“ไม่เลว เจ้าแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนแล้ว”ฉินลิ่วก่านมองเซียวติ้งอู่ด้วยความพึงพอใจ“ขอบคุณท่านอาที่ชื่นชมขอรับ”เซียวติ้งอู่ยิ้ม และกล่าวถามอย่างเป็นกังวลว่า “ท่านอามาถึงที่นี่กะทันหันเช่นนี้ ไม่ทราบมีเรื่อวอันใดขอรับ?”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”ฉินลิ่วก่านเม้มปากเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ไป ไปตามองค์ชายหกมา”องค์ชายหกอย่างนั้นหรือ?สีหน้าของเซียวติ้งอู่พลันเปลี่ยนไปมาก และหันไปมองหยุนเจิงอันธพาลเฒ่านี่เรียกหาองค์ชายหกด้วยเหตุอันใดกันหรือว่าองค์ชายหกไปทำสิ่งใดให้เขาขุ่นเคืองอย่างนั้นหรือเมื่อเห็นเซียวติ้งอู่นิ่งไปเช่นนี้ ฉินลิ่วก่านจึงถลึงตาจ้องมอง ส่งเสียงตะคอกว่า “ยังยื่นนิ่งอยู่ทำไม หูเจ้าหนวกไปแล้วหรือไง?”หยุนเจิงเห็นเช่นนี้ก็รีบเดินมาด้านหน้าและกล่าวว่า “ข้าคือองค์ชายหกหยุนเจิง ไม่ทราบว่าหรงกั๋วกงเรียกหาข้ามีเรื่องอันใด?”“เจ้านะหรือองค์ชายหก?”ฉินลิ่วก่านหันหน้าไปมองหยุนเจิงอย่างพิจารณา ก่อนจะตบไหล่เซียวติ้งอู่ เผยให้เห็นฟันขาวอันแข็งแกร่งของเขา “เจ้าหาคนมาหลอกข้าให้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ?”เซียวติ้งอู่รีบส่ายหน้า “หลานไม่กล้าขอรับ ผู้นี้คือองค์ชายหกจริงๆ ขอรับ”“หากเจ
หลังจากการควบม้าพุ่งไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ฉินลิ่วก่านก็พาหยุนเจิงมาถึงหน่วยตีเหล็กแล้ว อันธพาลเฒ่าผู้นี้ยังคงควบม้าบุกเข้าไป องครักษ์หน่วยตีเหล็กเหล่านั้นก็ไม่กล้าขวางเขาเมื่อมาถึงหน่วยตีเหล็ก หยุนเจิงก็เจอกับคนคุ้นเคยจักรพรรดิเหวินช่างรวดเร็วทันใจจริงๆช่างเหล็กที่อยู่ที่ร้านตีเหล็กเหล่านั้น ตอนนี้ถูกย้ายเข้ามาอยู่ในหน่วยตีเหล็กของกรมโยธาแล้วหลังจากสอบถามเล็กน้อย หยุนเจิงก็เข้าใจถึงสถานการณ์ชัดเจนแล้ว ที่แท้อันธพาลเฒ่าฉินลิ่วก่านผู้นี้ไม่รู้ไปรู้ข่าวเรื่องเหล็กลวดลายบุปผานี้มาจากที่ใด จึงได้พรวดพราดบุกเข้ามาในหน่วยตีเหล็ก และต้องการให้พวกเขาตีดาบกวนอูให้เขาเล่มหนึ่งในขณะที่ช่างเหล็กเหล่านี้กำลังสอนให้คนในหน่วยตีเหล็กลวดลายบุปผา พวกเขาพลั้งปากพูดมากไปหน่อย พูดถึงเรื่องเหล็กลวดลายบุปผาลักษณะขนนกที่หยุนเจิงเคยกล่าวถึงให้กับช่างเหล็กในหน่วยฟังสุดท้ายเรื่องนี้ดันไปเข้าหูของฉินลิ่วก่านเข้าฉินลิ่วก่านต้องการให้ช่างเหล็กเหล่านี้สร้างอาวุธเหล็กลวดลายบุปผาชนิดให้เขาแต่ตอนนั้นหยุนเจิงเอ่ยถึงเหล็กลวดลายบุปผาลักษณะขนนกให้พวกเขาฟังเพียงคร่าวๆ เท่านั้น พวกเขาไม่สามารถสร้างออกมาไ
จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์อย่างเหลืออด ดวงตาจ้องมองไปที่ฉินลิ่วก่าน ตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าเฒ่า เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”เส้นเลือดผุดพรายขึ้นบนหน้าผากจักรพรรดิเหวินด้วยความโกรธ โกรธจนตัวสั่น จ้องมองไปที่ฉินลิ่วก่านอย่างดุร้ายดูจากท่าทางวางมาดเช่นนี้ ราวกับว่าจะลงดาบต่อสู้กับฉินลิ่วก่านแล้ว“ฝ่าบาท รู้อยู่แล้วยังแกล้งถามอีกหรือ?”ฉินลิ่วก่านทำสีหน้าท่าทางเล่นหน้าเล่นตายิ้มขี้เล่น “ฝ่าบาท ทอดพระเนตรดูสิ ดาบอันล้ำค่าเล่มแรกแห่งต้าเฉียนเรา องค์ชายหกประทานให้พระองค์แล้ว ในฐานะที่กระหม่อมเป็นขุนพลผู้ห้าวหาญคนแรกแห่งต้าเฉียน ควรได้รับดาบล้ำค่าเล่มที่สองถูกต้องหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“เจ้าเนี่ยนะขุนพลผู้ห้าวหาญคนแรก?”จักรพรรดิเหวินทั้งโกรธ อีกทั้งยังรู้สึกตลกขบขัน ดุด่าด้วยความโกรธว่า “เจ้าช่วยรักษายางอายตัวเองเอาไว้สักหน่อยได้หรือไม่?”“ขุนพลผู้ห้าวหาญคนแรกใยถึงไม่ใช่ข้ากันเล่า?” ฉินลิ่วก่านทำท่าทางขมึงทึงพลางกล่าว “พระองค์ก็ลองไปถามเหล่าขุนนางบู้บุ๋นดูสิ ว่ามีใครกล้าสู้กับข้าหรือไม่”ในขณะที่กล่าวนั้น อันธพาลเฒ่าผู้นี้หันไปมองรอบๆ หน่วยตีเหล็กราวกับว่ากำลังบอก หากใครกล้าบอกว่าเขาไ
อันที่จริงแล้วเหล็กลวดลายบุปผาลักษณะขนนกนั้นทำยากมากจนกระทั่งวันที่สามช่วงตะวันขึ้นอยู่เหนือศีรษะ ช่างเหล็กหลายพันคนทำล้มเหลวไปจนนับครั้งไม่ถ้วน กว่าจะทำดาบล้ำค่าที่อันธพาลเฒ่าผู้นี้ต้องการออกมาได้อีกอย่าง เหล็กลวดลายบุปผาลักษณะขนนกนี้ สำหรับหยุนเจิงแล้วยังนับว่าไม่ได้มาตรฐานสักเท่าไหร่อย่างไรก็ตาม หยุนเจิงก็ไม่กล้าคุยโวโอ้อวดอีกต่อไปแล้วขืนคุยโวโอ้อวดต่อไป ตาเฒ่าผู้นี้ต้องให้เขาทำดาบล้ำค่าให้อีกเล่มเป็นแน่ หากเป็นเช่นนั้น เอาชีวิตข้าไปเสียดีกว่าดาบทั้งเล่มถูกสร้างมาจากเหล็กลวดลายบุปผา อีกทั้งยังตีออกมาเป็นชิ้นเดียวอีกด้วยหยุนเจิงรู้สึกว่า ของสิ่งนี้แสดงถึงการตีเหล็กขั้นสูงสุดแห่งราชวงศ์ต้าเฉียนแล้ว โชคดีที่มาสร้างที่หน่วยตีเหล็กของกรมโยธา หากสร้างที่ร้านตีเหล็กของเขาแล้วล่ะก็ คาดว่าเวลาสองเดือนก็สร้างออกมาไม่ได้เมื่อสร้างดาบล้ำค่าออกมาได้สำเร็จ ฉินลิ่วก่านก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นด้วยความดีใจ“วะฮ่าๆๆ ดาบล้ำค่า คู่ควรกับวีรบุรุษ!”ฉินลิ่วก่านเงยหน้ามองฟ้าหัวเราะเสียงกัง “เจ้าหนู ดูดีๆ ล่ะ ข้าจะสอนวิชาดาบสามสิบหกท่าสะท้านวายุให้เจ้า เจ้าอย่าหาว่าข้าไม่รักษาคำ
“ตกลงอันธพาลเฒ่าผู้นี้เป็นใครกันแน่?” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าแปลกใจ “ข้าดูท่าแล้วอันธพาลเฒ่าผู้นี้แม้แต่กับเสด็จพ่อข้าเขาก็ไม่เกรงกลัว ข้ารู้สึกว่าเขามีโอกาสต่อสู้กับเสด็จพ่อข้าได้ตลอดเวลา”“ไม่ถึงขนาดต่อสู้หรอก แต่เขาแค่ไม่กลัวฝ่าบาทก็เท่านั้น”เยี่ยจื่อเม้มปากยิ้มก่อนกล่าว “เมื่อก่อนข้าเคยได้ยินพ่อตาข้าพูดถึงคนผู้นี้ บอกว่าคนผู้นี้ยังเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับฝ่าบาท ช่วยชีวิตฝ่าบาทในยามฝ่าบาทตกอยู่ในอันตรายมาได้หลายครั้งหลายครา หลังจากที่ฝ่าบาทครองบัลลังก์ เดิมทีตั้งใจจะพระราชทานตำแหน่งอ๋องต่างสกุลให้เขา แต่เขาก็ยืนยันที่จะไม่รับ ฝ่าบาทเองก็จนปัญญา จึงทำได้เพียงแต่งตั้งให้เขาเป็นท่านกั๋วกง...”พระเจ้าช่วย!อันธพาลเฒ่าผู้นี้เคยเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเสด็จพ่อด้วยอย่างนั้นหรือ!มินาล่ะว่าเหตุใดอันธพาลเฒ่าผู้นี้ถึงได้กำเริบสืบสานมากถึงเพียงนี้!เพียงแต่ว่าอันธพาลเฒ่าผู้นี้เป็นคนหยาบกระด้าง แถมยังเป็นคนฉลาดหลักแหลมมากอีกด้วย หากได้รับพระราชทานแซ่วัง คงจะอยู่ยาก!ได้รับพระราชทานแซ่วัง มิสู้เป็นได้ท่านกั๋วกงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหรอกรู้สึกว่าอันธพาลเฒ่าผู้นี้คล้ายกับขุนพลเฉิงเหยาจินผู
วันต่อมา ยามตะวันโด่งเหนือศีรษะ หยุนเจิงมาตามแผนที่ในเทียบเชิญ มาถึงจวนหรงกั๋วกงทันทีที่มาถึงเขาก็เห็นชายหนวดดกดำยืนรออยู่หน้าประตูจวนแล้วจ้องมองดีๆ คนผู้นี้ราวกับถอดรูปมาจากฉินลิ่วก่านไม่มีผิดแต่เป็นฉินลิ่วก่านในวัยหนุ่มเมื่อเห็นหยุนเจิงที่มากับองครักษ์ เขาก็รีบวิ่งไปหาและกล่าวถามว่า “ใช่องค์ชายหกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม”หยุนเจิงลงมาจากหลังม้า “เจ้าเป็นบุตรชายของหรงกั๋วกงหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ!”ชายหนวดดกดำพยักหน้า และโค้งคารวะ “ฉินชีหู่คารวะองค์ชายหก!”ฉินชีหู่หรือหยุนเจิงทำสีหน้าท่าทางหมดคำพูดชัดเจนเลย การนับรุ่นของตระกูลฉินเรีบงลำดับจากหนึ่งถึงสิบหรือไรกันหากครบสิบเอ็ดรุ่นแล้ว รุ่นต่อไปคงจะเป็นเจ้าสิบเอ็ดกระมัง“พี่ใหญ่ฉินเกรงใจเกินไปแล้ว”หยุนเจิงโบกมือพลางกล่าว “หรงกั๋วกงเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเสด็จพ่อ ระหว่างเรา ไม่จำเป็นต้องมากพิธีหรอก”“ฮ่าๆๆ ข้ารอคำนี้อยู่พอดี!”ฉินชีหู่หัวเราะเสียงดังขึ้น กอดไหล่หยุนเจิงอย่างมีน้ำใจไมตรี “องค์ชายหกรีบเข้าไปข้างในเถอะ ท่านพ่อข้ากับฝ่าบาทกำลังรอเจ้าอยู่!”“ห๊ะ!”หยุนเจิงตกใจ “เสด็จพ่อก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”“ก็ใช
ทั้งสองเห็นเช่นนี้ต่างก็ส่ายหน้าไปมาราวกับกลองสั่นก็มิปานหากทั้งสองกล้าเอ่ยปากบอกว่าอันธพาลเฒ่าผู้นี้โกงแล้วล่ะก็ มีหวังต้องถูกอันธพาลเฒ่าผู้นี้จับแขวนบนคานตากแห้งเป็นแน่“เจ้าเห็นหรือยัง!”ฉินลิ่วก่านอ้าปากหัวเราะสียงดังก่อนกล่าว “แม้แต่บุตรชายของเจ้ายังบอกเลยว่าข้าไม่ได้โกง!”จักรพรรดิเหวินหมดคำพูดแล้ว คร้านจะเถียงกับอันธพาลเฒ่าผู้นี้ “ได้ เจ้าชนะแล้ว พอเจ้าใจแล้วกระมัง รีบให้เด็กในจวนเจ้าเตรียมสุราอาหารได้แล้ว ข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว!”“ดูเจ้าพูดเข้าสิ เจ้ามาถึงจวนข้าแล้ว จะขาดสุราอาหารได้อย่างไรกันเล่า”ฉินลิ่วก่านหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะหันไปที่ฉินชีหู่ “ยังไม่รีบไปสั่งให้คนยกสุราอาหารมาอีก ไม่ได้ยินที่ฝ่าบาดพูดหรือว่าหิวจะตาอยู่แล้วนั่น”ฉินชีหู่ใช้ทักษะแวบหายตัวไปภายในชั่วพริบตาอย่างไร้ร่องรอยหยุนเจิงเห็นเช่นนี้ก็อดที่จะรู้สึกเห็นใจฉินชีหู่ไม่ได้เขาต้องถูกอันธพาลเฒ่านี่ฏิบัติแบบใดถึงฝึกทักษะหายตัวไปอย่างแปลกประหลาดเยี่ยงเทพได้เช่นนี้ไม่นานนัก สุราอาหารก็ได้จัดเตรียมพร้อมแล้วฉินลิ่วก่านตั้งใจให้บ่าวรับใช้ในจวนออกไปทั้งหมดส่วนจักรพรรดิเหวินเองก็รับสั่งให้องครักษ์ทุกคนอ
เวลาห้าปีมาแล้วที่จักรพรรดิเหวินกับฉินลิ่วก่านไม่ได้เจอกันเมื่อทั้งสองมีโอกาสได้นั่งร่ำสุรากันจึงดีใจจนลืมตัวไปเลยหยุนเจิงและฉินชีหู่ที่อยู่ด้วยกันกับทั้งสอง ดูเหมือนว่าไม่มีโอกาสพูดแทรกได้เลยจักรพรรดิเหวินกับฉินลิ่วก่านร่ำสุราชนจอกกันจนเมามากแล้ว อันธพาลเฒ่ายกจอกสุราซดไปอีกสองสามอึก คล้ายกับว่ายังไม่พอ จึงยกไหขึ้นซดทั้งไห“เจ้านี่ก็จริงๆ เลยนะ หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยเข้าวังไปร่ำสุรากับข้าบ้างเลย ทั้งยังไม่ให้ข้ามาที่นี่อีก!”“ข้า...ข้าจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอเจ้าล่ะ! ให้ตายเถอะ ในปีนั้นหากข้าไม่ต่อยเจ้าสารเลวนั่น จนสารเลวนั่นบีบบังคับให้จักรพรรดิไปออกศึกเองล่ะก็ ตอนหลังคงไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอก!”“เหอะ หากข้าไม่ยืนกรานจะไปเอง ต่อให้เจ้าต่อยขุนนางบู้บุ๋นทั้งท้องพระโรงมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก”“ไม่จริง ไม่ใช่! ในเหล่าบรรดาขุนนางทั้งหมด ก็มี...ก็มีข้านี่แหละที่ห้ามไม่ให้เจ้าไปออกศึกได้ เจ้าว่าข้า...ข้าไม่ห้ามเจ้าหรือ?”“เจ้าหน่ะ...ห้ามไม่ได้หรอก! ข้าแค่มาคิดเสียใจทีหลังก็คือเรื่องที่ข้าให้เจ้าช่วยข้าเฝ้าเมืองหลวงแทนข้า ไม่ให้เจ้าไปซั่วเป่ยกับข้าด้วย! หากว่าเจ้าไป...หากว่าเจ้าไปซั่วเป่