามีขอบเขต! ถึงเช่นไรก็ยังเป็นคำนั้น หากข้าไม่ตาย ต้องปกป้องเจ้าให้ปลอดภัย!”เมื่อได้ฟังคำของฉินชีหู่ ในใจหยุนเจิงทั้งซาบซ้ำทั้งจนปัญญาเขาไม่อยากยุ่ง แต่เขาจำเป็นต้องยุ่ง!“ฟังข้าพูด!”หยุนเจิงส่ายหน้ามองฉินชีหู่ “ตอนนี้ด้านนอกมืดสนิท ในเมื่อเป่ยหวนคิดจู่โจมหน่วยคุ้มกันเสบียงของพวกเรา กองทัพเมืองเว่ยและชิงต้องกดดันเงียบๆ ออกมาแล้ว! หากพวกเขาบุกฝ่าวงล้อมตอนนี้ เป็นไปได้มากว่าจะต้องเผชิญหน้ากับทัพศัตรูสามทาง”นี่เป็นแผนรุกฆาตที่เว่ยเหวินจงและพวกเป่ยหวนร่วมมือกันเป่ยหวนไม่มีทางปล่อยให้กองทัพชายแดนเว่ยและชิงไม่เคลื่อนไหวตอนนี้หากพวกเขาเลือกที่จะบุกฝ่าวงล้อมออกไป บางทีกองทัพทั้งหมดอาจถูกทำลายหมดสิ้นไม่เหลือ!เมื่อได้ฟังคำหยุนเจิง ทุกคนชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็พากันพยักหน้า“จริงด้วย! เดิมเรื่องนี้ก็ออกแบบมาอย่างดี เป่ยหวนไม่มีทางไม่มีการเ
กลับถึงห้อง เสิ่นลั่วเยี่ยนบอกเล่าสถานการณ์กับเมี่ยวอิน เมี่ยวอินอดไม่ได้ที่จะด่ากราดเว่ยเหวินจงคนจิตใจอำมหิตบิดเบี้ยวผู้นี้“พอแล้ว ไม้กลายเป็นเรือแล้ว ต่อให้ด่าไปก็ไร้ประโยชน์ นึกโกรธตัวเองมากกว่า”หยุนเจิงโบกมือ “จะโทษก็ต้องโทษที่พวกเราประมาทเกินไป!”ความจริง ตอนที่เว่ยเหวินจงสั่งให้เว่ยซั่วกลับไปยังป้อมเมืองสุยหนิง เขาควรมีวิธีรับมือแล้วแต่น่าเสียดาย เวลานั้นเขาคิดว่าเว่ยเหวินจงเพียงแค่ไม่อยากให้เว่ยซั่วขัดแย้งกับเขา ถึงสั่งให้เว่ยซั่วกลับไปป้อมเมืองจิ้งอันตอนนี้คิดๆ ดู จึงพบว่าเว่ยเหวินจงอดกลั้นไม่ไหวตั้งแต่เวลานั้นแล้วต่อมา เจียเหยาปล่อยข่าวปลอมว่านางและปานปู้ถูกพิษตาย ทำให้เขาเป็นอัมพาตได้สำเร็จต้องบอกว่า ครั้งนี้เจียเหยาทำได้อย่างสวยงามใช้ประโยชน์ที่เขาแลกเปลี่ยนจางหลิวกับนาง กลับมาทำให้เขาเป็นอัมพาตแล้วโทษที่เขามัวแต่ดีใจอยู่ตรงนั้นผลสุดท้าย คนอื่นกลับสานตาข่ายใหญ่ไว้คลุมพวกเขาแล้ว“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไร?”เมี่ยวอินขมวดคิ้วถาม “รอถูกขังเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี!”“ไม่ต้องรีบร้อน!”หยุนเจิงโบกมือกล่าว “กองกำลังของเป่ยหวนย่อมต้องมีมากกว่าพวกเร
“อืม มีเหตุผล!” หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ แล้วถาม “เช่นนั้นฝั่งโขดเป่ยหยวนเป็นอย่างไร?”ตู๋กูเช่อตอบ “ฝั่งโขดเป่ยหยวนส่วนใหญ่เป็นทหารราบ จำนวนทหารน่าจะไม่ต่ำกว่าสามหมื่น ห่างจากชายแดนกู้เพียงเจ็ดแปดลี้เท่านั้น คนเหล่านั้นขุดดินเพื่อสร้างเป็นแนวป้องกันตั้งแต่แรกแล้ว…”ขุดดินสร้างแนวป้องกัน?กับดัก!นี่มันต้องการจะป้องกันการโจมตีจากทหารม้าของพวกเข้า แล้วล้อมพวกเขาไว้ไม่ใช่หรือ?ดูท่าแล้วเป็นไปอย่างที่ตนคิดไว้จริงๆเป่ยหวนเองก็ไม่อยากเดิมพันครั้งใหญ่มาโจมตีเมือง และคิดอยากใช้วิธีที่ง่ายที่สุดมาล้อมพวกเขารอให้พวกเขาขาดแคลนอาหาร พวกเขาก็จะหิวตาย หรือไม่ก็บุกจากการถูกล้อมด้วยตนเองแต่ทว่า เห็นได้ชัดว่าเป่ยหวนคิดมากไปเป่ยหวนรู้จักฆ่าม้าเป็นอาหาร แล้วพวกเขาจะไม่รู้จักหรือ?ถึงแม้จะไม่อยากสูญเสียม้าศึกเหล่านั้น แต่ชีวิตของคนอย่างไรก็สำคัญกว่าม้าศึกอยู่แล้วเป่ยหวนไม่บุก เช่นนั้นก็ยื้อเวลาต่อไปแล้วกัน!ต่อจากนี้ พวกเขามีเวลาคิดแผนรับมืออีกเหลือเฟือหยุนเจิงแอบหัวเราะในใจ แล้วถาม “แม่ทัพตู๋กู เจ้าคิดว่าเว่ยเหวินจงจะส่งคนไปบุกศัตรูที่อยู่บริเวณโขดใกล้ชายแดนกู้หรือไม่?”“เรื่องนี้…”ตู๋
“หยุนเจิงคนไร้ยางอาย…”คนเป่ยหวนยังคงตะโกนไม่หยุดหย่อนได้ยินเสียงตะโกนนี้แล้ว ทุกคนต่างก็มองไปที่หยุนเจิงอย่างพร้อมเพรียงกันหยุนเจิงใช้จางหลิ่วแลกให้กับเจียเหยาแทนโสม โทสะในใจเจียเหยาจะมากก็ไม่แปลก“มองทำพระแสงอะไร!”หยุนเจิงยิ้มจ้องทุกคน “รวบรวมคนแล้วตะโกนกลับไปว่า ‘ข้าได้ยินแล้ว หยุดส่งเสียงหลอนได้แล้ว!’”ให้ตายเถอะ!หยุนเจิงก็หยุนเจิงสิ!ยังจะเพิ่มคำว่าไร้ยางอายอีก!มารดามันเถอะ!รู้เช่นนี้ก่อนหน้านี้น่าจะนอนเจียเหยาซะ!ให้นางได้รู้ซะว่าไร้ยางอายที่แท้จริงเป็นอย่างไร!ถึงแม้จะไม่นอน ก็น่าจะลูบจับสักหน่อย!ไม่อย่างนั้น ตนก็ต้องแบกรับคำขนานว่าไร้ยางอายนี้เปล่าๆ น่ะสิ?เฮ้อ!น่าเสียดายจริงๆ!“ข้าได้ยินแล้ว หยุดส่งเสียงหลอนได้แล้ว!”ไม่นาน ต้าเฉียนก็รวมตัวตะโกนกลับไปหนึ่งในนั้น เสียงของฉินชีหู่ดังที่สุดเสียงของพวกเขาดังขึ้น เจียเหยาก็โบกมือสั่งห้ทหารม้าข้างกายถอยทัพทันที แล้วยืนม้าหนึ่งตัวต่อคนหนึ่งคนอยู่บนพื้นหิมะ เผยท่าทีบุกเดี่ยวข้ามฟากออกมาหยุนเจิงเห็นดังนั้นรีบเดินลงไปจากหอเมือง“ท่านจะไปจริงหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้วมองหยุนเจิง “ระวังนางเล่นตุกติก!”
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่