แชร์

บทที่ 490

ผู้เขียน: เหลียงซานเหลากุ่ย
ทัพศัตรูต้องการซุ่มโจมตีพวกเขา แน่นอนต้องเร่งเดินทางมายังหุบผาชันล่วงหน้า

อย่าน้อยทัพศัตรูก็ต้องอยู่ค้างในป่าหนึ่งคืน ถึงจะมาซุ่มโจมตีพวกเขาแต่เช้าได้

“ล่วงหน้ากี่วัน?”

อู้เลี่ยกำมีดในมือไว้แน่น กัดฟันกล่าว “เป็นไปไม่ได้! อากาศหน้าเช่นนี้ แพะต้าเฉียนเหล่านั้น ไม่มีทางทนความหนาวในทุ่งน้ำแข็งได้นานเช่นนั้น คืนเดียวพวกเขาก็ทนไม่ไหว!”

อู้เลี่ยดูถูกชาวต้าเฉียนถึงที่สุด

อากาศหนาวๆ เช่นนี้ ค้างคืนในป่า แม้แต่ชาวเป่ยหวนยังจะที่จะทนไหว นับประสาอะไรกับชาวต้าเฉียน?

ปานปู้ส่ายหน้ายิ้มเหยเก “องค์ชายประเมินชาวต้าเฉียนต่ำไปแล้ว! แม้ทหารต้าเฉียนไม่กล้าหาญองอาจเท่ากับเราเป่ยหวน แต่พวกเขาไม่ได้โง่! พวกเขามีวิธีมากมายที่จะทนทานให้ผ่านพ้นหลายวันในทุ่งหิมะ เป็นพวกเราที่ประมาทแล้ว...”

ทหารม้าชั้นยอดของเป่ยหวนก็รวมตัวกันล่วงหน้า นอนกลางลมหิมะทนกับคืนเหน็บหนาวหนึ่งคืน ถึงมีโอกาสข้ามแม่น้ำไป๋สุ่ยที่เต็มไปด้วยหิมะตั้งแต่เช้าไม่ใช่หรือ?

พวกเขาทำได้ ต้าเฉียนไม่อาจทำได้?

ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ!

เวลานี้ ปานปู้ได้รับรู้ถึงความรู้สึกนี้อยากลึกซึ้ง

เห็นได้ชัด ชาวต้าเฉียนมองแผนการเขาออกนานแล้ว

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 491

    สงครามใหญ่ แม้จะทำให้หยุนเจิงเสียหายไปบ้าง แต่พวกเขาก็ได้กำไรมากมายเช่นกันม้าศึกเป่ยหวนให้เนื้อจำนวนมากับพวกเขาตอนนี้เป็นฤดูหนาว ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเนื้อเหล่านั้นจะเน่าเสียมีเนื้อเหล่านี้ก็เพียงพอให้พวกเขาใช้จนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า!อีกทั้ง พวกเขายังได้เกราะมากมาย แม้เป็นเกาะหนัง แต่ก็ดีว่าไม่มีกระมัง?อย่างน้อยก็ยังสามารถส่งให้กองหนุนได้ใช่หรือไม่?ที่สำคัญคือ พวกเขาได้รับม้าศึกจำนวนมากม้าศึกที่บาดเจ็บเล็กน้อยรักษาหน่อย ก็สามารถเข้าสู่สนามรบใหม่ได้อีกครั้งนับไปแล้ว พวกเขาก็นับได้ว่าได้รับม้าศึกสี่พันสี่ร้อยตัวลองคิดถึงความลำบากใจที่พวกเขาต้องต่อรองราคาม้าศึกยี่สิบตัวก่อนหน้านี้ หยุนเจิงก็ต้องถอนใจ ฆ่าคนแล้วปล้นใช้งานได้จริงมากกว่า!ทำเช่นนี้ไม่กี่ครั้ง พวกเขาก็สามารถครอบครองทหารม้านับหมื่นได้แล้ว!หยุนเจิงคิดเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เรียกอวี๋ซื่อจงมา“ปล่อยตัวนักโทษเป่ยหวนสองคน ให้พวกเขาช่วยข้านำจดหมายนี้ไปให้ปานปู้!”กล่าวจบ หยุนเจิงใส่จดหมายในซองแล้วมอบให้อวี๋ซื่อจงพวกเขาได้สอบสวนสถานการณ์แนวหน้าจากนักโทษแล้ว ยืนยันว่าปานปู้อยู่แนวหน้า“ให้ม้าพวกเขาสอง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 492

    หยุนเจิงยักไหล่ “ถึงเช่นไรช้าเร็วเสด็จพ่อก็จะสงสัยข้า แต่สงสัยข้าหน่อยจะดีกว่า!”หากให้จักรพรรดิเหวินรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือเขา จักรพรรดิเหวินไม่สงสัยเขาสิแปลกแม้จะยกผลงานให้เสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาก็ไม่แน่ว่าว่าจะคลายความสังสัยของจักรพรรดิเหวินได้ทั้งหมด แต่ก็ทำให้จักรพรรดิเหวินเป็นอัมพาตไปชั่วคราว“ความจริง ต่อให้ฝ่าบาทรู้แล้ว ตอนนี้เขาก็ไม่กล้าแตะต้องเจ้าหรอก”เยี่ยจื่อยิ้มเล็กน้อยกล่าว “ฝ่าบาทไม่มีทางไม่เข้าใจ พวกเราตอนนี้ขัดแย้งภายใน ก็จะเป็นโอกาสให้เป่ยหวน”“ใช่!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า “ต่อให้เขาโง่ก็ไม่อาจแตะต้องเจ้าเวลานี้ได้!”“ไม่จำเป็นต้องแตะต้องพวกเรา”หยุนเจิงกรอกตาบนมองหญิงทั้งสอง “แค่เสด็จพ่อหยุดจัดสรรเสบียงให้พวกเรา ก็เพียงพอทำให้พวกเราหมดกำลังแล้ว!”หญิงทั้งสองอึ้ง จากนั้นก็ส่ายหน้ายิ้มแห้งจริงด้วย!พวกนางคิดเพียงว่าตอนนี้พวกเขามีทหารแกร่งม้าแข็งแรง ก็มีต้นทุนลูบหน้าปะจมูกกับจักรพรรดิเหวินแล้ว แต่กลับไม่ได้พิจารณาถึงเรื่องการจัดสรรแม้แต่น้อยพวกเขาต้องเลี้ยงคนหลายแสนคน!นี่เป็นฤดูหนาว หากไม่มีการจัดสรรจากราชสำนัก พวกเขาต้องไปซื้อเมล็ดพืช หรือไม่ก็ปล้

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 493

    หยุนเจิงพา เยี่ยจื่อออกมานอกจวนทั้งสองคนสวมเสื้อคลุมขนมิ้งค์ เดินเล่นไปตามถนนพวกเกาเหอรู้ความ พวกเขาตามอยู่ไกลๆ ก็พอแล้วอากาศซั่วเป่ยหนาวมากฤดูกาลนี้ ไม่มีการทำการเกษตรชาวบ้านจำนวนมาก เวลานี้ล้วนขดตัวนอนอยู่ในบ้านร้านค้าบนถนนก็เปิดกันเล็กน้อยประปราย แทบจะไม่มีลูกค้า เงยหน้ามองไป ทุกหนแห่งล้วนเป็นทัศนยภาพเงียบเหงาและเหน็บหนาว“เจ้าว่า อาศัยแค่ซั่วฟาง สามารถเลี้ยงกองทัพได้เท่าไหร่?”หยุนเจิงถามเยี่ยจื่อขึ้นมากะทันหัน“นี่...”เยี่ยจื่อคิดชั่วครู่ ตอบ “ให้ตายก็ได้สามถึงหน้าหมื่นคนกระมัง! แต่ว่า ก็ทำได้เพียงแค่เลี้ยงชีพเท่านั้น ไม่อาจกล่าวได้ว่ากินดีอยู่ดีหรือไม่”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “ข้าคิดว่า สามหมื่นคนก็มากสุดแล้ว”ที่ดินภายในด่าน ข้าวสาลีมักจะหว่านในฤดูหนาวแต่ที่ดินของซั่วเป่ย ฤดูหนาวไม่เหมาะกับการทำเกษตรกรรมอุณหภูมิในซั่วเป่ยโดยทั่วไปจะลดลงอย่างรวดเร็ว บางครั้งเวลากลางคืนก็อาจลดลงไปถึงยี่สิบองค์ศาแม้ข้าวสาลีจะเป็นพืชที่สามารถทนหนาวได้ แต่ต้องเผชิญหน้ากับอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็วก็ทนไม่ไหวเช่นกัน ดังนั้น ซั่วเป่ยจะปลูกข้าวสาลีในฤดูใบไม้ผลิที่ดินของซั่วเป่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 494

    หยุนเจิงไม่ได้เจรจากับพวกเกาเหอก่อนหน้านี้แต่ว่า พวกเกาเหออยู่ข้างกายหยุนเจิงมานานมากแล้ว ความคิดที่หยุนเจิงมีต่อเยี่ยจื่อนั้น หากพวกเขาไม่ตาบอด ก็ดูออกได้พวกเขารู้ดี ไม่ควรดูก็ไม่อาจดูได้“ไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องอับอายตัวเองเพราะคนสารเลว!”เยี่ยจื่อหันหน้ากลับไป จ้องหยุนเจิงด้วยความโกรธและอับอาย แต่มือที่ดิ้นรนขัดขืนกลับเบาลงไปมาก“ข้าจะทนได้เช่นไร!”หยุนเจิงหัวเราะ ด้านหนึ่งจับมือเยี่ยจื่อเดินไปข้างหน้า ด้านหนึ่งคุยปัญหาของพวกเขาเรื่องเหล่านี้ เขาคุยกับเยี่ยจื่อเพียงคนเดียวเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินต่างก็ไม่สนใจเรื่องบัญชีภายในสถานการณ์ตรงหน้า พวกเขานับว่าตั้งหลักได้อย่างมั่นคงแล้วต่อไป เรื่องที่ต้องกังวลใจที่สุดก็คือปัญหาการจัดสรรการเก็บเกี่ยวพืชผลครั้งต่อไป ต้องรอเวลาอีกเก้าเดือน!เขามีเงิน แต่เขากลัว่าาถึงตอนนั้นแม้แต่เมล็ดพืชพวกเขาก็ล้วนซื้อไม่ได้คิดจะเข้าด่านไปซื้อเมล็ดพืช ก็จำเป็นต้องเคี้ยวกระดูกแข็งอย่างด่านเป่ยลู่เยี่ยจื่อยิ่งฟังยิ่งกระวนกระวายสถานการณ์ยากลำบากเหล่านี้ นางไม่เคยคิดมาก่อนหากหยุนเจิงไม่บอก นางล้วนคิดไม่ได้“หากไม่ได้จริงๆ ก็มีเพียงบัง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 495

    ได้ยินคำอนุญาตจากเยี่ยจื่อ หยุนเจิงดีใจในชั่วเวลาที่เยี่ยจื่อหลับตา หยุนเจิงก็ประทับรอยจูบลงไปเยี่ยจื่อตัวสั่น ราวกับถูกสายฟ้าฟาด“หอมแล้ว หอมแล้ว...”“ข้ารู้อยู่แล้ว ฮูหยินจื่อช้าเร็วก็ต้องเป็นคนขององค์ชาย!”“จิ๊ๆ โชคดอกท้อขององค์ชาย ช่างน่าอิจฉา!”ที่ไกลๆ เหล่าองครักษ์คุ้มกันมองมา โต้ตอบกันด้วยสีหน้าลามก“ไม่ควรดูก็อย่าดู! ระวังองค์ชายจะเฆี่ยนพวกเจ้า!”เกาเหอจ้องพวกเขา“เหล่าเกา รบกวนเจ้าช่วยเก็บสายตาเจ้ากลับมาก่อน”“แค่กๆ...ข้ากำลังชมวิวทิวทัศน์!”“รักษาหน้าหน่อย!”“นั่นสิ!”กลุ่มคนกระซิบหยอกล้อกัน แม้จะเก็บสายตากลับไปแล้ว แต่มุมหางตาก็ยังเหลือบมองหยุนเจิงและเยี่ยจื่อเยี่ยจื่อหน้าแดงตั้งนานแล้ว ถึงขั้นลืมผลักหยุนเจิงที่หอมนางนานแล้วออกไปหลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเยี่ยจื่อก็ได้สติกลับมา รีบผลักหยุนเจิงออก “พอแล้ว...”“อืม อืม”หยุนเจิงหัวเราะด้วยความพอใจ “วันนี้พอแค่นี้ ไว้ต่อครั้งหน้า!”“ไปตายซะ!”เยี่ยจื่อโกรธด้วยความเขินอาย หยิกหยุนเจิงอย่างแรง “รีบบอกข้ามา เจ้ามีแผนการใดกันแน่?”หอมก็หมอแล้ว หากยังถามหาแผนการของหยุนเจิงออกมาไม่ได้ นางก็ขาดทุนเกินไปแล้วหย

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 496

    “ไม่ถูกสิ พวกเราไม่ได้ทำสงครามกับเป่ยหวน ข่าวดีมากจากที่ใด?”ทหารป้องกันหารือกัน ทว่ากลับไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวางนี่คือกฎเหล็กของต้าเฉียนทหารส่งสารปักธงสามผืนไว้ด้านหลัง ห้ามผู้ใดขัดขวางไม่เพียงไม่อาจขัดขวาง ทั้งยังต้องอำนวยความสะดวกจุดพักม้าและจวนทั้งหมดด้วยธงแดงสามผืนเพื่อรายงานข่าวดีธงดำสามผืนเพื่อรายงานแพ้สงครามธงส้มสามผืนเพื่อรายงานข้อมูลทหารเร่งด่วน“ข่าวดี! ซั่วฟางข่าวดีใหญ่...”ม้าเร็วเข้าสู่เมือง ทหารส่งสารตะโกนตลอดทาง“ซั่วฟางข่าวดีใหญ่?”“ซั่วฟางข่าวดีใหญ่ที่ใด?”“คงไม่ใช่รายงานเท็จหรอกกระมัง?”“เจ้าโง่! รายงานเท็จต้องถูกสังหารสามชั่วคน!”“แต่ซั่วฟางข่าวดีใหญ่มาจากที่ใด? ได้ยินว่าซั่วฟางมีแค่ทหารชาวนาเท่านั้นไม่ใช่หรือ?”“ใครจะรู้...”ทหารรักษาเมืองวิพากษ์วิจารณ์“ข่าวดี! ซั่วฟางข่าวดีใหญ่...”ทหารส่งสารห้อตะบึงไปตลอดทาง ตะโกนเสียงสูง ตลอดจนถึงจวนแม่ทัพใหญ่เจิ้นเป่ยทุกหนทุกแห่งที่ทหารส่งสารผ่านไป ทุกคนล้วนสับสนมึนงงมาถึงประตูจวนแม่ทัพใหญ่เจิ้นเป่ย ทหารส่งสารลงจากม้าอย่างรวดเร็ว รีบร้อนวิ่งเข้าไปในจวนตลอดทางยังคงตะโกนประกาศข่าวดีของซั่วเป่ยเว่ยเหว

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 497

    ตอนเช้า หยุนเจิงเพิ่งตื่นนอน คนของค่ายใหญ่ทางเหนือก็มารายงาน บอกว่าตู๋กูเช่อมาถึงค่ายใหญ่เหนือแล้ว“มาซะเร็วเลย!”หยุนเจิงยกยิ้มมุมปาก “พวกเจ้ากินข้าวกันก่อนเถอะ ข้าจะไปสักหน่อย!”“กินข้าวเสร็จค่อยไปเถอะ!”เมี่ยวอินเรียกหยุนเจิงเอาไว้“ไม่เป็นไร ไปค่ายแล้วค่อยกินก็เหมือนกัน!”หยุนเจิงโบกมือ ยิ้มเล็กน้อยกล่าว “อย่าทำให้คนรู้สึกว่าพวกเรารบชนะหนึ่งสนามแล้ว หางก็ยกชี้ฟ้าแล้ว”กล่าวจบ หยุนเจิงก็ออกไปอย่างรวดเร็วตอนที่หยุนเจิงมาถึงค่าย ตู๋กูเช่อกำลังพาพวกเฝิงอวี้ตรวจดูศพทหารม้าเป่ยหวนเมื่อเห็นศพกองเป็นภูเขา ในใจตู๋กูเช่อยิ่งสั่นสะท้านเมื่อหยุนเจิงที่เร่งรุดมา ตู๋กูเช่อรีบคาราวะหยุนเจิง “คาราวะท่านอ๋อง!”“อย่า อย่า!”หยุนเจิงโบกมือ “แม่ทัพตู๋กูเช่อเป็นรองผู้บัญชาการ ควรเป็นหยุนเจิงที่คาราวะท่าน”“ไม่ได้ ไม่ได้!”ตู๋กูเช่อรีบห้ามหยุนเจิงที่กำลังจะคาราวะ จากนั้นก็หัวเราะ “ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็อย่าใส่ใจกับมารยามจอมปลอมเหล่านี้!”“ได้!”หยุนเจิงตอบรับอย่างสบาย“ท่านอ๋องการรบครั้งนี้ แสดงออกถึงศักดิ์ศรีของกองทัพมฆฑลทางเหนือของเรา!”ตู๋กูเช่อจับมือหยุนเจิง กล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 498

    การรบของซั่วเป่ยในอดีต แม้เขาไม่ได้เป็นรองผู้บัญชาการกองทหารมณฑลทางเหนือ แต่ก็เป็นแม่ทัพระดับสูงข้อมูลภายในบางส่วน เขาเองก็รับรู้กองทหารโลหิตเกือบถูกทำลายสิ้น เรื่องที่ตู้กุยหยวนถูกตัดแขนไปหนึ่งข้าง เขาย่อมรู้ดีต่อมาเขาได้ยินว่าตู้กุยหยวนเป็นฝ่ายขอลาออก ไปจากซั่วเป่ย เขาเองก็ไม่ได้ไปส่งเพียงเพราะในใจเขารู้สึกผิดต่อตู้กุยหยวนและกองทหารโลหิตหลายปีผ่านไป ได้พบตู้กุยหยวนอีกครั้ง ดวงตาตู๋กูเช่อแดงเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่หยุนเจิงยิ้มมองทั้งสองคน จากนั้นก็กล่าว “แม่ทัพตู๋กู ท่านเร่งเดินทางมาทั้งคืน ยังไม่ได้กินสิ่งใดใช่หรือไม่? ไม่สู้ข้าให้คนนำอาหารมา พวกเรากินไปคุยไป?”“ดีๆ!”ตู๋กูเช่อพยักหน้าไม่นาน อาหารก็ส่งเข้ามาสุดยอดมาก เป็นหัวม้าทั้งหัว“ท่านอ๋อง เช้าตรู่พวกท่านกินสิ่งนี้?”ตู๋กูเช่อมองหัวม้าทั้งหัวตรงหน้าด้วยความตะลึง ตาค้างเขาเป็นรองผู้บัญชาการกองทัพทหารมณฑลทางเหนือ ไม่ใช่ว่าจะโลภเมื่อเห็นเนื้อเพียงแต่เขาคิดไม่ถึง ทหารชาวนาซั่วเป่ยจะกินสิ่งนี้ตั้งแต่เช้าหยุนเจิงหัวเราะ “ครั้งนี้ได้รับชัยชนะ ล้วนเป็นผลงานของทุกคน พวกเราได้เนื้อมาไม่น้อย ย่อมต้องให้รางวัลกับทุ

บทล่าสุด

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1410

    แต่ที่น่าเสียดายคือ เจียเหยาไม่ใช่สตรีแบบนั้น! ทุกความยินยอมและการประนีประนอมของเจียเหยาต่อเขาล้วนเกิดจากสถานการณ์บีบบังคับ เยี่ยจื่อย่อมชื่นชมเจียเหยาอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่หากเจียเหยาเป็นสตรีที่หลงใหลในความรักอย่างเดียว เยี่ยจื่ออาจไม่รู้สึกชื่นชมนาง และคงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่านางกับหยุนเจิงจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ "ไม่แน่หรอก" เยี่ยจื่อยิ้มบาง "เรื่องของความรัก ไม่มีใครในโลกนี้สามารถอธิบายได้ชัดเจน! เช่นเดียวกับข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะไม่สนใจสายตาของผู้คนในแผ่นดิน และรักชายคนหนึ่งอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เขา..." "เรื่องของพวกเจ้ามันไม่เหมือนกัน" หยุนเจิงบีบเบาๆ ที่ตัวเยี่ยจื่อ "พอแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด ไม่เช่นนั้นพอคนในจวนมาเรียกเราไปกินข้าวเย็น เจ้าคงอายอีกแน่" "ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิด้วยความอาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นเยี่ยจื่อสวมชุดชั้นใน หยุนเจิงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาอีก "ยังมองอยู่อีกหรือ?" เยี่ยจื่อปรายตามองหยุนเจิงด้วยความเข

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1409

    เนื่องจากเยี่ยจื่อกำลังตั้งครรภ์ หยุนเจิงจึงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเกินไป อย่างไรก็ตาม พายุที่โหมกระหน่ำมีเสน่ห์ในแบบของมัน และสายฝนที่โปรยปรายก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ หลังจากหยุดยั้งความเร่าร้อน เยี่ยจื่อซบอยู่ในอ้อมอกของหยุนเจิงอย่างแมวน้อยเชื่องๆ "คืนนี้ข้าจะนอนที่ห้องของเจ้า" หยุนเจิงกอดร่างอ่อนนุ่มของเยี่ยจื่อไว้ ด้วยท่าทีที่ดูยังไม่พอใจ "อย่าเลย!" เยี่ยจื่อเอื้อมมือมาตบหน้าอกของหยุนเจิงเบาๆ "หากเจ้ามาอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องโดนเจ้ารังแกอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับลูก เราคงร้องไห้ไม่ออก เจ้าไปห้องเมี่ยวอินเถิด!" จากนิสัยของหยุนเจิง ต่อให้ใช้ปลายเท้าคิด นางก็รู้ว่าเขาต้องรังแกนางอีกสักหนึ่งหรือสองรอบหากเขาอยู่ในห้องนี้ แม้ว่าช่วงตั้งครรภ์จะไม่ใช่ว่าจะใกล้ชิดกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรทำบ่อยเกินไป "ลูกของข้าหยุนเจิง จะอ่อนแอขนาดนั้นได้อย่างไร?" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะวางมือลงบนหน้าท้องของเยี่ยจื่อโดยไม่รู้ตัว "เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิอย่างเขินอาย "เมื่อสองวันก่อน ลั่วเยี่ยนยังแอบมาบอกข้าเลยว่าเจ้าไปรังแกนางอีก จวนนี้มิใช่มีเพียงข้ากับลั่วเยี่ยนสองค

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1408

    ชุดนี่มันชั้นแล้วชั้นเล่า ถอดออกแต่ละครั้งช่างเสียเวลาเสียจริง หยุนเจิงบ่นในใจพลางจัดการอยู่นาน กว่าจะถอดอาภรณ์ออกหมด แล้วรีบก้าวลงไปในถังอาบน้ำขนาดใหญ่ด้วยความกระตือรือร้น "ดูท่าทางเจ้าสิ!" เยี่ยจื่อจ้องมองหยุนเจิงด้วยความเขินอาย พลางหัวเราะเบาๆ "หากคนอื่นมาเห็นเข้า คงคิดว่าเจ้าคือโจรขโมยดอกไม้จริงๆ!" "ต่อหน้าเจ้า ข้าก็เป็นโจรขโมยดอกไม้ดีๆ นี่เอง!" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง แล้วดึงเยี่ยจื่อเข้ามาในอ้อมกอด เกรงว่าเยี่ยจื่อจะหนาว หยุนเจิงจึงราดน้ำอุ่นลงบนตัวนาง แน่นอนว่า ระหว่างนี้มือเจ้าเล่ห์ของหยุนเจิงก็ไม่วายลวนลามบนตัวเยี่ยจื่อ เยี่ยจื่อปล่อยให้หยุนเจิงทำตามใจ พลางยื่นนิ้วเรียวขาวลูบไล้รอยแผลเป็นที่เอวของเขา นางจำได้ว่ารอยแผลนี้เกิดขึ้นจากศึกที่หยุนเจิงสังหารฮูเจี๋ยฉานอวี่ นั่นน่าจะเป็นการบาดเจ็บที่หนักที่สุดของหยุนเจิงนับตั้งแต่คุมทัพมา โชคดีที่เป็นเพียงบาดแผล ไม่ได้ถึงแก่ชีวิต ตอนนี้บาดแผลนั้นสมานแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังคงปรากฏอย่างชัดเจน "ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป" เยี่ยจื่อก้มหน้าพลางพึมพำ "หากวันใดเจ้ามิได้เป็นเช่นนี้ คงเพราะเราชราและห

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1407

    หลังจากส่งสาวรับใช้หน้าประตูไปแล้ว หยุนเจิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที ก่อนจะผลักประตูเข้าไป "อิงเถา ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงใครผลักประตูเข้ามา" เสียงของเยี่ยจื่อดังมาจากหลังฉากกั้น "บ่าวก็เหมือนจะได้ยินเหมือนกัน บ่าวจะไปดูเจ้าค่ะ" อิงเถาตอบรับแล้วรีบวิ่งออกมาจากหลังฉากกั้น นางเพิ่งจะออกมาก็เห็นหยุนเจิงยืนอยู่ในห้อง เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่คนอื่นที่บังอาจบุกรุกเข้ามา อิงเถาถึงได้คลายความกังวลก่อนจะรีบคำนับ แต่ก่อนที่อิงเถาจะทันได้พูดอะไร หยุนเจิงก็ทำท่าทางให้เงียบ และโบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้อิงเถาออกไป ดูเหมือนอิงเถาจะเดาได้ว่าหยุนเจิงตั้งใจจะทำอะไร ใบหน้าของนางพลันขึ้นสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว หยุนเจิงปิดกลอนประตูจากด้านใน แล้วค่อยๆ ย่องไปทางหลังฉากกั้น "อิงเถา มีคนผลักประตูหรือไม่?" เยี่ยจื่อเอ่ยถาม ความคิดซุกซนของหยุนเจิงเริ่มเล่นงาน เดิมทีเขาตั้งใจจะจู่โจมเยี่ยจื่ออย่างไม่ให้ทันตั้งตัว แต่คิดได้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ เกรงว่าจะทำให้นางตกใจจนเกิดเรื่องไม่คาดคิด จึงเอ่ยขึ้นว่า "มีสิ มีโจรขโมยดอกไม้คนหนึ่ง" เมื่อได้ยิน เยี่ยจื่อหน้าถ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1406

    หยุนเจิงกลับมาจากโรงงานผลิตอาวุธ เพียงแค่เดินมาถึงหน้าจวนอ๋อง ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกวุ่นวายดังมาจากในจวน พอเข้าไปในจวนตามคาด เขาเห็นเหล่าเด็กซนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในลานหน้า ลูกชายสองคนกับลูกสาวหนึ่งคนของฉินชีหู่ รวมถึงลูกชายของอดีตรัชทายาท มาที่จวน และกำลังเล่นปาหิมะกับเสิ่นเนี่ยนฉือและฉีเหยียน เด็กๆ เหล่านั้นต่างสวมเสื้อผ้าหนาเตอะเหมือนหมี แม้จะล้มลงบนพื้นหิมะก็ไม่รู้สึกเจ็บ “คารวะฝ่าบาท!” เมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา อาจารย์ที่คอยดูแลเด็กๆ รีบเข้ามาคารวะ “พอเถอะ ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอยู่ในจวนไม่ต้องเคร่งขนาดนั้น” หยุนเจิงโบกมือพลางถามว่า “พี่สะใภ้ตระกูลฉินมาที่นี่แล้วหรือ?” “เจ้าค่ะ” ซินเซิงยิ้มบางๆ ขณะช่วยปัดหิมะออกจากเสื้อหยุนเจิง พลางตอบว่า “ช่วงบ่ายฮูหยินฉินก็มากับเด็กๆ ตอนนี้คงเล่นไพ่นกกระจอกกับเหล่าพระชายาอยู่” หยุนเจิงว่า “เช่นนั้นข้าไปดูสักหน่อย เจ้าเฝ้าเด็กๆ ไว้ อย่าให้พวกเขาเล่นจนเหงื่อออกมากนัก” “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” ซินเซิงพยักหน้าเบาๆ หยุนเจิงมองดูเด็กซนที่กำลังเล่นอย่างบ้าคลั่ง และครุ่นคิดในใจว่าจะให้พวกเขาทำ “การบ้านช่วงปิดเทอม

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1405

    ตลอดสองวันที่ผ่านมา เจียเหยาเจรจากับกุ่ยฟางอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าข้อเสนอจากกุ่ยฟางจะเกินกว่าเงื่อนไขขั้นต่ำที่เจียเหยากำหนดไว้ในใจแล้ว แต่นางยังไม่พอใจ นางต้องการต่อรองเพื่อให้ได้ทรัพยากรมากขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่า จุดที่ยังคงเจรจากันไม่ลงตัวอยู่ที่ค่าชดเชยจากสงครามและจำนวนบรรณาการ กุ่ยฟางแสดงเจตนาอย่างชัดเจน หากต้องการค่าชดเชยเพิ่ม จำนวนบรรณาการจะต้องลดลง แต่ในเรื่องจำนวนบรรณาการ เจียเหยาไม่ยอมอ่อนข้อเลย ในที่สุด กุ่ยฟางจำต้องยอมรับข้อกำหนดของเจียเหยาในการถวายบรรณาการตามจำนวนที่นางระบุ ส่วนค่าชดเชยที่กุ่ยฟางสามารถมอบให้ได้ เมื่อคำนวณแล้วอยู่ที่ประมาณร้อยละสี่สิบห้าของข้อเรียกร้องเริ่มต้นของเจียเหยา ผลลัพธ์นี้แม้ไม่ใช่สิ่งที่นางคาดหวังไว้ แต่ก็ดีกว่าที่เจียเหยาประเมินไว้ไม่น้อย เมื่อการเจรจาสิ้นสุด เจียเหยาถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ ด้วยทรัพยากรเหล่านี้ ประชาชนแห่งเป่ยหวนจะผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้อย่างไม่ลำบากนัก “องค์หญิง เหตุใดท่านจึงไม่ยอมอ่อนข้อในเรื่องบรรณาการ?” เกออาซูถามด้วยความไม่เข้าใจ “หากเรายอมลดเงื่อนไขเรื่องบรรณาการ เราก็จะได้สิ่งอื่นเพ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1404

    ทว่า สำหรับเจียเหยาในตอนนี้ นี่อาจไม่ใช่เรื่องดีนัก เมื่อผู้ที่เข้าร่วมเจรจาจากกุ่ยฟางมีหลายคน ความเห็นของพวกเขาอาจไม่ตรงกัน การดึงกลยุทธ์นี้อาจทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้น เจียเหยารู้สึกกังวลในใจ แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย “ท่านทูตเชิญนั่งก่อน ข้ามีเรื่องสำคัญต้องจัดการเสียก่อน!” กล่าวจบ เจียเหยาก็ก้มหน้าก้มตาเขียนจดหมายต่อ แต่ความคิดของเจียเหยาในตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่จดหมายอีกแล้ว นางดูเหมือนกำลังเขียนจดหมาย แต่แท้จริงแล้วกำลังกดดันอาเคอถูและคณะ นางรู้ว่าชื่อเหยียนต้องมอบอำนาจในการเจรจาบางส่วนให้แก่อาเคอถูและคณะ สิ่งที่นางต้องทำคือการกดดันคณะทูตกุ่ยฟางเพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น การกระทำของเจียเหยาส่งผลอย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่าเจียเหยาดูเหมือนไม่ได้รีบร้อนเจรจาเลย สมาชิกในคณะทูตกุ่ยฟางก็เริ่มมองตากันไปมา สุดท้าย สายตาของทุกคนต่างหันไปที่มู่ลี่จวี เห็นได้ชัดว่ามู่ลี่จวีเป็นผู้คุมการเจรจาครั้งนี้ มู่ลี่จวีรู้สึกโกรธกับความเย็นชาของเจียเหยา แต่เขารู้ดีว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์แสดงความไม่พอใจต่อหน้านาง ชื่อเหยียนมอบอำนาจให้เขาตัดสินใจในบางเรื่องได้จริง แต่ใ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1403

    เจียเหยาตัดสินใจหยุดการเคลื่อนทัพต่อ กองทหารของพวกนางถูกส่งออกไปกวาดต้อนทรัพยากร ดินแดนที่พวกนางเข้ายึดครองในตอนนี้เกินกว่าห้าร้อยลี้ไปนานแล้ว แต่เจียเหยาตั้งใจเพียงให้ทัวฮวนและกองทหารยึดครองดินแดนของกุ่ยฟางเพียงสามร้อยลี้ตามเงื่อนไขขั้นต่ำของหยุนเจิงเท่านั้น การยึดครองดินแดนมากกว่านี้ ไม่เพียงเพื่อกวาดต้อนทรัพยากรและกดดันชื่อเหยียน แต่ยังเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในเจรจา ท้ายที่สุด หากนางยอมคืนดินแดนบางส่วนให้ชื่อเหยียน ชื่อเหยียนก็จะไม่สามารถเรียกร้องเงื่อนไขอื่นได้อย่างเข้มงวดนัก ดังที่เจียเหยากล่าวไว้ นางกับหยุนเจิงเป็นคนประเภทเดียวกัน และในตอนนี้ ชื่อเหยียนก็ดูคล้ายกับสถานการณ์ของนางเมื่อก่อนที่ถูกหยุนเจิงกดดันจนถึงทางตัน เพราะเหตุนี้ เจียเหยาจึงเข้าใจจิตใจของชื่อเหยียนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เจียเหยาเคยคิดอยากเป็นผู้พิฆาตมังกร แต่สุดท้ายนางกลับกลายเป็นมังกรร้ายเสียเอง สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจียเหยาจะได้รับคำตอบจากชื่อเหยียน นางกลับได้รับข่าวจากหยุนเจิงผ่านเหยี่ยวขาว “รีบกลับมา ก่อนสิ้นปีมาพบข้าที่ติ้งเป่ย” ข้อความจากหยุนเจิงสั้นมาก เมื่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1402

    “ตกลง เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง!” เจียเหยากล่าวพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กุ่ยฟางต้องยอมสวามิภักดิ์และถวายบรรณาการอย่างแน่นอน แต่จำนวนบรรณาการต้องเพิ่มขึ้นอีกร้อยละห้าสิบพร้อมกันนี้ กุ่ยฟางต้องเปิดการค้าเสรีกับต้าเฉียนและเป่ยหวน นอกจากนี้ กุ่ยฟางต้องชดเชยความเสียหายที่เป่ยหวนและต้าเฉียนได้รับจากศึกครั้งนี้ โดยจ่ายชดเชยเป็นทองคำ 100,000 ตำลึง แกะ 100,000 ตัว วัว 30,000 ตัว ม้า 10,000 ตัว และเสบียงอาหาร 4 ล้านตัน และเพื่อเป็นการตอบแทน เจียเหยาจะไม่เรียกร้องให้กุ่ยฟางยกดินแดน 500 ลี้ แต่ลดลงเหลือเพียง 300 ลี้เท่านั้น! ส่วนข้อที่ให้กุ่ยฟางถวายหญิงงาม 100 คนแก่ต้าเฉียนนั้น เจียเหยาได้ยกเว้นให้โดยตรง สำหรับเงื่อนไขปลีกย่อยอื่นๆ เจียเหยาก็ยอมรับตามที่กุ่ยฟางเสนอมา เมื่อได้ยินเงื่อนไขของเจียเหยา อาเคอถูรู้สึกราวกับสมองของตนกำลังอื้ออึง การเพิ่มบรรณาการขึ้นร้อยละห้าสิบยังพอว่า แต่เจียเหยากลับเรียกร้องให้กุ่ยฟางจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลในคราวเดียว? อย่าว่าแต่ปศุสัตว์และเสบียงเลย เพียงแค่ทองคำ 100,000 ตำลึง กุ่ยฟางก็แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว ทองคำ 100,000 ตำลึง

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status