ตอนนี้พวกเขากำลังกังวลใจจนแทบคลั่งแล้วตำแหน่งที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ตอนนี้ไม่เหมาะกับการหลบซ่อนตัวนัก ตราบใดที่แยกย้ายกำลังคนไปตามหา ก็จะเจอพวกเขาแล้วและทหารของเจ้าหก หากถูกจับได้ก็แค่ถูกจับขังเท่านั้นทว่า สิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลมันมากกว่านั้นองค์ชายทั้งสามปรารถนาจะจับตัวหยุนเจิงมาก จึงไม่ได้สั่งให้คนของพวกเขาไปเสาะหาบริเวณรอบๆ อย่างละเอียด และไม่แม้กระทั่งคิดจะค้นหาด้วยซ้ำพวกเขาคิดว่าหยุนเจิงต้องนำคนมาแอบซ่อนตัวบนภูเขาแน่นอน ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหยุนเจิงและพวกจะกล้าเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาจั่วเริ่นค่อยๆ โผล่หัวออกมาอย่างช้าๆ เมื่อเห็นผู้แก่งแย่งชิงชังกันเหล่านั้นพากองกำลังแห่ขึ้นไปบนภูเขา เขาก็แทบจะหลุดปากส่งเสียงหัวเราะออกมาเหมือนอย่างที่พี่ใหญ่ตู้กล่าวเอาไว้ไม่มีผิด!คนพวกนี้รีบร้อนใจจะจับตัวองค์ชายหก ไม่ระมัดระวังแต่อย่างใดเลย“หัวหน้าจั่ว พวกเราจะออกไปตอนไหนหรือ?”ทหารที่อยู่ข้างกายเขากระซิบถาม“ไม่รีบร้อน”จั่วเริ่นส่ายหน้าพลางกล่าว “รอให้พวกมันเข้าไปบนภูเขาให้ลึกกว่านี้อีกหน่อย กว่าพวกมันจะกลับมาเป็นกำลังเสริมคงอีกนาน โอกาสที่พวกเราจะทำสำเร็จก็มีมากขึ้น
สถานที่ที่ตั้งของขบวนเสด็จจักรพรรดิเหวินแตกต่างจากหยุนเจิงและพวก จักรพรรดิเหวินในตอนนี้กำลังสบายอกสบายใจเป็นอย่างยิ่งจักรพรรดิเหวินกำลังนั่งโดยมีขุนพลห้อมล้อม พร้อมเพรียงทั้งสุราเนื้อกับแกล้มมากมาย“หากพวกเจ้าเป็นเจ้าหก พวกเจ้าจะหนีออกมาเช่นไร?”จักรพรรดิเหวินให้ความสนใจ และใช้การประลองในวันนี้ทดสอบขุนพลเหล่านี้เมื่อได้ยินคำถามของจักรพรรดิเหวิน ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าจักรพรรดิเหวินกำลังทดสอบเพื่อเลือกหากุนซือไปร่วมศึกซั่วเป่ยชั่วครู่หนึ่ง ทุกคนล้วนแต่ครุ่นคิดขึ้นมีเพียงแค่ฉินลิ่วก่านคนเดียวเท่านั้นที่กำลังซุ่มซ่ามและยังคงดื่มด่ำร่ำสุราคีบเนื้อเข้าปากอยู่ ใครสนใจก็เชิญเถอะ!อย่างไรเสีย เขาก็ไม่เคยคิดจะเป็นกุนซื้อด้วยซ้ำปล่อยให้พวกนั้นปวดหัวกันไปเถอะ!ตนเองได้ดื่มด่ำกินอิ่มก็พอแล้วเมื่อเห็นท่าทางนี้ของฉินลิ่วก่าน จักรพรรดิเหวินแทบอยากจะถีบตาเฒ่าผู้นี้จริงๆเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเอ่ยปาก จักพรรดิเหวินก็เอ่ยปากกล่าวถามเซียวว่านโฉวเซียวว่านโฉวยิ้มเจื่อน “กระหม่อมมีสองวิธีพ่ะย่ะค่ะ แต่ถูกฝ่าบาทขวางเอาไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“อย่างนั้นหรือ?”จักรพรรดิเหวินเริ่มสนใจ ยิ้มพลา
จ้าวจี๋ยิ้มเล้กน้อย “หากกระหม่อมเป็นองค์ชายหก กระหม่อมจะแบ่งกำลังทหารออกเป็นสองกลุ่มหลังจากที่ออกเดินทางไปไม่นาน กลุ่มหนึ่งหลอกล่อความสนใจของทหารที่ตามไล่ล่า ส่วนอีกกลุ่มหาที่หลบซ่อนตัว รอให้ทหารที่ตามไล่ล่าถูกล่อออกไป รีบลงมือโจมตีฆ่าทันที ลอบโจมตีราชวงศ์เป่ยหวน ต่อให้ต้องต่อสู้จนตัวตาย ก็ยังลากราชวงศ์เป่ยหวนให้ตายไปด้วยได้…”ลอบโจมตีราชวงศ์เป่ยหวนอย่างนั้นหรือทุกคนตกใจเล็กน้อยไม่นานนัก ทุกคนก็มีการตอบสนองกลับมาราชวงศ์เป่ยหวนที่เขากล่าวถึงก็หมายถึงขบวนเสด็จของจักรพรรดิเหวินไม่ใช่หรอกหรือ?จ้าวจี๋ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ ว่ากลับมาจับตัวจักรพรรดิเหวิน จึงทำได้เพียงแค่พูดว่าราชวงศ์เป่ยหวนแทนอย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้จักรพรรดิเหวินก็เป็นคนพูดเองว่าพวกเขาคือราชวงศ์เป่ยหวนจักรพรรดิเหวินครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ยิ้มพลางมองไปที่จ้าวจี๋ “เจ้าจะบอกว่า พวกเขาจะจับตัวข้าเพื่อบีบบังคับให้ฉินชีหู่กับหยวนกุยนำกองกำลังช่วยเหลือพวกเขาและปล่อยให้ผ่านแนวป้องกันประตูทิศตะวันออกไปอย่างนั้นหรือ?”“กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ!”จ้าวจี๋รีบส่ายหน้าปฏิเสธเขาหมายความเช่นนั้นจริงๆ แต่เขาไม่กล้ายอมรับ
บุกเข้าไป!จับตัวเสด็จพ่อ!เมื่อได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไปทันทีแย่แล้ว!มีองค์ชายบางคนฉวยโอกาสนี้ก่อกบฏ!ฉินลิ่วก่านคว้าตัวจักรพรรดิเหวินไปด้านหลังตน ตะโกนด้วยความโกรธว่า “คุ้มกันเร็วเข้า!”ชิ้ง…ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินลิ่วก่าน ราชองครักษ์นับร้อยก็ชักดาบออกมาไปคุ้มกันจักรพรรดิเหวินทันทีจิตสังหารแผ่ซ่านไปทั่วทุกแห่งหนเมื่อเห็นแสงสะท้อนของดาบนั้นเปล่งประกายออกมา สีหน้าของหยุนเจิงก็ดำคล้ำขึ้นทันทีบัดซบเอ้ย!อย่าถึงขั้นต้องเอาชีวิตกันเลย!หยุนเจิงกำลังจะตะโกนบอกให้กองกำลังหยุด แต่ตู้กุยหยวนส่งเสียงตะโกนออกมาแล้วว่า “ปิดล้อมเอาไว้ทั้งสองข้าง ห้ามต่อสู้ระยะประชิดโดยเด็ดขาด!”ในขณะที่กล่าวนั้น ตู้กุยหยวนโบกไม้โบกมือด้วยมือเดียวอย่างรวดเร็วหยุนเจิงเองก็รีบตะโกนบอกจักรพรรดิเสียงดังลั่นว่า “เสด็จพ่อ! นี่เป็นการแสดงจำลองเหตุการณ์เท่านั้น อย่าใช้อาวุธนะพ่ะย่ะค่ะ!”อย่าใช้อาวุธอย่างนั้นหรือ?เมื่อได้ยินเสียงของหยุนเจิง ทุกคนก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น“เป็นพวกของเจ้าหกหรือ!”การตอบสนองแรกของจักรพรรดิเหวินคือรับสั่งให้องครักษ์ทุกคนหยุด “เก็บอาวุธ! ทุกคนเก็บ
“ฝ่าบาท อย่าเพิ่งจบการประลองเลย” ฉินลิ่วก่านตะคอกออกมาว่า “อย่ามองแค่ว่ากองกำลังของพวกเขาจำนวนมากและจะได้เปรียบมาก หากลงมือขึ้นมาจริงๆ พวกเขายังไม่นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราเลยด้วยซ้ำ!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของฉินลิ่วก่าน ขุนพลทุกคนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยคำพูดนี้ของฉินลิ่วก่านไม่ใช่เป็นคำพูดคุยโวโอ้อวดราชองครักษ์เหล่านี้ของจักรพรรดิเหวินแต่ละคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือทั้งสิ้นขุนพลอย่างฉินลิ่วก่านและเซียวว่านโฉวเหล่านี้ แม้ว่าจะมีอายุมากแล้ว แต่ครั้งยังหนุ่มพวกเขาเป็นขุนพลที่โหดร้ายมาก พวกเขาเพียงแค่คนเดียวสามารถรับมือกับศัตรูจำนวนยี่สิบสามสิบคนได้ในคราเดียวกันโดยไม่ใช่ปัญหา และต่อให้หยุนเจิงกับพวกโจมตีมา พวกเขาก็สามารถรับมือได้จนกว่ากองกำลังสนับสนุนจะมาถึง“ไม่ต้องเสียเวลาหรอก!”จักรพรรดิเหวินโบกมือพลางกล่าว “เดิมทีพวกเขาก็เสียเปรียบอยู่แล้ว ด้วยกำลังพลที่น้อยเช่นนี้แต่สามารถแย่งชิงม้าศึกมาได้มากถึงเพียงนี้ แถมยังห้อมล้อมพวกเราเอาไว้ได้อีก นับว่าพวกเขาชนะแล้ว! อีกอย่าง ภายใต้สถานการณ์ที่ห้ามใช้อาวุธเช่นนี้ หากอยู่ในสนามรบจริง เพียงแค่พวกเขายิงธนูเข้ามา เจ้ากล้ารับประกันหรือว่
ควันแจ้งเหตุหรือ?เมื่อได้ยินคำถามนี้ของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งไม่นานนักจักรพรรดิเหวินก็ตั้งสติ และกล่าวถามด้วยสีหน้าดำคล้ำว่า “พวกเจ้าคิดจะจุดควันแจ้งเหตุส่งสัญญาณเพื่อให้กองกำลังทหารเคลื่อนกำลังพลมาที่นี่อย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงยิ้มเจื่อน ก่อนจะพยักหน้าเบาๆจักรพรรดิเหวินหัวเราะด้วยความโกรธ ก่อนจะกวักมือเรียกหยุนเจิง “เจ้ามานี่ ข้ารับปากว่าจะไม่ทำอันใดเจ้า!”เจ้าบ้านี่!นี่เขาคิดจะจุดควันแจ้งเหตุอย่างนั้นหรือ?ราชองครักษ์ที่ติดตามเขาพกมูลสุนัขจิ้งจอกจุดควันแจ้งเหตุอยู่แต่ควันแจ้งเหตุเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คิดจะจุดแล้วจะจุดได้ หากจุดควันแจ้งเหตุขึ้น ไม่เพียงแค่กองกำลังของฉินชีหู่และพวกเท่านั้นที่เคลื่อนกำลังพลมาทหารวังหกหน่วยก็ล้วนแต่เคลื่อนย้ายกำลังพลมาเป็นแน่!เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าทั้งเมืองหลวงต้องเกิดความโกลาหลขึ้นเป็นแน่“อ้อ…”หยุนเจิงสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย รีบโบกมือพลางกล่าวว่า “คิดเสียว่าลูกไม่ได้พูดก็แล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”ตาเฒ่า!วรยุทธ์ไม่เก่งกาจ แต่สติปัญญาล้ำเลิศ!จักรรพรรดิเหวินมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าน่าขำ และกล่าวถามว่า “นี่เป็น
“เอ่อ…” หยุนถิงก้มหน้า กล่าวด้วยสีหน้าอับอายว่า “คนของน้องหกฉวยโอกาสตอนที่ลูกไม่ทันตั้งตัวขับไล่ม้าศึกของพวกเราไป กองกำลังหลายคนตอนนี้ไปไล่ตามหาม้าศึกอยู่ ลูกเป็นห่วงความปลอดภัยของเสด็จพ่อจึงรีบรวบรวมกำลังคนที่เหลือมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ…”เมื่อได้ยินชี้แจงของหยุนถิง จักรพรรดิเหวินก็โกรธเกรี้ยวขึ้นพวกไร้ประโยชน์! ให้พวกเขาไปตามไล่ล่าเจ้าหก ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ยังมีหน้าไปไล่ตามหาม้าศึกอีกรอให้พวกเขาไล่ตามหาม้าศึกเจอแล้วรวบรวมกองกำลังอีกทีฟ้าคงจะมืดพอดี!สภาพพวกเขาเป็นเช่นนี้แล้วยังจะไล่ล่าเจ้าหกได้อย่างไรกองกำลังสามพันคนของพวกนั้นไม่อาจหวังอันใดได้แล้ว!ตอนนี้คงต้องรอดูการแสดงของหยวนกุยและฉินชีหู่แล้วล่ะ!จักรพรรดิเหวินยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “รีบไสหัวไปไล่ล่าตามเจ้าหกเดี๋ยวนี้! พวกนั้นมุ่งหน้าไปทางทิศใต้แล้ว!”ได้ยินจักรพรรดิเหวินตรัสเช่นนี้ หยุนถิงอดที่จะแอบบ่นในใจไม่ได้เขารีบรวบรวมกำลังมาได้เพียงน้อยนิดเช่นนี้ จะไปตามไล่ล่าเจ้าหกได้อย่างไรเล่า!“ยังนิ่งอยู่ทำไมล่ะ?” จักรพรรดิเหวินมองหยุนถิงด้วยใบหน้าดำคล้ำ “เจ้าอยากจำนนยอมรับความพ่ายแพ้หรือต้อง
"หยุด!"วิ่งไปตลอดทางยี่สิบลี้ หยุนเจิงก็หยุดกองทัพขนาดใหญ่ข้างลำธารเล็กๆ"เจ้ากำลังทำอะไร?"เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องไปที่หยุนเจิงด้วยความโกรธ "เราเพิ่งจะวิ่งมาได้ไม่ไกลนัก ตอนนี้หยุดลง ทหารที่ตามมาคงจะไล่ตามทันในไม่ช้า!"“ข้าเหนื่อยแล้ว! วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว!” หยุนเจิงพูดพร้อมกับหอบเสิ่นลั่วเยี่ยนโกรธมาก และพูดด้วยสีหน้ารังเกียจว่า "ล้วนเป็นม้าที่วิ่ง ไม่ได้ให้เจ้าวิ่งสักหน่อย แค่นี้เจ้าก็วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว?”หยุนเจิงพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างขมขื่นทันทีว่า "ขาของข้าถูกสีจนเป็นแผลหมดแล้ว ม้าเองก็น่าจะเหนื่อยจากการวิ่งแล้วเหมือนกัน พักสักหน่อยเถิด แล้วเราค่อยออกเดินทางกันต่อ..."เสิ่นลั่วเยี่ยนอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่ตู้กุยหยวนกลับเกลี้ยกล่อมนาง "พระชายา ให้ทุกคนพักกันก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ! พวกเรามาหาสถานที่ให้คนและม้าได้ดื่มน้ำกันก่อน พี่น้องทุกคนล้วนสวมชุดเกราะ อากาศก็ร้อนถึงเพียงนี้ ทรมานกันมานานขนาดนี้ ทุกคนน่าจะคอแห้งกระหายน้ำกันแล้ว..."ตู้กุยหยวนรู้ดีว่าหยุนเจิงน่าจะมีความคิดบางอย่างอยู่ในใจเดิมทีเสิ่นลั่วเยี่ยนต้องการปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นคนจำนวนมากเหงื่อท่วมตัว จึง
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่