“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น ไปถึงก็รู้เองรีบไปเถอะ พวกเจ้าคอยดูต้นทางและความปลอดภัยของทุกคนให้ดี”
“ขอรับคุณชาย”
ห้องพักที่พวกเขาจองทั้งหมดสามห้อง ซึ่งห้องของนางและโม่จางหยวนเป็นห้องที่อยู่ตรงกลางและเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดซึ่งมีห้องแยกสองห้องนางจึงเข้าใจที่เขาพูด ด้านซ้ายเป็นห้องขององครักษ์ของเขาส่วนทางขวาสุดริมทางเดินเป็นของสาวใช้ทั้งสองของนาง
“ท่าน…ไม่นอนหรือ เหตุใดไปนั่งอยู่ที่นั่น”
“คุณหนูรอง เจ้าคงลืมไปแล้วว่าข้าเป็นองครักษ์ของเจ้า แน่นอนว่าต้องคอยอารักขาเจ้าแม้แต่ยามที่เจ้าหลับ”
“ต้องทำเช่นนั้นเลยหรือ”
“เจ้านอนพักเถอะ ข้าชินแล้ว”
แต่ผู้ใดจะหลับลงได้เมื่อมีคนอื่นอยู่ร่วมห้องด้วยเช่นนี้ หลางเย่หลินลอบมององครักษ์หนุ่มที่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง สายตาเขามองออกไปด้านนอก แต่ใบหน้าที่ต้องแสงจันทร์นั้นทำเอาหัวใจของหลางเย่หลินสั่นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้หันมามองนางเลยก็ตาม
“เจ้านอนไม่หลับหรือคุณหนูรอง”
“ข้า…ไม่ชินกับ…การลงมาจากเขา ที่นั่นมิได้เสียงดังเช่นนี้”
“เจ้ามาดูตรงนี้สิ”
เขาหันมาเรียกนาง อีกอย่างคงเพราะผ้าที่นางใช้คลุมนั้นด้วย เวลานางนอนก็ยังไม่คิดจะถอด เช่นนี้จะหายใจสะดวกได้อย่างไรกัน เมื่อนางเดินมาที่หน้าต่าง ด้านล่างนั้นยังไม่ดึกมาก ผู้คนยังเดินไปมาอยู่เยอะพอสมควรจนนางรู้สึกว่าเมืองเล็ก ๆ ย่านชานเมืองก็มีคนพลุกพล่านเช่นกัน
“คนเยอะมากเลย พวกเขาไม่หลับไม่นอนกันเลยหรือ”
“ที่นี่เป็นแถบชานเมือง ในเวลาเช่นนี้ ผู้ที่ค้าขายก็พึ่งจะปิดร้าน เมื่อปิดร้านก็จะเริ่มหาอะไรกิน ส่วนผู้ที่ขายอาหารช่วงค่ำก็พึ่งจะเริ่มตั้งร้านและทำงาน พวกเขาเป็นเช่นนี้ทั้งวัน ทั้งคืน ผลัดกันตื่นผลัดกันหลับเป็นเรื่องปกติของคนแถบชานเมือง”
“ดูท่านรู้ดีเรื่องวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่เสียจริง”
“ข้าไปมาทั่วใต้หล้า งานองครักษ์ก็เป็นเพียงงานรับจ้างงานหนึ่งเท่านั้น ทำไม เจ้านึกสนใจอยากท่องเที่ยวไปทั่วหล้าเช่นกันงั้นหรือ”
“ข้า….ไม่เคยลงจากเขาฉีซางมานานแล้วนับตั้งแต่ท่านแม่เสีย”
เขาหันมามองนางอีกครั้ง สายตาของนางอ่อนโยนลงแล้วหลังจากผ่านไปเกือบวัน อย่างน้อยเขาก็รับรู้อารมณ์ของนางได้ผ่านสายตา
“คุณหนูรอง เหตุใดเจ้าเอาแต่สวมผ้าคลุมหน้าเช่นนั้น นี่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้เจ้านอนไม่หลับเพราะหายใจไม่สะดวก”
“ข้า….”
“เชื่อข้าเถอะ ข้าเป็นองครักษ์ของเจ้า ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายหรอก”
“ข้าเกรงว่าท่านจะตกใจ”
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า ข้าไม่มองก็ได้หากเจ้าไม่วางใจ ข้าไปนอนล่ะ”
“ไหนท่านบอกว่า…”
“หากว่าข้ายังนั่งอยู่เช่นนี้ทั้งคืนเจ้าก็คงจะนอนไม่หลับ ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ว่าจะเป็นฝีเท้าหนูตัวเล็กหรือตีนแมวย่องเบาข้าก็รู้ก่อนเจ้าอยู่แล้ว รีบไปนอนเถอะพรุ่งนี้เราจะเดินทางถึงเมืองหลวงแล้ว”
เขาเดินไปยังห้องที่มีม่านกั้นเอาไว้อีกทางหนึ่ง เย่หลินเห็นว่าเขาเดินเข้าไปนอนแล้วนางจึงเดินกลับไปที่เตียงและตัดสินใจดึงเชือกผูกผ้าคลุมหน้าออกมาและส่องดูที่กระจก ที่แก้มของนางมีรอยแผลยาวอยู่ทั้งสองข้าง นางลูบขึ้นลงและใช้บางอย่างบนโต๊ะทาลงไปที่แผลนูนบนแก้มนั้นอีกครั้งก่อนจะเข้านอน
ดึกคืนนั้น
โม่จางหยวนมิได้หลับสนิท เขาลุกเดินออกไปด้านล่างหลังจากที่นางหลับสนิทแล้ว เมื่อลงไปสำรวจดูนักฆ่าที่ถูกส่งมากำจัดนางยังคงตามพวกเขาออกมาและกังลี่เป็นคนที่จับพวกมันที่เหลือได้
“พวกมันตามเรามาตั้งแต่ก่อนเข้าเมืองแล้วขอรับ”
“เป็นคนของใคร”
“……”
“ข้าเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมสตรีผู้นี้ถึงได้บังคับให้ข้ากินยาพิษนั่น จัดการให้เสร็จและรีบกลับ”
“ขอรับ”
เมื่อกลับมานางก็หลับสนิทไปแล้ว โม่จางหยวนไม่ได้อยากนึกอย่ากล่วงเกินนางแต่เขาเพียงใคร่อยากจะเห็นใบหน้าที่ไร้การปกปิดนั้นเสียหน่อย หากว่าเกิดพลัดหลงกับนาง อย่างน้อยก็จะได้จำนางได้
เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้นางยามหลับก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าที่ใบหน้าของนางมีรอยแผลขนาดใหญ่และยาวพาดอยู่ที่แก้มทั้งสองข้าง ใบหน้านั้นงดงามแต่มีรอยแผลซึ่งดูเหมือนจะเป็นแผลที่พึ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน
“เป็นเช่นนี้นี่เอง”
เขารีบถอยออกมาและกลับไปที่เตียงของตนเองพลันนึกถึงเรื่องในวันนี้ เขาลงเขามาพบว่าคนร้ายถูกนางกำจัดด้วยพิษ แม่ชีอี้ซินบอกเขาแล้วว่าพวกนางมีวรยุทธ์แต่เท่าที่เขาเห็นนางน่าจะใช้ยาพิษมากกว่า เขาเร่งตามพวกนางมา โชคดีที่มาเร็วจนกำจัดคนร้ายไปได้อีกชุดหนึ่ง นึกไม่ถึงว่านางแค่คนเดียวจะมีคนปองร้ายมากขนาดนี้
“แค่ตำแหน่งพระชายารัชทายาท ถึงกับต้องฆ่าและทำร้ายกันถึงเพียงนี้ ช่างน่าสมเพชบุตรขุนนางพวกนี้จริง ๆ”
วันถัดมา
พวกเขาเดินทางเข้าเมืองหลวงตามกำหนดเวลาที่ช้าไปกว่าที่จะเป็นหนึ่งวันเต็ม ๆ เมื่อเห็นประตูเมือง โม่จางหยวนก็กระโดดลงจากรถม้า
“เอาล่ะ เราจะแยกกันตรงนี้ ข้าจะไม่นั่งรถไปกับเจ้าแต่จะตามไปเงียบ ๆ ไม่ต้องห่วง ข้าจะให้เป่ากงเป็นคนไปส่งเจ้าถึงจวนสกุลหลาง เจ้าเพียงแค่บอกว่าเขาเป็นคนขับรถม้ารับจ้างก็พอ”
“เข้าใจแล้ว ว่าแต่ข้าจะ…”
เขาโยนนกหวีดหยกมาให้นางรับเอาไว้
“นกหวีดหงส์หยกสีขาวงั้นหรือ”
“ใช้เรียกข้า แต่ไม่ต้องห่วงเพราะข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดเวลาแม้เจ้าจะไม่เห็นตัวข้าก็ตาม หากอยู่ในอันตรายก็จงเป่ามันข้าจะรีบไปทันที”
“เข้าใจแล้ว”
“เป่ากง ฝากด้วย”
“ขอรับคุณชาย”
รถม้าวิ่งเข้าเมืองไปแล้ว กังลี่จึงหันมามองเขาเพื่อรับคำสั่งต่อไป
“พวกคนร้ายที่จับได้เจ้าเอาพวกมันส่งกลับมาแล้วใช่หรือไม่”
“ทำตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ส่งพวกมันไปที่สกุลหลาง ต้องส่งไปหลังจากที่แน่ใจแล้วว่านางเข้าจวนไปแล้ว ข้าอยากจะรู้นักว่าจะมีผู้ใดกล้ายอมรับเรื่องแผนการสกปรกนี่ได้”
“คุณชาย แล้วท่าน…”
“ข้าต้องไปจัดการบางอย่างเจ้ารีบไปที่ศาลและจัดการเรื่องที่เหลือก่อนที่เป่ากงจะไปถึงสกุลหลาง”
“รับทราบ”
โรงเตี๊ยมใหญ่ในเมืองหลวง / ห้องส่วนตัว
“พิราบโบยบิน”
“ให้เข้ามาได้”
โม่จางหยวนเปลี่ยนสวมชุดที่เตรียมเอาไว้ก่อนจะขึ้นมาและสวมหน้ากากสีดำเอาไว้เช่นเดิมและเดินเข้าไปพบสตรีสูงวัยในห้องนั้น แม้ว่าจะมีฉากกั้นระหว่างเขากับนางก็ตาม
“จัดการเรียบร้อยหรือไม่”
“ฮูหยิน พวกเราทำงานพลาด นางรอดมาได้”
“กึก!!”
“ว่าอย่างไรนะ พลาดงั้นหรือ แล้วพวกเจ้าถูกจับได้หรือไม่”
“พวกของข้าตายหมดแล้วเหลือรอดเพียงข้าคนเดียว”
“เหตุผลล่ะ ที่ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
“ฮูหยิน ตอนที่พวกข้าลงมือ พบกับนักฆ่าอีกชุดหนึ่งที่ส่งมาเช่นกัน แต่ละคนต่างไม่ทราบว่ามาทำสิ่งใดก็เลย…ลงมือฆ่ากันเอง”
“เหลวไหลยิ่งนัก!! นี่มัน…เรื่องอะไรกัน”
เสียงที่โมโหขึ้นสุดขีดพร้อมกับปัดของบนโต๊ะแตก น่าจะเป็นชุดชาที่เหลือ โม่จางหยวนคิดว่านางคงเริ่มใกล้จะสติแตกแล้วหากว่าได้ยินคำที่เหลือ
“ยังมี…คนที่ต้องการฆ่านางนอกจากข้าอีกงั้นหรือ บ้าจริงหากรู้เช่นนี้คงไม่ต้องเสียเวลา”
“ฮูหยิน ฝ่ายข้าน้อยจับพวกมันได้สองคนเพื่อมาถาม”
“มันเป็นคนของผู้ใดกัน”
โม่จางหยวนแสยะยิ้มออกนิดหนึ่งก่อนที่จะตอบนางกลับไปด้วยเสียงเรียบ ๆ
“คุณหนูสามสกุลหลาง…หลางเสี่ยวหง”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ….เจ้าบอกว่า”“ขอรับ ไม่ผิดแน่เพราะพวกมันรับสารภาพเอง เพราะพวกมันที่เข้ามาขัดขวางพวกข้าน้อยจึงลงมือไม่ได้และมัวแต่ต่อสู้กันเองดังนั้น…..”“ตอนนี้นาง!!”“เข้าเมืองหลวงมาแล้วขอรับ”“แล้วคนที่เหลือเจ้าจัดการหมดแล้วหรือไม่”“โชคร้ายที่คนของข้าน้อยตายหมดเหลือเพียงข้า แต่ว่าคนของคุณหนูสามสกุลหลาง….ถูกจับได้”“ว่าอย่างไรนะ!! เจ้ารีบไปได้แล้ว หากมีเรื่องครั้งหน้าข้าจะเรียกใช้เจ้า เรื่องครั้งนี้ข้าถือว่า…มันไม่ใช่ความผิดพลาดของเจ้า เงินค่าจ้างที่เหลืออยู่นี่ ข้าต้องไปก่อนล่ะ”“ขอบคุณฮูหยิน”สตรีสูงศักดิ์เร่งเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคนของพวกนาง ไม่นานโม่จางหยวนก็เดินออกมาจากฉากกั้นประตูไปที่โต๊ะที่วางถุงเงินขนาดใหญ่อยู่ เขาถอดหน้ากากออกและหยิบถุงเงินนั้นขึ้นมา“ห้าร้อยตำลึง ค่าตัวนางช่างแสนถูกนักเมื่อเทียบกับฐานะบุตรสาวเสนาบดีใหญ่ของต้าเซี่ย”“คุณชาย!!”กังลี่นั่นเอง เขาเร่งเข้ามาในห้องหลังจากไปจัดการเรื่องที่โม่จางหยวนสั่งให้ไปทำ ถุงเงินห่อใหญ่ถูกโยนไปให้กังลี่โดยไม่ได้มอง “นี่คือ…”“ค่าจ้างของพวกนักฆ่าที่หลางฮูหยินสั่งพวกมันไปฆ่าหลางเย่หลิน”“แต่เราฆ่าพวกนักฆ่าพวกนั้นหมดแล้ว…
เสนาบดีหลางหันไปมองเย่หลิน เขาหยุดเกาเคราแพะน่าเกลียดนั่นได้เสียทีเมื่อหันมามองสบตาบุตรสาวคนโต“เจ้าว่าอย่างไรนะ ระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”“ลูกถูกคนลอบฆ่าถึงสองครั้งเจ้าค่ะ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! มันเกิดขึ้นได้เช่นไร”เสนาบดีหลางตกใจเล็กน้อยและหันไปมองฮูหยินที่นั่งบีบผ้าเช็ดหน้าอยู่ในมือแต่สายตายังมองไปที่เย่หลินไม่วางตากับบุตรสาวที่นั่งไม่นิ่งตั้งแต่เมื่อครู่นี้“เจ้าค่ะ โจรชั่วนั่นถูกสั่งให้มาฆ่าลูก อีกกลุ่มหนึ่งถูกสั่งให้มา…ทำลายโฉมหน้าของลูก”“ดังนั้นเจ้าจะบอกว่า!!….ที่ใบหน้าเจ้า”หลางเย่หลินลุกขึ้นมาและค่อย ๆ เปิดใบหน้าของนางออกให้ทั้งหมดในห้องโถงดู แผลที่ยาวบนใบหน้าของนางนั้นสร้างความตกใจให้กับเสนาบดีหลางเป็นอย่างมากแต่กลับทำให้หลางเสี่ยวหงลอบยิ้มอย่างสะใจส่วนฮูหยินนั้นนั่งตัวแข็งทื่อราวกับหินแกะสลักก็มิปาน“พ่อบ้านต้าเซิ่ง…เจ้า…รีบไปเรียกหมอมาเร็วเข้า รีบไปเรียกมาดูใบหน้าให้นางหน่อย”“ขอรับนายท่าน”“อย่าเลยเจ้าค่ะท่านพ่อ”“ไม่ได้!! ใบหน้าของสตรีเป็นสิ่งสำคัญเจ้าจะ…”“แผลนี้ย่อมต้องมีคนชดใช้ลูกเข้าใจเจ้าค่ะ แต่มิใช่ตอนนี้ และแผลนี้ลูกเองก็มีทางรักษาให้หายได้เจ้าค่ะท่านพ่ออย่
หลางเย่หลินหันไปมอง นางคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างหลางเสี่ยวหงจะไม่ยอมแพ้ แต่ในเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นไม่ว่านางจะอยากเสียหรือไม่ นางก็ต้องยอมเพราะว่า….“เอาเช่นนี้ ข้าจะให้คนไปทำความสะอาดเรือนหลังให้เจ้า”“ท่านพ่อบอกกับข้าแล้ว ข้ามาที่นี่ในฐานะคุณหนูรองสกุลหลาง เจ้า…ท่านก็เห็นอยู่ว่าแม้แต่ใต้เท้าของศาลต้าหลี่ก็รู้จักข้า พวกท่านยังจะกล้าให้ “ผู้อื่น” ที่มิใช่บุตรคนโตพักอยู่เรือนนั้นอยู่งั้นหรือ หรือว่าการอยู่ในจวนเสนาบดีมาหลายปีนี้ จะไม่สามารถขัดเกลา…”“พอที!! เย่หลิน เรื่องนี้ค่อนข้างกะทันหันเกินไป เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”“กะทันหันงั้นหรือ ท่านพ่อท่านเอ่ยผิดแล้วกระมังเจ้าคะก่อนหน้านี้ท่านส่งจดหมายไปบนเขาฉีซางที่ข้าอยู่ใช้เวลาค่อนเดือนและข้าเองก็ใช้เวลาลงเขามาร่วมห้าวัน พวกท่านไม่เพียงไม่จัดห้องพักให้แต่ยังมาใช้ข้ออ้างเช่นนี้ลูกคิดว่า…ลูกเสียใจยิ่งนักที่เป็นเช่นนี้”เสนาบดีหลางคิ้วกระตุกรุนแรงเมื่อได้ยินบุตรสาวที่ห่างหายจากจวนไปเกือบห้าปีพูดให้เขาได้สำนึก แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยตรง ๆ แต่วาจาราดยาพิษนั่นราวกับจะบอกขาว่านางมาที่นี่ด้วยฐานะใด “ข้าเข้าใจแล้ว เสี่ยวหง เจ้าย้ายออกมาไปอยู่เรือนหล
เสียงกรีดร้องของหลางเสี่ยวหงเรียกให้บ่าวไพร่ทั้งจวนมารวมตัวกันได้พร้อมกับพยายามไล่ผึ้งฝูงใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดแต่ที่แน่ ๆ มันแฝงอยู่ในห้องนอนของหลางเสี่ยวหงอย่างไม่ต้องสงสัย บัดนี้ทั้งหลางฮูหยินและคุณหนูสามถูกผึ้งต่อยที่ใบหน้าจนเจ็บปวดและเริ่มมีแผลจำนวนมากแล้ว “ยังเป็นเสียงที่ฟังแล้วงี่เง่าและน่าสมเพช ผ่านไปกี่ปีก็น่ารังเกียจเช่นเดิมไม่เปลี่ยนเลย”เย่หลินเปิดจุกน้ำผึ้งและยื่นจากหน้าต่างเพื่อเรียกฝูงผึ้งให้บินกลับมา ผึ้งฝูงนี้นางเป็นผู้เลี้ยงเอาไว้เอง เหล็กในของผึ้งแต่ละตัวเคลือบ “พิษผึ้งฝากรัก” เอาไว้ มันจะทำให้ผู้ที่โดนต่อยมีตุ่มพุพอง ยิ่งกรีดเอาเหล็กในออกก็จะยิ่งลุกลามเป็นแผลใหญ่หากไม่ได้ยาถอนพิษของนาง ต่อให้เป็นบัวหิมะยอดเขาซีหวนก็ไม่มีทางทำให้แผลบนใบหน้าหายไปได้“แย่แล้วขอรับ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกนางต้องตายแน่ ๆ”“ไม่ตายหรอก เจ้าดูสิ ฝูงผึ้งนั่นกลับไปหาเจ้าของแล้ว”“เจ้าของหรือขอรับ หรือว่า!!”“หึ”โม่จางหยวนมองอยู่ที่หลังคาเรือนใหญ่ เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ฝูงผึ้งบินกลับไปตามทิศทางที่มันมาทางทิศตะวันตกจากห้องของหลางเย่หลิน“ลูกเล่นนางช่างมีมากมายจนทำให้ข้าประหลาดใจไม่น้อย”
เสนาบดีหลางตกใจจนพูดไม่ออก แม้ว่าจะบอกว่าผึ้งต่อยแต่เขาไม่เคยเห็นผู้ใดถูกต่อยจนใบหน้าเสียโฉมเช่นที่เสี่ยวหงโดน เขาหันไปมองเย่หลินที่มองไปที่เสี่ยวหงและหันมามองเขา“น้องสาม เจ้าถูกต่อยขนาดนั้นข้าไม่แปลกใจเลยที่ข้าวของในห้องของเจ้า….หรือว่านี่คือแผนการทำร้ายข้าอีกเช่นนั้นหรือ ท่านพ่อเจ้าคะข้าควรจะทำเช่นไรดี เดิมทีก่อนมาที่นี่ก็ถูกลอบฆ่า เข้ามาในจวนก็ยัง….”“หลางเสี่ยวหง!! ข้าต้องการคำอธิบายในเรื่องนี้!!”“ท่านพ่อลูกไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ ลูกไม่รู้ว่าฝูงผึ้งนั่นมาจากที่ใด ลูกก็…”“หากเจ้าไม่รู้เหตุใดจึงไม่เรียกให้คนมาช่วยกำจัดแต่กลับหลอกพี่เจ้าเข้าไปในห้องโดยที่นางไม่รู้ หึ นางเอาของด้านในมาเผาก่อนที่พวกมันจะลุกลามไปทั่วจวนก็ทำถูกต้องแล้ว!!”“ท่านพ่อ ลูก…..”“เจ้าหุบปากไป แล้วไสหัวไปไกล ๆ จะไปไหนก็ไป จากนี้ไปอยู่เรือนหลัง เรือนเดิมที่เจ้ากับแม่เจ้าเคยอยู่ ไป!!!”“ท่านพี่!!”“ท่านพ่อ!!!”“พ่อบ้านต้าเซิ่ง”“ขอรับ”“ให้คนย้ายของของพวกนางไปที่เรือนหลัง ไม่มีคำสั่งข้าอย่าได้ให้ข้าเห็นพวกนางที่เรือนหน้าอีก”“ขอรับนายท่าน”“ท่านเสนาบดีท่านจะทำเช่นนี้กับพวกเราหาได้ไม่นะเจ้าคะ”เสนาบดีหลางเดินมา เม
เขาฉีซาง แคว้นต้าเซี่ย“คุณหนูเจ้าคะ อีกนานกว่าจะถึงในเมือง กินอะไรรองท้องเสียหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”“เจ้ากินเถอะจี้ถง หนทางข้างหน้ายังยากคาดเดา เราจะประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด”“คุณหนูคิดว่า…จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเจ้าคะ”“ตั้งแต่ส่งตัวข้ามาอยู่อารามจวินซวนบนเขาร่วมห้าปี จู่ ๆ ท่านพ่อผู้สูงส่งกลับให้คนมาตามข้าลงจากเขา เจ้าคิดว่าจะมีเรื่องดีงั้นหรือ”“บ่าว…บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะแต่ว่าคุณหนู..”“ชู่ว….เงียบ ๆ ข้าได้ยินเสียงอื่นนอกจากล้อรถม้า”สาวใช้เริ่มกำดาบในมือแน่น คุณหนูรองสกุลหลาง “หลางเย่หลิน” ที่ค่อย ๆ ขยับไปที่ด้านหน้าตรงประตูคนขับเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้คนด้านนอก“หย่าหลี เจ้ารีบไปตรวจดูรอบ ๆ นี้ไม่เกินห้าลี้ ข้าคิดว่าเราไม่ปลอดภัย”“คุณหนู ดูแลตัวเองด้วย”“อืม ข้าจะรอเจ้าที่ปากทางแยกเข้าเมืองข้างหน้า”“เจ้าค่ะ”นางหันกลับมามองหน้าสาวใช้อีกคนในรถม้า พร้อมกับพยักหน้าให้กันตามสัญญาณไม่นานรถม้าก็ถูกล้อมเอาไว้และถูกโจมตีทันที “คันนี้แหละไม่ผิดแน่ ฆ่าให้หมด!!”“คุณหนูระวัง!!”“จี้ถงเจ้าก้มหลบไป!!”“หลางเย่หลิน” กำบางอย่างอยู่ในมือก่อนจะหลับตาลงและปล่อยบางอย่างพุ่งออกจากรถม้า สาวใช้ข้างกายปิดจมูก
บุรุษหนุ่มในชุดสีดำยังคงยืนมองนางพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นราวกับกำลังจะพิจารณาบางอย่าง หลางเย่หลินรู้สึกว่าเขาออกจะ…ไร้มารยาทอยู่นิดหน่อย“ข้า…จะทราบได้เช่นไรว่าพวกท่านคือคนที่อาจารย์ส่งมาคุ้มกันจริง ๆ”“คุณหนูรอง ข้าช่วยเจ้ามาสองรอบแล้วตลอดทางลงเขา หากว่าครั้งนี้ไม่ใช่ข้าเกรงว่าเจ้าคงตายก่อนไปถึงสกุลหลางแล้ว แต่หากว่าเจ้าไม่เชื่อก็คงต้องกลับไปถามนางแล้วล่ะ ตอนนี้เจ้ามีทางเลือกสองทาง ให้ข้าอารักขาเจ้าหรือไม่ก็…รอเจ้าพวกที่ดักฆ่าเจ้าข้างหน้า เจ้ารู้ดีนี่ว่ามันไม่น่าจะหมดเท่านี้”หลางเย่หลินหรี่ตามองบุรุษปากดีตรงหน้า ท่าทางองอาจมั่นใจนั่นทำให้นางรู้สึกขัดตายิ่งนักแม้ว่านางที่แทบจะไม่ค่อยได้พบผู้ใดเลยตลอดสี่ปีกว่าที่ผ่านมาแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อก้าวเท้าลงจากเขาก็เจอเรื่องวุ่นวายเช่นนี้“แม้แต่ชื่อข้ายังไม่รู้จักท่านเลย”“ข้า…อึก!!….เจ้า!!”""คุณชาย!!""เขาอ้าปากเพียงนิดเดียวก็ถูกนางดีดยาบางอย่างเข้าไปในปากทันทีพร้อมกับความตกใจขององครักษ์อีกสองคนที่จะพุ่งตัวเข้ามาแต่พวกเขาก็ถูกสาวใช้ทั้งสองของหลางเย่หลินกันเอาไว้เช่นกัน“เจ้า…คุณหนูรองเจ้าเอาสิ่งใดให้ข้ากิน”“ท่านองครักษ์ หากว่าท่านมิได้คิดร
เสนาบดีหลางตกใจจนพูดไม่ออก แม้ว่าจะบอกว่าผึ้งต่อยแต่เขาไม่เคยเห็นผู้ใดถูกต่อยจนใบหน้าเสียโฉมเช่นที่เสี่ยวหงโดน เขาหันไปมองเย่หลินที่มองไปที่เสี่ยวหงและหันมามองเขา“น้องสาม เจ้าถูกต่อยขนาดนั้นข้าไม่แปลกใจเลยที่ข้าวของในห้องของเจ้า….หรือว่านี่คือแผนการทำร้ายข้าอีกเช่นนั้นหรือ ท่านพ่อเจ้าคะข้าควรจะทำเช่นไรดี เดิมทีก่อนมาที่นี่ก็ถูกลอบฆ่า เข้ามาในจวนก็ยัง….”“หลางเสี่ยวหง!! ข้าต้องการคำอธิบายในเรื่องนี้!!”“ท่านพ่อลูกไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ ลูกไม่รู้ว่าฝูงผึ้งนั่นมาจากที่ใด ลูกก็…”“หากเจ้าไม่รู้เหตุใดจึงไม่เรียกให้คนมาช่วยกำจัดแต่กลับหลอกพี่เจ้าเข้าไปในห้องโดยที่นางไม่รู้ หึ นางเอาของด้านในมาเผาก่อนที่พวกมันจะลุกลามไปทั่วจวนก็ทำถูกต้องแล้ว!!”“ท่านพ่อ ลูก…..”“เจ้าหุบปากไป แล้วไสหัวไปไกล ๆ จะไปไหนก็ไป จากนี้ไปอยู่เรือนหลัง เรือนเดิมที่เจ้ากับแม่เจ้าเคยอยู่ ไป!!!”“ท่านพี่!!”“ท่านพ่อ!!!”“พ่อบ้านต้าเซิ่ง”“ขอรับ”“ให้คนย้ายของของพวกนางไปที่เรือนหลัง ไม่มีคำสั่งข้าอย่าได้ให้ข้าเห็นพวกนางที่เรือนหน้าอีก”“ขอรับนายท่าน”“ท่านเสนาบดีท่านจะทำเช่นนี้กับพวกเราหาได้ไม่นะเจ้าคะ”เสนาบดีหลางเดินมา เม
เสียงกรีดร้องของหลางเสี่ยวหงเรียกให้บ่าวไพร่ทั้งจวนมารวมตัวกันได้พร้อมกับพยายามไล่ผึ้งฝูงใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดแต่ที่แน่ ๆ มันแฝงอยู่ในห้องนอนของหลางเสี่ยวหงอย่างไม่ต้องสงสัย บัดนี้ทั้งหลางฮูหยินและคุณหนูสามถูกผึ้งต่อยที่ใบหน้าจนเจ็บปวดและเริ่มมีแผลจำนวนมากแล้ว “ยังเป็นเสียงที่ฟังแล้วงี่เง่าและน่าสมเพช ผ่านไปกี่ปีก็น่ารังเกียจเช่นเดิมไม่เปลี่ยนเลย”เย่หลินเปิดจุกน้ำผึ้งและยื่นจากหน้าต่างเพื่อเรียกฝูงผึ้งให้บินกลับมา ผึ้งฝูงนี้นางเป็นผู้เลี้ยงเอาไว้เอง เหล็กในของผึ้งแต่ละตัวเคลือบ “พิษผึ้งฝากรัก” เอาไว้ มันจะทำให้ผู้ที่โดนต่อยมีตุ่มพุพอง ยิ่งกรีดเอาเหล็กในออกก็จะยิ่งลุกลามเป็นแผลใหญ่หากไม่ได้ยาถอนพิษของนาง ต่อให้เป็นบัวหิมะยอดเขาซีหวนก็ไม่มีทางทำให้แผลบนใบหน้าหายไปได้“แย่แล้วขอรับ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกนางต้องตายแน่ ๆ”“ไม่ตายหรอก เจ้าดูสิ ฝูงผึ้งนั่นกลับไปหาเจ้าของแล้ว”“เจ้าของหรือขอรับ หรือว่า!!”“หึ”โม่จางหยวนมองอยู่ที่หลังคาเรือนใหญ่ เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ฝูงผึ้งบินกลับไปตามทิศทางที่มันมาทางทิศตะวันตกจากห้องของหลางเย่หลิน“ลูกเล่นนางช่างมีมากมายจนทำให้ข้าประหลาดใจไม่น้อย”
หลางเย่หลินหันไปมอง นางคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างหลางเสี่ยวหงจะไม่ยอมแพ้ แต่ในเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นไม่ว่านางจะอยากเสียหรือไม่ นางก็ต้องยอมเพราะว่า….“เอาเช่นนี้ ข้าจะให้คนไปทำความสะอาดเรือนหลังให้เจ้า”“ท่านพ่อบอกกับข้าแล้ว ข้ามาที่นี่ในฐานะคุณหนูรองสกุลหลาง เจ้า…ท่านก็เห็นอยู่ว่าแม้แต่ใต้เท้าของศาลต้าหลี่ก็รู้จักข้า พวกท่านยังจะกล้าให้ “ผู้อื่น” ที่มิใช่บุตรคนโตพักอยู่เรือนนั้นอยู่งั้นหรือ หรือว่าการอยู่ในจวนเสนาบดีมาหลายปีนี้ จะไม่สามารถขัดเกลา…”“พอที!! เย่หลิน เรื่องนี้ค่อนข้างกะทันหันเกินไป เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”“กะทันหันงั้นหรือ ท่านพ่อท่านเอ่ยผิดแล้วกระมังเจ้าคะก่อนหน้านี้ท่านส่งจดหมายไปบนเขาฉีซางที่ข้าอยู่ใช้เวลาค่อนเดือนและข้าเองก็ใช้เวลาลงเขามาร่วมห้าวัน พวกท่านไม่เพียงไม่จัดห้องพักให้แต่ยังมาใช้ข้ออ้างเช่นนี้ลูกคิดว่า…ลูกเสียใจยิ่งนักที่เป็นเช่นนี้”เสนาบดีหลางคิ้วกระตุกรุนแรงเมื่อได้ยินบุตรสาวที่ห่างหายจากจวนไปเกือบห้าปีพูดให้เขาได้สำนึก แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยตรง ๆ แต่วาจาราดยาพิษนั่นราวกับจะบอกขาว่านางมาที่นี่ด้วยฐานะใด “ข้าเข้าใจแล้ว เสี่ยวหง เจ้าย้ายออกมาไปอยู่เรือนหล
เสนาบดีหลางหันไปมองเย่หลิน เขาหยุดเกาเคราแพะน่าเกลียดนั่นได้เสียทีเมื่อหันมามองสบตาบุตรสาวคนโต“เจ้าว่าอย่างไรนะ ระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”“ลูกถูกคนลอบฆ่าถึงสองครั้งเจ้าค่ะ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! มันเกิดขึ้นได้เช่นไร”เสนาบดีหลางตกใจเล็กน้อยและหันไปมองฮูหยินที่นั่งบีบผ้าเช็ดหน้าอยู่ในมือแต่สายตายังมองไปที่เย่หลินไม่วางตากับบุตรสาวที่นั่งไม่นิ่งตั้งแต่เมื่อครู่นี้“เจ้าค่ะ โจรชั่วนั่นถูกสั่งให้มาฆ่าลูก อีกกลุ่มหนึ่งถูกสั่งให้มา…ทำลายโฉมหน้าของลูก”“ดังนั้นเจ้าจะบอกว่า!!….ที่ใบหน้าเจ้า”หลางเย่หลินลุกขึ้นมาและค่อย ๆ เปิดใบหน้าของนางออกให้ทั้งหมดในห้องโถงดู แผลที่ยาวบนใบหน้าของนางนั้นสร้างความตกใจให้กับเสนาบดีหลางเป็นอย่างมากแต่กลับทำให้หลางเสี่ยวหงลอบยิ้มอย่างสะใจส่วนฮูหยินนั้นนั่งตัวแข็งทื่อราวกับหินแกะสลักก็มิปาน“พ่อบ้านต้าเซิ่ง…เจ้า…รีบไปเรียกหมอมาเร็วเข้า รีบไปเรียกมาดูใบหน้าให้นางหน่อย”“ขอรับนายท่าน”“อย่าเลยเจ้าค่ะท่านพ่อ”“ไม่ได้!! ใบหน้าของสตรีเป็นสิ่งสำคัญเจ้าจะ…”“แผลนี้ย่อมต้องมีคนชดใช้ลูกเข้าใจเจ้าค่ะ แต่มิใช่ตอนนี้ และแผลนี้ลูกเองก็มีทางรักษาให้หายได้เจ้าค่ะท่านพ่ออย่
“เจ้าว่าอย่างไรนะ….เจ้าบอกว่า”“ขอรับ ไม่ผิดแน่เพราะพวกมันรับสารภาพเอง เพราะพวกมันที่เข้ามาขัดขวางพวกข้าน้อยจึงลงมือไม่ได้และมัวแต่ต่อสู้กันเองดังนั้น…..”“ตอนนี้นาง!!”“เข้าเมืองหลวงมาแล้วขอรับ”“แล้วคนที่เหลือเจ้าจัดการหมดแล้วหรือไม่”“โชคร้ายที่คนของข้าน้อยตายหมดเหลือเพียงข้า แต่ว่าคนของคุณหนูสามสกุลหลาง….ถูกจับได้”“ว่าอย่างไรนะ!! เจ้ารีบไปได้แล้ว หากมีเรื่องครั้งหน้าข้าจะเรียกใช้เจ้า เรื่องครั้งนี้ข้าถือว่า…มันไม่ใช่ความผิดพลาดของเจ้า เงินค่าจ้างที่เหลืออยู่นี่ ข้าต้องไปก่อนล่ะ”“ขอบคุณฮูหยิน”สตรีสูงศักดิ์เร่งเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคนของพวกนาง ไม่นานโม่จางหยวนก็เดินออกมาจากฉากกั้นประตูไปที่โต๊ะที่วางถุงเงินขนาดใหญ่อยู่ เขาถอดหน้ากากออกและหยิบถุงเงินนั้นขึ้นมา“ห้าร้อยตำลึง ค่าตัวนางช่างแสนถูกนักเมื่อเทียบกับฐานะบุตรสาวเสนาบดีใหญ่ของต้าเซี่ย”“คุณชาย!!”กังลี่นั่นเอง เขาเร่งเข้ามาในห้องหลังจากไปจัดการเรื่องที่โม่จางหยวนสั่งให้ไปทำ ถุงเงินห่อใหญ่ถูกโยนไปให้กังลี่โดยไม่ได้มอง “นี่คือ…”“ค่าจ้างของพวกนักฆ่าที่หลางฮูหยินสั่งพวกมันไปฆ่าหลางเย่หลิน”“แต่เราฆ่าพวกนักฆ่าพวกนั้นหมดแล้ว…
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น ไปถึงก็รู้เองรีบไปเถอะ พวกเจ้าคอยดูต้นทางและความปลอดภัยของทุกคนให้ดี”“ขอรับคุณชาย”ห้องพักที่พวกเขาจองทั้งหมดสามห้อง ซึ่งห้องของนางและโม่จางหยวนเป็นห้องที่อยู่ตรงกลางและเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดซึ่งมีห้องแยกสองห้องนางจึงเข้าใจที่เขาพูด ด้านซ้ายเป็นห้องขององครักษ์ของเขาส่วนทางขวาสุดริมทางเดินเป็นของสาวใช้ทั้งสองของนาง“ท่าน…ไม่นอนหรือ เหตุใดไปนั่งอยู่ที่นั่น”“คุณหนูรอง เจ้าคงลืมไปแล้วว่าข้าเป็นองครักษ์ของเจ้า แน่นอนว่าต้องคอยอารักขาเจ้าแม้แต่ยามที่เจ้าหลับ”“ต้องทำเช่นนั้นเลยหรือ”“เจ้านอนพักเถอะ ข้าชินแล้ว”แต่ผู้ใดจะหลับลงได้เมื่อมีคนอื่นอยู่ร่วมห้องด้วยเช่นนี้ หลางเย่หลินลอบมององครักษ์หนุ่มที่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง สายตาเขามองออกไปด้านนอก แต่ใบหน้าที่ต้องแสงจันทร์นั้นทำเอาหัวใจของหลางเย่หลินสั่นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้หันมามองนางเลยก็ตาม“เจ้านอนไม่หลับหรือคุณหนูรอง”“ข้า…ไม่ชินกับ…การลงมาจากเขา ที่นั่นมิได้เสียงดังเช่นนี้”“เจ้ามาดูตรงนี้สิ”เขาหันมาเรียกนาง อีกอย่างคงเพราะผ้าที่นางใช้คลุมนั้นด้วย เวลานางนอนก็ยังไม่คิดจะถอด เช่นนี้จะหายใจสะดวกได้อย
บุรุษหนุ่มในชุดสีดำยังคงยืนมองนางพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นราวกับกำลังจะพิจารณาบางอย่าง หลางเย่หลินรู้สึกว่าเขาออกจะ…ไร้มารยาทอยู่นิดหน่อย“ข้า…จะทราบได้เช่นไรว่าพวกท่านคือคนที่อาจารย์ส่งมาคุ้มกันจริง ๆ”“คุณหนูรอง ข้าช่วยเจ้ามาสองรอบแล้วตลอดทางลงเขา หากว่าครั้งนี้ไม่ใช่ข้าเกรงว่าเจ้าคงตายก่อนไปถึงสกุลหลางแล้ว แต่หากว่าเจ้าไม่เชื่อก็คงต้องกลับไปถามนางแล้วล่ะ ตอนนี้เจ้ามีทางเลือกสองทาง ให้ข้าอารักขาเจ้าหรือไม่ก็…รอเจ้าพวกที่ดักฆ่าเจ้าข้างหน้า เจ้ารู้ดีนี่ว่ามันไม่น่าจะหมดเท่านี้”หลางเย่หลินหรี่ตามองบุรุษปากดีตรงหน้า ท่าทางองอาจมั่นใจนั่นทำให้นางรู้สึกขัดตายิ่งนักแม้ว่านางที่แทบจะไม่ค่อยได้พบผู้ใดเลยตลอดสี่ปีกว่าที่ผ่านมาแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อก้าวเท้าลงจากเขาก็เจอเรื่องวุ่นวายเช่นนี้“แม้แต่ชื่อข้ายังไม่รู้จักท่านเลย”“ข้า…อึก!!….เจ้า!!”""คุณชาย!!""เขาอ้าปากเพียงนิดเดียวก็ถูกนางดีดยาบางอย่างเข้าไปในปากทันทีพร้อมกับความตกใจขององครักษ์อีกสองคนที่จะพุ่งตัวเข้ามาแต่พวกเขาก็ถูกสาวใช้ทั้งสองของหลางเย่หลินกันเอาไว้เช่นกัน“เจ้า…คุณหนูรองเจ้าเอาสิ่งใดให้ข้ากิน”“ท่านองครักษ์ หากว่าท่านมิได้คิดร
เขาฉีซาง แคว้นต้าเซี่ย“คุณหนูเจ้าคะ อีกนานกว่าจะถึงในเมือง กินอะไรรองท้องเสียหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”“เจ้ากินเถอะจี้ถง หนทางข้างหน้ายังยากคาดเดา เราจะประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด”“คุณหนูคิดว่า…จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเจ้าคะ”“ตั้งแต่ส่งตัวข้ามาอยู่อารามจวินซวนบนเขาร่วมห้าปี จู่ ๆ ท่านพ่อผู้สูงส่งกลับให้คนมาตามข้าลงจากเขา เจ้าคิดว่าจะมีเรื่องดีงั้นหรือ”“บ่าว…บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะแต่ว่าคุณหนู..”“ชู่ว….เงียบ ๆ ข้าได้ยินเสียงอื่นนอกจากล้อรถม้า”สาวใช้เริ่มกำดาบในมือแน่น คุณหนูรองสกุลหลาง “หลางเย่หลิน” ที่ค่อย ๆ ขยับไปที่ด้านหน้าตรงประตูคนขับเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้คนด้านนอก“หย่าหลี เจ้ารีบไปตรวจดูรอบ ๆ นี้ไม่เกินห้าลี้ ข้าคิดว่าเราไม่ปลอดภัย”“คุณหนู ดูแลตัวเองด้วย”“อืม ข้าจะรอเจ้าที่ปากทางแยกเข้าเมืองข้างหน้า”“เจ้าค่ะ”นางหันกลับมามองหน้าสาวใช้อีกคนในรถม้า พร้อมกับพยักหน้าให้กันตามสัญญาณไม่นานรถม้าก็ถูกล้อมเอาไว้และถูกโจมตีทันที “คันนี้แหละไม่ผิดแน่ ฆ่าให้หมด!!”“คุณหนูระวัง!!”“จี้ถงเจ้าก้มหลบไป!!”“หลางเย่หลิน” กำบางอย่างอยู่ในมือก่อนจะหลับตาลงและปล่อยบางอย่างพุ่งออกจากรถม้า สาวใช้ข้างกายปิดจมูก