สถานที่ที่ตั้งของขบวนเสด็จจักรพรรดิเหวินแตกต่างจากหยุนเจิงและพวก จักรพรรดิเหวินในตอนนี้กำลังสบายอกสบายใจเป็นอย่างยิ่งจักรพรรดิเหวินกำลังนั่งโดยมีขุนพลห้อมล้อม พร้อมเพรียงทั้งสุราเนื้อกับแกล้มมากมาย“หากพวกเจ้าเป็นเจ้าหก พวกเจ้าจะหนีออกมาเช่นไร?”จักรพรรดิเหวินให้ความสนใจ และใช้การประลองในวันนี้ทดสอบขุนพลเหล่านี้เมื่อได้ยินคำถามของจักรพรรดิเหวิน ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าจักรพรรดิเหวินกำลังทดสอบเพื่อเลือกหากุนซือไปร่วมศึกซั่วเป่ยชั่วครู่หนึ่ง ทุกคนล้วนแต่ครุ่นคิดขึ้นมีเพียงแค่ฉินลิ่วก่านคนเดียวเท่านั้นที่กำลังซุ่มซ่ามและยังคงดื่มด่ำร่ำสุราคีบเนื้อเข้าปากอยู่ ใครสนใจก็เชิญเถอะ!อย่างไรเสีย เขาก็ไม่เคยคิดจะเป็นกุนซื้อด้วยซ้ำปล่อยให้พวกนั้นปวดหัวกันไปเถอะ!ตนเองได้ดื่มด่ำกินอิ่มก็พอแล้วเมื่อเห็นท่าทางนี้ของฉินลิ่วก่าน จักรพรรดิเหวินแทบอยากจะถีบตาเฒ่าผู้นี้จริงๆเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเอ่ยปาก จักพรรดิเหวินก็เอ่ยปากกล่าวถามเซียวว่านโฉวเซียวว่านโฉวยิ้มเจื่อน “กระหม่อมมีสองวิธีพ่ะย่ะค่ะ แต่ถูกฝ่าบาทขวางเอาไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“อย่างนั้นหรือ?”จักรพรรดิเหวินเริ่มสนใจ ยิ้มพลา
จ้าวจี๋ยิ้มเล้กน้อย “หากกระหม่อมเป็นองค์ชายหก กระหม่อมจะแบ่งกำลังทหารออกเป็นสองกลุ่มหลังจากที่ออกเดินทางไปไม่นาน กลุ่มหนึ่งหลอกล่อความสนใจของทหารที่ตามไล่ล่า ส่วนอีกกลุ่มหาที่หลบซ่อนตัว รอให้ทหารที่ตามไล่ล่าถูกล่อออกไป รีบลงมือโจมตีฆ่าทันที ลอบโจมตีราชวงศ์เป่ยหวน ต่อให้ต้องต่อสู้จนตัวตาย ก็ยังลากราชวงศ์เป่ยหวนให้ตายไปด้วยได้…”ลอบโจมตีราชวงศ์เป่ยหวนอย่างนั้นหรือทุกคนตกใจเล็กน้อยไม่นานนัก ทุกคนก็มีการตอบสนองกลับมาราชวงศ์เป่ยหวนที่เขากล่าวถึงก็หมายถึงขบวนเสด็จของจักรพรรดิเหวินไม่ใช่หรอกหรือ?จ้าวจี๋ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ ว่ากลับมาจับตัวจักรพรรดิเหวิน จึงทำได้เพียงแค่พูดว่าราชวงศ์เป่ยหวนแทนอย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้จักรพรรดิเหวินก็เป็นคนพูดเองว่าพวกเขาคือราชวงศ์เป่ยหวนจักรพรรดิเหวินครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ยิ้มพลางมองไปที่จ้าวจี๋ “เจ้าจะบอกว่า พวกเขาจะจับตัวข้าเพื่อบีบบังคับให้ฉินชีหู่กับหยวนกุยนำกองกำลังช่วยเหลือพวกเขาและปล่อยให้ผ่านแนวป้องกันประตูทิศตะวันออกไปอย่างนั้นหรือ?”“กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ!”จ้าวจี๋รีบส่ายหน้าปฏิเสธเขาหมายความเช่นนั้นจริงๆ แต่เขาไม่กล้ายอมรับ
บุกเข้าไป!จับตัวเสด็จพ่อ!เมื่อได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไปทันทีแย่แล้ว!มีองค์ชายบางคนฉวยโอกาสนี้ก่อกบฏ!ฉินลิ่วก่านคว้าตัวจักรพรรดิเหวินไปด้านหลังตน ตะโกนด้วยความโกรธว่า “คุ้มกันเร็วเข้า!”ชิ้ง…ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินลิ่วก่าน ราชองครักษ์นับร้อยก็ชักดาบออกมาไปคุ้มกันจักรพรรดิเหวินทันทีจิตสังหารแผ่ซ่านไปทั่วทุกแห่งหนเมื่อเห็นแสงสะท้อนของดาบนั้นเปล่งประกายออกมา สีหน้าของหยุนเจิงก็ดำคล้ำขึ้นทันทีบัดซบเอ้ย!อย่าถึงขั้นต้องเอาชีวิตกันเลย!หยุนเจิงกำลังจะตะโกนบอกให้กองกำลังหยุด แต่ตู้กุยหยวนส่งเสียงตะโกนออกมาแล้วว่า “ปิดล้อมเอาไว้ทั้งสองข้าง ห้ามต่อสู้ระยะประชิดโดยเด็ดขาด!”ในขณะที่กล่าวนั้น ตู้กุยหยวนโบกไม้โบกมือด้วยมือเดียวอย่างรวดเร็วหยุนเจิงเองก็รีบตะโกนบอกจักรพรรดิเสียงดังลั่นว่า “เสด็จพ่อ! นี่เป็นการแสดงจำลองเหตุการณ์เท่านั้น อย่าใช้อาวุธนะพ่ะย่ะค่ะ!”อย่าใช้อาวุธอย่างนั้นหรือ?เมื่อได้ยินเสียงของหยุนเจิง ทุกคนก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น“เป็นพวกของเจ้าหกหรือ!”การตอบสนองแรกของจักรพรรดิเหวินคือรับสั่งให้องครักษ์ทุกคนหยุด “เก็บอาวุธ! ทุกคนเก็บ
“ฝ่าบาท อย่าเพิ่งจบการประลองเลย” ฉินลิ่วก่านตะคอกออกมาว่า “อย่ามองแค่ว่ากองกำลังของพวกเขาจำนวนมากและจะได้เปรียบมาก หากลงมือขึ้นมาจริงๆ พวกเขายังไม่นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราเลยด้วยซ้ำ!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของฉินลิ่วก่าน ขุนพลทุกคนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยคำพูดนี้ของฉินลิ่วก่านไม่ใช่เป็นคำพูดคุยโวโอ้อวดราชองครักษ์เหล่านี้ของจักรพรรดิเหวินแต่ละคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือทั้งสิ้นขุนพลอย่างฉินลิ่วก่านและเซียวว่านโฉวเหล่านี้ แม้ว่าจะมีอายุมากแล้ว แต่ครั้งยังหนุ่มพวกเขาเป็นขุนพลที่โหดร้ายมาก พวกเขาเพียงแค่คนเดียวสามารถรับมือกับศัตรูจำนวนยี่สิบสามสิบคนได้ในคราเดียวกันโดยไม่ใช่ปัญหา และต่อให้หยุนเจิงกับพวกโจมตีมา พวกเขาก็สามารถรับมือได้จนกว่ากองกำลังสนับสนุนจะมาถึง“ไม่ต้องเสียเวลาหรอก!”จักรพรรดิเหวินโบกมือพลางกล่าว “เดิมทีพวกเขาก็เสียเปรียบอยู่แล้ว ด้วยกำลังพลที่น้อยเช่นนี้แต่สามารถแย่งชิงม้าศึกมาได้มากถึงเพียงนี้ แถมยังห้อมล้อมพวกเราเอาไว้ได้อีก นับว่าพวกเขาชนะแล้ว! อีกอย่าง ภายใต้สถานการณ์ที่ห้ามใช้อาวุธเช่นนี้ หากอยู่ในสนามรบจริง เพียงแค่พวกเขายิงธนูเข้ามา เจ้ากล้ารับประกันหรือว่
ควันแจ้งเหตุหรือ?เมื่อได้ยินคำถามนี้ของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งไม่นานนักจักรพรรดิเหวินก็ตั้งสติ และกล่าวถามด้วยสีหน้าดำคล้ำว่า “พวกเจ้าคิดจะจุดควันแจ้งเหตุส่งสัญญาณเพื่อให้กองกำลังทหารเคลื่อนกำลังพลมาที่นี่อย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงยิ้มเจื่อน ก่อนจะพยักหน้าเบาๆจักรพรรดิเหวินหัวเราะด้วยความโกรธ ก่อนจะกวักมือเรียกหยุนเจิง “เจ้ามานี่ ข้ารับปากว่าจะไม่ทำอันใดเจ้า!”เจ้าบ้านี่!นี่เขาคิดจะจุดควันแจ้งเหตุอย่างนั้นหรือ?ราชองครักษ์ที่ติดตามเขาพกมูลสุนัขจิ้งจอกจุดควันแจ้งเหตุอยู่แต่ควันแจ้งเหตุเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คิดจะจุดแล้วจะจุดได้ หากจุดควันแจ้งเหตุขึ้น ไม่เพียงแค่กองกำลังของฉินชีหู่และพวกเท่านั้นที่เคลื่อนกำลังพลมาทหารวังหกหน่วยก็ล้วนแต่เคลื่อนย้ายกำลังพลมาเป็นแน่!เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าทั้งเมืองหลวงต้องเกิดความโกลาหลขึ้นเป็นแน่“อ้อ…”หยุนเจิงสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย รีบโบกมือพลางกล่าวว่า “คิดเสียว่าลูกไม่ได้พูดก็แล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”ตาเฒ่า!วรยุทธ์ไม่เก่งกาจ แต่สติปัญญาล้ำเลิศ!จักรรพรรดิเหวินมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าน่าขำ และกล่าวถามว่า “นี่เป็น
“เอ่อ…” หยุนถิงก้มหน้า กล่าวด้วยสีหน้าอับอายว่า “คนของน้องหกฉวยโอกาสตอนที่ลูกไม่ทันตั้งตัวขับไล่ม้าศึกของพวกเราไป กองกำลังหลายคนตอนนี้ไปไล่ตามหาม้าศึกอยู่ ลูกเป็นห่วงความปลอดภัยของเสด็จพ่อจึงรีบรวบรวมกำลังคนที่เหลือมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ…”เมื่อได้ยินชี้แจงของหยุนถิง จักรพรรดิเหวินก็โกรธเกรี้ยวขึ้นพวกไร้ประโยชน์! ให้พวกเขาไปตามไล่ล่าเจ้าหก ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ยังมีหน้าไปไล่ตามหาม้าศึกอีกรอให้พวกเขาไล่ตามหาม้าศึกเจอแล้วรวบรวมกองกำลังอีกทีฟ้าคงจะมืดพอดี!สภาพพวกเขาเป็นเช่นนี้แล้วยังจะไล่ล่าเจ้าหกได้อย่างไรกองกำลังสามพันคนของพวกนั้นไม่อาจหวังอันใดได้แล้ว!ตอนนี้คงต้องรอดูการแสดงของหยวนกุยและฉินชีหู่แล้วล่ะ!จักรพรรดิเหวินยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “รีบไสหัวไปไล่ล่าตามเจ้าหกเดี๋ยวนี้! พวกนั้นมุ่งหน้าไปทางทิศใต้แล้ว!”ได้ยินจักรพรรดิเหวินตรัสเช่นนี้ หยุนถิงอดที่จะแอบบ่นในใจไม่ได้เขารีบรวบรวมกำลังมาได้เพียงน้อยนิดเช่นนี้ จะไปตามไล่ล่าเจ้าหกได้อย่างไรเล่า!“ยังนิ่งอยู่ทำไมล่ะ?” จักรพรรดิเหวินมองหยุนถิงด้วยใบหน้าดำคล้ำ “เจ้าอยากจำนนยอมรับความพ่ายแพ้หรือต้อง
"หยุด!"วิ่งไปตลอดทางยี่สิบลี้ หยุนเจิงก็หยุดกองทัพขนาดใหญ่ข้างลำธารเล็กๆ"เจ้ากำลังทำอะไร?"เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องไปที่หยุนเจิงด้วยความโกรธ "เราเพิ่งจะวิ่งมาได้ไม่ไกลนัก ตอนนี้หยุดลง ทหารที่ตามมาคงจะไล่ตามทันในไม่ช้า!"“ข้าเหนื่อยแล้ว! วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว!” หยุนเจิงพูดพร้อมกับหอบเสิ่นลั่วเยี่ยนโกรธมาก และพูดด้วยสีหน้ารังเกียจว่า "ล้วนเป็นม้าที่วิ่ง ไม่ได้ให้เจ้าวิ่งสักหน่อย แค่นี้เจ้าก็วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว?”หยุนเจิงพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างขมขื่นทันทีว่า "ขาของข้าถูกสีจนเป็นแผลหมดแล้ว ม้าเองก็น่าจะเหนื่อยจากการวิ่งแล้วเหมือนกัน พักสักหน่อยเถิด แล้วเราค่อยออกเดินทางกันต่อ..."เสิ่นลั่วเยี่ยนอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่ตู้กุยหยวนกลับเกลี้ยกล่อมนาง "พระชายา ให้ทุกคนพักกันก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ! พวกเรามาหาสถานที่ให้คนและม้าได้ดื่มน้ำกันก่อน พี่น้องทุกคนล้วนสวมชุดเกราะ อากาศก็ร้อนถึงเพียงนี้ ทรมานกันมานานขนาดนี้ ทุกคนน่าจะคอแห้งกระหายน้ำกันแล้ว..."ตู้กุยหยวนรู้ดีว่าหยุนเจิงน่าจะมีความคิดบางอย่างอยู่ในใจเดิมทีเสิ่นลั่วเยี่ยนต้องการปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นคนจำนวนมากเหงื่อท่วมตัว จึง
“องค์ชาย พระชายา รีบไปเร็วเข้า!”เกาเหอพูดอย่างเร่งรีบ "มีทหารไล่ตามหลังพวกเรามาเกือบห้าร้อยคน! ถ้าเราถูกพวกเขาจับได้ คงได้จบสิ้นแล้ว!"“ทหารที่ไล่ตามมาห้าร้อยคน?”เปลือกตาของหยุนเจิงกระตุก นางขมวดคิ้วแน่น "ตู้กุยหยวน เจ้าไม่ได้บอกว่าพวกเขาไม่มีทางรวมคนได้ในเวลาสั้นๆ หรอกหรือ? เหตุใดถึงได้มีคนมากขนาดนี้?"“องค์ชายทั้งสามน่าจะผนวกกำลังกันแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ข้าน้อยเห็นว่าแถบผ้าบนแขนของพวกเขาคล้ายจะมีทั้งสิ้นสามสี!”เกาเหอพูดพลางเร่งให้ออกเดินทาง "องค์ชาย รีบไปเถิด! พวกเขาอยู่ห่างจากเรามากที่สุดเพียงไม่กี่ลี้แล้ว ตอนที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่ก็น่าจะตามมาทันแล้ว!"เมื่อได้ยินคำพูดของเกาเหอ จู่ๆ หยุนเจิงก็มีความสุขผนวกกำลังกันหรือ?ผนวกกำลังกันสิดี!ตอนนี้พวกเขามีคนอยู่ประมาณแปดร้อยคน!พวกเขามีแปดร้อย ทำไมต้องกลัวคนแค่ห้าร้อยคนด้วย?ไม่แน่พวกเขาอาจจะสามารถจับเจ้าสี่ทั้งสามคนได้ก็เป็นได้!สีหน้าของเสิ่นลั่วเยี่ยนเปลี่ยนไป นางก็ตะโกนทันทีว่า "ทุกคนขึ้นม้าแล้วรีบไปเดี๋ยวนี้!""ไปอะไร!"หยุนเจิงรีบหยุดเสิ่นลั่วเยี่ยน "พวกเรามีกันตั้งมากมาย ทำไมต้องกลัวพวกเขาที่มีคนเพียงห้าร้อยคนด้วย"