เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินก็มองตู้กุยหยวนด้วยสีหน้าประหลาดใจนี่ไม่เหมือนกับนิสัยของตู้กุยหยวน!“เจ้าแน่ใจว่าเจ้าไม่ได้พูดผิด?”เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องตู้กุยหยวนแล้วจ้องอีกนางสงสัย ตู้กุยหยวนเป็นคนอื่นปลอมตัวมาหรือไม่ตู้กุยหยวนหัวเราะ ตอบ “ข้ามาเพื่อพนันกับองค์ชายจริงๆ”“เจ้าจะพนันสิ่งใดกับข้า?”หยุนเจิงสงสัยเช่นกันตู้กุยหยวนหัวเราะ ถาม “องค์ชายรู้หรือไม่เป่ยหวนจะบุกมาเมื่อใด?”“ข้าจะรู้ได้เช่นไร!”หยุนเจิงยักหัวไหล่ “คนของเรายังไม่ส่งข่าวกลับมาไม่ใช่หรือ?”ตู้กุ้ยหยวนหัวเราะ กล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจ “ข้ารู้!”“เจ้ารู้?”หยุนเจิงแปลกใจ “เจ้ารู้ได้เช่นไร?”เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินเองก็มองตู้กุยหยวนด้วยสีหน้าผิดปกติพวกเขาล้วนรู้ว่าเป่ยหวนต้องบุกมาแน่นอนแล้วก็คาดการณ์ทิศทางที่เป่ยหวนจะบุกมาแต่เป่ยหวนจะบุกมาเมื่อใด พวกเขาไม่อาจคาดการณ์ได้เรื่องนี้ เดิมก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะสามารถประมาณการได้พวกเขาทำได้เพิ่งรับมือกับข่าวที่มาถึงก่อนล่วงหน้าตู้กุยหยวนยิ้มกล่าว “สายหน่อยข้าค่อยบอกองค์ชาย”“ดังนั้น เขาคิดจะเอาเวลาที่เป่ยหวนบุกมาพนันกับข้า?”หยุนเจิงเข้าใจความคิดข
“พูดภาษาคน!”หยุนเจิงหน้ามุ่ยขัดจังหวะตู้กุยหยวนเฝ้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน?เขาไม่เชื่อว่าตู้กุยหยวนจะเฝ้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน!เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง ตู้กุยหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เมื่อก่อนข้าเคยเรียนการเฝ้ามองท้องฟ้าจากคนที่ถูกเนรเทศมาซั่วเป่ยมานิดหน่อย แต่ที่สำคัญคือแขนข้างนี้ของข้าก่อปัญหา...”ด้วยการอธิบายสถาการณ์ของตู้กุยหยวน พวกเขาจึงเข้าใจสถานการณ์แขนที่หักตู้กุยหยวนจะรู้สึกเจ็บทุกครั้งเมื่อถึงฤดูหนาว แต่ก็ไม่ใช่ความเจ็บขนาดที่ทนไม่ไหวแต่ว่า แขนที่หักของตู้กุยหยวนวันนี้เจ็บเป็นพิเศษแม้เขาจะมีความอดทนต่อความเจ็บปวดก็ตาม ก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วด้วยประสบการณ์ของเขา นี่เป็นจุดเริ่มต้นของลมหนาวเสียดกระดูกใกล้มาถึงแล้วทางด้านซั่วเป่ย เมื่อลมหนาวเสียดกระดูกมาถึง ก็จะมีหมอกหนาตามมาด้วยแต่ว่า หมอกหนานี้ไม่เช่นหมอกที่พบเห็นได้ทั่วไปแต่เป็นหมอกน้ำแข็ง!มันก็คือความหนาวจนควันออกปากที่พวกอวี้ซื่อจงพูดถึงจากประสบการณ์ของพวกเขา หลังผ่านวันหมอกน้ำแข็งหนา ก็น่าจะมีหิมะตกเป็นวงกว้างแล้วดังนั้น ตู้กุยหยวนจึงคาดว่า เป่ยหวนจะฉวยโอกาสนี้บุกโจมตีไม่ว่าจะเป็นหมอกน้ำแข็งหรือว่
ต้องบอกว่า ตู้กุยหยวนเป็นเครื่องวัดสภาพอากาศของมนุษย์ที่ค่อนข้างแม่นยำวันที่สองตอนเช้า ซั่วเป่ยเริ่มมีลมหนาวเสียดกระดูกลมหนาวพัดมาจากพื้นผ่านไป หมอกน้ำแข็งจำนวนมากจะม้วนตัวขึ้นมาเงยหน้ามองไป บริเวณสิบห้าเมตรมองเห็นสิ่งใดไม่ชัดแล้วลมนี้เมื่อพัดโดนใบหน้า รู้สึกเหมือนถูกคมมีดบาดทำเอาหยุนเจิงอยากจะเอาหมวกคลุมหน้าและเล่นบทผู้ก่อการร้ายยังดีที่คนจำนวนมากในกองทัพล้วนอยู่ที่ซั่วเป่ยเป็นเวลานาน คุ้นเคยกับลมหนาวเสียดกระดูกนี้แล้วแต่ว่า หยุนเจิงก็ยังคงสั่งให้คนแจกจ่ายผ้าออกไปจำนวนมากไม่ใช่ทำพวกเสื้อผ้าให้พวกเขา เพียงแต่นำผ้าตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็ก เอาไว้ห่อหุ้มใบหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากแผลหนาวเป็นวงกว้างเวลาไม่นาน โหยวอีเย่วกลับมารายงานทัพทหารม้าเป่ยหวนจำนวนมากรวมตัวกันที่หุบผาชันช่องลมดูจากท่าทาง เป่ยหวนอย่างเร็วที่สุดพรุ่งนี้ อย่างช้าที่สุดวันมะรืน ก็จะเริ่มบุกเมื่อได้รับข่าวที่ยืนยันแล้ว หยุนเจิงสั่งกองทัพออกเคลื่อนไหวตอนนี้หากเร่งเดินทางไปที่หุบผาชันช่องลมเพื่อสร้างแนวป้องกัน ยังสามารถขุดโพรงหิมะเพื่อป้องกันหนาวได้ทันกาล มิฉะนั้น หลังผ่านพ้นกลางคืน คงมีจำนวนไม่น
ทุกคนไม่รู้หยุนเจิงคิดจะทำสิ่งใด แล้วก็ไม่กล้าถามมาก ทำได้เพียงพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณ“เอาล่ะ ยามปกติพวกเขาทำเช่นไร ตอนนี้ก็ทำเช่นนั้น! ทำเหมือนพวกเราไม่ได้อยู่ที่นี่ก็พอแล้ว!”หยุนเจิงกำชับ จากนั้นก็สั่งอวี๋ซื่อจง “ส่งคนมาเฝ้าพวกเขาไว้ ขอแค่พวกเขาไม่ตุกติก ก็อย่าทำให้พวกเขาลำบาก!”“ขอรับ!”อวี๋ซื่อจงรับคำสั่ง จากนั้นก็กล่าวกับหยุนเจิง “ด้านนอกหนาว องค์ชายและพวกพระชายาคืนนี้ก็พักที่นี่เถอะ!”หยุนเจิงโบกมือ “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจแล้ว ข้ามีแผนของข้า!”กล่าวจบ หยุนเจิงก็ออกไปจากป้อมเฝ้ายามหยุนเจิงไม่ได้พักอยู่ภายในป้องเฝ้ายามกลางคืน เขากับเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินนอนกันอยู่ภายในโพรงหิมะโพรงหิมะเล็กเพียงนิดเดียว สามคนนอนอยู่ด้วยกัน แม้จะอบอุ่น แต่จะพลิกตัวสักครั้งยังลำบาก“เจ้าจงใจ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหยิกหยุนเจิงด้วยความโมโห “นอนภายในป้อมเฝ้ายามได้แท้ๆ เจ้ากลับต้องมาอยู่โพรงน้ำแข็งนี่ให้ได้!”“เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล!”หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เจ้าก็เคยได้ยิน เจ้านายไร้เสื้อผ้า ร่วมใส่เสื้อผ้าของลูกน้อง...”“ข้าว่าเจ้าคิดจะร่วมเตียงกับลูกน้องมากกว่า?”เมี่ยวอินยิ
หลังเที่ยงคืน ท้องฟ้าเริ่มมีหิมะตกหนักข้างนอกหนาวมาก แต่ภายในโพรงหิมะนับว่าพอไปได้อยู่แม้จะไม่ถึงกับอบอุ่น แต่อย่างนั้นก็ยังสามารถหลับได้หยุนเจิงเองก็ต้องรู้สึกทอดถอนใจ การตัดสินใจให้ทหารนาของเขากินเนื้อเป็นความคิดที่ฉลาดมากพวกเขากินเนื้อแกะมากมาย และถลกหนังแกะจำนวนมากตอนนี้ หนังแกะเหล่านี้มีประโยชน์มากหากไม่มีหนังแกะห่อหุ้มร่างกาย คืนนี้คงไม่มีผู้ใดสามารถข่มตาหลับได้ตอนเช้า หยุนเจิงเดินออกจากโพรงหิมะด้านบนท้องฟ้า หิมะยังคงตกลงมาไม่หยุดเงยหน้าขึ้นไปมอง ระยะสิบห้าเมตรล้วนเห็นไม่ชัดแล้วหยุนเจิงสาปแช่งสภาพอากาศเลวร้ายของซั่วเป่ยในใจ อีกด้านนำคนไปยังด่านหน้าคนภายในด่านหน้ากำลังเผาน้ำแข็ง หยุนเจิงกำลังจะขอน้ำร้านเพื่อมาเทใส่อาหารแห้งจากพวกเขาสักชาม ในหูพลันได้ยินเสียง “กุบกับ กุบกับ” ดังขึ้นแม้ว่าลมหนาวจะคร่ำครวญ ทว่าเสียงนั้นยังคงชัดเจนนั่นคือเสียงกีบม้าที่กระทบกับน้ำแข็ง!ทัพทหารม้าเป่ยหวนเคลื่อนไหวแล้ว!หยุนเจิงพลันตัวสั่น ทิ้งอาหารแห้งในมือทันที กดเสียงต่ำเรียกเกาเหอ “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป กองทัพทั้งหมดเตรียมพร้อม! เสียงกลองไม่ดัง ห้ามใครเคลื่อนไหวทั้งนั้น!”เกา
เดิมทีก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกกังวล กลัวว่าต้าเฉียนจะส่งคนจำนวนน้อยมาซุ่มโจมตีที่นี่ตอนนี้ พวกเขาไม่ต้องกังวลแล้ว!เวลานี้ ทัพหน้าส่งคนมารายงาน บอกว่าพวกเขาเจอกับการขัดขวางของชาวต้าเฉียน“มีม้าและคนเท่าใด?”ซู่ตูถามทันที“หลายสิบคน!”ทหารส่งสารตอบกลับ “พวกเขาโจมตีเราด้วยธนูและก้อนหิน ทำให้คนของเราบาดเจ็บและตายเป็นจำนวนเล็กน้อย”แล้วทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ “ต้องเป็นทหารยามของป้อมเฝ้ายาม”“จำนวนแค่หลายสิบคน ยังคิดจะขัดขวางการบุกของทหารม้าเป่ยหวนข้า?”ซู่ตูหัวเราะเหยียดหยาม จากนั้นก็ตะโกนสั่งลั่น “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ไม่ต้องสนใจการขัดขวางของศัตรู ทั้งหมดเร่งเข้าไปในหุบผาชัน!”“ขอรับ!”ผู้ส่งสารไปถ่ายทอดทันทีซู่ตูบิดคอไปมา ตะโกนสุดเสียงใส่ทุกคนด้วยสีหน้าดุดัน “บุกเข้าไป! ข้ารอที่จะนำหัวใจของพวกเขามาใส่เหล้า!”“ขอรับ!”ทุกคนรอบกายของซู่ตูพากันร้องตะโกนออกมาทุกคนดูตื่นเต้นมากด้วยคำสั่งของซู่ตู ทัพทหารม้าเป่ยหวนยาวไร้ที่สิ้นสุดมุ่งตรงเข้าไปในหุบผาชันหุบผาชันสายนี้ทั้งยาวทั้งแคบ ส่วนที่กว้างที่สุดของหุบผาชันล้วนไม่เกินสิบจ้างส่วนที่แคบที่สุด อาจมีความกว้างเพียงยี่สิบสามสิบ
วินาทีนั้น ทางเข้าหุบผาชันเกิดไฟไหม้ลุกลามขณะเดียวกัน คนที่ซ่อนตัวแทรกซึมอยู่ด้านบนหุบผาชันเป็นเวลานานมาอยู่ที่ขอบหน้าผาแล้วตามมาด้วยฝนลูกธนู ทหารม้าเป่ยหวนภายในหุบผาชันวุ่นวายอลม่าน“มีการซุ่มโจมตี! ถอยเร็ว! ถอยเร็ว!”ซู่ตูชักดาบออกมาแล้วปัดลูกธนูที่โจมตีเข้ามา จากนั้นก็ร้องตะโกนจากนั้น ทหารม้าของเป่ยหวนเวลานี้วุ่นวายเละเทะเสียงตะโกนของซู่ตู จมอยู่ในเสียงกรีดร้องของผู้คนและเสียงร้องของม้าศึกมานานแล้ว“ถอย! ถอยเร็ว!”เย่ซู่เซียนก็ตะโกนร้องสุดเสียงขณะนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าทั้งสองคนหายไปนานแล้ว เหลือไว้เพียงความหวานกลัวและลนลายไม่มีสิ้นสุดมองดูฝนลูกธนูเต็มท้องฟ้าปลิดชีวิตทหารม้าเป่ยหวนอย่างต่อเนื่อง ตรงหน้าของทั้งสองคนมีแต่สีแดงภายในหุบผาชันเช่นนี้ กองทหารซุ่มโจมตีของต้าเฉียนอยู่ที่สูงโจมตีข้างล่าง ยึดครองความได้เปรียบของภูมิประเทศโดยสิ้นเชิง การโต้ตอบเล็กน้อยของพวกเขาแทบจะไม่เป็นผลเลยแล้วก็ยังไม่อาจออกจากหุบผาชันได้ ได้แค่รอกองทัพของเขาถูกทำลายสิ้นเท่านั้น!ขณะที่สองคนกำลังวิตกกันมาก นายกองทัพหลังพร้อมด้วยทหารม้าคุ้มกันสองสามคน บุกฝ่าฝนลูกธนูมาถึงข้างกายซู่ตู ร้องไห้กล
“ห๊า?”องครักษ์คุ้มกันมองหยุนเจิงอย่างไม่มึนงง “องค์ชาย พวกเราใกล้ได้รับชัยชนะแล้ว ยังต้องการกำลังเสริมหรือ?”“กำลังเสริมพายลมสิ!”หยุนเจิงหัวเราะด้วยความโมโหเพราะคนโง่นี่ “เรียกพวกเขามาเก็บกวาดสนามรบ! ศพม้าศึกมากมายเช่นนี้ เจ้าแบกกลับไปหรือ?”องครักษ์คุ้มกันชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็พลันได้สติ รับคำสั่งด้วยความตื่นเต้นจริงด้วย!ศพม้าศึกมากมายเช่นนี้!เอาแต่จุดไฟเผาไม่ได้กระมัง?ศพม้าศึกเหล่านี้นำกลับไป ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็ไม่ขาดแคลนเนื้อแล้ว!ม้าหนึ่งตัว คุ้มค่ากว่าแกะหลายตัวมาก!การซุ่มโจมตีในหุบเขายังคงดำเนินต่อไปทหารม้าเป่ยหวนยังคงต่อต้านอย่างสิ้นหวังแต่คนที่ล้มลงก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ แรงการต่อต้านของพวกเขาก็น้อยลงเรื่อยๆ แล้ว!เปลวไฟตรงหน้าใกล้มอดแล้ว หยุนเจิงสั่งทันที “ตีกลอง!”“ตึงๆๆ...”เสียงกลองเร่งจังหวะดังขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกลอง ทหารต้าเฉียนแทบทนไม่ไหวพากันพรั่งพรูเข้าไปในหุบผาชัน“ลงม้า! ฆ่า!”หยุนเจิงชักดาบออกมา จิตสังหารพุ่งพล่านบุกเข้าไป“ฆ่า!”“ฆ่า!”“เหล่าพี่น้อง ถึงเวลาล้างแค้นแล้ว!”“ฆ่าชาวเป่ยหวนให้หมด!”อารมณ์ของทหารต้าเฉียนพุ่งสุดขีด แต่ละคนร้