“อีกอย่าง เสด็จพ่อก็บอกแล้วว่าไม่มีทางแต่งตั้งเจ้ให้เป็นองค์รัชทายาทแน่นอน หลายวันที่ผ่านมานี้ข้าก็คิดนะ ว่าในเมื่อเจ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าจะตั้งตนขัดแย้งกับเจ้าด้วยเหตุใดอีกเล่า”“แค่ข้าคิดว่าเจ้าจะเดินทางไปซั่วเป่ย ต่อไปก็เกรงว่าเราสองพี่น้องจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกต่อไปแล้ว ข้าก็เลยรู้สึกขอโทษเจ้าจริงๆ...”หยุนลี่ทำสีหน้าท่าทางกล้าวอย่างจริงใจ!หยุนเจิงที่ฟังอยู่แทบจะเชื่อจริงๆ แล้ว“พี่สามกล่าวออกมาเช่นนี้ ทำให้ข้าดีใจมากจริงๆ”หยุนเจิงคล้อยตามหยุนลี่ และแสร้งทำท่าทางซาบซึ้งใจ“ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็คือพี่น้องกันอยู่วันยังค่ำ!”หยุนลี่ตบไหล่หยุนเจิงเบาๆ กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ต่อไปหากใครกล้ามารังแกเจ้า พี่สามจะออกหน้าแทนเจ้าเอง!”“จริงหรือ?” หยุนเจิงแสร้งเป็นซาบซึ้งจนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว“จริงแน่นอน!”ไหยุนลี่พยักหน้าอย่างมั่นใจ และจู่ๆ ก็กล่าวอย่างโศกเศร้าว่า “เจ้าจะไปซั่วเป่ยแล้ว หากพี่สามอย่างข้าไม่ทำดีต่อเจ้าให้มากๆ เกรงว่าต่อไปคงจะไม่มีโอกาสทำดีกับเจ้าแล้ว!”“พี่สาม!”หยุนเจิงเรียกชื่อออกมาด้วยความซาบซึ้งตื้นตันใจ และคว้าตัวหยุนลี่มากอด “พี่สามคนดีของข้า เม
ในยามบ่าย หยุนเจิงฟังเซียวติ้งอู่สอนเรื่องการตั้งค่ายกลในการทำศึกอย่างตั้งใจ ตลอดไปจนถึงวิธีการตั้งรับมือหากศึกบุกทะลวงค่ายกลมาได้หลายวันที่ได้เรียนกับเซียวติ้งอู่ หยุนเจิงได้ความรู้ไปไม่น้อยเขาค่อยๆ ปรับตัวและความคิดขึ้น จากแรกเริ่มที่ทำตัวสบายๆ เขาก็จริงจังมากขึ้นเพียงแต่ว่า เขาความตั้งใจของแอบซ่อนอยู่ภายใน แต่ภายนอกทำตัวสบายๆหากคนอื่นเห็นท่าทางนี้ของเขาล่ะก็ เขาไม่เหมาะสมที่จะเป็นแมทัพนำทัพไปออกรบเลยและในขณะที่เซียวติ้งอู่กำลังอธิบายจะน้ำลายกระเด็น จู่ๆ ก็เกิดเสียงอันโกลาหลขึ้นข้างนอก“ท่านผู้บัญชาการเซียว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว...”เซียวติ้งอู่ขมวดคิ้วขึ้นทันใดเมื่อทหารเข้ามา เซียวติ้งอู่ก็ตำหนิด้วยสีหน้าดำคล้ำ “ตื่นตระหนกโหวกเหวกโวยวายมีเรื่องอันใดกัน?”ทหารตื่นตระหนกมาก “ท่านผู้บัญชาการเซียว หรง หรง หรงกั๋วกงบุกเข้ามาแล้วขอรับ...”“เจ้าว่าใครมานะ?”สีหน้าของเซียวติ้งอู่พลันเปลี่ยนไปทันทีราวกับว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูก็มิปาน“หรง หรงกั๋วกงขอรับ!”ทหารกล่าวย้ำอีกครั้ง“เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นเขา?”เซียวติ้งอู่กล่าวถามอย่างตื่นตระหนก“จะไม
“ไม่เลว เจ้าแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนแล้ว”ฉินลิ่วก่านมองเซียวติ้งอู่ด้วยความพึงพอใจ“ขอบคุณท่านอาที่ชื่นชมขอรับ”เซียวติ้งอู่ยิ้ม และกล่าวถามอย่างเป็นกังวลว่า “ท่านอามาถึงที่นี่กะทันหันเช่นนี้ ไม่ทราบมีเรื่อวอันใดขอรับ?”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”ฉินลิ่วก่านเม้มปากเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ไป ไปตามองค์ชายหกมา”องค์ชายหกอย่างนั้นหรือ?สีหน้าของเซียวติ้งอู่พลันเปลี่ยนไปมาก และหันไปมองหยุนเจิงอันธพาลเฒ่านี่เรียกหาองค์ชายหกด้วยเหตุอันใดกันหรือว่าองค์ชายหกไปทำสิ่งใดให้เขาขุ่นเคืองอย่างนั้นหรือเมื่อเห็นเซียวติ้งอู่นิ่งไปเช่นนี้ ฉินลิ่วก่านจึงถลึงตาจ้องมอง ส่งเสียงตะคอกว่า “ยังยื่นนิ่งอยู่ทำไม หูเจ้าหนวกไปแล้วหรือไง?”หยุนเจิงเห็นเช่นนี้ก็รีบเดินมาด้านหน้าและกล่าวว่า “ข้าคือองค์ชายหกหยุนเจิง ไม่ทราบว่าหรงกั๋วกงเรียกหาข้ามีเรื่องอันใด?”“เจ้านะหรือองค์ชายหก?”ฉินลิ่วก่านหันหน้าไปมองหยุนเจิงอย่างพิจารณา ก่อนจะตบไหล่เซียวติ้งอู่ เผยให้เห็นฟันขาวอันแข็งแกร่งของเขา “เจ้าหาคนมาหลอกข้าให้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ?”เซียวติ้งอู่รีบส่ายหน้า “หลานไม่กล้าขอรับ ผู้นี้คือองค์ชายหกจริงๆ ขอรับ”“หากเจ
หลังจากการควบม้าพุ่งไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ฉินลิ่วก่านก็พาหยุนเจิงมาถึงหน่วยตีเหล็กแล้ว อันธพาลเฒ่าผู้นี้ยังคงควบม้าบุกเข้าไป องครักษ์หน่วยตีเหล็กเหล่านั้นก็ไม่กล้าขวางเขาเมื่อมาถึงหน่วยตีเหล็ก หยุนเจิงก็เจอกับคนคุ้นเคยจักรพรรดิเหวินช่างรวดเร็วทันใจจริงๆช่างเหล็กที่อยู่ที่ร้านตีเหล็กเหล่านั้น ตอนนี้ถูกย้ายเข้ามาอยู่ในหน่วยตีเหล็กของกรมโยธาแล้วหลังจากสอบถามเล็กน้อย หยุนเจิงก็เข้าใจถึงสถานการณ์ชัดเจนแล้ว ที่แท้อันธพาลเฒ่าฉินลิ่วก่านผู้นี้ไม่รู้ไปรู้ข่าวเรื่องเหล็กลวดลายบุปผานี้มาจากที่ใด จึงได้พรวดพราดบุกเข้ามาในหน่วยตีเหล็ก และต้องการให้พวกเขาตีดาบกวนอูให้เขาเล่มหนึ่งในขณะที่ช่างเหล็กเหล่านี้กำลังสอนให้คนในหน่วยตีเหล็กลวดลายบุปผา พวกเขาพลั้งปากพูดมากไปหน่อย พูดถึงเรื่องเหล็กลวดลายบุปผาลักษณะขนนกที่หยุนเจิงเคยกล่าวถึงให้กับช่างเหล็กในหน่วยฟังสุดท้ายเรื่องนี้ดันไปเข้าหูของฉินลิ่วก่านเข้าฉินลิ่วก่านต้องการให้ช่างเหล็กเหล่านี้สร้างอาวุธเหล็กลวดลายบุปผาชนิดให้เขาแต่ตอนนั้นหยุนเจิงเอ่ยถึงเหล็กลวดลายบุปผาลักษณะขนนกให้พวกเขาฟังเพียงคร่าวๆ เท่านั้น พวกเขาไม่สามารถสร้างออกมาไ
จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์อย่างเหลืออด ดวงตาจ้องมองไปที่ฉินลิ่วก่าน ตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าเฒ่า เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”เส้นเลือดผุดพรายขึ้นบนหน้าผากจักรพรรดิเหวินด้วยความโกรธ โกรธจนตัวสั่น จ้องมองไปที่ฉินลิ่วก่านอย่างดุร้ายดูจากท่าทางวางมาดเช่นนี้ ราวกับว่าจะลงดาบต่อสู้กับฉินลิ่วก่านแล้ว“ฝ่าบาท รู้อยู่แล้วยังแกล้งถามอีกหรือ?”ฉินลิ่วก่านทำสีหน้าท่าทางเล่นหน้าเล่นตายิ้มขี้เล่น “ฝ่าบาท ทอดพระเนตรดูสิ ดาบอันล้ำค่าเล่มแรกแห่งต้าเฉียนเรา องค์ชายหกประทานให้พระองค์แล้ว ในฐานะที่กระหม่อมเป็นขุนพลผู้ห้าวหาญคนแรกแห่งต้าเฉียน ควรได้รับดาบล้ำค่าเล่มที่สองถูกต้องหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“เจ้าเนี่ยนะขุนพลผู้ห้าวหาญคนแรก?”จักรพรรดิเหวินทั้งโกรธ อีกทั้งยังรู้สึกตลกขบขัน ดุด่าด้วยความโกรธว่า “เจ้าช่วยรักษายางอายตัวเองเอาไว้สักหน่อยได้หรือไม่?”“ขุนพลผู้ห้าวหาญคนแรกใยถึงไม่ใช่ข้ากันเล่า?” ฉินลิ่วก่านทำท่าทางขมึงทึงพลางกล่าว “พระองค์ก็ลองไปถามเหล่าขุนนางบู้บุ๋นดูสิ ว่ามีใครกล้าสู้กับข้าหรือไม่”ในขณะที่กล่าวนั้น อันธพาลเฒ่าผู้นี้หันไปมองรอบๆ หน่วยตีเหล็กราวกับว่ากำลังบอก หากใครกล้าบอกว่าเขาไ
อันที่จริงแล้วเหล็กลวดลายบุปผาลักษณะขนนกนั้นทำยากมากจนกระทั่งวันที่สามช่วงตะวันขึ้นอยู่เหนือศีรษะ ช่างเหล็กหลายพันคนทำล้มเหลวไปจนนับครั้งไม่ถ้วน กว่าจะทำดาบล้ำค่าที่อันธพาลเฒ่าผู้นี้ต้องการออกมาได้อีกอย่าง เหล็กลวดลายบุปผาลักษณะขนนกนี้ สำหรับหยุนเจิงแล้วยังนับว่าไม่ได้มาตรฐานสักเท่าไหร่อย่างไรก็ตาม หยุนเจิงก็ไม่กล้าคุยโวโอ้อวดอีกต่อไปแล้วขืนคุยโวโอ้อวดต่อไป ตาเฒ่าผู้นี้ต้องให้เขาทำดาบล้ำค่าให้อีกเล่มเป็นแน่ หากเป็นเช่นนั้น เอาชีวิตข้าไปเสียดีกว่าดาบทั้งเล่มถูกสร้างมาจากเหล็กลวดลายบุปผา อีกทั้งยังตีออกมาเป็นชิ้นเดียวอีกด้วยหยุนเจิงรู้สึกว่า ของสิ่งนี้แสดงถึงการตีเหล็กขั้นสูงสุดแห่งราชวงศ์ต้าเฉียนแล้ว โชคดีที่มาสร้างที่หน่วยตีเหล็กของกรมโยธา หากสร้างที่ร้านตีเหล็กของเขาแล้วล่ะก็ คาดว่าเวลาสองเดือนก็สร้างออกมาไม่ได้เมื่อสร้างดาบล้ำค่าออกมาได้สำเร็จ ฉินลิ่วก่านก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นด้วยความดีใจ“วะฮ่าๆๆ ดาบล้ำค่า คู่ควรกับวีรบุรุษ!”ฉินลิ่วก่านเงยหน้ามองฟ้าหัวเราะเสียงกัง “เจ้าหนู ดูดีๆ ล่ะ ข้าจะสอนวิชาดาบสามสิบหกท่าสะท้านวายุให้เจ้า เจ้าอย่าหาว่าข้าไม่รักษาคำ
“ตกลงอันธพาลเฒ่าผู้นี้เป็นใครกันแน่?” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าแปลกใจ “ข้าดูท่าแล้วอันธพาลเฒ่าผู้นี้แม้แต่กับเสด็จพ่อข้าเขาก็ไม่เกรงกลัว ข้ารู้สึกว่าเขามีโอกาสต่อสู้กับเสด็จพ่อข้าได้ตลอดเวลา”“ไม่ถึงขนาดต่อสู้หรอก แต่เขาแค่ไม่กลัวฝ่าบาทก็เท่านั้น”เยี่ยจื่อเม้มปากยิ้มก่อนกล่าว “เมื่อก่อนข้าเคยได้ยินพ่อตาข้าพูดถึงคนผู้นี้ บอกว่าคนผู้นี้ยังเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับฝ่าบาท ช่วยชีวิตฝ่าบาทในยามฝ่าบาทตกอยู่ในอันตรายมาได้หลายครั้งหลายครา หลังจากที่ฝ่าบาทครองบัลลังก์ เดิมทีตั้งใจจะพระราชทานตำแหน่งอ๋องต่างสกุลให้เขา แต่เขาก็ยืนยันที่จะไม่รับ ฝ่าบาทเองก็จนปัญญา จึงทำได้เพียงแต่งตั้งให้เขาเป็นท่านกั๋วกง...”พระเจ้าช่วย!อันธพาลเฒ่าผู้นี้เคยเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเสด็จพ่อด้วยอย่างนั้นหรือ!มินาล่ะว่าเหตุใดอันธพาลเฒ่าผู้นี้ถึงได้กำเริบสืบสานมากถึงเพียงนี้!เพียงแต่ว่าอันธพาลเฒ่าผู้นี้เป็นคนหยาบกระด้าง แถมยังเป็นคนฉลาดหลักแหลมมากอีกด้วย หากได้รับพระราชทานแซ่วัง คงจะอยู่ยาก!ได้รับพระราชทานแซ่วัง มิสู้เป็นได้ท่านกั๋วกงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหรอกรู้สึกว่าอันธพาลเฒ่าผู้นี้คล้ายกับขุนพลเฉิงเหยาจินผู
วันต่อมา ยามตะวันโด่งเหนือศีรษะ หยุนเจิงมาตามแผนที่ในเทียบเชิญ มาถึงจวนหรงกั๋วกงทันทีที่มาถึงเขาก็เห็นชายหนวดดกดำยืนรออยู่หน้าประตูจวนแล้วจ้องมองดีๆ คนผู้นี้ราวกับถอดรูปมาจากฉินลิ่วก่านไม่มีผิดแต่เป็นฉินลิ่วก่านในวัยหนุ่มเมื่อเห็นหยุนเจิงที่มากับองครักษ์ เขาก็รีบวิ่งไปหาและกล่าวถามว่า “ใช่องค์ชายหกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม”หยุนเจิงลงมาจากหลังม้า “เจ้าเป็นบุตรชายของหรงกั๋วกงหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ!”ชายหนวดดกดำพยักหน้า และโค้งคารวะ “ฉินชีหู่คารวะองค์ชายหก!”ฉินชีหู่หรือหยุนเจิงทำสีหน้าท่าทางหมดคำพูดชัดเจนเลย การนับรุ่นของตระกูลฉินเรีบงลำดับจากหนึ่งถึงสิบหรือไรกันหากครบสิบเอ็ดรุ่นแล้ว รุ่นต่อไปคงจะเป็นเจ้าสิบเอ็ดกระมัง“พี่ใหญ่ฉินเกรงใจเกินไปแล้ว”หยุนเจิงโบกมือพลางกล่าว “หรงกั๋วกงเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเสด็จพ่อ ระหว่างเรา ไม่จำเป็นต้องมากพิธีหรอก”“ฮ่าๆๆ ข้ารอคำนี้อยู่พอดี!”ฉินชีหู่หัวเราะเสียงดังขึ้น กอดไหล่หยุนเจิงอย่างมีน้ำใจไมตรี “องค์ชายหกรีบเข้าไปข้างในเถอะ ท่านพ่อข้ากับฝ่าบาทกำลังรอเจ้าอยู่!”“ห๊ะ!”หยุนเจิงตกใจ “เสด็จพ่อก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”“ก็ใช