“เจ้าหกไม่ได้เอามา แต่ชายาของเขาเอามาก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรอกหรือ!”“อย่างไรเสีย เจ้าหกก็ไม่มีแรงแม้แต่จะง้างธนู เสด็จพ่อตั้งใจให้เจ้าหกพาชายามาด้วยเช่นนี้ ก็คงอยากจะให้ชายาองค์ชายหกล่าสัตว์แทนเจ้าหกกระมัง”“เจ้าหก ได้ยินว่าไปสร้างความฮือฮาที่เจ้าฉวินฟางย่วน! นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ไม่เคยออกจากเมืองหลวงมาก่อนเช่นเจ้าจะประพันธ์กวีเกี่ยวกับสนามรบออกมาได้มากมายเพียงนั้น”“เจ้าหก กวีเหล่านั้นเจ้าลอกใครมากันแน่ ไหนเจ้าลองบอกพี่สามมาซิ พี่สามจะไปลอกมาสักบทสองบท…”เพียงฟังแวบแรก หยุนเจิงก็รับรู้ได้ถึงการเยาะเย้ยขององค์ชายเหล่านี้สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือจากที่หยุนเจิงได้จินตนาการเอาไว้เลยหยุนเจิงแอบส่ายหน้าเบาๆคนปัญญาอ่อนพวกนี้ โชคดีที่เป็นองค์ชายเอาแต่คอยเยาะเย้ยตนทั้งวี่ทั้งวันด้วยเหตุอันใดกันจิตใจช่างต่ำทรามยิ่งนักหยุนเจิงพลางทอดถอนใจด้วยความหดหู่ พลางดึงม้าเดินไปตรงหน้าคนเหล่านั้น พลางจ้องหน้ามองคนเหล่านี้ มองจนคนเหล่านี้รู้สึกอึดอัด“เจ้ามองอันใด?”หยุนลี่จ้องหน้าหยุนเจิง กล่าวตำหนิด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์หยุนเจิงแสยะยิ้มมุมปาก “พี่สี่รู้”เจ้าสี่?องค
บัดนี้ รถม้าของจักรพรรดิเหวินมาถึงแล้วผู้ที่มาพร้อมกับจักรพรรดิเหวิน นอกจากจะเป็นเจ้าแปด เจ้าเก้าแล้ว ยังมีสนมสองนางอย่างซูเฟยและเหลียงเฟยติดตามมาด้วยจักรพรรดิเหวินออกมาล่าสัตว์ กลับไม่พาฮองเฮา ชั่วครู่หนึ่งทุกคนต่างตระหนักได้ว่าฮองเฮาไร้อำนาจแล้ว การเรียกคืนตำแหน่งฮองเฮา เพียงรอแค่เวลาเท่านั้นสาเหตุที่จักรพรรดิเหวินยังไม่เรียกคืนตำแหน่งฮองเฮา สาเหตุคงจะเป็นเพราะว่าปัญหาขององค์รัชทายาทเพิ่งจะสงบลง หากเอ่ยถึงเรื่องเรียกคืนตำแหน่งฮองเฮาในตอนนี้ เกรงว่าจะเกิดปัญหาอื่นตามมาอีกทันทีที่จักรพรรดิเหวินเสด็จมาถึงก็จ้องหน้าหยุนเจิงอย่างไม่สบอารมณ์ทันทีหลังจากทุกคนคารวะเสร็จ จึงเดินตามเข้าไปในหนานย่วนเมื่อเจอตำแหน่งที่เหมาะสม นางกำนัลและเหล่าบรรดาขันทีก็เริ่มสร้างกระโจมทันที พร้อมทั้งจัดโต๊ะยาวเรียงกันทีละตัว อีกทั้งยังจัดวางผลไม้นานาชนิด และสุราชั้นดีนี่มันเหมือนการล่าสัตว์เสียที่ไหนกันเล่า!เห็นได้ชัดว่าเป็นการดื่มด่ำสุราและเสวยอาหารมื้อใหญ่!กระทั่งทุกอย่างถูกจัดเตรียมพร้อม จักรพรรดิเหวินจึงประทับนั่งลงตำแหน่งจักรพรรดิ โดยมีซูเฟยและเหลียงเฟยประทับนั่งซ้ายขวาข้างๆ จักรพรรดิเหว
“ลูกไม่กลัวพ่ะย่ะค่ะ!”ทั้งสองกล่าวออกมาพร้อมกันจักรพรรดิเหวินได้ยินเช่นนี้ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเหลียงเฟยเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายแปดและองค์ชายเก้าอยากเข้าร่วม ก็ให้ทั้งสองเข้าร่วมเถอะเพคะ มีองครักษ์ติดตามไปปกป้อง ไม่น่าจะเกิดอันตรายใดหรอกเพคะ”เหลียงเฟยเป็นมารดาขององค์ชายแปดตอนนี้ นอกจากซูเฟยแล้ว สนมที่ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิเหวินมากที่สุดก็คือเหลียงเฟยนั่นเองโอกาสเช่นนี้ นางเองก็อยากให้บุตรชายของตนเองได้แสดงฝีมือสักหน่อยจักรพรรดิเหวินครุ่นคิดอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าพลางตรัสว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าทั้งสองก็เข้าร่วมเถอะ เห็นแก่ที่พวกเจ้าอายุยังน้อย สัตว์ที่พวกเจ้าล่ามาได้ข้าจะนับเป็นจำนวนสองเท่า!”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”ทั้งสองดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่งหยุนเจิงเห็นเช่นนี้ก็แอบแสยะยิ้มไม่ได้เจ้าปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคนนี่!ขนยังไม่ทันงอก คิดจะอวดดีอย่างนั้นหรือ!“เจ้าหก!”จักรพรรดิเหวินมองไปที่หยุนเจิงอีกครั้ง “เบิกตามองน้องแปด น้องเก้าของเจ้าดูซิ พวกเขาอายุเพียงเท่านี้กลับล่าสัตว์เป็นแล้ว เจ้าไม่รู้สึกอับอายขายหน้าน้อง
“ตามข้ามา! อย่าได้ถ่วงเวลาข้าล่ะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนมุ่งไปข้างหน้า แต่ไม่ลืมที่จะหันกลับมาจ้องเขม็งหยุนเจิง“เอาล่ะ เลิกมองหน้าข้าได้แล้ว! เดี๋ยวก็พลาดเหยื่อหรอก!”หยุนเจิงกรอกตามองบนให้นาง ในใจกลัดกลุ้มใจเล็กน้อยตาเฒ่านั่นก็จริงๆ เลย อยากทดสอบเหล่าบรรดาบุตรตนเองว่าคนใดเหมาะสมที่จะเป็นองค์รัชทายาทก็ทดสอบไปสิ เหตุใดต้องมาทรมานข้าด้วยเล่า!อย่างไรเสียข้าก็ไม่มีโอกาสได้เป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้ว!อยากให้ข้าหลีกทาง ก็ช่วยหาเหตุผลง่ายๆ ไม่ได้หรือไรถึงต้องให้ตนล่าสัตว์ให้ได้!โชคดีที่ช่วงนี้ได้ฝึกขี่ม้ามาบ้างมิเช่นนั้นเกรงว่ามีหวังต้องร่วงมาจากหลังแม้เป็นแน่หยุนเจิงตามหลังเสิ่นลั่วเยี่ยนไปพลางแอบบ่นตลอดทางเสิ่นลั่วเยี่ยนยังคงโกรธอยู่ และไม่มีกะจิตกะใจที่จะพูดคุยกับหยุนเจิง ดวงตาหงส์คู่นั้นของนางสังเกตไปรอบๆ เพื่อหาร่องรอยของเหยื่อทว่า พวกเขาเดินทางออกมาระยะทางประมาณสิบกว่าลี้แล้ว แต่กลับไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของสิงสาราสัตว์สักตัวช่างผิดปกติยิ่งนัก!หยุนเจิงขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความฉงนสงสัยพวกเขาเดินทางมาไกลจนถึงตอนนี้แล้ว เหตุใดถึงไม่เห็นเหยื่อสักตัวนี่มันหนานย่วนเชียวนะ!
โจวมี่กล่าวโน้มน้าวอีกครั้งองครักษ์คนอื่นๆ ต่างก็พากันโน้มน้าวตามไปด้วยอย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนฆ่ากวางซีกาตัวนี้หากรักษาหน้าตาตนเองในตอนนี้ เมื่อถึงเวลาพ่ายแพ้ มีหวังคงต้องยอมรับโทษแต่โดยดี“ไม่ได้!”หยุนเจิงปฏิเสธอีกครั้ง “ห้ามพูดว่าจะเอากวางซีกาตัวนี้มาเป็นของตนได้แล้ว มิเช่นนั้น กลับจวนไปข้าฟาดห้าสิบไม้ด้วยตัวข้าเอง!”เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง องครักษ์เหล่านี้ก็เงียบปากลงทันที และไม่กล้าเอ่ยปากกล่าวสิ่งใดอีก“ไม่เลวเลย นับว่ามีความทะนงตนอยู่บ้าง!”ยากมากที่จะได้เห็นเสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวชื่นชมหยุนเจิงเช่นนี้ กล่าวจบนางก็กระโดดขึ้นหลังม้า “หาเหยื่อต่อไป! ข้าจะล่าเหยื่อด้วยความสามารถของข้าเอง! เหยื่อที่ข้าไม่ได้ฆ่าด้วยตัวเอง ข้าๆไม่ต้องการ!”ในขณะที่กล่าวนั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ควบม้ามุ่งหน้าพุ่งออกมาจากป่านั้นหยุนเจิงแอบชื่นชมนางอยู่ในใจ และนำองครักษ์ตามนางไปหญิงสาวผู้นี้ดุไปหน่อย ไม่ได้ปราดเปรียวมากนัก แต่นิสัยใจคอไม่เลวเลยคนกลุ่มหนึ่งตามหาเหยื่อต่อไปเพียงแต่ว่า ตามหาอยู่นานก็ไม่พบร่องรอยของสัตว์ตัวเป็นๆ เลย แต่กลับเจอกับสัตว์ท
พวกเขารออยู่ที่เดิม จนกระทั่งเสิ่นลั่วเยี่ยนขี่ม้ากลับมาบนหลังม้ามีกวางซีกาสองตัว และกระต่ายจำนวนหลายตัวเมื่อเห็นเสิ่นลั่วเยี่ยนกลับมาพร้อมกับเหยื่อมากมายเช่นนี้ เหล่าองครักษ์ก็ตื่นเต้นดีใจดีใจเป็นอย่างยิ่งจนกระทั่งควบม้าไปหาเสิ่นลั่วเยี่ยน ช่วยนางแบกเหยื่อที่ล่ามาได้หยุนเจิงคร่ำครวญอยู่ในใจ ขมวดคิ้วจ้องมองไปที่เสิ่นลั่วเยี่ยน“มองอะไรของเจ้า?”เสิ่นลั่วเยี่ยนควบม้ามาตรงหน้าหยุนเจิง “ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้าเป็นตัวซวย! ตอนนี้เจ้าเชื่อข้าหรือยัง?”หยุนเจิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งขมวดคิ้วเป็นปมขึ้น ก่อนจะตะโกนสั่งองครักษ์ว่า “ทิ้งสัตว์พวกนี้ให้หมด! อย่าให้เหลือแม้แต่ตัวเดียว!”“นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว “ข้าลำบากลำบนกว่าจะล่าสัตว์พวกนี้มาได้สักตัว เจ้ามัสิทธิ์อันใดให้พวกเขาเอาสัตว์ไปทิ้ง เจ้าอยากโดนลงโทษหรืออย่างไร อย่าหาเรื่องให้ข้าลำบากกับเจ้าไปด้วยเลย!”“นี่เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไง?”สีหน้าของหยุนเจิงเคร่งขรึมจริงจังขึ้น “พวกเราหาเหยื่อมาตั้งนานแต่ก็ไม่เจอสัตว์ตัวเป็นๆ สักตัว เจ้าออกไปไม่นานก็ได้เหยื่อมามากมายปานนี้ เจ้าจะบอกว่าเหยื่อพวกนี
“เฮ้ย เจ้าหก นี่มันเกิดอันใดขึ้นกับพวกเจ้ากันเนี่ย? ”หยุนลี่บังคับม้ามาข้างๆ หยุนเจิง มองหยุนเจิงและพวกด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “หนานย่วนมีสัตว์มากมายเป็นขโยง นี่พวกเจ้าไม่ได้กลับมาสักตัวเลยหรือ?”“โชคไม่ดี” หยุนเจิงตอบผ่านไปที แต่ในใจแอบสบถด่าพวกเขาว่าบัดซบให้พวกเจ้าลำพองใจไปก่อนเถอะ!ประเดี๋ยวก็จะถึงคราวที่พวกเจ้าต้องปาดน้ำตาบ้าง!“โชคไม่ดีอย่างนั้นหรือ?”หยุนลี่หัวเราะเยาะเสียงดัง และกล่าวเย้ยหยันว่า “ข้าว่าเจ้ายิงธนูไม่เป็นมากกว่า ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่ออนุญาตให้ว่าที่ชายาของเจ้าเป็นคนช่วยเจ้าล่าสัตว์ แต่นี่ไม่ได้กลับมาสักตัวเลยหรือ เสด็จพ่อเพิ่งจะบอกไปว่าเจ้าเป็นบุตรีของท่านแม่ทัพผู้แข็งแกร่งไม่ใช่หรอกหรือ?”“องค์ชายสาม!”เสิ่นลั่วเยี่ยนกัดฟันกรอดจ้องหน้าหยุนลี่ “ดูถูกข้าได้ แต่อย่ามาดูถูกท่านพ่อของข้า!”“น้องสะใภ้ เจ้าเข้าใจข้าผิดไปแล้ว” หยุนลี่กล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยันว่า “ข้าขอเดาว่า เจ้าน่ะไม่ใช่คนไร้ความสามารถหรอก แต่เจ้าคงจะอยู่กับเจ้าหกมากเกินไป ก็เลยติดเชื้อเจ้าหกเข้าแล้ว”เสิ่นลั่วเยี่ยนโกรธกับคำพูดนี้มาก หันขวับไปจ้องหน้าหยุนเจิง แอบสบถด่าในใจอยากจะรักษาหน้าตาก็ยอมร
ไม่นานนัก หยุนเจิงและพวกก็กลับมาถึงรถม้าของพวกเขาเมื่อพวกเขากลับมาถึง องค์ชายคนอื่นๆ ก็กลับมากันหมดแล้วแต่ละคนกลับมาพร้อมกับผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมบนพื้นเต็มไปด้วยสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่มากมายแม้แต่เจ้าแปดที่อายุเพียงสิบสามปี ตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยเหยื่อจำนวนไม่น้อยนอกจากหยุนเจิงแล้ว ก็มีเจ้าเก้าที่อายุเพียงสิบเอ็ดปีที่กลับมามือเปล่าเมื่อเห็นหยุนเจิงและพวกกลับมามือเปล่าเช่นนี้ ทุกคนต่างหัวเราะเย้ยหยันขึ้น “เจ้าหก เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ได้เหยื่อมาสักตัว?”“ช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก! น้องสะใภ้ก็ช่วยเจ้าแล้ว เหตุใดถึงไม่ได้เหยื่ออีกเล่า?”“ข้าว่าเจ้าหกเห็นแก่หน้าตา ก็เลยไม่สะดวกใจที่จะให้น้องสะใภ้ลงมือมากกว่า”“แต่ข้าเดาว่า เจ้าหกมีจิตใจเมตตา ทนที่จะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่ได้เป็นแน่…”ต่อหน้าพระพักตร์จักรพรรดิเหวิน แม้องค์ชายทั้งหกจะมีความสำรวม แต่ความเย้ยหยันที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้นยังคงเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแม้แต่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าแปดก็ร่วมความครึกครื้นนี้ด้วยหยุนเจิงคร้านจะสนใจคนพวกนี้ จึงหันไปมองเยี่ยจื่อทั้งสองสบตากัน เยี่ยจื่ิอพยักหน้าเบาๆ หยุนเจิงจึงวางใจ
“เช่นนั้นพวกเรามารอดูกันเถอะ!” หยุนลี่พยายามฝืนยิ้มเล็กน้อย จักรพรรดิเหวินใช้หางตามองหยุนลี่แวบหนึ่ง ก่อนจะถามต่อว่า “จ้าวจี๋ เจ้าคิดว่าหยวนกุยเป็นอย่างไร?” “เอ่อ…” จ้าวจี๋ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “หยวนกุยอาจไม่เหมาะกับภารกิจใหญ่โต แต่ตำแหน่งนายทหารม้ายังพอเหมาะสมอยู่พ่ะย่ะค่ะ” พูดตามตรง จ้าวจี๋เองก็ไม่ได้ให้ค่าหยวนกุยนัก ไม่เพียงแต่หยวนกุย แม้แต่หยวนฉงเขาก็ยังดูถูก แม้หยวนฉงเคยเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งซ้ายถุนเว่ย แต่ในสายตาของเขา หยวนฉงเป็นเพียงนักรบเถื่อนเท่านั้น “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” จักรพรรดิเหวินยิ้มเล็กน้อยโดยไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติม ไม่นาน เสียงกลองก็ดังขึ้น พร้อมกันนั้น นาฬิกาทรายก็เริ่มนับเวลา ทว่า นาฬิกาทรายนี้แตกต่างจากนาฬิกาทรายสมัยใหม่ มันเป็นเพียงกรวยที่เรียบง่าย กำหนดเวลาตามน้ำหนักของทรายที่ไหลออกมา เมื่อได้ยินเสียงกลอง โจวเต้ากงก็รีบนำทัพจากระยะ 500 เมตรพุ่งไปยังจุดรวมพลทันที เสียงกีบม้าที่กระหึ่มก่อให้เกิดฝุ่นคละคลุ้ง หยุนเจิงและพวกไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นั่งชมอยู่บนกำแพงเมืองอย่างสงบ สำหรับการประลองประเภทนี้ หยุนเจิงไม่ได้สนใจอะไรมากนั
วันถัดมา หลังจากที่จ้าวจี๋นำกองทัพมาถึง การแสดงศิลปะการต่อสู้ก็พร้อมเริ่มต้นการแสดงครั้งนี้แบ่งออกเป็นสามช่วงการจัดทัพ การชนทัพ และการทดสอบยิงธนูบนหลังม้าทางราชสำนักส่งทหารม้า 5,000 นาย โดยมีจ้าวจี๋เป็นแม่ทัพหลัก โจวเต้ากงและหยวนกุยเป็นแม่ทัพรองกองทัพมณฑลทางเหนือส่งทหารม้าอีก 5,000 นาย นำโดยแม่ทัพหยูซื่อจง โดยแบ่งเป็นทหารของหยูซื่อจง 2,000 นาย ขบวนส่งเจ้าสาวจากเป่ยหวน 2,000 นาย และทหารกองเลือดอีก 1,000 นายการประลองรอบแรกเป็นการจัดทัพจักรพรรดิเหวินนั่งอยู่บนกำแพงเมืองในท่าทางอ่อนแอ ขณะที่หยุนเจิง หยุนลี่ เจียเหยา และจ้าวจี๋นั่งอยู่ด้านข้างในตำแหน่งที่ลึกเข้าไปเล็กน้อย“จ้าวจี๋ เจ้ามั่นใจว่าจะชนะขนาดนั้นเลยหรือ?”จักรพรรดิเหวินสวมเสื้อคลุม มีผ้าห่มขนแกะคลุมอยู่ พลางเอนตัวสอบถามจ้าวจี๋เดิมทีจ้าวจี๋ควรจะเข้าร่วมการแสดงศิลปะการต่อสู้ในลานกว้างนอกเมือง แต่เขาคิดว่าการจัดทัพเพียงอย่างเดียวไม่จำเป็นต้องลงมือเอง จึงขออนุญาตชมอยู่บนกำแพงเมืองจ้าวจี๋ทำท่าจะลุกขึ้น แต่จักรพรรดิเหวินยกมือห้ามไว้ “ไม่ต้องลุก นั่งตรงนั้นแหละดีแล้ว”จ้าวจี๋รับคำสั่งก่อนจะนั่งลงอย่างสำรวมและตอบว่า “ห
หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆเมื่อเห็นว่าหยุนเจิงไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน จักรพรรดิเหวินจึงเผยรอยยิ้มพึงพอใจ พลางตบไหล่หยุนเจิง “เมื่อกลับไปยังเมืองหลวง ข้าจะให้พี่สามของเจ้าทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทน! เจ้าจะคว้าโอกาสไว้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองแล้ว!”ให้เจ้าสามเป็นผู้สำเร็จราชการแทน?หยุนเจิงมองจักรพรรดิเหวินด้วยความประหลาดใจเจ้าเฒ่านี่กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?เจ้าสามได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน เช่นนั้นคงไม่พ้นต้อง…เมื่อคิดเช่นนั้น ใบหน้าของหยุนเจิงก็พลันปรากฏความเข้าใจแจ่มแจ้ง“ลูกขอบพระทัยเสด็จพ่อมากพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงถอยหลังไปเล็กน้อย พลางทำความเคารพจักรพรรดิเหวินด้วยความนอบน้อมเขาเข้าใจเจตนาของจักรพรรดิเหวินแล้ว!การให้เจ้าสามเป็นผู้สำเร็จราชการแทน จะทำให้เจ้าสามฉวยโอกาสกวาดล้างผู้ที่คิดต่าง!ถึงเวลานั้น ขุนนางในราชสำนักเหล่านั้นอาจเกิดความไม่พอใจในตัวพี่เจ้าสาม แล้วหันมาสนับสนุนตนเองแทนตาเฒ่านี่ช่างวางแผนปูทางไว้ให้ตนเองจริงๆ!“พอแล้ว เข้าใจเช่นนี้ก็ดีแล้ว”จักรพรรดิเหวินมองหยุนเจิงด้วยความพึงพอใจ ก่อนถามด้วยความคาดหวัง “เจ้าได้คิดวิธีที่จะทำให้ข้าวางใจไปยังเป่ยหว
“หาอะไร!”จักรพรรดิเหวินพูดด้วยความหงุดหงิด “อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากพี่สามของเจ้าถึงกับไม่อยากเป็นองค์รัชทายาทเพราะเจ้า ต่อไปเรื่องยุ่งเหยิงทั้งหมด เจ้าก็รับผิดชอบเองแล้วกัน!”“คงไม่ถึงขนาดนั้นกระมังพ่ะย่ะค่ะ?”หยุนเจิงได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตาเจ้าสามเพื่อจะได้ตำแหน่งองค์รัชทายาท อะไรที่ทำได้เขาก็ทำทั้งนั้นแค่เล่นงานเขาเล็กน้อย จะถึงขั้นไม่อยากเป็นองค์รัชทายาทเลยหรือ?ถ้าให้เจ้าสามขึ้นเป็นจักรพรรดิ แล้ววันใดศัตรูต่างชาติบุกเข้ามา เขาจะไม่คิดอยากเป็นจักรพรรดิอีกหรืออย่างไร?“ไม่ถึงขนาดนั้นบ้าอะไร!”จักรพรรดิเหวินพ่นลมอย่างไร้มารยาท “ในประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย เว้นแต่พวกที่ใกล้ล่มสลาย ไม่มีองค์รัชทายาทที่ไร้น้ำยาเท่านี้มาก่อน! ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเขายังมีประโยชน์มากนัก ต่อไปเจ้าจงสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าเล่นงานพี่สามของเจ้าโดยไม่มีเหตุผล!”บางครั้งเมื่อคิดถึง ก็อดสงสารเจ้าสามไม่ได้ไม่รู้ว่า หากเจ้าสามรู้ความจริงเข้า จะถึงกับเป็นบ้าหรือไม่แม้ว่าจะไม่ขัดขวางหยุนเจิงเล่นงานเจ้าสาม แต่ทุกเรื่องต้องมีขอบเขต!โชคดีที่พี่เจ้าสามยังอายุน้อยหากเจ้าสามอายุเท่าตนเอง เกรงว่าคงถูกเจ้าลูกอกตัญ
หยุนลี่พลันเข้าใจแจ่มแจ้ง มองจักรพรรดิเหวินด้วยความนับถือเต็มใบหน้าเสด็จพ่อช่างมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก!แม้กระทั่งเรื่องนี้ก็ยังทรงคำนึงถึง!“เสด็จพ่อทรงมีสายตากว้างไกล ลูกนับถือจนสุดหัวใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่กล่าวด้วยความจริงใจนี่หาใช่คำเยินยอไม่ แต่เป็นความนับถืออย่างแท้จริงเพียงเรื่องเดียว กลับมีจุดประสงค์มากมายถึงเพียงนี้“เจ้าสาม เจ้ายังอ่อนประสบการณ์เกินไป…”จักรพรรดิเหวินถอนหายใจเบาๆ “เรื่องนี้เจ้ายังต้องเรียนรู้จากเจ้าหกให้มาก! หากเจ้าหกมีเพียงกำลังทหารแข็งแกร่ง ข้าก็หาได้หวาดกลัวเขาไม่! แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตัวเจ้าหกลูกอกตัญญูผู้นี้คือสมองของเขา เขามักคิดการณ์ไกลอยู่เสมอ เขาอยู่ในจวนปี้ปัวมาสองสิบกว่าปี ข้าคิดว่าเขาคงใช้เวลาส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องเหล่านี้…”ในข้อนี้ หยุนลี่เองก็เห็นด้วยไม่มีใครรู้เท่ากับเขาว่าเจ้าหกมีความเจ้าเล่ห์เพียงใดไอ้สารเลวนี้ เมื่อก่อนในจวนปี้ปัวทำตัวขี้ขลาดแน่นอนว่าคงหมกมุ่นอยู่แต่การวางแผนเล่นงานผู้อื่น!ไม่เช่นนั้น ไอ้สารเลวนี้จะมีความเจ้าเล่ห์ได้ถึงเพียงนี้หรือ?“เสด็จพ่อสั่งสอนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่กล่าวด้วยความละอาย
"นี่..." หยุนลี่อ้าปากค้างไปชั่วขณะ แต่ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ เขารู้ดีว่าจักรพรรดิเหวินตรัสอย่างมีเหตุผล ตระกูลใหญ่และขุนนางไม่ได้สนใจว่าใครจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ พวกเขาสนแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ตอนนี้หยุนเจิงมีกองกำลังที่แข็งแกร่ง หากเขาก่อกบฏ เกรงว่าตระกูลใหญ่และขุนนางหลายคนจะเข้าข้างหยุนเจิง บางตระกูลที่มีความทะเยอทะยาน อาจถึงขั้นร่วมมือกันยกทัพก่อกบฏ แค่หยุนเจิงคนเดียวก็จัดการได้ยากมากอยู่แล้ว ถ้าหลังบ้านของเรายังมีปัญหาเพิ่มเติม ราชสำนักอาจไม่มีแม้แต่แรงที่จะต่อต้านเลยก็เป็นได้ หยุนลี่ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจกัดฟันพูดว่า "ลูกจะเชื่อเสด็จพ่อ! เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ลูกจะทำทุกวิถีทางเพื่อลดอำนาจของพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง!" เอาเป็นว่าทำตามนี้! ถ้าไม่จัดการกับพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง เงินทองของตัวเองจะมาจากไหน? เพราะนั่นมันตั้งสี่แสนตำลึงเงินนะ! เงินที่ยึดมาได้จากพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง บางส่วนจะสามารถเข้ากระเป๋าของตัวเองได้ เพื่อชดเชยความเสียหาย ส่วนหนึ่งสามารถนำเข้าคลังหลวง เพื่อนำไปเตรียมการกองทัพและป้องกันหยุนเจิง! "ถูกต้องแล้ว!" จักรพรรดิเห
“เฮ้อ…” จักรพรรดิเหวินถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตบมือหยุนลี่เบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าไปคุยกับเจ้าหกมาเป็นอย่างไรบ้าง?" พอพูดถึงเรื่องนี้ ไฟโทสะที่หยุนลี่เพิ่งกดไว้ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แต่โชคดีที่เขาเพิ่งพ่นเลือดไปสองครั้งและปลอบใจตัวเองมาพอสมควร เลยไม่ถึงกับพ่นเลือดออกมาอีก ถึงจะโกรธแค่ไหน แต่หยุนลี่ก็ยังเล่าเรื่องข้อตกลงระหว่างเขากับหยุนเจิงออกมา "ไอ้ลูกอกตัญญูช่างกล้าบ้าบิ่น!" พอจักรพรรดิเหวินได้ฟังเรื่องราวจากหยุนลี่ ก็โมโหจนหายใจแรง "เสด็จพ่ออย่าทรงกริ้ว ขอให้รักษาพระวรกายไว้ก่อนเถิด..." หยุนลี่รีบยื่นมือไปช่วยประคองลมหายใจของจักรพรรดิเหวินให้สงบลง จักรพรรดิเหวินพ่นลมหายใจอย่างแรงอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดก็เริ่มสงบลงได้ หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิเหวินก็หันไปมองหยุนลี่ด้วยสีหน้าเย็นชา "พรุ่งนี้เจ้าเด็กอกตัญญูยังต้องมาคารวะข้า เจ้าคิดว่าถ้าข้าให้คนซุ่มรอไว้ก่อน จะมีโอกาสจับมันได้ครั้งเดียวหรือไม่?" "ไม่ได้เด็ดขาด!" หยุนลี่รีบห้ามพระองค์จากความคิดบ้าคลั่งนั้น "เสด็จพ่อก็ทรงเห็นแล้วว่าเจ้าหกระวังตัวตลอดเวลา หากจับตัวมันไม่ได้ในการลงมือครั้งเดียว จะยิ่งทำให้มันโกรธแค้น ใน
เมื่อกลับถึงจวนพัก หยุนลี่ก็ระบายความโกรธด้วยการฟันหิมะอย่างบ้าคลั่ง น่าขายหน้า! ขายหน้าสิ้นดี! ทั้งชีวิตนี้เขาไม่เคยขายหน้าขนาดนี้มาก่อน เขารู้ว่าในการมาฟู่โจวครั้งนี้จะต้องถูกหยุนเจิงหลอก แต่ไม่คิดว่าจะโดนเล่นงานถึงขนาดนี้ ทั้งเงิน ทั้งข้าว ทั้งที่ดิน... ตัวเองยังสมควรเป็นองค์รัชทายาทอยู่อีกหรือ? เขากลายเป็นตัวตลกเต็มประตู! น่าชิงชัง! น่าชิงชังที่สุด! หยุนลี่ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เลือดลมภายในร่างพลุ่งพล่านไม่หยุด "พรวด..." เมื่อความโกรธทำให้เลือดลมตีขึ้น หยุนลี่ก็ทนไม่ไหวและพ่นเลือดออกมาคำใหญ่ ร่างของหยุนลี่เซไปมาจนเกือบล้มลงกับพื้น โชคดีที่ในจังหวะที่ร่างกำลังจะทรุดลง เขาปักดาบลงพื้น ใช้ดาบค้ำยันตัวเองไว้ พร้อมคุกเข่าข้างหนึ่ง "องค์รัชทายาทเพคะ!" เหล่าข้ารับใช้รีบร้องตะโกนด้วยความตื่นตกใจ ก่อนกรูเข้ามาหา "ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด..." หยุนลี่ตะโกนเสียงต่ำ ขณะที่ปาดคราบเลือดที่มุมปากออกอย่างลวกๆ เขาไม่ต้องการให้ใครเห็นสภาพอันน่าอับอายของตัวเอง เขาคือองค์รัชทายาทแห่งแผ่นดิน ต่อให้เป็นอย่างไรก็ยังต้องรักษาหน้าตาไว้ เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของหยุนลี่ บรรด
เมื่อเจอคำขู่ของหยุนเจิง หยุนลี่ถึงกับตัวสั่นไปทั้งร่างด้วยความโกรธ ลังเลอยู่นาน ในที่สุดหยุนลี่ก็กัดฟันยอมรับ "ตกลง สี่ล้านตำลึง! เหมือนกับเรื่องเสบียง ให้ชำระภายในสิ้นปี!" เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา หยุนลี่แทบกระอักเลือด เขาเคยคิดไว้ว่าจะพึ่งจางซูผู้เป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติเพื่อหาเงินได้อย่างมหาศาล ตอนนี้ เงินหาได้มาก็จริง แต่ยังไม่ทันได้ใช้ให้คุ้ม เจ้าสุนัขตัวนี้ก็มาจ้องตาเป็นมันแล้ว แถมยังต้องควักทุนสำรองออกมา และไปยืมเงินจากคนอื่นอีก! "ทีนี้มาพูดเรื่องช่างฝีมือกันเถอะ!" หยุนเจิงยิ้มอย่างพึงพอใจ "อย่ามาพูดเรื่องไปหาเอาจากกรมโยธาเลย แค่ช่างต่อเรือสองพันคนเอง ไม่ใช่ว่าสร้างเรือรบสองพันลำ! ข้าอาจไม่ยุ่งเรื่องในราชสำนัก แต่ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ยากสำหรับเจ้า" ไม่ยาก? ในใจหยุนลี่ด่าไม่หยุด นี่มันช่างต่อเรือที่มีการลงทะเบียนเอาไว้! ล้วนมีทะเบียนช่างฝีมืออยู่! ไม่ใช่พวกผู้อพยพสองพันคน! "หนึ่งพัน!" หยุนลี่พยายามระงับโทสะ "จะเคลื่อนย้ายคนที่มีทะเบียนช่างฝีมือเยอะๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย! การควบคุมช่างต่อเรืออาจไม่เข้มงวดเท่าช่างทำเกราะ แต่ถ้ามีทะเบียนติดตัว..."