วันต่อมาแสงอรุณยังไม่ทันสาดส่อง ทหารจวนจำนวนหนึ่งพันนายได้รวมตัวกันอยู่หน้าจวนหนุนเจิงแล้วหยุนเจิงกับเสิ่นลั่วเยี่ยนกินมื้อเช้ารองท้องนิดหน่อย จากนั้นนำกลุ่มทหารจวน เกาเหอและพวกมุ่งหน้าไปหนานย่วนเมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงหนานย่วน แสงอรุณก็โผล่ขึ้นเส้นขอบฟ้าแล้วทันทีที่พวกเขามาถึงประตู ขันทีผู้หนึ่งก็ออกมาต้อนรับ “ท่านอ๋อง พระชายา เชิญเข้าไปรอในหนานย่วนสักครู่ ฝ่าบาทใกล้เสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ตกลง!”หยุนเจิงกับเสิ่นลั่วเยี่ยนนำทุกคนตามขันทีเข้าในใยหนานย่วนทั้งหนานย่วนว่างเปล่าพวกเขารออยู่เป็นเวลาสองก้านธูป จากนั้นก้ได้ยินเสียงพื้นดินสั่นสะเทือนขึ้นจากนั้นก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังมาเข้าใกล้เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวนี้ หยุนเจิงก็อดที่จะมีสีหน้าดำคล้ำไม่ได้บัดซบยิ่งนัก นี่มันเป็นการเคลื่อนไหวของทัพทหารม้าชัดๆ!มองดูพวกของตนเอง แม้ว่าจะนับรวมคนของเกาเหอและพวกแล้วก็ได้เพียงแค่สามสิบเท่านั้นบัดซบยิ่งนัก!รัศมีของหนานย่วนไม่ถึงห้าสิบลี้!ยังจะเอาทหารม้ากลุ่มใหญ่เช่นนั้นโอบล้อมพวกเขาอีกอย่างนั้นหรือช่างโหดร้ายมากเกินไปแล้วกระมัง!“การประลองในวันนี้ดูท่าจะยากเกิ
พวกเขาไม่มีทางที่จะหลบหนีได้เลย!หยุนเจิงกับเสิ่นลั่วเยี่ยนยังไม่ทันเอ่ยปากร้องขอสิ่งใดออกมา จักรพรรดิเหวินก็ประกาศกฎในการประลองออกมาทุกคนที่ร่วมประลอง ไม่สามารถใช้อาวุธได้แม้แต่ชิ้นเดียวตราบใดที่จับตัวหยุนเจิงได้ การประลองก็จะจบลงในทันทีหากหยุนเจิงหนีออกจากหนานย่วนได้สำเร็จ และฝ่าด่านการห้อมล้อมไปถึงประตูทิศตะวันออกของหนานย่วนที่จักรพรรดิเหวินจัดเป็นจุดกำลังสนับสนุนไปได้ก่อนตะวันจะตกดิน นั่นนับว่าหยุนเจิงชนะทันทีที่จักรพรรดิเหวินกล่าวจบ หยุนเจิงก็หัวเราะเจื่อนพลางกล่าวถามว่า “เสด็จพ่อ มีเพียงจุดกำลังสนับสนุนจุดเดียวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก!แถมยังกำหนดเวลาอีกด้วย!เขาอยากจะซ่อนตัวและคิดหาทางอย่างช้าๆ ก็ทำไม่ได้!“เจ้าต้องการกี่ที่ล่ะ?”จักรพรรดิเหวินเหลือบพระเนตรมามอง “หากเจ้าถูกตามไล่ล่า กองทหารมณฑลทางเหนือจะแบ่งกองกำลังไปรอสนับสุนเจ้าอย่างนั้นหรือ หากถูกศัตรูลอบโจมตีมาทุกด้านเจ้าจะทำเช่นไร เจ้าคนเดียวสำคัญ หรือต้าเฉียนของทุกคนสำคัญ?”คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคเหล่านี้ของจักรพรรดิเหวินทำให้หยุนเจิงโกรธถึงกับพูดไม่ออกเลยหยุนเจิงยิ้มเจื่อน และรีบคิดหาท
“ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย จับเป็นเท่านั้น!”จักรพรรดิเหวินส่ายหน้ากล่าวเสียงขรึมว่า “อีกอย่าง ห้ามทำให้บาดเจ็บสาหัสโดยเด็ดขาด ตำแหน่งที่อยู่ของขบวนเสด็ของข้านับว่าเป็นที่ประทับของเป่ยหวน หากระหว่างทางจับตัวคนของเจ้าหกได้ พวกเจ้าต้องนำตัวคนของเจ้าหกมาควบคุมตัวที่นั่น ควบคุมตัวเสร็จถึงจะกลับเข้าไปร่วมการไล่ล่าโจมตีได้!”“นี่มัน…”หยุนถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่าเช่นนี้มันไม่สมเหตุสมผลการเผชิญในสนามรบ จะจับเป็นได้อย่างไรกันเล่า“นี่มันอันใดหรือ?”หยุนถิงยังไม่ทันได้กล่าวต่อ จักรพรรดิเหวินก็หันขวับมามองด้วยสีหน้าดำคล้ำไม่พอพระทัย “ทหารม้านับห้าพันนายล้อมโจมตีทหารราบแค่หนึ่งพันนาย หากไม่ตั้งกฏจำกัดให้พวกเจ้า ข้าคงให้เจ้าหกยืนอยู่เฉยๆ แล้วให้พวกเจ้าเข้าไปจับตัวเขาง่ายๆ ไปแล้ว!”“พ่ะย่ะค่ะ! ลูกเพียงแค่นึกถึงสนามรบจริงมากเกินไป ก็เลยลืมคิดถึงข้อนี้พ่ะย่ะค่ะ”หยุนถิงรีบแก่ตัวยิ้มพลางกล่าว ก่อนจะถอยกลับไปจักรพรรดิเหวินกวาดสายตามองหยุนถิงอย่างไม่พอพระทัย ตรัสถามต่อว่า “ยังมีใครจะถามอันใดอีกหรือไม่?”พวกเขาหันไปสบตากันเงียบๆ ก่อนจะต่างพากันส่ายหน้าไปมาได้รู้กฏเกณฑ์อย่างแจ่มแจ้ง
“พ่ะย่ะค่ะ!”เกาเหอน้อมรับคำสั่ง และรีบพุ่งออกไปทันที“เจ้าจะหนีขึ้นไปบนภูเขาอย่างนั้นหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนรู้เจตนาของหยุนเจิง“รอดูสถานการณ์ก่อนเถอะ”หยุนเจิงยิ้มเจื่อน แต่ก็ไม่ได้กล่าวอันใดมากความ“เจ้าก็ฉลาดอยู่บ้างเหมือนกันนะ” เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงด้วยคงามประหลาดใจ และขมวดคิ้วพลางกล่าวอีกว่า “แต่หากหนีขึ้นไปบนเขาก็หลบซ่อนได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ตราบใดที่พวกนั้นรู้ตำแหน่งของพวกเราจะต้องนำกองกำลังแห่มาล้อมพวกเราแน่นอน!”หนานย่วนมีภูเขาป่าทึบ แถมยังมีมากอีกด้วยแต่ก็ไม่ใช่ภูเขาที่สูงมากนักไม่ว่าพวกเขาจะหลบซ่อนตัวอยู่บนภูเขาลูกใด ทหารสองสามพันนายช่วยกันตามหา พวกเขาก็จบเห่แล้วในขณะที่ฟังคำพูดของเสิ่นลั่วเยี่ยนนั้น หยุนเจิงก็แอบส่ายหน้าเล็กน้อยนางช่างโง่เขลายิ่งนัก!ขืนขึ้นไปหลบบนภูเขาจริงๆ ก็โง่แล้ว!เขาเพียงแค่ทำให้คนอื่นคิดว่าพวกเขาขึ้นไปหลบซ่อนตัวบนภูเขาก็เท่านั้น!ทหารม้าพวกนั้นไม่มีทางขี่ม้าขึ้นไปตามหาตัวเขาบนภูเขาแน่นอนเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็แอบซ่อนตัวอยู่บริเวณนั้นและถือโอกาสแย่งชิงม้ามาก้สิ้นเรื่องแล้วตราบใดที่มีม้าเพียงพอ พวกเขาก็สาม
เสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตบศีรษะตัวเองนึกขึ้นได้“ข้าคิดออกแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มขึ้น“คิดอันใดออกหรือ?”หยุนเจิงกล่าวถามทันที แววตาเต็มไปด้วยความรอคอยเสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มอย่างลำพองใจ และกล่าวออกมาทันทีว่า “พวกเราคิดหาทางล่อให้พวกนั้นขึ้นไปบนเขา พวกนั้นไม่มีทางขี่ม้าขึ้นภูเขาแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น ต้องมีม้าว่างหลายตัวแน่ ขอเพียงแค่พวกเราแอบซ่อนตัวให้ดีไม่ให้พวกนั้นจับได้ พวกเราก็ฉวยโอกาสที่จำนวนทหารม้าของพวกเขาน้อยๆ ออกไปโจมตีโดยที่พวกนั้นไม่ทันตั้งตัว…”เสิ่นลั่วเยี่ยนบอกแผนการของตนเองให้พวกเขาฟังอย่างตื่นเต้นเมื่อได้ยินแผนการนี้ของเสิ่นลั่วเยี่ยน พวกเขาก็ตาลุกวาวขึ้นทันที ในที่สุดหยุนเจิงก็โล่งอกไปเปราะหนึ่งในที่สุดแม่นางผู้นี้ก็ไม่ทำให้ชื่อเสียงของบุตรีขุนผลผู้แกร่งกล้าต้องอับกายขายหน้าเมื่อมีแผนการแล้ว ต่อไปก็ต้องทำตามแผนล่อทหารที่ตามไล่ล่าพวกนั้นขึ้นไปบนภูเขา อันที่จริงแล้วง่ายดายมากสิ่งสำคัญก็คือ พวกเขาจะซ่อนตัวจากการตามหาของทหารเหล่านั้นได้อย่างไร ทำให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าพวกเขาหนีขึ้นไปหลบซ่อนตัวบนภูเขาหมดแล้ว เริ่มจากการประมาทเลินเล
และในตอนนี้เอง จู่ๆ ตู้กุยหยวนก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น“เช่นไร?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองตู้กุยหยวนด้วยสีหน้าสงสัยตู้กุยหยวนเป็นผู้บัญชาการทหารเปื้อนเลือด เป็นขุนพลที่เคยสู้รบฆ่าฟันในสนามรบจริงมาแล้ว!หยุนเจิงคิดเพ้อเจ้อ เช่นนั้นเขาก็คิดเพ้อเจ้อด้วยอย่างนั้นสิตู้กุยหยวนกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “พระชายาลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าผู้ใดที่จับตัวองค์ชายหกตัวเป็นๆ ได้ จะได้รับการเลื่อนขั้นสามขั้น และทองอีกพันชั่ง…”ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าภายใต้การตบรางวัลอย่างหนักเช่นนี้ ทุกคนต้องพรวดเข้าไปตามหาบนภูเขาก่อนอย่างแน่นอนหากเป็นเช่นนี้ คนที่เฝ้าม้าเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเป็นแน่!อีกอย่าง ม้าศึกจำนวนมากปานนั้น หากเกิดการก่อกวนขึ้น ใช้คนเพียงแค่ไม่กี่คนฉวยโอกาสตอนที่โกลาหลขี่ม้ามาทางนี้ ก็จะเปิดโอกาสให้พวกเขาแย่งชิงม้ามาได้สำเร็จแล้ว!ภูเขาลูกนั้นที่เกาเหอกล่าวถึงแม้จะไม่มีที่หลบซ่อนตัว แต่คนหลายสิบคนสามารถหาที่หลบซ่อนได้แน่นอนตราบใดที่คนหลายสิบคนนี้สามารถก่อความวุ่นวายและขี่ม้ามาทางนี้ได้ ไม่เพียงแต่สามารถแย่งชิงม้ามาได้เท่านั้น แต่ยังทำให้คนเหล่านั้นสูญเสียม้าศึกไปได้ด้
หยุนถิงและพวกองค์ชายทั้งสามล้วนแต่อยากแสดงฝีมือมากพวกเขามองว่านี่คือบททดสอบของเสด็จพ่อที่มอบให้กับหยุนเจิง และเป็นบททดสอบของพวกเขาด้วยเช่นกันเมื่อนึกถึงตำแหน่งองค์รัชทายาท ทั้งสามก็แทบจะบ้าคลั่งไปแล้วดูเหมือนว่าทั้งสามจะเป็นสามคนแรกที่นำหน้าทุกคนมาไม่นานนัก พวกเขาก็พบกับเสื้อเกราะเหล่านั้นที่ถูกโยนระเนระนาดอยู่บนพื้นดินตามไล่ไปข้างหน้าอีกสองลี้ก็เห็นภูเขาลูกนั้นปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาทางที่มุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขามีร่องรอยเท้าอยู่เล็กน้อย แต่รอยกีบม้ากลับไปอีกทาง และทางที่มีรอยกีบม้านั้นก็มีเสื้อเกราะถูกโยนทิ้งอยู่มากกว่าเมื่อมองไปทั้งสองทาง ทั้งสามก็ครุ่นคิดอย่างหนักเห็นได้ชัดว่าหยุนเจิงและพวกจงใจจะจัดเตรียมเอาไว้ให้พวกเขาสับสนแต่ตอนนี้พวกเขาไม่อาจแน่ใจได้ว่าหยุนเจิงแยกตัวไปทางใดกันแน่และในขณะที่พวกเขากำลังลังเลอยู่นั้น ทันใดนั้นฝูงวิหคกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบริเวณไม่ไกลกับภูเขาลูกนั้น และเมื่อแหงนหน้าขึ้นมองก็มีเงาต้นไม้สั่นไหวอีกด้วย“แบ่งกองกำลังออกไปตามไล่ล่า!”องค์ชายรองตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ชี้ไปทางร่องรอยของกีบม้านั้นและกล่าวว่า “เจ้าห้า เจ้าไปตามทางนี้ เจ้าสี
ตอนนี้พวกเขากำลังกังวลใจจนแทบคลั่งแล้วตำแหน่งที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ตอนนี้ไม่เหมาะกับการหลบซ่อนตัวนัก ตราบใดที่แยกย้ายกำลังคนไปตามหา ก็จะเจอพวกเขาแล้วและทหารของเจ้าหก หากถูกจับได้ก็แค่ถูกจับขังเท่านั้นทว่า สิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลมันมากกว่านั้นองค์ชายทั้งสามปรารถนาจะจับตัวหยุนเจิงมาก จึงไม่ได้สั่งให้คนของพวกเขาไปเสาะหาบริเวณรอบๆ อย่างละเอียด และไม่แม้กระทั่งคิดจะค้นหาด้วยซ้ำพวกเขาคิดว่าหยุนเจิงต้องนำคนมาแอบซ่อนตัวบนภูเขาแน่นอน ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหยุนเจิงและพวกจะกล้าเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาจั่วเริ่นค่อยๆ โผล่หัวออกมาอย่างช้าๆ เมื่อเห็นผู้แก่งแย่งชิงชังกันเหล่านั้นพากองกำลังแห่ขึ้นไปบนภูเขา เขาก็แทบจะหลุดปากส่งเสียงหัวเราะออกมาเหมือนอย่างที่พี่ใหญ่ตู้กล่าวเอาไว้ไม่มีผิด!คนพวกนี้รีบร้อนใจจะจับตัวองค์ชายหก ไม่ระมัดระวังแต่อย่างใดเลย“หัวหน้าจั่ว พวกเราจะออกไปตอนไหนหรือ?”ทหารที่อยู่ข้างกายเขากระซิบถาม“ไม่รีบร้อน”จั่วเริ่นส่ายหน้าพลางกล่าว “รอให้พวกมันเข้าไปบนภูเขาให้ลึกกว่านี้อีกหน่อย กว่าพวกมันจะกลับมาเป็นกำลังเสริมคงอีกนาน โอกาสที่พวกเราจะทำสำเร็จก็มีมากขึ้น
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่