แชร์

บทที่ 486

ผู้เขียน: เหลียงซานเหลากุ่ย
“ห๊า?”

องครักษ์คุ้มกันมองหยุนเจิงอย่างไม่มึนงง “องค์ชาย พวกเราใกล้ได้รับชัยชนะแล้ว ยังต้องการกำลังเสริมหรือ?”

“กำลังเสริมพายลมสิ!”

หยุนเจิงหัวเราะด้วยความโมโหเพราะคนโง่นี่ “เรียกพวกเขามาเก็บกวาดสนามรบ! ศพม้าศึกมากมายเช่นนี้ เจ้าแบกกลับไปหรือ?”

องครักษ์คุ้มกันชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็พลันได้สติ รับคำสั่งด้วยความตื่นเต้น

จริงด้วย!

ศพม้าศึกมากมายเช่นนี้!

เอาแต่จุดไฟเผาไม่ได้กระมัง?

ศพม้าศึกเหล่านี้นำกลับไป ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็ไม่ขาดแคลนเนื้อแล้ว!

ม้าหนึ่งตัว คุ้มค่ากว่าแกะหลายตัวมาก!

การซุ่มโจมตีในหุบเขายังคงดำเนินต่อไป

ทหารม้าเป่ยหวนยังคงต่อต้านอย่างสิ้นหวัง

แต่คนที่ล้มลงก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ แรงการต่อต้านของพวกเขาก็น้อยลงเรื่อยๆ แล้ว!

เปลวไฟตรงหน้าใกล้มอดแล้ว หยุนเจิงสั่งทันที “ตีกลอง!”

“ตึงๆๆ...”

เสียงกลองเร่งจังหวะดังขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงกลอง ทหารต้าเฉียนแทบทนไม่ไหวพากันพรั่งพรูเข้าไปในหุบผาชัน

“ลงม้า! ฆ่า!”

หยุนเจิงชักดาบออกมา จิตสังหารพุ่งพล่านบุกเข้าไป

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

“เหล่าพี่น้อง ถึงเวลาล้างแค้นแล้ว!”

“ฆ่าชาวเป่ยหวนให้หมด!”

อารมณ์ของทหารต้าเฉียนพุ่งสุดขีด แต่ละคนร้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 487

    ความอัปยศเมื่อห้าปีก่อนที่ประทับไว้อยู่ใจทหารชาวนาทหารชาวนาเหล่านี้ บอกได้ว่าทุกคนล้วนมีความแค้นกับเป่ยหวนวันนี้ ห้าปีผ่านไปในชั่วพริบตาในที่สุดพวกเขาก็ได้ชัยชนะครั้งใหญ่ล้างความอัปยศก่อนหน้านี้แล้วได้ฟังเสียงร้องแห่งความยินดีก้องไปทั้งหู ในใจของหยุนเจิงเกิดความรู้สึกกล้าหาญความสะอิดสะเอียนก่อนหน้านี้หายไปแล้วแทนที่ด้วยความภูมิใจและความดีใจวางแผนมาตั้งนาน ในที่สุดก็ได้รับชัยชนะแล้ว!ตอนที่หยุนเจิงกำลังทอดถอนใจ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ผาเข้ามาหาเขา กอดหยุนเจิงเอาไว้ ตะโกนร้องด้วยความตื่นเต้น “พวกเราชนะแล้ว! ข้าแก้แค้นให้พ่อและพี่ชายสองคนได้แล้ว...”เสิ่นลั่วเยี่ยนดีใจ ตะโกนร้องอย่างทนไม่ไหวแต่เวลาไม่นาน หยุนเจิงพบว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนผิดปกติหยุนเจิงผลักเสิ่นลั่วเยียนออกเบาๆ จึงพบว่าดวงตานางเต็มไปด้วยรอยน้ำตา“เอาล่ะ เลิกร้องแล้ว”หยุนเจิงยกมือที่เปื้อนเลือดชัดน้ำตาให้เสิ่นลั่วเยี่ยน “นี่เพิ่งถึงไหนเอง? เป็นเพียงชัยชนะสนามหนึ่ง ยังไม่เพียงพอต่อการปลอบโยนวิญญาณของพวกเขาที่อยู่บนฟ้าเลย!”“อื้ม!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าหนักๆ กล่าวเสียงสั่น “ข้า...ข้าเชื่อเจ้า!”“ดีแล้ว เอาหิม

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 488

    แม้พวกเขาจะวางตำแหน่งอยู่ด้านบนโจมตีด้านล่าง แต่ทหารม้าเป่ยหวันไม่สามารถยิงโดนพวกเขาได้ทั้งหมดถึงเช่นไรทหารม้าเป่ยหวนก็มีหนึ่งหมื่นหกพันคนเข้าสู่วงล้อมการซุ่มโจมตีแม้ว่าแมวตาบอดจะพบกับหนูที่ตายแล้วก็ตาม แต่บางคนก็ยังยิงธนูถูกทหารต้าเฉียนตอนที่เข้าไปกำจัดศัตรูที่เหลืออยู่ โดยพื้นฐานแล้วทหารทุกคนรวมตัวกันแบ่งเป็นขบวนการต่อสู้ขนาดเล็กเพื่อร่วมกันกำจัดศัตรูที่เหลืออยู่ การบาดเจ็บล้มตายมีน้อยมากจริงๆ“เช่นนี้เอง?”สีหน้าของหยุนเจิงดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ถาม “พวกเราฆ่าทหารศัตรูไปกี่คน?”พูดถึงการจับและสังหารศัตรูในสงครามครั้งนี้ อวี๋ซื่อจงเปลี่ยนเป็นดีใจอีกครั้งโดยพลันสงครามครั้งนี้ สังหารเป่ยหวนไปหนึ่งหมื่นห้าพันกว่าคน มีนักโทษถูกจับเจ็ดร้อยกว่าคนที่สำคัญคือทัพหลังเป่ยหวนบางส่วนยังไม่ได้เข้ามาในหุบผาชน คนเหล่านั้นล้วนหนีไปแล้วพวกเขายังสามารถยึดม้าสุภาพดีได้อีกหนึ่งพันตัว ม้าที่บาดเจ็บเล็กน้อยสามพันตัวแต่ว่า เพราะตอนที่พวกเขาซุ่มโจมตีด้วยฝนลูกธนูไม่เลือกหน้า ม้าศึกจำนวนมากแม้ยังไม่ตาย แต่ก็ยังถูกธนูยิงตามร่างกาย สามารถรักษาชีวิตรอดได้มีจำนวนน้อยอีกทั้ง ม้าศึกที่เจ็บสาหัสต

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 489

    เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เชื่อคำพูดไร้สาระบอกว่าเป็นคนมีหลักคุณธรรมของงหยุนเจิง!สงครามแย่งชิงเจ้าตายข้าอยู่ มีผู้ใดกล่าวเรื่องคุณธรรม?หยุนเจิงยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็ตอบ “ข้ากำลังคิดจะใช้ศพแลกกับม้าศึกเป่ยหวน”“แลกม้าศึก?”ทุกคนมองหยุนเจิงด้วยความตะลึงหยุนเจิงแกะสะเก็ดเลือดบนเส้นผม จากนั้นก็กล่าวเรียบๆ “พวกเราเองก็สูญเสียทหารห้าร้อยคน ข้ายังมีเมตตาและคุณธรรมส่งศพทหารม้าเป่ยหวนคืนให้เป่ยหวน เป่ยหวนไม่ควรชดเชยให้พวกเราหน่อยหรือ?”“……”เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ทุกคนพากันทำหน้าเอือมระอาเมตตามีคุณธรรม?เกรงว่าเขาจะหลอกเป่ยหวนให้ตายกระมัง!“เจ้ารักษาหน้าตาหน่อยได้หรือไม่?”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มแล้วกล่าวสาปแช่ง “เป่ยหวนไม่เรียกร้องความเสียหายจากเจ้าก็ไม่เลวแล้ว เจ้ายังกล้าขอการชดเชยจากเป่ยหวน?”ความสูญเสียของเป่ยหวนเกือบหนึ่งหมื่นหกพันคน พวกเขากลับสูญเสียไม่ถึงห้าร้อยด้วยซ้ำเขายังไปหาเป่ยหวนเพื่อเรียกร้องความเสียหาย?เป่ยหวนให้เขา นั่นก็ผิดปกติแล้ว!“แน่นอนต้องชดเชย!”หยุนเจิงกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ “เป็นพวกเขาที่เริ่มสงคราม พวกเรามีสิทธิ์ใดไม่เอาการชดเชย? ปานปู้สุนัขนี่ยังติดค้า

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 490

    ทัพศัตรูต้องการซุ่มโจมตีพวกเขา แน่นอนต้องเร่งเดินทางมายังหุบผาชันล่วงหน้าอย่าน้อยทัพศัตรูก็ต้องอยู่ค้างในป่าหนึ่งคืน ถึงจะมาซุ่มโจมตีพวกเขาแต่เช้าได้“ล่วงหน้ากี่วัน?”อู้เลี่ยกำมีดในมือไว้แน่น กัดฟันกล่าว “เป็นไปไม่ได้! อากาศหน้าเช่นนี้ แพะต้าเฉียนเหล่านั้น ไม่มีทางทนความหนาวในทุ่งน้ำแข็งได้นานเช่นนั้น คืนเดียวพวกเขาก็ทนไม่ไหว!”อู้เลี่ยดูถูกชาวต้าเฉียนถึงที่สุดอากาศหนาวๆ เช่นนี้ ค้างคืนในป่า แม้แต่ชาวเป่ยหวนยังจะที่จะทนไหว นับประสาอะไรกับชาวต้าเฉียน?ปานปู้ส่ายหน้ายิ้มเหยเก “องค์ชายประเมินชาวต้าเฉียนต่ำไปแล้ว! แม้ทหารต้าเฉียนไม่กล้าหาญองอาจเท่ากับเราเป่ยหวน แต่พวกเขาไม่ได้โง่! พวกเขามีวิธีมากมายที่จะทนทานให้ผ่านพ้นหลายวันในทุ่งหิมะ เป็นพวกเราที่ประมาทแล้ว...”ทหารม้าชั้นยอดของเป่ยหวนก็รวมตัวกันล่วงหน้า นอนกลางลมหิมะทนกับคืนเหน็บหนาวหนึ่งคืน ถึงมีโอกาสข้ามแม่น้ำไป๋สุ่ยที่เต็มไปด้วยหิมะตั้งแต่เช้าไม่ใช่หรือ?พวกเขาทำได้ ต้าเฉียนไม่อาจทำได้?ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ!เวลานี้ ปานปู้ได้รับรู้ถึงความรู้สึกนี้อยากลึกซึ้งเห็นได้ชัด ชาวต้าเฉียนมองแผนการเขาออกนานแล้ว

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 491

    สงครามใหญ่ แม้จะทำให้หยุนเจิงเสียหายไปบ้าง แต่พวกเขาก็ได้กำไรมากมายเช่นกันม้าศึกเป่ยหวนให้เนื้อจำนวนมากับพวกเขาตอนนี้เป็นฤดูหนาว ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเนื้อเหล่านั้นจะเน่าเสียมีเนื้อเหล่านี้ก็เพียงพอให้พวกเขาใช้จนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า!อีกทั้ง พวกเขายังได้เกราะมากมาย แม้เป็นเกาะหนัง แต่ก็ดีว่าไม่มีกระมัง?อย่างน้อยก็ยังสามารถส่งให้กองหนุนได้ใช่หรือไม่?ที่สำคัญคือ พวกเขาได้รับม้าศึกจำนวนมากม้าศึกที่บาดเจ็บเล็กน้อยรักษาหน่อย ก็สามารถเข้าสู่สนามรบใหม่ได้อีกครั้งนับไปแล้ว พวกเขาก็นับได้ว่าได้รับม้าศึกสี่พันสี่ร้อยตัวลองคิดถึงความลำบากใจที่พวกเขาต้องต่อรองราคาม้าศึกยี่สิบตัวก่อนหน้านี้ หยุนเจิงก็ต้องถอนใจ ฆ่าคนแล้วปล้นใช้งานได้จริงมากกว่า!ทำเช่นนี้ไม่กี่ครั้ง พวกเขาก็สามารถครอบครองทหารม้านับหมื่นได้แล้ว!หยุนเจิงคิดเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เรียกอวี๋ซื่อจงมา“ปล่อยตัวนักโทษเป่ยหวนสองคน ให้พวกเขาช่วยข้านำจดหมายนี้ไปให้ปานปู้!”กล่าวจบ หยุนเจิงใส่จดหมายในซองแล้วมอบให้อวี๋ซื่อจงพวกเขาได้สอบสวนสถานการณ์แนวหน้าจากนักโทษแล้ว ยืนยันว่าปานปู้อยู่แนวหน้า“ให้ม้าพวกเขาสอง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 492

    หยุนเจิงยักไหล่ “ถึงเช่นไรช้าเร็วเสด็จพ่อก็จะสงสัยข้า แต่สงสัยข้าหน่อยจะดีกว่า!”หากให้จักรพรรดิเหวินรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือเขา จักรพรรดิเหวินไม่สงสัยเขาสิแปลกแม้จะยกผลงานให้เสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาก็ไม่แน่ว่าว่าจะคลายความสังสัยของจักรพรรดิเหวินได้ทั้งหมด แต่ก็ทำให้จักรพรรดิเหวินเป็นอัมพาตไปชั่วคราว“ความจริง ต่อให้ฝ่าบาทรู้แล้ว ตอนนี้เขาก็ไม่กล้าแตะต้องเจ้าหรอก”เยี่ยจื่อยิ้มเล็กน้อยกล่าว “ฝ่าบาทไม่มีทางไม่เข้าใจ พวกเราตอนนี้ขัดแย้งภายใน ก็จะเป็นโอกาสให้เป่ยหวน”“ใช่!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า “ต่อให้เขาโง่ก็ไม่อาจแตะต้องเจ้าเวลานี้ได้!”“ไม่จำเป็นต้องแตะต้องพวกเรา”หยุนเจิงกรอกตาบนมองหญิงทั้งสอง “แค่เสด็จพ่อหยุดจัดสรรเสบียงให้พวกเรา ก็เพียงพอทำให้พวกเราหมดกำลังแล้ว!”หญิงทั้งสองอึ้ง จากนั้นก็ส่ายหน้ายิ้มแห้งจริงด้วย!พวกนางคิดเพียงว่าตอนนี้พวกเขามีทหารแกร่งม้าแข็งแรง ก็มีต้นทุนลูบหน้าปะจมูกกับจักรพรรดิเหวินแล้ว แต่กลับไม่ได้พิจารณาถึงเรื่องการจัดสรรแม้แต่น้อยพวกเขาต้องเลี้ยงคนหลายแสนคน!นี่เป็นฤดูหนาว หากไม่มีการจัดสรรจากราชสำนัก พวกเขาต้องไปซื้อเมล็ดพืช หรือไม่ก็ปล้

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 493

    หยุนเจิงพา เยี่ยจื่อออกมานอกจวนทั้งสองคนสวมเสื้อคลุมขนมิ้งค์ เดินเล่นไปตามถนนพวกเกาเหอรู้ความ พวกเขาตามอยู่ไกลๆ ก็พอแล้วอากาศซั่วเป่ยหนาวมากฤดูกาลนี้ ไม่มีการทำการเกษตรชาวบ้านจำนวนมาก เวลานี้ล้วนขดตัวนอนอยู่ในบ้านร้านค้าบนถนนก็เปิดกันเล็กน้อยประปราย แทบจะไม่มีลูกค้า เงยหน้ามองไป ทุกหนแห่งล้วนเป็นทัศนยภาพเงียบเหงาและเหน็บหนาว“เจ้าว่า อาศัยแค่ซั่วฟาง สามารถเลี้ยงกองทัพได้เท่าไหร่?”หยุนเจิงถามเยี่ยจื่อขึ้นมากะทันหัน“นี่...”เยี่ยจื่อคิดชั่วครู่ ตอบ “ให้ตายก็ได้สามถึงหน้าหมื่นคนกระมัง! แต่ว่า ก็ทำได้เพียงแค่เลี้ยงชีพเท่านั้น ไม่อาจกล่าวได้ว่ากินดีอยู่ดีหรือไม่”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “ข้าคิดว่า สามหมื่นคนก็มากสุดแล้ว”ที่ดินภายในด่าน ข้าวสาลีมักจะหว่านในฤดูหนาวแต่ที่ดินของซั่วเป่ย ฤดูหนาวไม่เหมาะกับการทำเกษตรกรรมอุณหภูมิในซั่วเป่ยโดยทั่วไปจะลดลงอย่างรวดเร็ว บางครั้งเวลากลางคืนก็อาจลดลงไปถึงยี่สิบองค์ศาแม้ข้าวสาลีจะเป็นพืชที่สามารถทนหนาวได้ แต่ต้องเผชิญหน้ากับอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็วก็ทนไม่ไหวเช่นกัน ดังนั้น ซั่วเป่ยจะปลูกข้าวสาลีในฤดูใบไม้ผลิที่ดินของซั่วเป่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 494

    หยุนเจิงไม่ได้เจรจากับพวกเกาเหอก่อนหน้านี้แต่ว่า พวกเกาเหออยู่ข้างกายหยุนเจิงมานานมากแล้ว ความคิดที่หยุนเจิงมีต่อเยี่ยจื่อนั้น หากพวกเขาไม่ตาบอด ก็ดูออกได้พวกเขารู้ดี ไม่ควรดูก็ไม่อาจดูได้“ไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องอับอายตัวเองเพราะคนสารเลว!”เยี่ยจื่อหันหน้ากลับไป จ้องหยุนเจิงด้วยความโกรธและอับอาย แต่มือที่ดิ้นรนขัดขืนกลับเบาลงไปมาก“ข้าจะทนได้เช่นไร!”หยุนเจิงหัวเราะ ด้านหนึ่งจับมือเยี่ยจื่อเดินไปข้างหน้า ด้านหนึ่งคุยปัญหาของพวกเขาเรื่องเหล่านี้ เขาคุยกับเยี่ยจื่อเพียงคนเดียวเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินต่างก็ไม่สนใจเรื่องบัญชีภายในสถานการณ์ตรงหน้า พวกเขานับว่าตั้งหลักได้อย่างมั่นคงแล้วต่อไป เรื่องที่ต้องกังวลใจที่สุดก็คือปัญหาการจัดสรรการเก็บเกี่ยวพืชผลครั้งต่อไป ต้องรอเวลาอีกเก้าเดือน!เขามีเงิน แต่เขากลัว่าาถึงตอนนั้นแม้แต่เมล็ดพืชพวกเขาก็ล้วนซื้อไม่ได้คิดจะเข้าด่านไปซื้อเมล็ดพืช ก็จำเป็นต้องเคี้ยวกระดูกแข็งอย่างด่านเป่ยลู่เยี่ยจื่อยิ่งฟังยิ่งกระวนกระวายสถานการณ์ยากลำบากเหล่านี้ นางไม่เคยคิดมาก่อนหากหยุนเจิงไม่บอก นางล้วนคิดไม่ได้“หากไม่ได้จริงๆ ก็มีเพียงบัง

บทล่าสุด

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1410

    แต่ที่น่าเสียดายคือ เจียเหยาไม่ใช่สตรีแบบนั้น! ทุกความยินยอมและการประนีประนอมของเจียเหยาต่อเขาล้วนเกิดจากสถานการณ์บีบบังคับ เยี่ยจื่อย่อมชื่นชมเจียเหยาอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่หากเจียเหยาเป็นสตรีที่หลงใหลในความรักอย่างเดียว เยี่ยจื่ออาจไม่รู้สึกชื่นชมนาง และคงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่านางกับหยุนเจิงจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ "ไม่แน่หรอก" เยี่ยจื่อยิ้มบาง "เรื่องของความรัก ไม่มีใครในโลกนี้สามารถอธิบายได้ชัดเจน! เช่นเดียวกับข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะไม่สนใจสายตาของผู้คนในแผ่นดิน และรักชายคนหนึ่งอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เขา..." "เรื่องของพวกเจ้ามันไม่เหมือนกัน" หยุนเจิงบีบเบาๆ ที่ตัวเยี่ยจื่อ "พอแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด ไม่เช่นนั้นพอคนในจวนมาเรียกเราไปกินข้าวเย็น เจ้าคงอายอีกแน่" "ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิด้วยความอาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นเยี่ยจื่อสวมชุดชั้นใน หยุนเจิงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาอีก "ยังมองอยู่อีกหรือ?" เยี่ยจื่อปรายตามองหยุนเจิงด้วยความเข

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1409

    เนื่องจากเยี่ยจื่อกำลังตั้งครรภ์ หยุนเจิงจึงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเกินไป อย่างไรก็ตาม พายุที่โหมกระหน่ำมีเสน่ห์ในแบบของมัน และสายฝนที่โปรยปรายก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ หลังจากหยุดยั้งความเร่าร้อน เยี่ยจื่อซบอยู่ในอ้อมอกของหยุนเจิงอย่างแมวน้อยเชื่องๆ "คืนนี้ข้าจะนอนที่ห้องของเจ้า" หยุนเจิงกอดร่างอ่อนนุ่มของเยี่ยจื่อไว้ ด้วยท่าทีที่ดูยังไม่พอใจ "อย่าเลย!" เยี่ยจื่อเอื้อมมือมาตบหน้าอกของหยุนเจิงเบาๆ "หากเจ้ามาอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องโดนเจ้ารังแกอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับลูก เราคงร้องไห้ไม่ออก เจ้าไปห้องเมี่ยวอินเถิด!" จากนิสัยของหยุนเจิง ต่อให้ใช้ปลายเท้าคิด นางก็รู้ว่าเขาต้องรังแกนางอีกสักหนึ่งหรือสองรอบหากเขาอยู่ในห้องนี้ แม้ว่าช่วงตั้งครรภ์จะไม่ใช่ว่าจะใกล้ชิดกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรทำบ่อยเกินไป "ลูกของข้าหยุนเจิง จะอ่อนแอขนาดนั้นได้อย่างไร?" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะวางมือลงบนหน้าท้องของเยี่ยจื่อโดยไม่รู้ตัว "เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิอย่างเขินอาย "เมื่อสองวันก่อน ลั่วเยี่ยนยังแอบมาบอกข้าเลยว่าเจ้าไปรังแกนางอีก จวนนี้มิใช่มีเพียงข้ากับลั่วเยี่ยนสองค

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1408

    ชุดนี่มันชั้นแล้วชั้นเล่า ถอดออกแต่ละครั้งช่างเสียเวลาเสียจริง หยุนเจิงบ่นในใจพลางจัดการอยู่นาน กว่าจะถอดอาภรณ์ออกหมด แล้วรีบก้าวลงไปในถังอาบน้ำขนาดใหญ่ด้วยความกระตือรือร้น "ดูท่าทางเจ้าสิ!" เยี่ยจื่อจ้องมองหยุนเจิงด้วยความเขินอาย พลางหัวเราะเบาๆ "หากคนอื่นมาเห็นเข้า คงคิดว่าเจ้าคือโจรขโมยดอกไม้จริงๆ!" "ต่อหน้าเจ้า ข้าก็เป็นโจรขโมยดอกไม้ดีๆ นี่เอง!" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง แล้วดึงเยี่ยจื่อเข้ามาในอ้อมกอด เกรงว่าเยี่ยจื่อจะหนาว หยุนเจิงจึงราดน้ำอุ่นลงบนตัวนาง แน่นอนว่า ระหว่างนี้มือเจ้าเล่ห์ของหยุนเจิงก็ไม่วายลวนลามบนตัวเยี่ยจื่อ เยี่ยจื่อปล่อยให้หยุนเจิงทำตามใจ พลางยื่นนิ้วเรียวขาวลูบไล้รอยแผลเป็นที่เอวของเขา นางจำได้ว่ารอยแผลนี้เกิดขึ้นจากศึกที่หยุนเจิงสังหารฮูเจี๋ยฉานอวี่ นั่นน่าจะเป็นการบาดเจ็บที่หนักที่สุดของหยุนเจิงนับตั้งแต่คุมทัพมา โชคดีที่เป็นเพียงบาดแผล ไม่ได้ถึงแก่ชีวิต ตอนนี้บาดแผลนั้นสมานแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังคงปรากฏอย่างชัดเจน "ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป" เยี่ยจื่อก้มหน้าพลางพึมพำ "หากวันใดเจ้ามิได้เป็นเช่นนี้ คงเพราะเราชราและห

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1407

    หลังจากส่งสาวรับใช้หน้าประตูไปแล้ว หยุนเจิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที ก่อนจะผลักประตูเข้าไป "อิงเถา ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงใครผลักประตูเข้ามา" เสียงของเยี่ยจื่อดังมาจากหลังฉากกั้น "บ่าวก็เหมือนจะได้ยินเหมือนกัน บ่าวจะไปดูเจ้าค่ะ" อิงเถาตอบรับแล้วรีบวิ่งออกมาจากหลังฉากกั้น นางเพิ่งจะออกมาก็เห็นหยุนเจิงยืนอยู่ในห้อง เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่คนอื่นที่บังอาจบุกรุกเข้ามา อิงเถาถึงได้คลายความกังวลก่อนจะรีบคำนับ แต่ก่อนที่อิงเถาจะทันได้พูดอะไร หยุนเจิงก็ทำท่าทางให้เงียบ และโบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้อิงเถาออกไป ดูเหมือนอิงเถาจะเดาได้ว่าหยุนเจิงตั้งใจจะทำอะไร ใบหน้าของนางพลันขึ้นสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว หยุนเจิงปิดกลอนประตูจากด้านใน แล้วค่อยๆ ย่องไปทางหลังฉากกั้น "อิงเถา มีคนผลักประตูหรือไม่?" เยี่ยจื่อเอ่ยถาม ความคิดซุกซนของหยุนเจิงเริ่มเล่นงาน เดิมทีเขาตั้งใจจะจู่โจมเยี่ยจื่ออย่างไม่ให้ทันตั้งตัว แต่คิดได้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ เกรงว่าจะทำให้นางตกใจจนเกิดเรื่องไม่คาดคิด จึงเอ่ยขึ้นว่า "มีสิ มีโจรขโมยดอกไม้คนหนึ่ง" เมื่อได้ยิน เยี่ยจื่อหน้าถ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1406

    หยุนเจิงกลับมาจากโรงงานผลิตอาวุธ เพียงแค่เดินมาถึงหน้าจวนอ๋อง ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกวุ่นวายดังมาจากในจวน พอเข้าไปในจวนตามคาด เขาเห็นเหล่าเด็กซนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในลานหน้า ลูกชายสองคนกับลูกสาวหนึ่งคนของฉินชีหู่ รวมถึงลูกชายของอดีตรัชทายาท มาที่จวน และกำลังเล่นปาหิมะกับเสิ่นเนี่ยนฉือและฉีเหยียน เด็กๆ เหล่านั้นต่างสวมเสื้อผ้าหนาเตอะเหมือนหมี แม้จะล้มลงบนพื้นหิมะก็ไม่รู้สึกเจ็บ “คารวะฝ่าบาท!” เมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา อาจารย์ที่คอยดูแลเด็กๆ รีบเข้ามาคารวะ “พอเถอะ ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอยู่ในจวนไม่ต้องเคร่งขนาดนั้น” หยุนเจิงโบกมือพลางถามว่า “พี่สะใภ้ตระกูลฉินมาที่นี่แล้วหรือ?” “เจ้าค่ะ” ซินเซิงยิ้มบางๆ ขณะช่วยปัดหิมะออกจากเสื้อหยุนเจิง พลางตอบว่า “ช่วงบ่ายฮูหยินฉินก็มากับเด็กๆ ตอนนี้คงเล่นไพ่นกกระจอกกับเหล่าพระชายาอยู่” หยุนเจิงว่า “เช่นนั้นข้าไปดูสักหน่อย เจ้าเฝ้าเด็กๆ ไว้ อย่าให้พวกเขาเล่นจนเหงื่อออกมากนัก” “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” ซินเซิงพยักหน้าเบาๆ หยุนเจิงมองดูเด็กซนที่กำลังเล่นอย่างบ้าคลั่ง และครุ่นคิดในใจว่าจะให้พวกเขาทำ “การบ้านช่วงปิดเทอม

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1405

    ตลอดสองวันที่ผ่านมา เจียเหยาเจรจากับกุ่ยฟางอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าข้อเสนอจากกุ่ยฟางจะเกินกว่าเงื่อนไขขั้นต่ำที่เจียเหยากำหนดไว้ในใจแล้ว แต่นางยังไม่พอใจ นางต้องการต่อรองเพื่อให้ได้ทรัพยากรมากขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่า จุดที่ยังคงเจรจากันไม่ลงตัวอยู่ที่ค่าชดเชยจากสงครามและจำนวนบรรณาการ กุ่ยฟางแสดงเจตนาอย่างชัดเจน หากต้องการค่าชดเชยเพิ่ม จำนวนบรรณาการจะต้องลดลง แต่ในเรื่องจำนวนบรรณาการ เจียเหยาไม่ยอมอ่อนข้อเลย ในที่สุด กุ่ยฟางจำต้องยอมรับข้อกำหนดของเจียเหยาในการถวายบรรณาการตามจำนวนที่นางระบุ ส่วนค่าชดเชยที่กุ่ยฟางสามารถมอบให้ได้ เมื่อคำนวณแล้วอยู่ที่ประมาณร้อยละสี่สิบห้าของข้อเรียกร้องเริ่มต้นของเจียเหยา ผลลัพธ์นี้แม้ไม่ใช่สิ่งที่นางคาดหวังไว้ แต่ก็ดีกว่าที่เจียเหยาประเมินไว้ไม่น้อย เมื่อการเจรจาสิ้นสุด เจียเหยาถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ ด้วยทรัพยากรเหล่านี้ ประชาชนแห่งเป่ยหวนจะผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้อย่างไม่ลำบากนัก “องค์หญิง เหตุใดท่านจึงไม่ยอมอ่อนข้อในเรื่องบรรณาการ?” เกออาซูถามด้วยความไม่เข้าใจ “หากเรายอมลดเงื่อนไขเรื่องบรรณาการ เราก็จะได้สิ่งอื่นเพ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1404

    ทว่า สำหรับเจียเหยาในตอนนี้ นี่อาจไม่ใช่เรื่องดีนัก เมื่อผู้ที่เข้าร่วมเจรจาจากกุ่ยฟางมีหลายคน ความเห็นของพวกเขาอาจไม่ตรงกัน การดึงกลยุทธ์นี้อาจทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้น เจียเหยารู้สึกกังวลในใจ แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย “ท่านทูตเชิญนั่งก่อน ข้ามีเรื่องสำคัญต้องจัดการเสียก่อน!” กล่าวจบ เจียเหยาก็ก้มหน้าก้มตาเขียนจดหมายต่อ แต่ความคิดของเจียเหยาในตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่จดหมายอีกแล้ว นางดูเหมือนกำลังเขียนจดหมาย แต่แท้จริงแล้วกำลังกดดันอาเคอถูและคณะ นางรู้ว่าชื่อเหยียนต้องมอบอำนาจในการเจรจาบางส่วนให้แก่อาเคอถูและคณะ สิ่งที่นางต้องทำคือการกดดันคณะทูตกุ่ยฟางเพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น การกระทำของเจียเหยาส่งผลอย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่าเจียเหยาดูเหมือนไม่ได้รีบร้อนเจรจาเลย สมาชิกในคณะทูตกุ่ยฟางก็เริ่มมองตากันไปมา สุดท้าย สายตาของทุกคนต่างหันไปที่มู่ลี่จวี เห็นได้ชัดว่ามู่ลี่จวีเป็นผู้คุมการเจรจาครั้งนี้ มู่ลี่จวีรู้สึกโกรธกับความเย็นชาของเจียเหยา แต่เขารู้ดีว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์แสดงความไม่พอใจต่อหน้านาง ชื่อเหยียนมอบอำนาจให้เขาตัดสินใจในบางเรื่องได้จริง แต่ใ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1403

    เจียเหยาตัดสินใจหยุดการเคลื่อนทัพต่อ กองทหารของพวกนางถูกส่งออกไปกวาดต้อนทรัพยากร ดินแดนที่พวกนางเข้ายึดครองในตอนนี้เกินกว่าห้าร้อยลี้ไปนานแล้ว แต่เจียเหยาตั้งใจเพียงให้ทัวฮวนและกองทหารยึดครองดินแดนของกุ่ยฟางเพียงสามร้อยลี้ตามเงื่อนไขขั้นต่ำของหยุนเจิงเท่านั้น การยึดครองดินแดนมากกว่านี้ ไม่เพียงเพื่อกวาดต้อนทรัพยากรและกดดันชื่อเหยียน แต่ยังเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในเจรจา ท้ายที่สุด หากนางยอมคืนดินแดนบางส่วนให้ชื่อเหยียน ชื่อเหยียนก็จะไม่สามารถเรียกร้องเงื่อนไขอื่นได้อย่างเข้มงวดนัก ดังที่เจียเหยากล่าวไว้ นางกับหยุนเจิงเป็นคนประเภทเดียวกัน และในตอนนี้ ชื่อเหยียนก็ดูคล้ายกับสถานการณ์ของนางเมื่อก่อนที่ถูกหยุนเจิงกดดันจนถึงทางตัน เพราะเหตุนี้ เจียเหยาจึงเข้าใจจิตใจของชื่อเหยียนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เจียเหยาเคยคิดอยากเป็นผู้พิฆาตมังกร แต่สุดท้ายนางกลับกลายเป็นมังกรร้ายเสียเอง สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจียเหยาจะได้รับคำตอบจากชื่อเหยียน นางกลับได้รับข่าวจากหยุนเจิงผ่านเหยี่ยวขาว “รีบกลับมา ก่อนสิ้นปีมาพบข้าที่ติ้งเป่ย” ข้อความจากหยุนเจิงสั้นมาก เมื่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1402

    “ตกลง เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง!” เจียเหยากล่าวพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กุ่ยฟางต้องยอมสวามิภักดิ์และถวายบรรณาการอย่างแน่นอน แต่จำนวนบรรณาการต้องเพิ่มขึ้นอีกร้อยละห้าสิบพร้อมกันนี้ กุ่ยฟางต้องเปิดการค้าเสรีกับต้าเฉียนและเป่ยหวน นอกจากนี้ กุ่ยฟางต้องชดเชยความเสียหายที่เป่ยหวนและต้าเฉียนได้รับจากศึกครั้งนี้ โดยจ่ายชดเชยเป็นทองคำ 100,000 ตำลึง แกะ 100,000 ตัว วัว 30,000 ตัว ม้า 10,000 ตัว และเสบียงอาหาร 4 ล้านตัน และเพื่อเป็นการตอบแทน เจียเหยาจะไม่เรียกร้องให้กุ่ยฟางยกดินแดน 500 ลี้ แต่ลดลงเหลือเพียง 300 ลี้เท่านั้น! ส่วนข้อที่ให้กุ่ยฟางถวายหญิงงาม 100 คนแก่ต้าเฉียนนั้น เจียเหยาได้ยกเว้นให้โดยตรง สำหรับเงื่อนไขปลีกย่อยอื่นๆ เจียเหยาก็ยอมรับตามที่กุ่ยฟางเสนอมา เมื่อได้ยินเงื่อนไขของเจียเหยา อาเคอถูรู้สึกราวกับสมองของตนกำลังอื้ออึง การเพิ่มบรรณาการขึ้นร้อยละห้าสิบยังพอว่า แต่เจียเหยากลับเรียกร้องให้กุ่ยฟางจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลในคราวเดียว? อย่าว่าแต่ปศุสัตว์และเสบียงเลย เพียงแค่ทองคำ 100,000 ตำลึง กุ่ยฟางก็แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว ทองคำ 100,000 ตำลึง

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status