“เสียงดัง เสียงดังมาจากไหน?” ปานปู้คำรามด้วยความโกรธ“ข้าไม่รู้!”ทหารรายงานข่าวคร่ำครวญว่า “เสียงดังน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่าเสียอีก คนที่รอดออกมาต่างก็บอกว่าเป็นบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้า เป็นการลงโทษของเหล่าทวยเทพสำหรับความผิดของเรา…”ไม่มีใครรู้ว่าเสียงดังนั่นคืออะไรกันแน่ไม่มีใครเห็นฟ้าผ่าหรืออะไรเลยสิ่งที่พวกเขาได้ยินก็มีเพียงเสียงดังสะท้านเท่านั้นบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์!นอกจากบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาไม่สามารถอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลยปราณโลหิตในตัวปานปู้พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง แทบจะพ่นเลือดออกมาอีกครั้งขณะนี้ ปานปู้มีแต่เสียใจและโกรธจัดทหารม้าชั้นยอดสองหมื่นเจ็ดพันนายหายไปในหุบเขามรณะ แต่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นนี่มันสงครามอะไรกัน?นี่มันความอัปยศชัดๆ!ปานปู้พยายามระงับเลือดที่พลุ่งพล่านในร่างกายแล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พวกเจ้า...ส่งคนไปรายงานราชสำนักแล้วหรือยัง?”ทหารรายงานข่าวพยักหน้าอย่างอ่อนแรงด้วยความเจ็บปวดบนใบหน้าปานปู้บังคับร่างลุกขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบากแล้วคำรามว่า "ถ่ายทอดคำสั่งลงไปให้ฆ่าแกะและวัวเพื่อเป็นรางวัลแก่ทุกฝ
แม้ว่าเว่ยเหวินจงจะโยกย้ายทหารทั่วไปแปดหมื่นนายไปจากซั่วฟาง ถึงแม้จะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียเช่นกันทหารทั่วไปแปดหมื่นนาย เท่ากับแรงงานแปดหมื่นคนแม้จะนับรวมกับคนสองพันกว่าคนที่ได้มาจากหวังชี่แล้ว แต่เขาก็มีคนอยู่ในมือเพียงแค่ห้าหมื่นกว่าคนเท่านั้นบัดนี้ เขามีทหารที่สามารถรบได้มากกว่าทหารทั่วไปเสียอีกทหารที่สามารถรบได้ของเขามีอยู่ราวสองหมื่นเจ็ดพันนายแล้วบัดนี้ ทหารทั่วไปที่ทำเรื่องจิปาถะกลับมีน้อยกว่าแถมตอนนี้หยุนเจิงยังจะขุดศพม้าศึกในหุบเขามรณะ และสร้างค่ายทหารถาวรด้วย แถมห้องปฏิบัติการที่ทำร่วมกับจางซูก็ต้องใช้กำลังคนเช่นกันเมื่อเป็นเช่นนี้ กำลังคนในมือเขาก็ค่อนข้างขัดสนแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย!ตอนนี้ยังไม่ขาดแคลนคนมากนักถ้าขาดแคลนแรงงานมากจนเกินไป ก็ต้องจ้างคนซั่วฟางมาทำงานแล้วหลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว หยุนเจิงก็พาผู้คนไปที่เขาลั่วเสียซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายทหารที่กำลังก่อสร้างพูดให้สละสลวยคือไปตรวจสอบความคืบหน้าของการก่อสร้างค่ายทหาร แต่ในความเป็นจริงเพียงแค่ต้องการพาเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ ไปแช่บ่อน้ำพุร้อนเท่านั้น ร
พวกนางไม่เชื่อว่าผักสามารถปลูกได้ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้“ถึงแม้จะปลูกได้จริงๆ แต่เกรงว่าคงไม่ทันปีใหม่”เยี่ยจื่อเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "อีกสิบวันก็จะถึงปีใหม่แล้ว...""หา?"หยุนเจิงถึงกับอึ้ง “เร็วขนาดนั้นเลย?”เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินก็ประหลาดใจไม่แพ้กันใกล้ถึงปีใหม่แล้วหรือ?"ไม่อย่างนั้นล่ะ?"เยี่ยจื่อมองแต่ละคนที่ตกตะลึง “พวกเจ้าเอาแต่คิดว่าจะทำสงครามอย่างไรจนลืมเวลาไปหมดแล้ว!”ทั้งสามมองหน้ากันพวกเขาไม่ได้ตระหนักเรื่องเวลาเลยจริงๆใกล้จะถึงปีใหม่โดยไม่รู้ตัวแล้วหรือนี่?หยุนเจิงส่ายศีรษะยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ไม่ทันก็ไม่ทัน! ข้าเอาเมล็ดมาแล้ว! หลังจากแช่น้ำพุร้อนเสร็จก็ปลูกทิ้งไว้ที่นี่ เก็บเกี่ยวได้เมื่อไหร่ค่อยเก็บเมื่อนั้น!"เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าแล้วเลิกคิ้วมองหยุนเจิงและจางซู "พวกท่านสองคน ออกไปได้แล้ว!""อย่าสิ!"หยุนเจิงพูดอย่างจริงจัง "ข้าจะให้คนเอาแผ่นไม้มากั้นไว้ เราแค่แยกกันแช่ก็พอแล้วนี่!""ไสหัวไปซะ!"เสิ่นลั่วเยี่ยน เมี่ยวอิน และเยี่ยจื่อพูดพร้อมกันหยุนเจิงหัวเราะแล้วจากไปพร้อมกับจางซูพวกเขาไม่มีทางแช่น้ำพุร้อนพร้อมกับพวกนางอยู่แล้ว เพียงแค่
หลังจากที่เสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ แช่บ่อน้ำพุร้อนเสร็จแล้ว หยุนเจิงและจางซูถึงจะวิ่งเข้าไปในบ่อน้ำพุร้อนข้างนอกหนาวเย็น แต่ข้างในร้อนจนเหงื่อออกความรู้สึกนี้ดีมากจริงๆอย่างไรก็ตาม จางซูยังไม่ทันได้เพลิดเพลินได้เท่าไหร่ เสียงหมิงเย่ว์ก็ดังมาจากด้านนอกแล้วจางซูจึงรีบสวมเสื้อผ้าแล้ววิ่งออกไปทันที“ไอ้อ่อนนี่!”หยุนเจิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้จางซูทหารผ่านศึกแห่งดอกไม้กลับถูกหมิงเย่ว์ควบคุมไว้ซะได้หายากจริงๆ!เห็นได้ชัดว่าจางซูมีความรู้สึกดีๆ กับหมิงเย่ว์จริงๆหมิงเย่ว์ถึงจะดูดุแต่ก็ยังมีจางซูอยู่ในใจตอนที่หยุนเจิงกำลังคิดไปเรื่อยอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งข้ามกำแพงเข้ามานักฆ่า?หยุนเจิงรู้สึกหนาวสั่นในใจและเรียกหาใครสักคนโดยไม่รู้ตัวแต่กลับเห็นร่างที่สวยงามผ่านไอน้ำเมี่ยวอิน?หยุนเจิงกลืนคำพูดที่อยู่ที่ปลายลิ้นทันที แล้วหันไปยิ้มร้ายๆ ให้เมี่ยวอิน “เจ้าจะมาอาบน้ำกับข้าหรือ?”ใบหน้าของเมี่ยวอินเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เมื่อครู่ข้ายังแช่ไม่หน่ำใจ อยากแช่ต่ออีกหน่อย ไม่ได้หรือไง?”"ได้ๆ!"หยุนเจิงหัวเราะแล้วมองตรงไปที่เมี่ยวอินเมี่ยวอินมองเขาอย่าง
เดิมทีนางคิดว่าหลังจากมาถึงซั่วเป่ยแล้ว นางจะนึกถึงสามีผู้ล่วงลับที่ถูกฝังอยู่ในซั่วเป่ยแต่ความจริงแล้วนางไม่ค่อยนึกถึงสามีที่ล่วงลับไปเลย เวลาส่วนใหญ่ก็ล้วนกังวลแต่หยุนเจิงจะนึกถึงสามีที่ตายไปก็ต่อเมื่อรู้สึกผิดเป็นครั้งคราวสุดท้ายตนก็รักไอ้สารเลวนั่นอย่างเกินเยียวยาอยู่ดีแม้ว่าจะถูกผู้คนมากมายวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักก็ตาม...ขณะที่เยี่ยจื่อกำลังคิดไม่เรื่อยเปื่อย เสิ่นลั่วเยี่ยนก็มาถึงแถวๆ น้ำพุร้อนเมื่อเห็นกำแพงดินที่ล้อมรอบบ่อน้ำพุร้อน เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เกิดความคิดอันกล้าหาญขึ้นมาไอ้สารเลวนั่นอยากจะอาบน้ำกับตนไม่ใช่หรือ?สถานที่เช่นนี้ ดูเหมือนว่าการอาบน้ำระหว่างคนสองคนจะกลายเป็นสิ่งที่น่าจดจำในอนาคตได้เพราะอย่างไร ใช่ว่าหยุนเจิงจะไม่เคยเห็นร่างของตนเสียหน่อยปกติไอ้สารเลวนั่นก็เอาเปรียบตัวเองไม่น้อยอยู่แล้วตนกับสารเลวนั่นเหลือแค่ขั้นสุดท้ายแล้ว!เพียงแต่ว่าการวิ่งเข้าไปอาบน้ำร่วมกับเขาด้วยตนเองเช่นนี้ จะดูง่ายไปหน่อยหรือไม่?แค่คิดก็รู้สึกอายแล้ว!เสิ่นลั่วเยี่ยนลังเล ตัดสินใจไม่ได้เสียที"อืม..."ขณะที่เสิ่นลิ่วเยี่ยนลังเลอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้น
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมี่ยวอินก็ออกไปก่อนแม้ว่านางจะร้อนแรงและกล้าหาญ แต่นางก็เขินเกินกว่าที่จะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนพร้อมกับหยุนเจิงมิเช่นนั้น แม้ว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนจะเขินอายที่จะพูด แต่คนอื่นๆ ก็จะคิดไปมั่วซั่วอยู่ดีหยุนเจิงแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน แล้วนึกถึงรสชาติอันแสนวิเศษเมื่อครู่นี้ด้วยสีหน้าพึงพอใจนี่สิถึงจะเรียกว่าชีวิต!หากไม่มีเรื่องเป่ยหวนเน่าๆ นี่ แล้วถูกเจ้าสามไอ้อ่อนนั่นหมายตาล่ะก็ ใครจะไปอยากยุ่งกับเรื่องแย่ๆ พวกนี้กัน!พาผู้หญิงของตนไปเที่ยวภูเขาเล่นน้ำไม่ดีหรอกหรือ?ต้องรีบจัดการเรื่องเน่าๆ พวกนี้ซะ!ข้ามภพมา หากไม่ได้เพลิดเพลินกับความรุ่งเรืองของโลก คงจะเสียดายน่าดูพอหยุนเจิงแต่งตัวพบกับเสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาแล้ว เขายังไม่เดินเข้าไปหา เสิ่นลั่วเยี่ยนก็จ้องเขาด้วยสายตาดุเดือด ปากเล็กๆ ยังพึมพำไม่หยุดแม้ว่านางจะไม่ส่งเสียงใดๆ แต่หยุนเจิงก็สามารถรู้ได้ว่านางพูดอะไรจากการอ่านปากของนางไร้ยางอาย!เอาเถอะ!เขายอมรับว่าสิ่งที่เขาทำในวันนี้ค่อนข้างไร้ยางอายจริงๆแต่มันซะใจจริงๆ นะ!ต่อไปหากมีโอกาสจะต้องพาเสิ่นลั่วเยี่ยนแม่นางคนนี้ไร้ยางอายด้วยกันสักครั้
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเพิ่งคิด ใบหน้าสละสลวยของเยี่ยจื่อก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีเห็นเยี่ยจื่อหน้าแดงก่ำ หยุนเจิงก็รีบยกมือขึ้นทาบหน้าผาก “เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือ?”หน้าผากเยี่ยจื่อร้อนมากหยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ ว่านางคงไม่ได้เป็นหวัดหรอกใช่ไหม?เมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิบนฝ่ามือของหยุนเจิง ใบหน้าของเยี่ยจื่อก็ยิ่งร้อนขึ้นอีกเมื่อเผชิญกับท่าทางที่ใกล้ชิดเช่นนี้ของหยุนเจิง นางก็ตบมือของหยุนเจิงออกโดยไม่รู้ตัวแต่ทว่าทันทีที่นางยกมือขึ้น ก็หยุดลงกะทันหัน“เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนกันแน่?”เมื่อเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของเยี่ยจื่อ หยุนเจิงก็รู้สึกกังวลมากขึ้นจึงรีบวางจอบในมือทันที “ช่างเถอะ ไม่ปลูกมันแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปหาเมี่ยวอินให้ตรวจดู"พูดจบหยุนเจิงก็ดึงเยี่ยจื่อออกไปทันทีแต่เยี่ยจื่อกลับไม่ขยับเลย แถมใบหน้ายังเผยสีหน้าลำบากใจออกมาด้วยขณะที่หยุนเจิงกังวลสุดขีดนั้น ในที่สุดเยี่ยจื่อก็ตัดสินใจ จู่ๆ ก็ยกแก้มไปข้างหน้าแล้วประทับริมฝีปากสีแดงอุ่นไว้บนริมฝีปากของหยุนเจิงจูบกะทันหันนี้ทำให้หยุนเจิงถึงกับตะลึงในทันทีหยุนเจิงเบิกตากว้างอย่างโง่เขลาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นนี่เ
หยุนเจิงเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเพียงแค่มาแช่น้ำพุร้อน ไม่เพียงแต่ได้สัมผัสถึงความตื่นเต้นแสนพิเศษเท่านั้น แต่ยังทำให้เยี่ยจื่อเปิดใจอีกด้วยนี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงสำหรับหยุนเจิงด้วยความอารมณ์ดี หยุนเจิงเดินราวกับมีลมติดตัวด้วยเสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรไป เห็นใครก็รู้สึกแปลกไปหมดหยุนเจิงกับเมี่ยวอินก็แปลก พี่สะใภ้ก็แปลกๆ เช่นกันแม้แต่จางซูกับหมิงเย่ว์ก็แปลกนางไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางมีปัญหาหรือว่าพวกเขาทั้งหมดมีปัญหาในเวลากลางคืนพวกเขาพักอยู่ในค่ายเมื่อได้กินผักดองเหล่านี้แล้ว หยุนเจิงก็อดไม่ได้ที่จะตั้งตารอเรือนกระจกบ่อน้ำพุร้อนของเขาเอง“คิดอะไรไม่ดีอีกล่ะ?”เมื่อเห็นหยุนเจิงนั่งเหม่อลอยขณะทานอาหาร เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดดุไม่ได้หยุนเจิงคีบหัวไชเท้าดองเส้นแล้วพูดอย่างขมขื่น "ข้ากำลังคิดถึงผักสดอยู่น่ะ!"“ไร้สาระจริงๆ! หากท่านสามารถปลูกผักสดได้ก็แปลกแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองบนใส่เขา แล้วเอ่ยประชด "ท่านเอาเวลาทำเรื่องพรรค์นั้นไปคิดแผนการต่อไปดีกว่า! หากเป่ยหวนคิดจะเอาจริง เราจะซ่อนตัวดูเรื่องสนุกอยู่ในซั่วฟางไปตลอดไม่ได้”นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าพวกเขาอยากดูเรื่อ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่