เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเพิ่งคิด ใบหน้าสละสลวยของเยี่ยจื่อก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีเห็นเยี่ยจื่อหน้าแดงก่ำ หยุนเจิงก็รีบยกมือขึ้นทาบหน้าผาก “เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือ?”หน้าผากเยี่ยจื่อร้อนมากหยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ ว่านางคงไม่ได้เป็นหวัดหรอกใช่ไหม?เมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิบนฝ่ามือของหยุนเจิง ใบหน้าของเยี่ยจื่อก็ยิ่งร้อนขึ้นอีกเมื่อเผชิญกับท่าทางที่ใกล้ชิดเช่นนี้ของหยุนเจิง นางก็ตบมือของหยุนเจิงออกโดยไม่รู้ตัวแต่ทว่าทันทีที่นางยกมือขึ้น ก็หยุดลงกะทันหัน“เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนกันแน่?”เมื่อเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของเยี่ยจื่อ หยุนเจิงก็รู้สึกกังวลมากขึ้นจึงรีบวางจอบในมือทันที “ช่างเถอะ ไม่ปลูกมันแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปหาเมี่ยวอินให้ตรวจดู"พูดจบหยุนเจิงก็ดึงเยี่ยจื่อออกไปทันทีแต่เยี่ยจื่อกลับไม่ขยับเลย แถมใบหน้ายังเผยสีหน้าลำบากใจออกมาด้วยขณะที่หยุนเจิงกังวลสุดขีดนั้น ในที่สุดเยี่ยจื่อก็ตัดสินใจ จู่ๆ ก็ยกแก้มไปข้างหน้าแล้วประทับริมฝีปากสีแดงอุ่นไว้บนริมฝีปากของหยุนเจิงจูบกะทันหันนี้ทำให้หยุนเจิงถึงกับตะลึงในทันทีหยุนเจิงเบิกตากว้างอย่างโง่เขลาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นนี่เ
หยุนเจิงเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเพียงแค่มาแช่น้ำพุร้อน ไม่เพียงแต่ได้สัมผัสถึงความตื่นเต้นแสนพิเศษเท่านั้น แต่ยังทำให้เยี่ยจื่อเปิดใจอีกด้วยนี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงสำหรับหยุนเจิงด้วยความอารมณ์ดี หยุนเจิงเดินราวกับมีลมติดตัวด้วยเสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรไป เห็นใครก็รู้สึกแปลกไปหมดหยุนเจิงกับเมี่ยวอินก็แปลก พี่สะใภ้ก็แปลกๆ เช่นกันแม้แต่จางซูกับหมิงเย่ว์ก็แปลกนางไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางมีปัญหาหรือว่าพวกเขาทั้งหมดมีปัญหาในเวลากลางคืนพวกเขาพักอยู่ในค่ายเมื่อได้กินผักดองเหล่านี้แล้ว หยุนเจิงก็อดไม่ได้ที่จะตั้งตารอเรือนกระจกบ่อน้ำพุร้อนของเขาเอง“คิดอะไรไม่ดีอีกล่ะ?”เมื่อเห็นหยุนเจิงนั่งเหม่อลอยขณะทานอาหาร เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดดุไม่ได้หยุนเจิงคีบหัวไชเท้าดองเส้นแล้วพูดอย่างขมขื่น "ข้ากำลังคิดถึงผักสดอยู่น่ะ!"“ไร้สาระจริงๆ! หากท่านสามารถปลูกผักสดได้ก็แปลกแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองบนใส่เขา แล้วเอ่ยประชด "ท่านเอาเวลาทำเรื่องพรรค์นั้นไปคิดแผนการต่อไปดีกว่า! หากเป่ยหวนคิดจะเอาจริง เราจะซ่อนตัวดูเรื่องสนุกอยู่ในซั่วฟางไปตลอดไม่ได้”นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าพวกเขาอยากดูเรื่อ
กลัวแค่ว่าจะไม่ยื้อเวลาจนเป่ยหวนตาย แต่ทำให้กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือตายแทนฝูงชนเจรจาเรื่องนี้กันอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้สุดท้ายทุกคนก็ล้มเลิกการสนทนา“จริงสิ ท่านอยากกินคนเก้าพันคนที่เฝ้าหุบผาชันช่องลมไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงไม่มีการเคลื่อนไหวเลยล่ะ?”ทันใดนั้น เมี่ยวอินถามขึ้นกะทันหัน"อย่าพูดถึงเลย"พูดถึงเรื่องนี้แล้วหยุนเจิงก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างมากเขาวางแผนกับคนเก้าพันคนนั่นมาตลอดแต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ให้โอกาสพวกเขาเลยคนเก้าพันคนเหล่านั้นนำโดยไอ้อ่อนชื่อหยวนเลี่ยได้ยินหลูซิ่งบอกว่า หยวนเลี่ยค่อนข้างโด่งดังในหมู่กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือตามชื่อของเขา หยวนเลี่ยนั้นดุร้ายดุจไฟและต่อสู้เหมือนคนบ้า ดังนั้นเขาจึงมีชื่อเล่นว่าหมาบ้าหยวนยิ่งไปกว่านั้น หยวนเลี่ยยังมีความสัมพันธ์เป็นญาติกับเว่ยเหวินจงหลูซิ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร ตัวหยวนเลี่ยเองก็ไม่ค่อยพูดถึงหลูซิ่งเคยส่งเนื้อไปหุบผาชันช่องลมมาแล้วสองครั้ง ปริมาณค่อนข้างมากด้วยหยวนเลี่ยไอ้สารเลวนั่นก็ค่อนข้างใจเด็ด รับทุกสิ่งที่พวกเขาให้แต่ไอ้สารเลวคนนี้รับแต่ของ ไม่ยอมให้ผ่านประตูค่ายด้วยซ้ำ ทำให้พวกเขาท
วันรุ่งขึ้น ทุกคนถึงจะเดินทางกลับซั่วฟางหยุนเจิงเพิ่งกลับถึงซั่วฟาง ก็ได้รับข่าวจากตู้กุยหยวนทันทีว่า คนทั้งสี่กลุ่มที่หยุนเจิงส่งไปมีกลุ่มหนึ่งกลับมาแล้ว!คนไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง จะต้องพักผ่อนสักหน่อยสำหรับหยุนเจิงแล้ว คนทั้งแปดคนนี้ล้วนแต่เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นจะพักอย่างไรก็ไม่มีปัญหา!สมควรแล้ว!บัดนี้เหลือเพียงกลุ่มสุดท้ายแล้ว!หากกลุ่มนั้นกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกันล่ะก็ ศึกหุบเขามรณะครั้งนี้ก็สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงแล้วแต่ทว่าตอนนี้หยุนเจิงเองก็ไม่สามารถไปตามหาคนกลุ่มนั้นเช่นกันเป็นไปได้ว่าเป่ยหวนอาจจะเดิมพันด้วยชีวิตจริงๆ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเตรียมตัวไว้ถึงแม้จะไม่สามารถจำลองชัยชนะครั้งใหญ่ของหุบเขามรณะได้อีกต่อไป แต่ก็ต้องพยายามลดจำนวนคนบาดเจ็บและเสียชีวิตให้ได้มากที่สุดเช่นกันพวกเขามีกำลังคนทั้งหมดเพียงเท่านี้ ไม่สามารถสูญเสียต่อไปได้อีกสองสามวันต่อจากนี้ หยุนเจิงก็เริ่มยุ่งขึ้นมาระหว่างนั้น คนกลุ่มสุดท้ายก็กลับมาถึงแล้วซึ่งเท่ากับว่า หยุนเจิงกำจัดคนเป่ยหวนหลายหมื่นคนด้วยอัตราการสูญเสียเท่ากับศูนย์น่าเสียดายที่รายละเอียดการ
ทหารส่งสาร์นรีบหยิบป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาพลางเอ่ยจริงจังว่า “กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายของเป่ยหวนได้ข้ามโขดแม่น้ำไป๋สุ่ยขณะที่ฟ้ายังสว่างเมื่อวาน และได้โจมตีกองทหารใหญ่ที่ประจำการอยู่ที่โขดแม่น้ำ บัดนี้เหล่าทหารได้ล้อมรอบป้อมเมืองสุยหนิงแล้ว! แม่ทัพใหญ่จึงมีคำสั่งให้ทุกฝ่ายของซั่วฟางเตรียมพร้อมรบเสมอ! ส่วนแม่ทัพหลักของแต่ละฝ่ายให้รีบกลับไปยังฐานค่าย! ผู้ใดที่ช้าให้ประหารทันที!”ได้ยินคำพูดของทหารส่งสาร์นแล้ว ฝูงชนพลันหน้าเปลี่ยนไปในบัดดลเป่ยหวนเริ่มโจมตีแล้วจริงๆ!โจมตีป้อมเมืองฝ่ายหน้าของเป่ยหยวนโดยตรง!กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายล้อมรอบป้อมเมืองสุยหนิง!กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายเชียวนะ!เป่ยหวนไปเอากำลังพลมากมายเพียงนี้มาจากไหนกัน?“หยุนเจิงรับคำสั่ง!”หยุนเจิงรีบรับป้ายอาญาสิทธิ์มาพร้อมถามทหารส่งสาร์นว่า “กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายของเป่ยหวนมีการจัดวางแนวรบอย่างไร? แล้วทหารป้อมเมืองฝ่ายหน้าของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ทหารส่งสาร์นตอบ “กองทหารใหญ่สามหมื่นนายที่ประจำการอยู่ที่เป่ยหยวนของเราเสียชีวิตไปมากกว่าครึ่ง เป่ยหวนเองก็เจ็บหนักไม่แพ้กัน…”การสูญเสียของเป่ยหวน
“เว่ยเหวินจงไอ้ระยำนี่ทำสงครามอะไรของมัน?”“ตำแหน่งสำคัญอย่างโขดเป่ยหยวนนั่น เขากลับส่งไปแค่สามหมื่นนาย?”“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าไอ้ระยำนั่นเป็นไส้ศึกของเป่ยหวน!”ระหว่างทางสู่ค่ายเหนือ เสิ่นลั่วเยี่ยนพลางก่นด่าเว่ยเหวินจงไม่หยุดเท่าที่นางดูแล้ว ในสถานการณ์ที่รู้ว่าเป่ยหวนคิดจะเดิมพันด้วยชีวิตนั้น เว่ยเหวินจงควรจะส่งกำลังพลไปที่โขดเป่ยหยวนจำนวนเจ็ดแปดหมื่นนาย เช่นนั้นถึงคนของเป่ยหวนจะไม่กลัวตายอย่างไร ก็ไม่สามารถโจมตีผ่านเข้ามาได้บัดนี้ป้อมเมืองสุยหนิงถูกล้อม ซั่วฟางสุ่มเสี่ยงล้วนแต่เป็นฝีมือของเว่ยเหวินจงทั้งนั้นหยุนเจิงส่ายศีรษะกล่าว “เรื่องนี้ โทษเว่ยเหวินจงไม่ได้จริงๆ”“เหตุใดถึงไม่ได้?”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห “ท่านยังจะช่วยไอ้ระยำนั่นแก้ต่างอีก?”“ไม่ได้แก้ต่างให้เขา แต่เราต้องพูดตามความจริง”หยุนเจิงอธิบาย “โขดเป่ยหยวนมีพื้นที่แค่นั้น ส่งกำลังพลไปสามหมื่นนายก็ถือว่ามากแล้ว! หากมากกว่านี้คงไม่สามารถขยายวงกว้างได้แล้ว! อีกอย่าง ป้อมเมืองสุยหนิงและจิ้งอันก็ยังมีกองทหารใหญ่รักษาการณ์อยู่ ซึ่งสามารถเข้าไปสนับสนุนได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว! เว่ยเหวินจงวางแนวรบเช่นนี้ ไม่
แต่ถึงพละกำลังทางกายของทหารเป่ยหวนจะดีขนาดไหน ก็คงไม่ห้าวหาญถึงขนาดนี้หรอก!หากเป็นการโจมตีธรรมดา อวี๋ซื่อจงมั่นใจว่าไม่ว่าเป่ยหวนจะส่งทหารมาโจมตีมากเพียงใด ขอแค่มอบคนสามหมื่นคนให้กับเขา อย่างน้อยเขาก็สามารถอดทนต่อไปได้อย่างต่ำครึ่งเดือนแน่นอนบุคคลที่เว่ยเหวินจงส่งไปรักษาการณ์ที่โขดเป่ยหยวนสถานที่สำคัญเพียงนี้ได้ย่อมต้องไม่ใช่คนย่อท้ออยู่แล้วเรื่องนี้ต้องมีบางอย่างที่พวกเขาไม่รู้แน่นอนอวี๋ซื่อจงวิเคราะห์ คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกองทหารใหญ่สามหมื่นนายพ่ายแพ้เร็วเกินไปจริง!เกิดเรื่องผิดปกติย่อมต้องมีมาร!“ไม้กลายเป็นเรือแล้ว ถึงจะเจรจาว่าเป่ยหวนโจมตีมาได้อย่างไรต่อไป ก็ไม่มีประโยชน์”หยุนเจิงแบมือ “บัดนี้ เป่ยหวนมีแผนล้อมป้อมเมืองสุยหนิง แต่ไม่โจมตี เห็นได้ชัดว่าต้องการขัดขวางเส้นทางการสื่อสารของป้อมเมืองสุยหนิง บังคับให้เว่ยเหวินจงส่งทหารไปช่วยเหลือ แล้วฉวยโอกาสกำจัดกองทหารหลักของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ…”“จริง!”ตู้กุยหยวนพยักหน้าเบาๆ “แต่ทว่าพวกเขามีกองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนาย อย่างน้อยก็ต้องสูญเสียไปสองสามหมื่นนายแล้วกระมัง? กำลังพลที่เหลืออยู่ พวกเขายังแบ่งออกเป็นกองทหารใหญ
เป่ยหวน ไม่จำเป็นต้องพึ่งทหารม้าเสมอไป!สิ้นเสียงหยุนเจิง ฝูงชนต่างก็อึ้งไปตามกัน“องค์ชายหมายความว่า เป่ยหวนบุกโจมตีด้วยทหารราบนั้นหรือ?”เฝิงอวี้ขมวดคิ้ว “ทว่าทหารราบคงไม่เร็วปานนี้หรอกกระมัง?”ให้ตายอย่างไร ทหารราบก็วิ่งได้มากสุดสามสี่สิบลี้เท่านั้น เงื่อนไขคือเพียงแค่เดินทัพเท่านั้นกองทหารใหญ่เป่ยหวนสามารถไปล้อมรอบป้อมเมืองสุยหนิงได้รวดเร็วปานนี้ น่าจะไม่ใช่ทหารราบหรอก?“องค์ชายหมายความว่า ทหารม้าเองก็สามารถกลายเป็นทหารราบได้ต่างหาก!”ตู้กุยหยวนส่ายหน้า แล้วเงยหน้ามองหยุนเจิง “เราลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ ด้วย! แต่ทว่าองค์ชายคิดว่าเป่ยหวนจะทำเช่นนี้จริงหรือ?”หยุนเจิงนวดขมับ แล้วเอ่ยจริงจังว่า “หากเป็นข้า ข้าจะทำเช่นนี้”ตู้กุยหยวนเงียบไปชั่ขณะ แล้วยิ้มขมขื่น “ในสถานการณ์คับขัน ข้าเองก็คงทำเช่นนี้เช่นกัน! ขอแค่สามารถโจมตีกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือได้ เสียหายแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา”ระหว่างพูด ตู้กุยหยวนก็ยิ้มขมขื่นอีกครั้ง“พวกเจ้าพูดอะไรอยู่กันแน่?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองทั้งสองอย่างไม่เข้าใจนางไม่ได้บกพร่องทางการสื่อสารต่อสองคนนี้นี่!เหตุใดถึงฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าสองคนนี้พูดอะไรกันอยู
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่