“โง่เง่า ไอพวกงานการทำไม่สำเร็จเรื่องล้มเหลวเก่งนัก!”ชายแดนของโฉวฉื่อและแคว้นต้าเย่ว์ ผู้บัญชาการหลักอวี้ไท่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเวลาเพียงชั่วพริบตา อวี้โม่แทบทนไม่ไหวอยากบุกไปที่เมืองอวี้เฟิงเดี๋ยวนี้ ฆ่าคนทรยศในราชสำนักให้หมดอวี้ไท่ไม่เชื่อคำทำนายสิ่งใดนั่นเขาเชื่อมั่นเถี่ยสงเต็มร้อยเถี่ยสงอารักขาด่านเทียนฉง เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าด่านเทียนฉงจะถูกตีแตกแต่สถานการณ์ตรงหน้า เพราะคำทำนายไร้สาระ บวกกับคำดูหมิ่นของพวกคนทรยศ นึกไม่ถึงต้าอ๋องจะสั่งคนมาถ่ายทอดคำสั่ง ให้องค์ชายรองหยวนเว่ยนำทหารชั้นยอดหนึ่งหมื่นคนรีบไปแทนที่ด่านเทียนฉงอวี้ไท่เป็นแม่ทัพผู้เฒ่าแล้วเขาจะไม่รู้จุดประสงค์ของคำสั่งหยวนซู่ได้เช่นไรหยวนซู่เกิดความสงสัยเถี่ยสงแล้ว กลัวเถี่ยสงยอมจำนนต่อศัตรูให้หยวนเว่ยนำทหารชั้นยอดหนึ่งหมื่นคนไป ก็เพื่อรับมอบอำนาจทางทหารได้อย่างราบรื่น!หากเถี่ยสงไม่ยอมส่งมอบอำนาจทหาร ทหารหนึ่งหมื่นที่หยวนเว่ยบัญชาการก็จะปิดเส้นทางข้างหลัง ตัดขาดเส้นทางเสบียงของด่านเทียนฉงแม่ทัพใหญ่ที่อารักขาชายแดนคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะถูกเปลี่ยนเพราะคำทำนายไร้สาระ อีกทั้งเป็นเวลาอยู่ต่อหน้าศัตรู
อวี้ไท่ในฐานะแม่ทัพอันดับหนึ่งของโฉวฉื่อ มีมาตรฐานอย่างมากแม้โหลวอวี้ในใจจะรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ทว่าคำอธิบายของอวี้ไท่ เขาหาข้อบกพร่องไม่ได้แม้แต่น้อยโหลวอวี้ดูออกทะลุปรุโปร่งแต่ไม่ชี้ให้กระจ่าง เพียงแค่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แม่ทัพอวี้ ความสำคัญของศึกครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับเจ้านานมากแล้ว ข้าหวังว่า เจ้าข้าร่วมมือกันด้วยความจริงใจ เอาชนะกองทหารมณฑลทางเหนือในคราวเดียว อย่าเอาแต่คิดรักษาความแข็งแกร่ง...”“องค์ชายวางใจ ข้าไม่ใช่คนสายตาคับแคบอวี้ไท่พยักหน้าหนักแน่น “ปล่อยให้กองทหารมณฑลทางเหนือเติบโตต่อไป พวกเราสองแคว้นต้องถูกกลืนกินไม่ช้าก็เร็ว!”“อื้ม! แม่ทัพอวี้เข้าใจก็ดีแล้ว” โหลวอวี้หัวเราะอย่างพอใจ “อีกอย่าง ขอให้แม่ทัพอวี้ส่งหน่วยสอดแนมเยอะหน่อย อย่าปล่อยโอกาสให้ทัพศัตรูจู่โจมพวกเรา เรื่องก่อนหน้านี้ หากมีอีกครั้งที่สอง ข้าเองก็ไม่อาจอธิบายกับทหารภายในค่ายได้”กล่าวถึงเรื่องก่อนหน้านี้ รอยยิ้มบนใบหน้าโหลวอวี้ค่อยๆ หายไปหลายคืนก่อน กองกำลังของแคว้นต้าเย่ว์พบการโจมตีตามรายงานของคนในค่าย คนเหล่านั้นล้วนสวมชุดเกราะของทัพโฉวฉื่อแม่ทัพมากมายภายในค่ายหลังจากรู้เรื่
หลังจากทุกฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหว วันเวลาศึกครั้งใหญ่ก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วชายแดนของแคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉื่อ ระยะห่างของป้อมปราการหยุนเจิงมีเพียงแค่สองร้อยลี้เท่านั้นทัพศัตรูไม่นานก็บุกมาแล้วหยุนเจิงได้ข่างที่นักรบภูตสิบแปดนำกลับมาแล้วทหารแคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉื่อรวมตัวกันแล้ว กำลังเดินทางมาหาพวกเขาทางนี้ตามอัตราความเร็วของพวกเขา ประมาณเจ็ดวัน ก็สามารถบุกมาถึงแล้วผลลัพธ์นี้ อยู่เหนือการคาดการณ์ของหยุนเจิงไม่มากก็น้อยหยุนเจิงเดิมคิดว่า เขาแอบส่งคนไปลอบสังหารณ์ทหารต้าเย่ว์บางส่วน แคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉื่อเช่นไรก็ต้องเกิดช่องว่างนึกไม่ถึง เรื่องนี้ราวกับไม่มีผลกระทบใดต่อทั้งสองฝ่ายเลยเรื่องนี้ ดูจากด้านนี้พิสูจน์ว่าแคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉื่อตัดสินใจคิดจะทำลายกองทหารมณฑลทางเหนือหยุนเจิงนิ่งเงียบ จากนั้นก็กำลังชับนักรบภูตเจ็ดที่กลับมารายงาน “สั่งหนึ่งร้อยคนนั้น ทั้งหมดถอยโดยทันที! สั่งนักรบภูตเก้า นำนักรบภูตสิบแปดบุกเข้าด้านหลังทัพศัตรู ไม่ต้องวิธีการใด จู่โจมก่อกวนด้านหลังของทัพศัตรู ให้ด้านทัพศัตรูเกิดความวุ่นวายไปทั่ว...”“ขอรับ!”นักรบภูตเจ็ดรับคำสั่งจากไปทันทีนักรบภูตสิบเ
กลุ่มคนห้อมล้อมไปมารอบเครื่องยิงหินที่ประกอบเสร็จแล้ว เดี๋ยวลูบตรงนี้ เดี๋ยวเคาะตรงนั้น ทุกคนทำอย่างกับสมบัติน่าอัศจรรย์คนไม่รู้ คงคิดว่าพวกเขาเห็นเครื่องยิงหินเป็นครั้งแรก!“ได้ เช่นนั้นก็ลองดู!”หยุนเจิงอยากรู้เช่นกันว่าอนุภาพของเครื่องยิงเห็นเป็นเช่นไร สั่งคนเริ่มบรรจุหินในตุ้มถ่วงน้ำหนักทันทีบอกตามตรง ภายในใจหยุนเจิงไม่มีความมั่นใจมากมายเครื่องยิงหินที่เขาทำออกมา มีลักษณะของเครื่องยิงหินโบราณ ทว่าด้านโครงสร้างน่าจะยังมีส่วนที่ขาดไปอนุภาพเป็นเช่นไรก็เป็นปัญหา ความเสถียรของโครงสร้างก็เป็นอีกปัญหาหากของสิ่งนี้ใช้ไม่กี่ครั้งก็พังแล้ว เช่นนั้นก็ผิดต่อเวลาที่พวกเขาเสียไปมากมายแล้วหลังเตรียมการทุกอย่างแล้ว หยุนเจิงสั่งให้คนบริเวณโดยรอบออกไปทันที เหลือไว้เพียงคนดึงสลักคนเดียวเท่านั้นหลังจากทุกคนถอยไปอยู่ในระยะที่ปลอดภัยแล้ว หยุนเจิงออกคำสั่งทันที “ดึง!”สิ้นเสียงคำสั่งหยุนเจิง คนที่เหลือไว้ก็ดึงสลักออกอย่างแรงหลังสลักถูกดึงออก หินอีกก้อนของเครื่องยิงหินร่วงลงมาด้วยความเร็ว ขณะเดียวกันก้อนหินหนักประมาณห้าสิบชั่งในกระเป๋าหนังก็ถูกเหวี่ยงออกไปก้อนหินลอยออกมาเป็นมุมโค้ง ข้
หลายวันให้หลังหยุนเจิงพาคนขึ้นไปอยู่บริเวณตำแหน่งที่สูงใช้ดวงตาพันลี้มองไป สามารถมองเห็นแนวหน้าของทัพศัตรูได้อย่างชุดเจนแล้วลักษณะภูมิประเทศของแม่น้ำซัวเป่ยเปิดโล่ง เหมาะแก่การขยายกองทัพทหารม้าศัตรูด้านหน้าดำทมิฬเป็นแถบโฉวฉื่อและแคว้นต้าเย่ว์รวมกันมีทหารม้าสี่หมื่นคน แล้วก็ยังมีทหารราบจำนวนมากเผชิญหน้ากับทัพศัตรูมากมายเพียงนี้ หยุนเจิงมีความกดดันไม่มากก็น้อยถึงเช่นไร กำแพงเมืองที่พวกเขาสร้าง แม้จะสามารถป้องกันการโจมตีของทัพศัตรูได้อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่อาจเป็นป้อมปราการได้อย่างแท้จริงคิดจะเอาชนะทัพศัตรู สุดท้ายก็ต้องบุกโจมตีหยุนเจิงวางดวงตาพันลี้ลง จากนั้นก็ถามต่งกัง “อาหารแห้งสามารถผลิตออกมาได้เท่าใด?”ต่งกังตอบ “บริโภคสองหมื่นคนได้ประมาณสิบวัน”ยังพอไหว!หากประมาณหนึ่งหมื่นคน ก็สามารถบริโภคได้ยี่สิบวันการจู่โจมระยะทางไกลต้องกินมากหน่อย เช่นไรก็เพียงพอหนึ่งหมื่คนบริโภคได้หนึ่งเดือนแล้วเตรียมตัวไว้ก่อนเถอะ!หากเป็นไปได้ ส่งทหารชั้นยอดไปโจมตีด้านหลังทัพศัตรูดีกว่าหากมีทหารชั้นยอดหนึ่งหมื่นบุกมาจากแม่น้ำซัวเล่ย จู่โจมด้านหลังของทัพศัตรูกะทันหัน ทัพศัตรูก็ต้องวุ่
การต่อสู้ ไม่มีผู้ใดหวังให้ความเสียหายมากเกินไปพวกเขาครั้งนี้ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดของแคว้นในการต่อสู้ครั้งนี้หากทำให้พลังหยวนของพวกเขาบาดเจ็บหนักแล้ว ชัยชนะก็ไม่แตกต่างกับการพ่ายแพ้แล้ว“องค์ชาย ความเห็นของท่าน ศึกครั้งนี้ควรสู้เช่นไร?”อวี้ไท่เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามความเห็นโหลวอวี้แม้โหลวอวี้จะเกิดทีกลัง แต่เขาอวี้ไท่เคารพเลื่อมไสโหลวอวี้คนรุ่นหลังผู้นี้มากสู้เช่นไร?โหลวอวี้เลยรอยยิ้มเหยเก “สถานการณ์ตรงหน้า นอกจากใช้กำลังบุกโจมตีแล้ว เดิมก็ไม่มีวิธีอื่น...”ใช้กำลังบุกโจมตีหรือ?อวี้ไท่ขมวดคิ้วแน่น เผชิญกับการจัดรูปแบบของทัพศัตรูเช่นนี้ ความเสียหายของการบุคคลที่ได้กำลังไม่มีทางเล็กน้อยลังเลชั่วครู่ อวี้ไท่สุดท้ายก็เอ่ยปากกล่าว “ข้าคิดว่า การใช้กำลังบุกโจมตีไม่ใช่วิธี ข้าคิดว่า ให้กองทัพทหารม้าสองหมื่นของข้าไปยังด่านเทียนฉง ค่อยรวมมือกับกองทัพประจำการของด่านเทียนฉง เปิดฉากโจมตีจากทั้งนั้น...”ระหว่างที่กล่าว อวี้ไท่สังเกตสีหน้าโหลวอวี้อย่างทนไม่ไหวไม่ผิดจากที่คาด สีหน้าของโหลวอวี้ดูไม่ดีนักผลลัพธ์เช่นนี้ ก็อยู่ในการคาดการณ์ของอวี้ไท่“แม่ทัพอวี้ กองทัพข้ายังมีทหารม
ทัพพันธมิตรของโฉวฉื่อและแคว้นต้าเย่วหลังถึงตำแหน่งที่กำหมดแล้ว ก็ไม่ได้โจมตีทันทีหยุนเจิงคาดเดา พวกเขาต้องกำลังพักผ่อนจัดระเบียบ ไม่ก็กำลังปรับแผนการบุกโจมตีหรืออาจคิดล่อลวงพวกเขาทางนี้ ชักจูงให้พวกเขาเริ่มโจมตีแต่ว่า หยุนเจิงไม่มีทางเป็นฝ่ายโจมจีชั่วคราวต่อให้ศัตรูเดินทางระยะไกลมา แรงกำลังไม่มั่นคง เขาก็ไม่มีทางบุกโจมตีตอนนี้มิฉนะนั้น กำแพงแต่ละท่อนของพวกเขาก็ไร้ความหมายแล้วแต่ว่า หยุนเจิงไม่ได้รอทัพศัตรูเข้ามาโจมตีอยู่ตลอดเวลา เขากำลังตรวจสอบขบวนทัพของทัพศัตรู ครุ่นคิดวิธีทำลายทัพศัตรูตรงหน้าความจริง สิ่งที่ทัพศัตรูทำให้ความหวาดกลัวที่สุด ก็คือทหารม้าหลายหมื่นคนเท่านั้นหากกำจัดทหารม้าของทัพศัตรู ทหารม้าของพวกเขาก็สามารถทำลายแนวป้องกันของทัพศัตรูได้ บุกเข้าสู่ด้านหลังของทัพศัตรูสถานการณ์ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าทัพศัตรูไม่มีทางนำทหารม้ามานำขบวนนี่เป็นเรื่องสมเหตุสมผลใครบ้างใครทหารม้าเป็นแนวหน้าล้อมเมือง!“น้องชาย ทัพศัตรูเหตุใดไม่บุกเข้ามา?”ฉินชีหู่ยืนอยู่บนที่สูงกับหยุนเจิงสำรวจรูปแบบการจัดทัพของศัตรู ภายในใจราวกับมีแมวข่วน“ใครจะรู้เล่า?”หยุนเจิงยักไหล่ “ไม่ต
เสียงของคนชั่วนี่ดังมากสูสีกับฉินชีหู่หยุนเจิงได้ยิน กลับอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเรื่องการต่อสู้ ก็คือดาบสองคมชนะแล้ว ย่อมสามารถทำลายขวัญกำลังใจอีกฝ่ายได้แพ้แล้ว ก็สามารถทำลายขวัญฝ่ายกำลังของตัวเองสำหรับกำลังทหารป่าเถื่อนของฉินชีหู่ หยุนเจิงมีความมั่นใจอย่างมากสู้เถอะ!ดูว่าใครจะตีใคร!หยุนเจิงคิดเช่นนี้ จากนั้นก็สั่งต่งกังที่อยู่ข้างกาย “สั่งคนตีกลอง! บอกฉินชีหู่ จับเป็นดีที่สุด! หากไม่ได้จริงๆ จับตายก็ได้!”ต่งกังรับคำสั่งจากไปทันที“ตึงๆๆ...”ไม่นาน เสียงกลองของพวกหยุนเจิงทางนี้ดังขึ้นตามมาด้วย ฉินชีหู่ควบม้าออกมา“โจรจะอาละวาด ให้ปู่ได้เจอกับเจ้าหน่อย!”ฉินชีหู่เปิดลำคอ คำรามเกรี้ยวกราด“โจรชั่วบอกนามมา ปู้จะไม่ไม้ต้องโทษฆ่าคนไร้นาม!”ศัตรูคำราม“ไปบ้านป้าเจ้าสิ!”ฉินชีหู่ควบม้าหยุดลง ระยะห่างกันสองร้อยกว่าลี้จ้องตากับแม่ทัพศัตรู “มีสิทธิ์ใดให้ปู้ขานนาม? เหตุใดเจ้าไม่บอกนามมาก่อน?”ทั้งสองคนยังไม่ทันปะทะศึก ก็ปะทะฝีปากกันแล้ว“ข้าคือนักรบอันดับหนึ่งของโฉวฉื่อ กังตั๋ว!”กังตั๋วตอบสีหน้าดำคร่ำเคร่ง“นักรบอันดับหนึ่งไร้สาระ! ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ!”ฉิน
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่