ทัพศัตรูต้องการซุ่มโจมตีพวกเขา แน่นอนต้องเร่งเดินทางมายังหุบผาชันล่วงหน้าอย่าน้อยทัพศัตรูก็ต้องอยู่ค้างในป่าหนึ่งคืน ถึงจะมาซุ่มโจมตีพวกเขาแต่เช้าได้“ล่วงหน้ากี่วัน?”อู้เลี่ยกำมีดในมือไว้แน่น กัดฟันกล่าว “เป็นไปไม่ได้! อากาศหน้าเช่นนี้ แพะต้าเฉียนเหล่านั้น ไม่มีทางทนความหนาวในทุ่งน้ำแข็งได้นานเช่นนั้น คืนเดียวพวกเขาก็ทนไม่ไหว!”อู้เลี่ยดูถูกชาวต้าเฉียนถึงที่สุดอากาศหนาวๆ เช่นนี้ ค้างคืนในป่า แม้แต่ชาวเป่ยหวนยังจะที่จะทนไหว นับประสาอะไรกับชาวต้าเฉียน?ปานปู้ส่ายหน้ายิ้มเหยเก “องค์ชายประเมินชาวต้าเฉียนต่ำไปแล้ว! แม้ทหารต้าเฉียนไม่กล้าหาญองอาจเท่ากับเราเป่ยหวน แต่พวกเขาไม่ได้โง่! พวกเขามีวิธีมากมายที่จะทนทานให้ผ่านพ้นหลายวันในทุ่งหิมะ เป็นพวกเราที่ประมาทแล้ว...”ทหารม้าชั้นยอดของเป่ยหวนก็รวมตัวกันล่วงหน้า นอนกลางลมหิมะทนกับคืนเหน็บหนาวหนึ่งคืน ถึงมีโอกาสข้ามแม่น้ำไป๋สุ่ยที่เต็มไปด้วยหิมะตั้งแต่เช้าไม่ใช่หรือ?พวกเขาทำได้ ต้าเฉียนไม่อาจทำได้?ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ!เวลานี้ ปานปู้ได้รับรู้ถึงความรู้สึกนี้อยากลึกซึ้งเห็นได้ชัด ชาวต้าเฉียนมองแผนการเขาออกนานแล้ว
สงครามใหญ่ แม้จะทำให้หยุนเจิงเสียหายไปบ้าง แต่พวกเขาก็ได้กำไรมากมายเช่นกันม้าศึกเป่ยหวนให้เนื้อจำนวนมากับพวกเขาตอนนี้เป็นฤดูหนาว ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเนื้อเหล่านั้นจะเน่าเสียมีเนื้อเหล่านี้ก็เพียงพอให้พวกเขาใช้จนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า!อีกทั้ง พวกเขายังได้เกราะมากมาย แม้เป็นเกาะหนัง แต่ก็ดีว่าไม่มีกระมัง?อย่างน้อยก็ยังสามารถส่งให้กองหนุนได้ใช่หรือไม่?ที่สำคัญคือ พวกเขาได้รับม้าศึกจำนวนมากม้าศึกที่บาดเจ็บเล็กน้อยรักษาหน่อย ก็สามารถเข้าสู่สนามรบใหม่ได้อีกครั้งนับไปแล้ว พวกเขาก็นับได้ว่าได้รับม้าศึกสี่พันสี่ร้อยตัวลองคิดถึงความลำบากใจที่พวกเขาต้องต่อรองราคาม้าศึกยี่สิบตัวก่อนหน้านี้ หยุนเจิงก็ต้องถอนใจ ฆ่าคนแล้วปล้นใช้งานได้จริงมากกว่า!ทำเช่นนี้ไม่กี่ครั้ง พวกเขาก็สามารถครอบครองทหารม้านับหมื่นได้แล้ว!หยุนเจิงคิดเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เรียกอวี๋ซื่อจงมา“ปล่อยตัวนักโทษเป่ยหวนสองคน ให้พวกเขาช่วยข้านำจดหมายนี้ไปให้ปานปู้!”กล่าวจบ หยุนเจิงใส่จดหมายในซองแล้วมอบให้อวี๋ซื่อจงพวกเขาได้สอบสวนสถานการณ์แนวหน้าจากนักโทษแล้ว ยืนยันว่าปานปู้อยู่แนวหน้า“ให้ม้าพวกเขาสอง
หยุนเจิงยักไหล่ “ถึงเช่นไรช้าเร็วเสด็จพ่อก็จะสงสัยข้า แต่สงสัยข้าหน่อยจะดีกว่า!”หากให้จักรพรรดิเหวินรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือเขา จักรพรรดิเหวินไม่สงสัยเขาสิแปลกแม้จะยกผลงานให้เสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาก็ไม่แน่ว่าว่าจะคลายความสังสัยของจักรพรรดิเหวินได้ทั้งหมด แต่ก็ทำให้จักรพรรดิเหวินเป็นอัมพาตไปชั่วคราว“ความจริง ต่อให้ฝ่าบาทรู้แล้ว ตอนนี้เขาก็ไม่กล้าแตะต้องเจ้าหรอก”เยี่ยจื่อยิ้มเล็กน้อยกล่าว “ฝ่าบาทไม่มีทางไม่เข้าใจ พวกเราตอนนี้ขัดแย้งภายใน ก็จะเป็นโอกาสให้เป่ยหวน”“ใช่!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า “ต่อให้เขาโง่ก็ไม่อาจแตะต้องเจ้าเวลานี้ได้!”“ไม่จำเป็นต้องแตะต้องพวกเรา”หยุนเจิงกรอกตาบนมองหญิงทั้งสอง “แค่เสด็จพ่อหยุดจัดสรรเสบียงให้พวกเรา ก็เพียงพอทำให้พวกเราหมดกำลังแล้ว!”หญิงทั้งสองอึ้ง จากนั้นก็ส่ายหน้ายิ้มแห้งจริงด้วย!พวกนางคิดเพียงว่าตอนนี้พวกเขามีทหารแกร่งม้าแข็งแรง ก็มีต้นทุนลูบหน้าปะจมูกกับจักรพรรดิเหวินแล้ว แต่กลับไม่ได้พิจารณาถึงเรื่องการจัดสรรแม้แต่น้อยพวกเขาต้องเลี้ยงคนหลายแสนคน!นี่เป็นฤดูหนาว หากไม่มีการจัดสรรจากราชสำนัก พวกเขาต้องไปซื้อเมล็ดพืช หรือไม่ก็ปล้
หยุนเจิงพา เยี่ยจื่อออกมานอกจวนทั้งสองคนสวมเสื้อคลุมขนมิ้งค์ เดินเล่นไปตามถนนพวกเกาเหอรู้ความ พวกเขาตามอยู่ไกลๆ ก็พอแล้วอากาศซั่วเป่ยหนาวมากฤดูกาลนี้ ไม่มีการทำการเกษตรชาวบ้านจำนวนมาก เวลานี้ล้วนขดตัวนอนอยู่ในบ้านร้านค้าบนถนนก็เปิดกันเล็กน้อยประปราย แทบจะไม่มีลูกค้า เงยหน้ามองไป ทุกหนแห่งล้วนเป็นทัศนยภาพเงียบเหงาและเหน็บหนาว“เจ้าว่า อาศัยแค่ซั่วฟาง สามารถเลี้ยงกองทัพได้เท่าไหร่?”หยุนเจิงถามเยี่ยจื่อขึ้นมากะทันหัน“นี่...”เยี่ยจื่อคิดชั่วครู่ ตอบ “ให้ตายก็ได้สามถึงหน้าหมื่นคนกระมัง! แต่ว่า ก็ทำได้เพียงแค่เลี้ยงชีพเท่านั้น ไม่อาจกล่าวได้ว่ากินดีอยู่ดีหรือไม่”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “ข้าคิดว่า สามหมื่นคนก็มากสุดแล้ว”ที่ดินภายในด่าน ข้าวสาลีมักจะหว่านในฤดูหนาวแต่ที่ดินของซั่วเป่ย ฤดูหนาวไม่เหมาะกับการทำเกษตรกรรมอุณหภูมิในซั่วเป่ยโดยทั่วไปจะลดลงอย่างรวดเร็ว บางครั้งเวลากลางคืนก็อาจลดลงไปถึงยี่สิบองค์ศาแม้ข้าวสาลีจะเป็นพืชที่สามารถทนหนาวได้ แต่ต้องเผชิญหน้ากับอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็วก็ทนไม่ไหวเช่นกัน ดังนั้น ซั่วเป่ยจะปลูกข้าวสาลีในฤดูใบไม้ผลิที่ดินของซั่วเป่
หยุนเจิงไม่ได้เจรจากับพวกเกาเหอก่อนหน้านี้แต่ว่า พวกเกาเหออยู่ข้างกายหยุนเจิงมานานมากแล้ว ความคิดที่หยุนเจิงมีต่อเยี่ยจื่อนั้น หากพวกเขาไม่ตาบอด ก็ดูออกได้พวกเขารู้ดี ไม่ควรดูก็ไม่อาจดูได้“ไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องอับอายตัวเองเพราะคนสารเลว!”เยี่ยจื่อหันหน้ากลับไป จ้องหยุนเจิงด้วยความโกรธและอับอาย แต่มือที่ดิ้นรนขัดขืนกลับเบาลงไปมาก“ข้าจะทนได้เช่นไร!”หยุนเจิงหัวเราะ ด้านหนึ่งจับมือเยี่ยจื่อเดินไปข้างหน้า ด้านหนึ่งคุยปัญหาของพวกเขาเรื่องเหล่านี้ เขาคุยกับเยี่ยจื่อเพียงคนเดียวเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินต่างก็ไม่สนใจเรื่องบัญชีภายในสถานการณ์ตรงหน้า พวกเขานับว่าตั้งหลักได้อย่างมั่นคงแล้วต่อไป เรื่องที่ต้องกังวลใจที่สุดก็คือปัญหาการจัดสรรการเก็บเกี่ยวพืชผลครั้งต่อไป ต้องรอเวลาอีกเก้าเดือน!เขามีเงิน แต่เขากลัว่าาถึงตอนนั้นแม้แต่เมล็ดพืชพวกเขาก็ล้วนซื้อไม่ได้คิดจะเข้าด่านไปซื้อเมล็ดพืช ก็จำเป็นต้องเคี้ยวกระดูกแข็งอย่างด่านเป่ยลู่เยี่ยจื่อยิ่งฟังยิ่งกระวนกระวายสถานการณ์ยากลำบากเหล่านี้ นางไม่เคยคิดมาก่อนหากหยุนเจิงไม่บอก นางล้วนคิดไม่ได้“หากไม่ได้จริงๆ ก็มีเพียงบัง
ได้ยินคำอนุญาตจากเยี่ยจื่อ หยุนเจิงดีใจในชั่วเวลาที่เยี่ยจื่อหลับตา หยุนเจิงก็ประทับรอยจูบลงไปเยี่ยจื่อตัวสั่น ราวกับถูกสายฟ้าฟาด“หอมแล้ว หอมแล้ว...”“ข้ารู้อยู่แล้ว ฮูหยินจื่อช้าเร็วก็ต้องเป็นคนขององค์ชาย!”“จิ๊ๆ โชคดอกท้อขององค์ชาย ช่างน่าอิจฉา!”ที่ไกลๆ เหล่าองครักษ์คุ้มกันมองมา โต้ตอบกันด้วยสีหน้าลามก“ไม่ควรดูก็อย่าดู! ระวังองค์ชายจะเฆี่ยนพวกเจ้า!”เกาเหอจ้องพวกเขา“เหล่าเกา รบกวนเจ้าช่วยเก็บสายตาเจ้ากลับมาก่อน”“แค่กๆ...ข้ากำลังชมวิวทิวทัศน์!”“รักษาหน้าหน่อย!”“นั่นสิ!”กลุ่มคนกระซิบหยอกล้อกัน แม้จะเก็บสายตากลับไปแล้ว แต่มุมหางตาก็ยังเหลือบมองหยุนเจิงและเยี่ยจื่อเยี่ยจื่อหน้าแดงตั้งนานแล้ว ถึงขั้นลืมผลักหยุนเจิงที่หอมนางนานแล้วออกไปหลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเยี่ยจื่อก็ได้สติกลับมา รีบผลักหยุนเจิงออก “พอแล้ว...”“อืม อืม”หยุนเจิงหัวเราะด้วยความพอใจ “วันนี้พอแค่นี้ ไว้ต่อครั้งหน้า!”“ไปตายซะ!”เยี่ยจื่อโกรธด้วยความเขินอาย หยิกหยุนเจิงอย่างแรง “รีบบอกข้ามา เจ้ามีแผนการใดกันแน่?”หอมก็หมอแล้ว หากยังถามหาแผนการของหยุนเจิงออกมาไม่ได้ นางก็ขาดทุนเกินไปแล้วหย
“ไม่ถูกสิ พวกเราไม่ได้ทำสงครามกับเป่ยหวน ข่าวดีมากจากที่ใด?”ทหารป้องกันหารือกัน ทว่ากลับไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวางนี่คือกฎเหล็กของต้าเฉียนทหารส่งสารปักธงสามผืนไว้ด้านหลัง ห้ามผู้ใดขัดขวางไม่เพียงไม่อาจขัดขวาง ทั้งยังต้องอำนวยความสะดวกจุดพักม้าและจวนทั้งหมดด้วยธงแดงสามผืนเพื่อรายงานข่าวดีธงดำสามผืนเพื่อรายงานแพ้สงครามธงส้มสามผืนเพื่อรายงานข้อมูลทหารเร่งด่วน“ข่าวดี! ซั่วฟางข่าวดีใหญ่...”ม้าเร็วเข้าสู่เมือง ทหารส่งสารตะโกนตลอดทาง“ซั่วฟางข่าวดีใหญ่?”“ซั่วฟางข่าวดีใหญ่ที่ใด?”“คงไม่ใช่รายงานเท็จหรอกกระมัง?”“เจ้าโง่! รายงานเท็จต้องถูกสังหารสามชั่วคน!”“แต่ซั่วฟางข่าวดีใหญ่มาจากที่ใด? ได้ยินว่าซั่วฟางมีแค่ทหารชาวนาเท่านั้นไม่ใช่หรือ?”“ใครจะรู้...”ทหารรักษาเมืองวิพากษ์วิจารณ์“ข่าวดี! ซั่วฟางข่าวดีใหญ่...”ทหารส่งสารห้อตะบึงไปตลอดทาง ตะโกนเสียงสูง ตลอดจนถึงจวนแม่ทัพใหญ่เจิ้นเป่ยทุกหนทุกแห่งที่ทหารส่งสารผ่านไป ทุกคนล้วนสับสนมึนงงมาถึงประตูจวนแม่ทัพใหญ่เจิ้นเป่ย ทหารส่งสารลงจากม้าอย่างรวดเร็ว รีบร้อนวิ่งเข้าไปในจวนตลอดทางยังคงตะโกนประกาศข่าวดีของซั่วเป่ยเว่ยเหว
ตอนเช้า หยุนเจิงเพิ่งตื่นนอน คนของค่ายใหญ่ทางเหนือก็มารายงาน บอกว่าตู๋กูเช่อมาถึงค่ายใหญ่เหนือแล้ว“มาซะเร็วเลย!”หยุนเจิงยกยิ้มมุมปาก “พวกเจ้ากินข้าวกันก่อนเถอะ ข้าจะไปสักหน่อย!”“กินข้าวเสร็จค่อยไปเถอะ!”เมี่ยวอินเรียกหยุนเจิงเอาไว้“ไม่เป็นไร ไปค่ายแล้วค่อยกินก็เหมือนกัน!”หยุนเจิงโบกมือ ยิ้มเล็กน้อยกล่าว “อย่าทำให้คนรู้สึกว่าพวกเรารบชนะหนึ่งสนามแล้ว หางก็ยกชี้ฟ้าแล้ว”กล่าวจบ หยุนเจิงก็ออกไปอย่างรวดเร็วตอนที่หยุนเจิงมาถึงค่าย ตู๋กูเช่อกำลังพาพวกเฝิงอวี้ตรวจดูศพทหารม้าเป่ยหวนเมื่อเห็นศพกองเป็นภูเขา ในใจตู๋กูเช่อยิ่งสั่นสะท้านเมื่อหยุนเจิงที่เร่งรุดมา ตู๋กูเช่อรีบคาราวะหยุนเจิง “คาราวะท่านอ๋อง!”“อย่า อย่า!”หยุนเจิงโบกมือ “แม่ทัพตู๋กูเช่อเป็นรองผู้บัญชาการ ควรเป็นหยุนเจิงที่คาราวะท่าน”“ไม่ได้ ไม่ได้!”ตู๋กูเช่อรีบห้ามหยุนเจิงที่กำลังจะคาราวะ จากนั้นก็หัวเราะ “ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็อย่าใส่ใจกับมารยามจอมปลอมเหล่านี้!”“ได้!”หยุนเจิงตอบรับอย่างสบาย“ท่านอ๋องการรบครั้งนี้ แสดงออกถึงศักดิ์ศรีของกองทัพมฆฑลทางเหนือของเรา!”ตู๋กูเช่อจับมือหยุนเจิง กล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่