“พูดภาษาคน!”หยุนเจิงหน้ามุ่ยขัดจังหวะตู้กุยหยวนเฝ้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน?เขาไม่เชื่อว่าตู้กุยหยวนจะเฝ้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน!เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง ตู้กุยหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เมื่อก่อนข้าเคยเรียนการเฝ้ามองท้องฟ้าจากคนที่ถูกเนรเทศมาซั่วเป่ยมานิดหน่อย แต่ที่สำคัญคือแขนข้างนี้ของข้าก่อปัญหา...”ด้วยการอธิบายสถาการณ์ของตู้กุยหยวน พวกเขาจึงเข้าใจสถานการณ์แขนที่หักตู้กุยหยวนจะรู้สึกเจ็บทุกครั้งเมื่อถึงฤดูหนาว แต่ก็ไม่ใช่ความเจ็บขนาดที่ทนไม่ไหวแต่ว่า แขนที่หักของตู้กุยหยวนวันนี้เจ็บเป็นพิเศษแม้เขาจะมีความอดทนต่อความเจ็บปวดก็ตาม ก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วด้วยประสบการณ์ของเขา นี่เป็นจุดเริ่มต้นของลมหนาวเสียดกระดูกใกล้มาถึงแล้วทางด้านซั่วเป่ย เมื่อลมหนาวเสียดกระดูกมาถึง ก็จะมีหมอกหนาตามมาด้วยแต่ว่า หมอกหนานี้ไม่เช่นหมอกที่พบเห็นได้ทั่วไปแต่เป็นหมอกน้ำแข็ง!มันก็คือความหนาวจนควันออกปากที่พวกอวี้ซื่อจงพูดถึงจากประสบการณ์ของพวกเขา หลังผ่านวันหมอกน้ำแข็งหนา ก็น่าจะมีหิมะตกเป็นวงกว้างแล้วดังนั้น ตู้กุยหยวนจึงคาดว่า เป่ยหวนจะฉวยโอกาสนี้บุกโจมตีไม่ว่าจะเป็นหมอกน้ำแข็งหรือว่
ต้องบอกว่า ตู้กุยหยวนเป็นเครื่องวัดสภาพอากาศของมนุษย์ที่ค่อนข้างแม่นยำวันที่สองตอนเช้า ซั่วเป่ยเริ่มมีลมหนาวเสียดกระดูกลมหนาวพัดมาจากพื้นผ่านไป หมอกน้ำแข็งจำนวนมากจะม้วนตัวขึ้นมาเงยหน้ามองไป บริเวณสิบห้าเมตรมองเห็นสิ่งใดไม่ชัดแล้วลมนี้เมื่อพัดโดนใบหน้า รู้สึกเหมือนถูกคมมีดบาดทำเอาหยุนเจิงอยากจะเอาหมวกคลุมหน้าและเล่นบทผู้ก่อการร้ายยังดีที่คนจำนวนมากในกองทัพล้วนอยู่ที่ซั่วเป่ยเป็นเวลานาน คุ้นเคยกับลมหนาวเสียดกระดูกนี้แล้วแต่ว่า หยุนเจิงก็ยังคงสั่งให้คนแจกจ่ายผ้าออกไปจำนวนมากไม่ใช่ทำพวกเสื้อผ้าให้พวกเขา เพียงแต่นำผ้าตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็ก เอาไว้ห่อหุ้มใบหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากแผลหนาวเป็นวงกว้างเวลาไม่นาน โหยวอีเย่วกลับมารายงานทัพทหารม้าเป่ยหวนจำนวนมากรวมตัวกันที่หุบผาชันช่องลมดูจากท่าทาง เป่ยหวนอย่างเร็วที่สุดพรุ่งนี้ อย่างช้าที่สุดวันมะรืน ก็จะเริ่มบุกเมื่อได้รับข่าวที่ยืนยันแล้ว หยุนเจิงสั่งกองทัพออกเคลื่อนไหวตอนนี้หากเร่งเดินทางไปที่หุบผาชันช่องลมเพื่อสร้างแนวป้องกัน ยังสามารถขุดโพรงหิมะเพื่อป้องกันหนาวได้ทันกาล มิฉะนั้น หลังผ่านพ้นกลางคืน คงมีจำนวนไม่น
ทุกคนไม่รู้หยุนเจิงคิดจะทำสิ่งใด แล้วก็ไม่กล้าถามมาก ทำได้เพียงพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณ“เอาล่ะ ยามปกติพวกเขาทำเช่นไร ตอนนี้ก็ทำเช่นนั้น! ทำเหมือนพวกเราไม่ได้อยู่ที่นี่ก็พอแล้ว!”หยุนเจิงกำชับ จากนั้นก็สั่งอวี๋ซื่อจง “ส่งคนมาเฝ้าพวกเขาไว้ ขอแค่พวกเขาไม่ตุกติก ก็อย่าทำให้พวกเขาลำบาก!”“ขอรับ!”อวี๋ซื่อจงรับคำสั่ง จากนั้นก็กล่าวกับหยุนเจิง “ด้านนอกหนาว องค์ชายและพวกพระชายาคืนนี้ก็พักที่นี่เถอะ!”หยุนเจิงโบกมือ “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจแล้ว ข้ามีแผนของข้า!”กล่าวจบ หยุนเจิงก็ออกไปจากป้อมเฝ้ายามหยุนเจิงไม่ได้พักอยู่ภายในป้องเฝ้ายามกลางคืน เขากับเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินนอนกันอยู่ภายในโพรงหิมะโพรงหิมะเล็กเพียงนิดเดียว สามคนนอนอยู่ด้วยกัน แม้จะอบอุ่น แต่จะพลิกตัวสักครั้งยังลำบาก“เจ้าจงใจ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหยิกหยุนเจิงด้วยความโมโห “นอนภายในป้อมเฝ้ายามได้แท้ๆ เจ้ากลับต้องมาอยู่โพรงน้ำแข็งนี่ให้ได้!”“เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล!”หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เจ้าก็เคยได้ยิน เจ้านายไร้เสื้อผ้า ร่วมใส่เสื้อผ้าของลูกน้อง...”“ข้าว่าเจ้าคิดจะร่วมเตียงกับลูกน้องมากกว่า?”เมี่ยวอินยิ
หลังเที่ยงคืน ท้องฟ้าเริ่มมีหิมะตกหนักข้างนอกหนาวมาก แต่ภายในโพรงหิมะนับว่าพอไปได้อยู่แม้จะไม่ถึงกับอบอุ่น แต่อย่างนั้นก็ยังสามารถหลับได้หยุนเจิงเองก็ต้องรู้สึกทอดถอนใจ การตัดสินใจให้ทหารนาของเขากินเนื้อเป็นความคิดที่ฉลาดมากพวกเขากินเนื้อแกะมากมาย และถลกหนังแกะจำนวนมากตอนนี้ หนังแกะเหล่านี้มีประโยชน์มากหากไม่มีหนังแกะห่อหุ้มร่างกาย คืนนี้คงไม่มีผู้ใดสามารถข่มตาหลับได้ตอนเช้า หยุนเจิงเดินออกจากโพรงหิมะด้านบนท้องฟ้า หิมะยังคงตกลงมาไม่หยุดเงยหน้าขึ้นไปมอง ระยะสิบห้าเมตรล้วนเห็นไม่ชัดแล้วหยุนเจิงสาปแช่งสภาพอากาศเลวร้ายของซั่วเป่ยในใจ อีกด้านนำคนไปยังด่านหน้าคนภายในด่านหน้ากำลังเผาน้ำแข็ง หยุนเจิงกำลังจะขอน้ำร้านเพื่อมาเทใส่อาหารแห้งจากพวกเขาสักชาม ในหูพลันได้ยินเสียง “กุบกับ กุบกับ” ดังขึ้นแม้ว่าลมหนาวจะคร่ำครวญ ทว่าเสียงนั้นยังคงชัดเจนนั่นคือเสียงกีบม้าที่กระทบกับน้ำแข็ง!ทัพทหารม้าเป่ยหวนเคลื่อนไหวแล้ว!หยุนเจิงพลันตัวสั่น ทิ้งอาหารแห้งในมือทันที กดเสียงต่ำเรียกเกาเหอ “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป กองทัพทั้งหมดเตรียมพร้อม! เสียงกลองไม่ดัง ห้ามใครเคลื่อนไหวทั้งนั้น!”เกา
เดิมทีก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกกังวล กลัวว่าต้าเฉียนจะส่งคนจำนวนน้อยมาซุ่มโจมตีที่นี่ตอนนี้ พวกเขาไม่ต้องกังวลแล้ว!เวลานี้ ทัพหน้าส่งคนมารายงาน บอกว่าพวกเขาเจอกับการขัดขวางของชาวต้าเฉียน“มีม้าและคนเท่าใด?”ซู่ตูถามทันที“หลายสิบคน!”ทหารส่งสารตอบกลับ “พวกเขาโจมตีเราด้วยธนูและก้อนหิน ทำให้คนของเราบาดเจ็บและตายเป็นจำนวนเล็กน้อย”แล้วทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ “ต้องเป็นทหารยามของป้อมเฝ้ายาม”“จำนวนแค่หลายสิบคน ยังคิดจะขัดขวางการบุกของทหารม้าเป่ยหวนข้า?”ซู่ตูหัวเราะเหยียดหยาม จากนั้นก็ตะโกนสั่งลั่น “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ไม่ต้องสนใจการขัดขวางของศัตรู ทั้งหมดเร่งเข้าไปในหุบผาชัน!”“ขอรับ!”ผู้ส่งสารไปถ่ายทอดทันทีซู่ตูบิดคอไปมา ตะโกนสุดเสียงใส่ทุกคนด้วยสีหน้าดุดัน “บุกเข้าไป! ข้ารอที่จะนำหัวใจของพวกเขามาใส่เหล้า!”“ขอรับ!”ทุกคนรอบกายของซู่ตูพากันร้องตะโกนออกมาทุกคนดูตื่นเต้นมากด้วยคำสั่งของซู่ตู ทัพทหารม้าเป่ยหวนยาวไร้ที่สิ้นสุดมุ่งตรงเข้าไปในหุบผาชันหุบผาชันสายนี้ทั้งยาวทั้งแคบ ส่วนที่กว้างที่สุดของหุบผาชันล้วนไม่เกินสิบจ้างส่วนที่แคบที่สุด อาจมีความกว้างเพียงยี่สิบสามสิบ
วินาทีนั้น ทางเข้าหุบผาชันเกิดไฟไหม้ลุกลามขณะเดียวกัน คนที่ซ่อนตัวแทรกซึมอยู่ด้านบนหุบผาชันเป็นเวลานานมาอยู่ที่ขอบหน้าผาแล้วตามมาด้วยฝนลูกธนู ทหารม้าเป่ยหวนภายในหุบผาชันวุ่นวายอลม่าน“มีการซุ่มโจมตี! ถอยเร็ว! ถอยเร็ว!”ซู่ตูชักดาบออกมาแล้วปัดลูกธนูที่โจมตีเข้ามา จากนั้นก็ร้องตะโกนจากนั้น ทหารม้าของเป่ยหวนเวลานี้วุ่นวายเละเทะเสียงตะโกนของซู่ตู จมอยู่ในเสียงกรีดร้องของผู้คนและเสียงร้องของม้าศึกมานานแล้ว“ถอย! ถอยเร็ว!”เย่ซู่เซียนก็ตะโกนร้องสุดเสียงขณะนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าทั้งสองคนหายไปนานแล้ว เหลือไว้เพียงความหวานกลัวและลนลายไม่มีสิ้นสุดมองดูฝนลูกธนูเต็มท้องฟ้าปลิดชีวิตทหารม้าเป่ยหวนอย่างต่อเนื่อง ตรงหน้าของทั้งสองคนมีแต่สีแดงภายในหุบผาชันเช่นนี้ กองทหารซุ่มโจมตีของต้าเฉียนอยู่ที่สูงโจมตีข้างล่าง ยึดครองความได้เปรียบของภูมิประเทศโดยสิ้นเชิง การโต้ตอบเล็กน้อยของพวกเขาแทบจะไม่เป็นผลเลยแล้วก็ยังไม่อาจออกจากหุบผาชันได้ ได้แค่รอกองทัพของเขาถูกทำลายสิ้นเท่านั้น!ขณะที่สองคนกำลังวิตกกันมาก นายกองทัพหลังพร้อมด้วยทหารม้าคุ้มกันสองสามคน บุกฝ่าฝนลูกธนูมาถึงข้างกายซู่ตู ร้องไห้กล
“ห๊า?”องครักษ์คุ้มกันมองหยุนเจิงอย่างไม่มึนงง “องค์ชาย พวกเราใกล้ได้รับชัยชนะแล้ว ยังต้องการกำลังเสริมหรือ?”“กำลังเสริมพายลมสิ!”หยุนเจิงหัวเราะด้วยความโมโหเพราะคนโง่นี่ “เรียกพวกเขามาเก็บกวาดสนามรบ! ศพม้าศึกมากมายเช่นนี้ เจ้าแบกกลับไปหรือ?”องครักษ์คุ้มกันชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็พลันได้สติ รับคำสั่งด้วยความตื่นเต้นจริงด้วย!ศพม้าศึกมากมายเช่นนี้!เอาแต่จุดไฟเผาไม่ได้กระมัง?ศพม้าศึกเหล่านี้นำกลับไป ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็ไม่ขาดแคลนเนื้อแล้ว!ม้าหนึ่งตัว คุ้มค่ากว่าแกะหลายตัวมาก!การซุ่มโจมตีในหุบเขายังคงดำเนินต่อไปทหารม้าเป่ยหวนยังคงต่อต้านอย่างสิ้นหวังแต่คนที่ล้มลงก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ แรงการต่อต้านของพวกเขาก็น้อยลงเรื่อยๆ แล้ว!เปลวไฟตรงหน้าใกล้มอดแล้ว หยุนเจิงสั่งทันที “ตีกลอง!”“ตึงๆๆ...”เสียงกลองเร่งจังหวะดังขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกลอง ทหารต้าเฉียนแทบทนไม่ไหวพากันพรั่งพรูเข้าไปในหุบผาชัน“ลงม้า! ฆ่า!”หยุนเจิงชักดาบออกมา จิตสังหารพุ่งพล่านบุกเข้าไป“ฆ่า!”“ฆ่า!”“เหล่าพี่น้อง ถึงเวลาล้างแค้นแล้ว!”“ฆ่าชาวเป่ยหวนให้หมด!”อารมณ์ของทหารต้าเฉียนพุ่งสุดขีด แต่ละคนร้
ความอัปยศเมื่อห้าปีก่อนที่ประทับไว้อยู่ใจทหารชาวนาทหารชาวนาเหล่านี้ บอกได้ว่าทุกคนล้วนมีความแค้นกับเป่ยหวนวันนี้ ห้าปีผ่านไปในชั่วพริบตาในที่สุดพวกเขาก็ได้ชัยชนะครั้งใหญ่ล้างความอัปยศก่อนหน้านี้แล้วได้ฟังเสียงร้องแห่งความยินดีก้องไปทั้งหู ในใจของหยุนเจิงเกิดความรู้สึกกล้าหาญความสะอิดสะเอียนก่อนหน้านี้หายไปแล้วแทนที่ด้วยความภูมิใจและความดีใจวางแผนมาตั้งนาน ในที่สุดก็ได้รับชัยชนะแล้ว!ตอนที่หยุนเจิงกำลังทอดถอนใจ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ผาเข้ามาหาเขา กอดหยุนเจิงเอาไว้ ตะโกนร้องด้วยความตื่นเต้น “พวกเราชนะแล้ว! ข้าแก้แค้นให้พ่อและพี่ชายสองคนได้แล้ว...”เสิ่นลั่วเยี่ยนดีใจ ตะโกนร้องอย่างทนไม่ไหวแต่เวลาไม่นาน หยุนเจิงพบว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนผิดปกติหยุนเจิงผลักเสิ่นลั่วเยียนออกเบาๆ จึงพบว่าดวงตานางเต็มไปด้วยรอยน้ำตา“เอาล่ะ เลิกร้องแล้ว”หยุนเจิงยกมือที่เปื้อนเลือดชัดน้ำตาให้เสิ่นลั่วเยี่ยน “นี่เพิ่งถึงไหนเอง? เป็นเพียงชัยชนะสนามหนึ่ง ยังไม่เพียงพอต่อการปลอบโยนวิญญาณของพวกเขาที่อยู่บนฟ้าเลย!”“อื้ม!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าหนักๆ กล่าวเสียงสั่น “ข้า...ข้าเชื่อเจ้า!”“ดีแล้ว เอาหิม
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่