Share

บทที่ 136

Author: เหลียงซานเหลากุ่ย
“ลูกไม่กลัวพ่ะย่ะค่ะ!”

ทั้งสองกล่าวออกมาพร้อมกัน

จักรพรรดิเหวินได้ยินเช่นนี้ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

เหลียงเฟยเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายแปดและองค์ชายเก้าอยากเข้าร่วม ก็ให้ทั้งสองเข้าร่วมเถอะเพคะ มีองครักษ์ติดตามไปปกป้อง ไม่น่าจะเกิดอันตรายใดหรอกเพคะ”

เหลียงเฟยเป็นมารดาขององค์ชายแปด

ตอนนี้ นอกจากซูเฟยแล้ว สนมที่ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิเหวินมากที่สุดก็คือเหลียงเฟยนั่นเอง

โอกาสเช่นนี้ นางเองก็อยากให้บุตรชายของตนเองได้แสดงฝีมือสักหน่อย

จักรพรรดิเหวินครุ่นคิดอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าพลางตรัสว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าทั้งสองก็เข้าร่วมเถอะ เห็นแก่ที่พวกเจ้าอายุยังน้อย สัตว์ที่พวกเจ้าล่ามาได้ข้าจะนับเป็นจำนวนสองเท่า!”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”

ทั้งสองดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

หยุนเจิงเห็นเช่นนี้ก็แอบแสยะยิ้มไม่ได้

เจ้าปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคนนี่!

ขนยังไม่ทันงอก คิดจะอวดดีอย่างนั้นหรือ!

“เจ้าหก!”

จักรพรรดิเหวินมองไปที่หยุนเจิงอีกครั้ง “เบิกตามองน้องแปด น้องเก้าของเจ้าดูซิ พวกเขาอายุเพียงเท่านี้กลับล่าสัตว์เป็นแล้ว เจ้าไม่รู้สึกอับอายขายหน้าน้อง
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 137

    “ตามข้ามา! อย่าได้ถ่วงเวลาข้าล่ะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนมุ่งไปข้างหน้า แต่ไม่ลืมที่จะหันกลับมาจ้องเขม็งหยุนเจิง“เอาล่ะ เลิกมองหน้าข้าได้แล้ว! เดี๋ยวก็พลาดเหยื่อหรอก!”หยุนเจิงกรอกตามองบนให้นาง ในใจกลัดกลุ้มใจเล็กน้อยตาเฒ่านั่นก็จริงๆ เลย อยากทดสอบเหล่าบรรดาบุตรตนเองว่าคนใดเหมาะสมที่จะเป็นองค์รัชทายาทก็ทดสอบไปสิ เหตุใดต้องมาทรมานข้าด้วยเล่า!อย่างไรเสียข้าก็ไม่มีโอกาสได้เป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้ว!อยากให้ข้าหลีกทาง ก็ช่วยหาเหตุผลง่ายๆ ไม่ได้หรือไรถึงต้องให้ตนล่าสัตว์ให้ได้!โชคดีที่ช่วงนี้ได้ฝึกขี่ม้ามาบ้างมิเช่นนั้นเกรงว่ามีหวังต้องร่วงมาจากหลังแม้เป็นแน่หยุนเจิงตามหลังเสิ่นลั่วเยี่ยนไปพลางแอบบ่นตลอดทางเสิ่นลั่วเยี่ยนยังคงโกรธอยู่ และไม่มีกะจิตกะใจที่จะพูดคุยกับหยุนเจิง ดวงตาหงส์คู่นั้นของนางสังเกตไปรอบๆ เพื่อหาร่องรอยของเหยื่อทว่า พวกเขาเดินทางออกมาระยะทางประมาณสิบกว่าลี้แล้ว แต่กลับไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของสิงสาราสัตว์สักตัวช่างผิดปกติยิ่งนัก!หยุนเจิงขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความฉงนสงสัยพวกเขาเดินทางมาไกลจนถึงตอนนี้แล้ว เหตุใดถึงไม่เห็นเหยื่อสักตัวนี่มันหนานย่วนเชียวนะ!

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 138

    โจวมี่กล่าวโน้มน้าวอีกครั้งองครักษ์คนอื่นๆ ต่างก็พากันโน้มน้าวตามไปด้วยอย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนฆ่ากวางซีกาตัวนี้หากรักษาหน้าตาตนเองในตอนนี้ เมื่อถึงเวลาพ่ายแพ้ มีหวังคงต้องยอมรับโทษแต่โดยดี“ไม่ได้!”หยุนเจิงปฏิเสธอีกครั้ง “ห้ามพูดว่าจะเอากวางซีกาตัวนี้มาเป็นของตนได้แล้ว มิเช่นนั้น กลับจวนไปข้าฟาดห้าสิบไม้ด้วยตัวข้าเอง!”เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง องครักษ์เหล่านี้ก็เงียบปากลงทันที และไม่กล้าเอ่ยปากกล่าวสิ่งใดอีก“ไม่เลวเลย นับว่ามีความทะนงตนอยู่บ้าง!”ยากมากที่จะได้เห็นเสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวชื่นชมหยุนเจิงเช่นนี้ กล่าวจบนางก็กระโดดขึ้นหลังม้า “หาเหยื่อต่อไป! ข้าจะล่าเหยื่อด้วยความสามารถของข้าเอง! เหยื่อที่ข้าไม่ได้ฆ่าด้วยตัวเอง ข้าๆไม่ต้องการ!”ในขณะที่กล่าวนั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ควบม้ามุ่งหน้าพุ่งออกมาจากป่านั้นหยุนเจิงแอบชื่นชมนางอยู่ในใจ และนำองครักษ์ตามนางไปหญิงสาวผู้นี้ดุไปหน่อย ไม่ได้ปราดเปรียวมากนัก แต่นิสัยใจคอไม่เลวเลยคนกลุ่มหนึ่งตามหาเหยื่อต่อไปเพียงแต่ว่า ตามหาอยู่นานก็ไม่พบร่องรอยของสัตว์ตัวเป็นๆ เลย แต่กลับเจอกับสัตว์ท

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 139

    พวกเขารออยู่ที่เดิม จนกระทั่งเสิ่นลั่วเยี่ยนขี่ม้ากลับมาบนหลังม้ามีกวางซีกาสองตัว และกระต่ายจำนวนหลายตัวเมื่อเห็นเสิ่นลั่วเยี่ยนกลับมาพร้อมกับเหยื่อมากมายเช่นนี้ เหล่าองครักษ์ก็ตื่นเต้นดีใจดีใจเป็นอย่างยิ่งจนกระทั่งควบม้าไปหาเสิ่นลั่วเยี่ยน ช่วยนางแบกเหยื่อที่ล่ามาได้หยุนเจิงคร่ำครวญอยู่ในใจ ขมวดคิ้วจ้องมองไปที่เสิ่นลั่วเยี่ยน“มองอะไรของเจ้า?”เสิ่นลั่วเยี่ยนควบม้ามาตรงหน้าหยุนเจิง “ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้าเป็นตัวซวย! ตอนนี้เจ้าเชื่อข้าหรือยัง?”หยุนเจิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งขมวดคิ้วเป็นปมขึ้น ก่อนจะตะโกนสั่งองครักษ์ว่า “ทิ้งสัตว์พวกนี้ให้หมด! อย่าให้เหลือแม้แต่ตัวเดียว!”“นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว “ข้าลำบากลำบนกว่าจะล่าสัตว์พวกนี้มาได้สักตัว เจ้ามัสิทธิ์อันใดให้พวกเขาเอาสัตว์ไปทิ้ง เจ้าอยากโดนลงโทษหรืออย่างไร อย่าหาเรื่องให้ข้าลำบากกับเจ้าไปด้วยเลย!”“นี่เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไง?”สีหน้าของหยุนเจิงเคร่งขรึมจริงจังขึ้น “พวกเราหาเหยื่อมาตั้งนานแต่ก็ไม่เจอสัตว์ตัวเป็นๆ สักตัว เจ้าออกไปไม่นานก็ได้เหยื่อมามากมายปานนี้ เจ้าจะบอกว่าเหยื่อพวกนี

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 140

    “เฮ้ย เจ้าหก นี่มันเกิดอันใดขึ้นกับพวกเจ้ากันเนี่ย? ”หยุนลี่บังคับม้ามาข้างๆ หยุนเจิง มองหยุนเจิงและพวกด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “หนานย่วนมีสัตว์มากมายเป็นขโยง นี่พวกเจ้าไม่ได้กลับมาสักตัวเลยหรือ?”“โชคไม่ดี” หยุนเจิงตอบผ่านไปที แต่ในใจแอบสบถด่าพวกเขาว่าบัดซบให้พวกเจ้าลำพองใจไปก่อนเถอะ!ประเดี๋ยวก็จะถึงคราวที่พวกเจ้าต้องปาดน้ำตาบ้าง!“โชคไม่ดีอย่างนั้นหรือ?”หยุนลี่หัวเราะเยาะเสียงดัง และกล่าวเย้ยหยันว่า “ข้าว่าเจ้ายิงธนูไม่เป็นมากกว่า ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่ออนุญาตให้ว่าที่ชายาของเจ้าเป็นคนช่วยเจ้าล่าสัตว์ แต่นี่ไม่ได้กลับมาสักตัวเลยหรือ เสด็จพ่อเพิ่งจะบอกไปว่าเจ้าเป็นบุตรีของท่านแม่ทัพผู้แข็งแกร่งไม่ใช่หรอกหรือ?”“องค์ชายสาม!”เสิ่นลั่วเยี่ยนกัดฟันกรอดจ้องหน้าหยุนลี่ “ดูถูกข้าได้ แต่อย่ามาดูถูกท่านพ่อของข้า!”“น้องสะใภ้ เจ้าเข้าใจข้าผิดไปแล้ว” หยุนลี่กล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยันว่า “ข้าขอเดาว่า เจ้าน่ะไม่ใช่คนไร้ความสามารถหรอก แต่เจ้าคงจะอยู่กับเจ้าหกมากเกินไป ก็เลยติดเชื้อเจ้าหกเข้าแล้ว”เสิ่นลั่วเยี่ยนโกรธกับคำพูดนี้มาก หันขวับไปจ้องหน้าหยุนเจิง แอบสบถด่าในใจอยากจะรักษาหน้าตาก็ยอมร

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 141

    ไม่นานนัก หยุนเจิงและพวกก็กลับมาถึงรถม้าของพวกเขาเมื่อพวกเขากลับมาถึง องค์ชายคนอื่นๆ ก็กลับมากันหมดแล้วแต่ละคนกลับมาพร้อมกับผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมบนพื้นเต็มไปด้วยสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่มากมายแม้แต่เจ้าแปดที่อายุเพียงสิบสามปี ตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยเหยื่อจำนวนไม่น้อยนอกจากหยุนเจิงแล้ว ก็มีเจ้าเก้าที่อายุเพียงสิบเอ็ดปีที่กลับมามือเปล่าเมื่อเห็นหยุนเจิงและพวกกลับมามือเปล่าเช่นนี้ ทุกคนต่างหัวเราะเย้ยหยันขึ้น “เจ้าหก เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ได้เหยื่อมาสักตัว?”“ช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก! น้องสะใภ้ก็ช่วยเจ้าแล้ว เหตุใดถึงไม่ได้เหยื่ออีกเล่า?”“ข้าว่าเจ้าหกเห็นแก่หน้าตา ก็เลยไม่สะดวกใจที่จะให้น้องสะใภ้ลงมือมากกว่า”“แต่ข้าเดาว่า เจ้าหกมีจิตใจเมตตา ทนที่จะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่ได้เป็นแน่…”ต่อหน้าพระพักตร์จักรพรรดิเหวิน แม้องค์ชายทั้งหกจะมีความสำรวม แต่ความเย้ยหยันที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้นยังคงเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแม้แต่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าแปดก็ร่วมความครึกครื้นนี้ด้วยหยุนเจิงคร้านจะสนใจคนพวกนี้ จึงหันไปมองเยี่ยจื่อทั้งสองสบตากัน เยี่ยจื่ิอพยักหน้าเบาๆ หยุนเจิงจึงวางใจ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 142

    “ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงโค้งคำนับอีกครั้ง“ดี! ยอมรับโทษแต่โดยดีก็ดี!”จักรพรรดิเหวินพยักหน้าและตรัสด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าหลบไปก่อน ประเดี๋ยวข้าจะจัดการเจ้าทีหลัง!”หยุนเจิงน้อมรับพระบัญชา พาเสิ่นลั่วเยี่ยนและพวกหลบไปอยู่ข้างๆ เยี่ยจื่อ“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกับพวกเจ้ากันแน่?”เยี่ยจื่อกระซิบถามหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนเสียงเบาด้วยความสงสัย“อย่าได้เอ่ยเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนตอบอย่างไม่สบอารมณ์ พลางจ้องเขม็งไปที่หยุนเจิงด้วยความโกรธเกรี้ยวหยุนเจิงไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด แอบส่งสายตาเป็นนัยบอกให้เยี่ยจื่อรอดูละครฉากใหญ่ห๊ะ?เยี่ยจื่อไม่เข้าใจนัก และนางก็อดคิดสงสัยไม่ได้หรือหยุนเจิงจะมีแผนสำรองเอาไว้?ทว่า เหตุใดตอนนี้ถึงยังนิ่งสงบอยู่อีกและในขณะที่เยี่ยจื่อกำลังฉงนสงสัยอยู่นี้เอง จักรพรรดิเหวินลุกยืนขึ้นอย่างช้าๆมองดูเหยื่อเหล่านี้ที่วางอยู่ตรงหน้าโอรสของตนก็อดที่จะพยักหน้าไม่ได้“อืม ไม่เลวเลย! แต่ละคนไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ!”จักรพรรดิเหวินพลางพยักหน้า พลางเดินผ่านเหยื่อที่ตั้งอยู่ตรงหน้าขององค์ชายแต่ละคน ทั้งยังรับสั่งว่า “มู่ซุ่น รีบให้คนมานับจำ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 143

    มู่ซุ่นรายงานทีละคนนอกจากเจ้าแปดแล้ว จำนวนสัตว์ที่ถูกล่าของคนอื่นๆ ล้วนแต่ได้มานับสิบกว่าตัวทั้งสิ้นด้วยจำนวนสัตว์ที่ล่ามาได้จำนวนสิบแปดตัวของหยุนลี่นั้น เขาจึงมองทุกคนอย่างเย้ยหยันทว่า เจ้าแปดล่ามาได้เพียงแค่เก้าตัวเท่านั้นตามที่จักรพรรดิเหวินได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้จำนวนสัตว์ที่เจ้าแปดและเจ้าเก้าล่ามาได้นับเป็นจำนวนสองเท่าหากคิดเช่นนี้ นั่นหมายความว่าหยุนลี่กับเจ้าแปดนับว่าเสมอกัน…“อืม ไม่เลว ไม่เลวเลย!”จักรพรรดิเหวินค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ สายตาจ้องมองไปที่หมีตัวที่หยุนลี่ล่ามาได้ และกล่าวกับเจ้าแปดว่า “เจ้าแปด แม้ว่าเจ้าและพี่สามของเจ้าจะเสมอกัน แต่พี่สามของเจ้าล่าหมีตัวหนึ่งมาได้ ข้าจะถือว่าพี่สามของเจ้าเป็นผู้ชนะ เจ้ามีความเห็นเช่นไร?”“ลูกมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ”แม้ในใจองค์ชายแปดจะไม่ยอมจำนน แต่ก็ทำได้เพียงแค่เก็บมันเอาไว้ภายในใจเท่านั้น “ฝ่าบาทเพคะ”ทันใดนั้นเองเหลียงเฟยก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “แม้เจ้าสามจะล่าหมีมาได้ แต่เจ้าแปดก็มีอายุเพียงแค่สิบสามปีเท่านั้น เขาล่าสัตว์มาได้ถึงเก้าตัว ก็นับว่ามีความสามารถที่หาได้ยากแล้วนะเพคะ”เมื่อได้ยินเหล

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 144

    จักรพรรดิเหวินหันไปตรัสถามหยุนลี่หยุนลี่รีบกล่าวสิ่งที่ทั้งสองได้เดิมพันกันเอาไว้ออกมาทันทีสีพระพักตร์ของจักรพรรดิเหวินเคร่งขรึมลงมาก และตะคอกถามว่า “เจ้าหก นี่เจ้ากำลังอิจฉาริษยาพี่สามของเจ้าอยู่หรือไม่?”หยุนเจิงส่ายหน้าพลางกล่าว “ลูกมิบังอาจอิจฉาริษยาพี่สามพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเหตุใดเจ้าถึงเดิมพันกับพี่สามของเจ้า?” จักรพรรดิเหวินเค้นถามหยุนเจิงทำท่าทางคิดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า “คือลูก…ลูกแค่ไม่อยากเห็นพี่สามชนะ…”“ดูเหมือนเจ้าจะมีอคติกับพี่สามของเจ้ามากเลยสินะ!”จักรพรรดิเหวินหรี่ตาเล็กน้อยจ้องมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก“ไม่ใช่นะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงโบกมือปฏิเสธอย่างแรง “ลูกไม่ได้มีอคติกับพี่สามนะพ่ะย่ะค่ะ ลูกแค่ถูกพี่สามเยาะเย้ยว่าลูกล่าสัตว์ไม่ได้ ลูกก็เลยน้อยใจ ก็เลย…”“เหลวไหล!”หยุนลี่รีบแย้งทันที “ข้าไปเยาะเย้ยเจ้าตอนไหน ข้าหวังดีอยากจะแบ่งสัตว์ที่ล่ามาได้ให้เจ้าสองตัวด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับปฏิเสธน้ำใจ เจ้าหก ข้ารู้ว่าเจ้ามีอคติกับข้าตั้งแต่เจ้าถูกลอบสังหารในครั้งที่แล้ว แต่ข้ากล้าสาบานต่อสวรรค์ว่าข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข

Latest chapter

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1506

    "พวกเจ้าลำบากกันมากจริงๆ!" หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พลางหยุดบทสนทนาของสองพี่น้อง ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอุ่นวาบ เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้น "ฝ่าบาท รีบไปดูเจ้าหนูน้อยของพวกเราเถิด..." ในระหว่างที่เสิ่นลั่วเยี่ยนพูด ฮูหยินเสิ่นก็อุ้มเด็กน้อยเข้ามาส่งให้หยุนเจิง หยุนเจิงยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว เพื่อจะรับเด็กมาอุ้ม แต่เมื่อมือยื่นออกไปแล้ว กลับชะงักค้างอยู่ตรงนั้น เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มอุ้มอย่างไรดี ในฐานะคนเป็นพ่อครั้งแรก เขาทั้งตื่นเต้นและประหม่า แม้แต่การอุ้มลูกก็กลัวว่าจะทำผิดวิธี และทำให้เด็กที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้รับบาดเจ็บ เมื่อเห็นท่าทางลำบากใจของหยุนเจิง ทุกคนรอบข้างก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ "ไม่เป็นไร!" ฮูหยินเสิ่นสังเกตเห็นความกังวลของหยุนเจิง จึงพูดปลอบพร้อมกับยื่นเด็กน้อยส่งให้เขา "เด็กไม่ได้เปราะบางอย่างที่เจ้าคิด อุ้มแบบข้านี่ก็พอแล้ว..." "โอ้ ได้ๆ..." หยุนเจิงมองดูท่าทางการอุ้มของฮูหยินเสิ่นอย่างละเอียด ก่อนจะรับเด็กมาด้วยความระมัดระวัง เขาอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนด้วยความตื่นเต้นและความสงสัย พลางก้มหน้ามองลูกของตัวเอง บอกตาม

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1505

    วันถัดมา หยุนเจิงและเจียเหยาก็นำคนเดินทางออกไป หยุนเจิงเร่งรีบที่จะกลับเมืองติ้งเป่ย จึงพาเพียงกองทหารองครักษ์ 200 นายเท่านั้น ปล่อยกองทัพส่วนใหญ่ที่เหลือไว้เบื้องหลัง ขบวนเดินทางด้วยความรวดเร็ว มุ่งหน้ากลับติ้งเป่ยอย่างเร่งด่วน พวกเขาเพิ่งผ่านด่านเป่ยลู่มาได้ไม่นาน ก็พบผู้ส่งสารจากติ้งเป่ยที่เดินทางมารายงานข่าว "ขอรายงานฝ่าบาท พระชายาอ๋องประสูติเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ พระโอรสและพระชายาปลอดภัยดี!" ผู้ส่งสารรายงานด้วยความตื่นเต้น เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หยุนเจิงถึงกับชะงักเล็กน้อย เสิ่นลั่วเยี่ยนคลอดแล้ว? เจ้าหนูน้อยนี่ รีบร้อนจะเกิดเสียจริง! ทั้งที่ตนเองเร่งรีบกลับมาแทบตาย แต่สุดท้ายก็ไม่ทันช่วงเวลาที่ลูกคนแรกของตนเกิด คิดได้เช่นนี้ หยุนเจิงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่าทั้งเสิ่นลั่วเยี่ยนและลูกปลอดภัยดี หินหนักในใจของหยุนเจิงก็เหมือนถูกยกออกไป "ยินดีกับฝ่าบาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ!" เหล่ากองทหารองครักษ์พากันกล่าวแสดงความยินดีต่อหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนให้กำเนิดรัชทายาทแล้ว หมายความว่าอ๋องติ้งเป่ยมีทายาทสืบทอดแล้ว! พูดแบบไม่เกรงใจ หากหยุนเจิงเกิดเหตุ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1504

    "คำพูดเช่นนี้ หากตอบกลับไม่ดี อาจจบลงด้วยการถูกส่งตัวเข้าคุก เมื่อเห็นลู่เตี้ยนถูกกดดันจนพูดไม่ออก ขุนนางฝ่ายขวาผู้ปรึกษาพระราชกิจรีบลุกขึ้นกล่าว “ฝ่าบาท ราชสำนักมีบทกฎหมายของราชสำนัก พวกเราทั้งหลายล้วนเป็นขุนนางราชสำนัก หากไม่มีความผิด แม้แต่ฝ่าบาทยังไม่มีสิทธิ์บังคับให้พวกเราทั้งหลายออกแรงงานเช่นนี้ ฝ่าบาททรงปฏิบัติกับพวกเราทั้งหลายเช่นนี้ ย่อมเป็นการละเมิดบทกฎหมายของราชสำนัก” ไม่เสียชื่อขุนนางผู้ปรึกษาฝ่ายขวา ที่เปิดปากก็หยิบยกบทกฎหมายราชสำนักขึ้นมาอ้าง นี่คือกลยุทธ์ที่พวกขุนนางผู้มีหน้าที่ชี้แนะมักใช้อยู่เสมอ กฎหมายราชสำนักอยู่ที่นั่นหยุนเจิงยังไม่มีอำนาจแก้ไขกฎหมายราชสำนักได้ แม้เขาจะเป็นผู้บัญชาการเขตซั่วเป่ย และมีกฎหมายเฉพาะของตนเอง แต่กฎหมายของเขาก็ใช้ได้แค่ในเขตซั่วเป่ย ยิ่งไปกว่านั้น เขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือยังไม่ขึ้นกับเขตซั่วเป่ย “ข้าพูดแล้วว่า พวกเจ้าไม่ได้มีความผิด และข้าก็ไม่ได้จะให้พวกเจ้าไปออกแรงงาน นี่เรียกว่าการสัมผัสความทุกข์ยากของราษฎรต่างหาก!” หยุนเจิงมองชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา “เมื่อไม่นานมานี้ เสด็จพ่อของข้าเสด็จมายังซั่วเป่ย

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1503

    เมื่อได้ยินคำกล่าวแบบ “นักปราชญ์” ของหยุนเจิง ทุกคนถึงกับหันไปมองหน้ากันด้วยความงุนงง พวกเขาเข้าใจความหมายตามตัวอักษรของคำพูดนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่หยุนเจิงต้องการสื่อจริงๆ คืออะไร? ทุกข์ทนจิตใจ เหน็ดเหนื่อยกายา อดอยากเนื้อหนัง? หลังนิ่งอึ้งไปนาน ในที่สุดลู่เตี้ยนก็รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นว่า “โปรดให้อภัยที่ข้าน้อยโง่เขลา ไม่ทราบฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไร?” “ยังไม่เข้าใจอีกหรือ?” หยุนเจิงยิ้ม “ที่ชายแดนชิงนั้น ข้ามีเหมืองสำหรับเก็บรวบรวมถ่านหินร่วนแห่งหนึ่ง ข้าตั้งใจจะให้พวกท่านไปสัมผัสถึงความทุกข์ยากของราษฎรก่อน เพื่อที่เมื่อถึงเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ จะได้สามารถรับผิดชอบภารกิจที่เสด็จพ่อมอบหมายให้ได้อย่างดียิ่งขึ้น” เมื่อคำพูดของหยุนเจิงจบลง ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนสีไปตามกัน เหมือง...เหมืองถ่านหิน? หยุนเจิงถึงกับต้องการให้พวกเขาไปทำงานเก็บถ่านหินในเหมือง? บ้าหรือเปล่า? คนเหล่านี้ต่ำสุดก็เป็นขุนนางตำแหน่งห้าขั้นล่างสุด แต่กลับให้พวกเขาไปทำงานเหมือง? นี่คิดจะใช้พวกเขาเป็นแรงงานเช่นนั้นหรือ? ในชั่วพริบตา ความหวาดกลัวและความโกรธผุดขึ้นในใจของทุ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1502

    "เมื่อได้ยินพวกเขาแนะนำตัวทีละคนๆ หยุนเจิงก็เอ่ยในใจว่าดีจริงๆ!แต่ละคนล้วนมีตำแหน่งในราชสำนักไม่น้อยเลย ต่ำสุดยังเป็นขุนนางตำแหน่งขั้นห้า ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้ยังไม่ถือว่าแก่เลย อนาคตยังมีพื้นที่ให้ไต่เต้าขึ้นอีกมาก สำหรับหยุนเจิง นี่นับว่าเป็นของขวัญอันล้ำค่ามาก! ล้ำค่ายิ่งกว่าของขวัญที่เขาได้รับในวันแต่งงานเสียอีก! นี่สิถึงจะเรียกได้ว่าเป็นของขวัญแต่งงานที่แท้จริง! เมื่อทุกคนแนะนำตัวเสร็จ หยุนเจิงก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นกล่าวว่า “พระชายาอ๋องกำลังจะคลอด บัดนี้ข้าต้องรีบเดินทางกลับเมืองติ้งเป่ย วันนี้ก็ถือเสียว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับล่วงหน้าสำหรับพวกท่านแล้วกัน” “ขอบพระทัยฝ่าบาท!” ทุกคนลุกขึ้นยืนทำความเคารพพร้อมเพรียงกัน ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ พวกเขาก็ถูกส่งมาแล้ว สถานการณ์ในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือเป็นอย่างไรนั้น ทุกคนต่างรู้กันดี เขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือนั้นในนามเป็นของราชสำนัก เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ก็ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก แต่ปัญหาคือ ด่านเป่ยลู่ขวางอยู่ตรงนั้น กองทัพและคำสั่งจากราชสำนักไม่สามารถผ่านด่านเป่ยลู่ไปถึงเขตป

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1501

    “นี่คือรายชื่อของขวัญทั้งหมด ขอเชิญท่านอ๋องตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ” ในช่วงบ่าย อวี๋ฝูนำคนมาจัดการบันทึกรายการของขวัญที่ได้รับจากงานแต่งของหยุนเจิงจนเสร็จสิ้น “ดีมาก ทำงานได้คล่องแคล่วดี” หยุนเจิงรับสมุดเล่มเล็กมาด้วยรอยยิ้ม และไม่ลืมที่จะชมอวี๋ฝูก่อน “เป็นหน้าที่ของข้าน้อยอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวี๋ฝูตอบด้วยท่าทีเคารพ “เอาล่ะ ข้าจะตรวจดูเอง เจ้าถอยไปก่อนเถิด” “ข้าน้อยขอทูลลา!” อวี๋ฝูก้มตัวคำนับก่อนจะถอยออกไป หยุนเจิงเดินถือสมุดเล่มเล็กไปนั่งในลานบ้าน เปิดสมุดด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม การแต่งงานระหว่างตนกับเจียเหยาเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น ของขวัญที่ได้รับ ย่อมต้องมีระดับกันบ้าง! นี่น่าจะเป็นรายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว! พูดก็พูดเถอะ เจ้าสามไม่ใช่กำลังขาดเงินอยู่หรือ? ถ้าเขาจัดงานแต่งทุกๆ ไม่กี่ปี เงินทองก็ไหลมาเทมาเองแล้วกระมัง? เฮ้อ! เป็นองค์รัชทายาททั้งที ยังไม่รู้จักหาเงินอีก เสียทีที่ได้ชื่อว่าเป็นองค์รัชทายาท หยุนเจิงแอบวิจารณ์หยุนลี่ในใจ ขณะพลิกเปิดสมุดเล่มเล็กอย่างช้าๆ จะเห็นได้ว่า อวี๋ฝูเป็นผู้ดูแลที่ยอดเยี่ยมมาก เขาไม่เพียง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1500

    ตอนนี้หยุนเจิงไม่มีเวลามากพอที่จะค่อยๆ แยกแยะว่าใครซื่อสัตย์หรือไม่ซื่อสัตย์ จึงต้องใช้วิธีการที่เด็ดขาด ฆ่าบางคน ให้รางวัลบางคน และกดดันบางคน! ว่าแต่จะฆ่าใคร ให้รางวัลใคร หรือกดดันใคร เขาเองก็ยังไม่แน่ใจนัก อย่างไรก็ตาม ในฟู่โจวที่กว้างใหญ่นี้ ย่อมต้องมีขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างแน่นอน ในภายหลัง เขาก็จะใช้คนเหล่านั้นมาเป็นเป้าหมายจัดการ ขุนนางใหม่มารับตำแหน่ง ย่อมต้องจุดไฟสามดวงให้ลุกโชน! ขณะที่หยุนเจิงกำลังครุ่นคิด เจียเหยาก็เดินเข้ามาหาเขา “พวกเราจะออกเดินทางเมื่อไรหรือ?” ทันทีที่มาถึง เจียเหยาก็ถามขึ้น “พรุ่งนี้เถอะ!” หยุนเจิงบีบขมับที่เริ่มปวดเล็กน้อย “วางใจเถอะ ข้าอยากกลับติ้งเป่ยมากกว่าเจ้าซะอีก!” “เรื่องนี้ข้าเชื่อ” เจียเหยายิ้มเล็กน้อย ก่อนถามต่อ “เจ้ากำลังปวดหัวเรื่องการบริหารฟู่โจวหรือ?” “ใช่แล้ว!” หยุนเจิงไม่ปฏิเสธ “ข้าเกิดมาเพื่อเป็นแม่ทัพนำทัพออกรบ เรื่องการปกครองบ้านเมือง ข้าไม่ถนัดเลยจริงๆ...” ในชีวิตก่อน มีคนสอนเขารบ แต่ไม่มีใครสอนเขาเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ยิ่งกว่านั้น ชายคนนี้ที่ร่างเดิมเป็นของเขาก็ไม่เคยเรียนร

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1499

    หลังจากจักรพรรดิเหวินและหยุนลี่เสด็จออกจากหัวเมืองสี่ทิศไปแล้ว หยุนเจิงเองก็เตรียมตัวจะออกเดินทางเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ก่อนจะออกเดินทาง เขายังต้องจัดการเรื่องการบริหารบ้านเมืองในฟู่โจวให้เรียบร้อย อย่างน้อยต้องให้ขุนนางทุกระดับปฏิบัติหน้าที่ของตน ตอนนี้เขายังไม่มีเวลาหรือความคิดที่จะลงมือจัดการกับขุนนางเหล่านี้ หากออกแรงกดดันมากเกินไป เกรงว่าฟู่โจวอาจจะวุ่นวายจนควบคุมไม่อยู่ เขาต้องการให้ขุนนางเหล่านี้อยู่ในความสงบก่อน รอจนเขาจัดการเรื่องในมือเสร็จสิ้น ค่อยปรับเปลี่ยนขุนนางในฟู่โจวทีหลัง แม้ฟู่โจวจะเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดินแดนนอกด่าน แต่ราชการในฟู่โจวย่อมซับซ้อนกว่าดินแดนนอกด่านมาก หากเร่งรีบเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาไม่จำเป็นได้ ด้วยเหตุนี้ หยุนเจิงจึงใช้โอกาสที่ขุนนางที่มาร่วมงานแต่งของเขาและเจียเหยายังไม่กลับ เรียกพวกเขามารวมตัวกันที่จวนของเขา เขาไม่ได้รู้จักขุนนางเหล่านี้ดีนัก จึงได้มอบหมายให้จี้หราน อดีตเจ้าเมืองฟู่โจว รักษาการในหน้าที่บริหารบ้านเมืองฟู่โจวไปก่อน หลังจากประกาศเรื่องนี้เสร็จ หยุนเจิงก็กล่าวเตือนขุนนางทั้งหลายว่า “ข้าเป็นคนที่นำทัพออกศึก อารมณ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1498

    “อืม เรื่องนี้เจ้าต้องใส่ใจให้มาก!” จักรพรรดิเหวินตรัสเตือน “อย่าปล่อยให้คนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่รอบตัวเจ้าเพื่อสืบข่าวอีกต่อไป!” ในชั่วขณะนั้น หยุนลี่เริ่มคิดถึงผู้คนที่เคยร่วมวางแผนกำจัดหยุนเจิงกับเขาก่อนหน้านี้ เฉียวเหยียนเซียน ฮั่วเหวินจิ้ง... แม้กระทั่งหยวนกุยก็ยังไม่รอดพ้นจากความสงสัยของเขา แต่จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ไม่มีใครแสดงพฤติกรรมน่าสงสัย หรือว่า คนของเจ้าหกที่แฝงตัวอยู่ จะซ่อนตัวได้ลึกถึงเพียงนี้? “กลับเมืองหลวงแล้วค่อยตรวจสอบอย่างละเอียดอีกที!” จักรพรรดิเหวินยกพระหัตถ์ขึ้นเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้หยุนลี่วางใจ ก่อนจะมองเขาด้วยความอ่อนโยน “ข้ารู้ว่าเจ้าถูกเจ้าหกบีบเงินไปถึงสี่ล้านตำลึง ในใจเจ้าคงอึดอัดและเจ็บปวด ข้าจึงให้จางซูช่วยสร้างโรงกลั่นสุราไว้ กลับไป ข้าจะยกโรงกลั่นนั้นให้เจ้า” “เสด็จพ่อ เรื่องนี้... ลูกไม่อาจรับได้พ่ะย่ะค่ะ!” หยุนลี่ตกใจ รีบปฏิเสธพร้อมกับโบกมือไปมา “ไม่มีอะไรที่เจ้าจะรับไม่ได้! แผ่นดินนี้ข้าก็จะยกให้เจ้าแล้ว ข้ายังจะมาสนใจโรงกลั่นสุราอีกหรือ?” จักรพรรดิเหวินตรัสพร้อมส่ายพระพักตร์เบาๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status