“น้องชาย ข้าเสียเปรียบแล้ว!”ฉินชีหู่ต่อให้โง่เขลาก็รู้ หยุนเจิงไม่ให้เขาไล่ตามไปเพราะกลัวเขาถูกทัพศัตรูลอบกัด แต่ฉินชีหู่อดตำหนิหยุนเจิงไม่ได้“เสียเปรียบเช่นไร? เจ้าบาดเจ็บแล้ว?”หยุนเจิงสงสัยเขาเห็นอยู่ชัดๆ ฉินชีหู่ไม่ได้รับบาดเจ็บ?หรือว่า ฉินชีหู่ได้รับบาดเจ็บภายในเพราะกังตั๋วแล้ว?“เจ้าดูมีดข้าสิ...”ฉินชีหู่นำดาบของเขาส่งให้หยุนเจิงด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวดบนดาบใหญ่ ไม่ใช่แค่มีรอยแตกร้าวเท่านั้น ยังมีรอยบิ่นสองรอยด้วย“นี่...”หยุนเจิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “นี่มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ลับสักหน่อย ก็นำมาใช้ได้แล้วกระมัง! ต่อไปต้องเผชิญกับอาวุธประเภทนี้อีก เจ้าก็ต้องหาคนยึดเอากระบองเขี้ยวหมาป่ามา...”มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ต่อให้อาวุธจะสร้างมาจากเหล็กลายบุปผา เผชิญกับอาวุธกระบองเขี้ยวหมาป่าเช่นนี้ ก็ต้องถูกบีบให้พ่ายแพ้ต่อให้เป็นมีดทองผสมโลหะห้ำหั่นกับกระบองเขี้ยวหมาป่าที่ทำจากเหล็กบริสุทธ์ ก็ต้องเสียเปรียบเช่นกัน!“อื้อ ต่อไปต้องเปลี่ยนไปใช้กระบองเขี้ยวหมาป่าแล้ว!”ฉินชีหู่พยักหน้า แม้ทัพศัตรูเป็นฝ่ายตีฆ้องเรียกทหารกลับ แต่ภายในใจเขาก็ยังหงุดหงิดบอกไม่ถูกจับ
ขอแค่หยุนเจิงไม่ไปต่อสู้ด้วยตัวเองก็พอแล้วฉินชีหู่เข้าใจแล้ว รีบช่วยต่งกังถอนชุดเกราะทันที“สามารถเผยพิรุธออกไปได้ ให้เขาดูออกว่าเจ้าไม่ใช่ข้า!”หยุนเจิงกำชับต่งกังอีกครั้ง“เจ้าสงสัยว่าโหลวอวี้คิดจะดูว่าเจ้าอยู่ในกองทัพเส้นทางนี้หรือไม่?”คราวนี้ ในที่สุดเมี่ยวอินก็เข้าใจแล้ว“ใช่!”หยุนเจิงพยักหน้า “ข้ากับต่งกังรูปร่างไม่ต่างกันมาก พวกโหลวอวี้อยู่ไกลเพียงนั้น ไม่อาจเห็นหน้าตาข้าได้ชัดเจน ให้โหลวอวี้สงสัยว่าข้าอยู่ในกองทัพอีกสองเส้นทาง...”“องค์ชายกล่าวมีเหตุผล” ต่งกังพยักหน้ากล่าว “องค์ชายมีชื่อเสียง ทัพศัตรูคิดอยากบุกโจมตี ย่อมยืนยันก่อนว่าองค์ชายอยู่ในขบวนทัพหรือไม่!”ชื่อเสียงของหยุนเจิงได้มาจากการสู้รบในแต่ละครั้งทัพศัตรูต่อให้ทหารแกร่งม้าแข็งแกรง ก็ต้องกังวลแผนการภายในใจหยุนเจิงหยุนเจิงอยู่หรือไม่อยู่ในขบวนกองทัพนี้ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการกำหนดกลยุทธ์ในภายหลังของศัตรูไม่นาน ต่งกังก็เปลี่ยนเป็นชุดเกราะของหยุนเจิงก่อนออกเดินทาง หยุนเจิงให้ปูขาวต่งกังไปสองถุงไม่ว่าคนที่กำลังร้องเรียกเป็นโหลวอวี้หรือไม่ สามารถจับกลับมาได้จะดีที่สุด“ตึงๆๆ...”หลังเสียงกลอง
อีกด้านหนึ่ง โหลวอวี้หนีกลับเข้าขบวนทัพตัวเองอย่างจนตรอกโหลวอวี้นึกไม่ถึงว่ากระบี่ของเขาจะเปราะบางเช่นนี้กลับถึงขบวนทัพ โหลวอวี้ยังไม่ได้ตั้งหลักกลับมา“องค์ชาย ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”อวี้ไท่รีบร้อนควบม้ามา เป็นห่วงสถานการณ์ของโหลวอวี้“ไม่เป็นไร ก็แค่กระบี่ในมือถูกฟันหักเท่านั้น”โหลวอวี้สะบัดศีรษะเกิดตกใจขวัญหนี กล่าวอย่างทอดถอนใจ “ข้อดีของอาวุธและชุดเกราะของต้าเฉียน พวกเราเทียบไม่ได้เลย...”“องค์ชายไม่ต้องกังวล” อวี้ไท่ปลอบใจ “หยุนเจิงเป็นองค์ชายหกแห่งต้าเฉียน แล้วก็เป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ ดาบและกระบี่ในมือเป็นสมบัติล้ำค่าก็เป็นเรื่องปกติ”ช่างฝีมือต้าเฉียนมากมาย ระดับมาตรฐานการผลิตของต้าเฉียนสูงกว่าโฉวฉื่อและแคว้นต้าเย่ว์หยุนเจิงเป็นองค์ชายที่มีอำนาจสูงสุดผู้หนึ่ง ในมือควบคุมทหารเก่งสุดยอดอาวุธก็เป็นเรื่องปกติอย่างมาก“นั่นไม่ใช่หยุนเจิง”โหลวอวี้ส่ายหน้ากล่าว “คนผู้นั้นน่าจะเป็นตัวแทนหยุนเจิง”“ตัวแทน?”อวี้ไท่ตาเป็นประกาย ถามอย่างใจร้อน “องค์ชายรู้ได้เช่นไรว่านั่นคือตัวแทนหยุนเจิง?”โหลวอวี้นัยน์ตาฉายวาวประกายเข่นฆ่า ตอบ “ข้าสังเกตดูเป็นพิเศษ คนผู้นั้นตั้งแต่ต้นจ
หยุนเจิงขึ้นไปบนที่สูงมองไป ใบหน้าอดไม่ได้ที่เผยแววตกใจเครื่องยิงหินขนาดใหญ่!ทัพศัตรูจำนวนมากกับลังขนเครื่องยิงหินหกเครื่องขึ้นมากดดันพวกเขาทางนี้เขาไม่รู้ว่าเครื่องยิงหินขนาดใหญ่ของทัพศัตรูสามารถโจมตีได้ไกลเพียงใดแต่ว่า เขามองผ่านด้วยดวงตาพันลี้ เครื่องยิงหินของทัพศัตรูเป็นเครื่องยิงหินประเภทใช้คนดึงต้องอาศัยแรงสิบกว่าคนในการดึง จึงสามารถดึงหินในเครื่องให้เหวี่ยงออกไปได้เครื่องยิงหินประเภทนี้ระยะการยิงและอนุภาพ ย่อมไม่อาจสู้เครื่องยิงหินที่พวกเขาสร้างได้เวลาจำกัด พวกเขาต้องเปลือกำลังคนมากมาย เร่งทำงานทุกวัน จึงสามารถทำเครื่องยิงหินสี่เครื่องออกมาได้รถยิงหินในตอนแรกสุด เรื่องจากปัญหาโครงสร้าง จึงต้องทดลองบ่อยมาก จึงพังทลายไปอย่างภาคภูมิตอนนี้รถยิงหินที่สามารถใช้ได มีเพียงสามเครื่องเท่านั้นบริเวณไกลๆ กดดันเข้ามาอยากเป็นระเบียบกองกำลังของโฉวฉื่อแล้วแคว้นต้าเย่ว์รักษาท่าทีหัวขบวนบุกมาพร้อมเพรียงกัน แบ่งเป็นปีกสองข้างเคลื่อนเข้ามาหาพวกเขารอจนสองกองทัพอยู่ในอาณาบริเวณสองลี้ ทหารม้าและทหารบางส่วนเริ่มผลักเครื่องยิงหินให้เขามาอยู่บริเวณตรงกลาง เรียงรายอยู่ตรงหน้าพวกเขา
ทัพศัตรูยังเดินหน้าไม่หยุดโหลวอวี้และอวี้ไท่สังเกตการจากบริเวณที่สูงภายใต้การคุ้มกันจากทหารจำนวนมากระยะห่างนี้ พวกเขาสามารถเห็นการจัดวางตำแหน่งทั้งหมดของทัพศัตรูได้อย่างชัดเจน“ดูเหมือน ทัพศัตรูต้องการไปทำลายรถยิงหินของพวกเราแล้ว”อวี้ไท่หัวเราะมองทหารม้าต้าเฉียนที่อยู่บริเวณด้านหน้าช่องว่าง ทัพศัตรูตอนนี้ยังไม่จู่โจม และกำลังรอให้พวกเขาเข้าใกล้ถึงเช่นไร พวกเขายิ่งเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ระยะการจู่โจมของทัพศัตรูก็จะยิ่งสั้นลง ส่วนทหารของปีกทั้งสองข้างพวกเขาจะล้อมศัตรูมีโอกาสน้อยมากโหลวอวี้พยักหน้าเล็กน้อย กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนกำลังรบของทัพศัตรู น่าจะมีสี่ห้าพันคน ต่อให้พวกเราไม่มีทางปิดล้อม อาศัยความได้เปรียบด้านกำลังรบ ก็สามารถกำจัดพวกเขาอย่างน้อยได้ครึ่งนึง”แม้บอกว่าวันนี้เป็นเพียงการทดลองโจมตี แต่พวกเขาก็ยังเคลื่อนทัพสามหมื่นคนอีกทั้ง สองหมื่นคนในนั้นล้วนเป็นทหารม้าขอแค่ทัพศัตรูกล้าบุกทำลายรถยิงหินของพวกเขา พวกเขาก็มีความเชื่อมั่น สามารถกำจัดกำลังรบอย่างน้อยครึ่งนึงของทัพศัตรูออกไปได้ ถึงขั้นทำให้ทำลายทัพศัตรูสิ้นซากรอให้ทัพศัตรูมาทำลายรถยิงหินหกคันของพวกเขาอย่า
ตามสถานการณ์ปกติ รถยิงหินของพวกเขายี่สิบคัน แบ่งเป็นสามส่วนล่อลวงทัพศัตรูไปทำลาย อย่างน้อยสามารถทำลายทหารม้าของทัพศัตรูได้หกเจ็ดพันคนหวกพวกเขาเพิ่มแรงกดดัน ถึงขั้นสามารถทำลายทหารม้าขอทัพศัตรูทั้งหมดทิ้งได้!เมื่อเป็นเช่นนี้ ขวัญทหารของทัพศัตรูก็ย่อมประสบกับอุปสรรคไม่ต้องรบก็เอาชนะได้ก็มีความเป็นไปได้!“จริงด้วย”อวี้ไท่พยักหน้าเห็นด้วย “พวกเราค่อยส่งคนไปรวมตัวกองทัพใหญ่กดดันจากด้านหลัง? หากสามารถกำจัดทหารม้าทั้งหมดได้ในคราวเดียว ภัยคุกคามของทัพศัตรูก็มาไม่ถึงรถยิงหินของพวกเรา”“ไม่ได้!”โหลวอวี้ปฏิเสธข้อเสนอของอวี้ไท่โดยไม่ต้องคิด จากนั้นก็อธิบาย “พวกเราใช้คนกดดันมากเกินไป ทัพศัตรูเกรงว่าคงไม่ทำเช่นนี้แล้ว...”ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือ ให้ทัพศัตรูใช้จ่ายด้วยความเสียหายมากที่สุดมาทำลายรถยิงหินของพวกเขารอให้พวกเขาเข็นรถยิงหินจากด้านหลังพวกเขามา ทัพศัตรูก็น่าจะลำบากแล้วพงกเขาจ่ายด้วยความเสียหายมากมายทำลายรถยิงหิน ตอนนี้กลับมารถยิงหินมาเติมอีก พวกเขาต้องส่งคนไปทำลายรถยิงหินเหล่านั้นต่ออีกหรือไม่?หสกเขาไม่ส่งคนทำเรื่องพวกนี้ต่อไป การสละชีพของพวกเขาก่อนหน้านี้ก็ไร้ความหมายแล
ค่อยเป็นค่อยไป ทัพศัตรูกองทัพสามเส้นทางลักษณะคล้ายตัวอักษร “ผิน”กองทัพซ้ายขวาสองเส้นทางอยู่ด้านหน้า เส้นทางตรงกลางอยู่ด้านหลัง หยุนเจิงมองขบวนทัพศัตรูจากที่ไกล อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าหัวเราะทัพศัตรูมั่นใจว่าพวกเขาต้องไปทำลายรถยิงหินแน่นอน!ทัพศัตรูตอนนี้เปิดไพ่แล้วเหลือแค่ตะโกนร้องบอกกับพวกเขาโดยตรง ข้าต้องการล้อมคนที่พวกเจ้าส่งไปทำลายเครื่องยิงหิน พวกเจ้าหากหวาดกลัว ก็อย่าได้คิดสนใจเครื่องยิงหินของข้า!หยุนเจิงยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ถ่ายทอดคำสั่ง “สั่งฉินชีหู่ ใช้เสียงกลองเป็นสัญญาณ นำกองกำลังบุกไปจากด้านหน้า เปลี่ยนเป็นจู่โจมกองทัพใหญ่เส้นทางขวาของโฉวฉื่อ! สั่งเติ่งเป่าที่อยู่เส้นทางซ้าย หาโอกาสเหมาะสมเปิดฉากจู่โจมพร้อมกันกับฉินชีหู่! บอกพวกเขา แค่แสร้งโจมตี ห้ามรับศึกทัพศัตรูเด็ดขาด! ผู้ฝ่าฝืนคำสั่ง ประหาร!”ทหารถ่ายทอดคำสั่งออกไปถ่ายทอดคำสั่งอย่างรวดเร็วแสร้งโจมตี?เมี่ยวอิรมองหยุนเจิงอย่างไม่เข้าใจอยู่ดีๆ เหตุใดหยุนเจิงต้องแสร้งโจมตี?เมี่ยวอินอยากเอ่ยปากถาม หยุนเจิงช้อนตามองไปยังต่งกังที่ยืนด้านข้าง “เจ้าบอกมา เหตุใดข้าส่งทหารไปแสร้งโจมตีกองกำลังโฉวฉื่อ?”ต่งกังเดิมท
ชั่วพริบตาที่สิ้นเสียงคำพูดของอวี้ไท่ ฉินชีหู่นำกองกำลังทหารห้าพันคนบุกไปทางทัพใหญ่โฉวฉื่อแล้วอวี้ไท่สีหน้าชั่วร้าย เดิมทีไม่ทันถามความเห็นของโหลวอวี้ ก็สั่งให้ทหารส่งสารฝ่ายตนเอง สั่งทหารจากเส้นทางของพวกเขารีบไปสนับสนุน“แม่ทัพผู้เฒ่าอย่าใจร้อน”โหลวอวี้รีบออกคำสั่งทันที “นี่เป็นแผนการของทัพศัตรู! ทัพศัตรูคิดให้พวกเราเคลื่อนย้ายทหารจากเส้นทางกลาง ทันทีที่พวกเราเคลื่อนพลจากเส้นทางกลาง กองทหารของพวกเขาวิ่งออกมาจากแนวหน้าจะต้องเปลี่ยนทิศทางทันทีและโจมตีแนวป้องกันแนวหน้าของเรา ทำลายรถยิงหินของพวกเขาโหลวอวี้เชื่อมั่นการวินิจฉัยของตัวเองเป้าหมายของทัพศัตรู ต้องเป็นรถยิงหินของพวกเขาแน่นอนการกระทำของทัพศัตรูในตอนนี้ ก็เพื่อเคลื่อนย้ายกองกำลังของพวกเขาเท่านั้นหากพวกเขาให้กองทัพศัตรูตรงหน้าไปช่วยเหลือ พวกเขาก็เท่ากับเปิดประตูให้กับทหารม้าเส้นทางตรงกลางถึงเวลานั้น ทัพศัตรูอาจแลกด้วยความเสียหายน้อยที่สุดทำลายรถยิงหินของพวกเขา!อย่าใจร้อน?ใบหน้าชราของอวี้ไท่กระตุกเล็กน้อยตอนนี้ทัพศัตรูจู่โจมก็คือกองทัพของโฉวฉื่อ โหลวอวี้ย่อมสามารถไม่ร้อนใจได้แต่เขาไม่ร้อนใจได้หรือ?กองทัพด้าน
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่