“เจ้าว่าอย่างไรนะ….เจ้าบอกว่า”
“ขอรับ ไม่ผิดแน่เพราะพวกมันรับสารภาพเอง เพราะพวกมันที่เข้ามาขัดขวางพวกข้าน้อยจึงลงมือไม่ได้และมัวแต่ต่อสู้กันเองดังนั้น…..”
“ตอนนี้นาง!!”
“เข้าเมืองหลวงมาแล้วขอรับ”
“แล้วคนที่เหลือเจ้าจัดการหมดแล้วหรือไม่”
“โชคร้ายที่คนของข้าน้อยตายหมดเหลือเพียงข้า แต่ว่าคนของคุณหนูสามสกุลหลาง….ถูกจับได้”
“ว่าอย่างไรนะ!! เจ้ารีบไปได้แล้ว หากมีเรื่องครั้งหน้าข้าจะเรียกใช้เจ้า เรื่องครั้งนี้ข้าถือว่า…มันไม่ใช่ความผิดพลาดของเจ้า เงินค่าจ้างที่เหลืออยู่นี่ ข้าต้องไปก่อนล่ะ”
“ขอบคุณฮูหยิน”
สตรีสูงศักดิ์เร่งเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคนของพวกนาง ไม่นานโม่จางหยวนก็เดินออกมาจากฉากกั้นประตูไปที่โต๊ะที่วางถุงเงินขนาดใหญ่อยู่ เขาถอดหน้ากากออกและหยิบถุงเงินนั้นขึ้นมา
“ห้าร้อยตำลึง ค่าตัวนางช่างแสนถูกนักเมื่อเทียบกับฐานะบุตรสาวเสนาบดีใหญ่ของต้าเซี่ย”
“คุณชาย!!”
กังลี่นั่นเอง เขาเร่งเข้ามาในห้องหลังจากไปจัดการเรื่องที่โม่จางหยวนสั่งให้ไปทำ ถุงเงินห่อใหญ่ถูกโยนไปให้กังลี่โดยไม่ได้มอง
“นี่คือ…”
“ค่าจ้างของพวกนักฆ่าที่หลางฮูหยินสั่งพวกมันไปฆ่าหลางเย่หลิน”
“แต่เราฆ่าพวกนักฆ่าพวกนั้นหมดแล้ว…หรือว่าคุณชาย…ท่านหลอกถามนางหรือขอรับ”
“ใช่ ข้าแค่อยากจะรู้ให้แน่ใจเท่านั้นว่าเป็นนางจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าสองแม่ลูกนี้จะโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ เรื่องที่ให้พวกเจ้าไปสืบในสกุลหลางก่อนหน้านี้เป็นเช่นไรบ้าง”
“คนของเรากำลังรวบรวมข้อมูล คิดว่าไม่เกินพรุ่งนี้คงจะได้ครบขอรับ”
“คนร้ายล่ะ”
“ศาลต้าหลี่กำลังพาไปที่สกุลหลางขอรับ”
“เช่นนั้นก็รีบไปที่สกุลหลาง…ไปดูละครสนุก ๆ กันเถอะ”
จวนสกุลหลาง
รถม้าของหลางเย่หลินวิ่งเข้ามาจอดที่ด้านหน้าของสกุลหลินก่อนที่ฮูหยิน “หลางเยี่ยน” จะมาถึง เมื่อประตูเปิดออกมานางก็พบว่ามีเพียงพ่อบ้านที่เคยทำงานให้มารดาของนางกับแม่บ้านเก่าแก่ของสกุลหลางเท่านั้นที่มารอรับนาง
“คุณหนูรองท่านมาถึงแล้ว ป้าเหยาดีใจยิ่งนักเจ้าค่ะ”
“ป้าเหยา ลุงเซิ่งพวกท่านสบายดีนะเจ้าคะ”
“คุณหนูขอรับพวกเราสบายดี เฝ้ารอคุณหนูทุกวันเลยขอรับรีบเข้าไปด้านในเถอะขอรับ”
“ท่านเสนาบดีเล่า อยู่ด้านในหรือ”
“ขอรับ ท่านเสนาบดีรอคุณหนูอยู่นานแล้วขอรับ”
“จากไปเสียนานเลยนะ”
หลางเย่หลินมองดูประตูจวนที่มีชื่อนามสกุลหลาง และแหงนมองป้ายคุณธรรมจอมปลอมซึ่งพระราชทานโดยฝ่าบาท “ความดีแข็งแกร่งดุจหินผา” แขวนตั้งอยู่ด้านบนของของโถงใหญ่ก่อนที่นางจะเดินเข้าไป เสนาบดี “หลางฮุ่ย” บิดาของนางนั่งอยู่พร้อมกับลูบเคราแพะของเขาอย่างไว้ท่ารออยู่สุดปลายทางเดิน ท่าทีนั้นยังหยิ่งผยองเช่นเดิมแม้แต่สายตาที่มองนางก็ยังไม่เปลี่ยนไป
ถัดไปอีกที่หนึ่งเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของเสนาบดี แม้ว่านางจะมีวัยที่อ่อนเยาว์กว่าแต่ก็มิได้ให้ความเคารพนาง “หลางเสี่ยวหง” ยังนั่งที่ประจำตำแหน่งของบุตรสาวคนโตของนางอยู่เช่นนั้นโดยที่เสนาบดีหลางมิได้เอ่ยตักเตือนแต่อย่างใดแต่ไร้เงาของหลางฮูหยิน ผู้ที่ทำให้หลางเย่หลินต้องออกจากจวนสกุลหลางเมื่อหลายปีก่อน
“หลางเย่หลินคารวะ…เสนาบดีหลาง”
“เหตุใดไม่เรียกข้าว่าท่านพ่อ”
เสียงไม่พอใจจากเก้าอี้ของหลางเสี่ยวหงดังขึ้นแต่ทั้งเสนาบดีหลางและเย่หลินมิได้สนใจแต่อย่างใดกับความไร้มารยาทนี้ของนาง
“ข้ามิทราบว่าสมควรทำหรือไม่เจ้าค่ะ”
“เจ้าเป็นบุตรคนรอง เป็นบุตรสาวคนโตของสกุลหลางไม่ว่าจะก่อนหน้านี้ ตอนนี้และจากนี้ตลอดไป ลุกขึ้นเถอะ”
“เย่หลิน…ขอบคุณท่านพ่อ”
“อืม…มานั่งตรงนี้เถอะ”
เย่หลินมองใบหน้าผู้เป็นบิดาที่ผุดยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นหน้านางที่ยังคงใช้ผ้าขาวผูกเอาไว้จนเขานึกสงสัย แม้ว่าพ่อบ้านเฒ่าและแม่บ้านเก่าแก่จะนึกสงสัยตั้งแต่นางลงมาจากรถม้าแล้วก็ตาม
“ใบหน้าเจ้า….เหตุใดจึงต้องปกปิดเอาไว้”
“ท่านพ่อ นั่นมิใช่ที่นั่งที่ถูกต้องของลูก หากจะให้นั่งในเมื่อท่านกล่าวเองว่าข้าคือบุตรสาวคนโตสกุลหลาง ดังนั้น….”
สายตานางมองไปยังหลางเสี่ยวหง ที่หันหน้ามามองนางอย่างเกลียดชัง ความคับแค้นใจแต่หนหลังยังคงไม่ทำให้นางมองหลางเย่หลินในทางที่ดีได้
“เช่นนั้นเจ้าก็มานั่งที่นี่เถอะ”
“ท่านพ่อ!! นั่นมันที่ของท่านแม่”
“น้องสาม เจ้าว่าอย่างไรนะ”
“ข้าพูดชัดเจนแล้วเจ้าไม่ได้ยินหรือ ที่นั่งตรงนั้นเป็นที่ของท่านแม่ซึ่งเป็นฮูหยิน…”
“แค่อนุในเรือน”
“นังเย่หลิน!!”
“เงียบ!!”
“ท่านพ่อ นางก้าวเข้ามาในจวนก็สร้างความเดือดร้อน แม้แต่มารยาทก็ยังไม่รู้แล้วยังจะบังอาจไปนั่งที่นั่งของท่านแม่ท่านจะให้ข้ายินยอมได้เช่นไรเจ้าคะ”
หลางเย่หลินยิ้มอย่างยินดี สุดท้ายหลางเสี่ยวหงก็ไม่ต่างไปจากเดิม “โง่และอวดดี” เช่นเดิม เมื่อนางหันไปและพูดกับน้องสาวต่างมารดาด้วยเสียงที่เรียบที่สุด
“น้องสาม เจ้าบอกว่าข้าไร้มารยาท แม้แต่เก้าอี้ที่นั่งก็มิได้มีความรู้ว่าควรนั่งที่ใดงั้นหรือ”
“ใช่ เจ้าควรจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร บังอาจอย่างไรมานั่งตรงที่นั่งของท่านแม่ เจ้าเป็น….”
“บุตรสาวคนโตของสกุลหลาง หากนับตามฐานะ ข้าเป็นพี่ของเจ้าและที่นั่งที่เจ้ากำลังนั่งอยู่…คือที่นั่งของข้า เช่นนี้เจ้าเองก็ไร้มารยาทขาดการอบรมแม้แต่ที่นั่งยังนั่งไม่ถูกใช่หรือไม่”
“ท่านพ่อ!!….นาง…”
“น้องสาม ข้าก็แค่กล่าวถามเจ้าเท่านั้น ข้ามิเพียงมอบเก้าอี้ให้เจ้านั่งโดยมิได้ต่อว่าและยอมนั่งในที่อื่น ๆ แต่ว่าท่านพ่อแค่เสนอที่นั่งนี้ให้กับข้า นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะแล้งน้ำใจเช่นนี้”
“เช่นนั้นเจ้าก็คงต้องหาที่นั่งใหม่แล้วล่ะ”
เสียงนั้นเย่หลินจำได้ดี สตรีสูงวัยที่เดินเข้ามาด้านหลังห้องโถง นางเดินเชิดจมูกขึ้นเล็กน้อย สายตามองต่ำราวกับไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเมื่อเดินมานั่งที่นั่งของตนเองท่ามกลางความสะใจของหลางเสี่ยวหง เย่หลินหันไปนางมอง “หลางเยี่ยน” ฮูหยิน ของเสนาบดีหลางในขณะนี้ นางยืนมองเฉย ๆ ด้วยสายตาที่ยังนิ่งอยู่
“เย่หลิน เหตุใดจึงไม่กล่าวทักทาย….”
“ทักทายงั้นหรือ ท่านพ่อท่านคงสติเลอะเลือนจนลืมไปสิ้นแล้ว…จะให้ข้ากล่าวทักทายสตรีที่ไร้คุณธรรมแย่งสามีผู้ที่ช่วยชีวิตนางมาจากที่ต่ำตมที่สุดและมาเผยอหน้านั่งแทนที่มารดาข้าหลังจากที่นางสิ้นไปแล้วงั้นหรือเจ้าคะ ขออภัยที่ข้า…ทำไม่ได้”
“หลางเย่หลิน เจ้า!!”
สายตาของหลางเย่หลินมิได้เกรงกลัวเสนาบดีหลางเลยแม้แต่น้อย หากนี่มิใช่ราชโองการฝ่าบาทสั่งให้เขาพานางเข้ามาเมืองหลวงเพื่อเข้ารับการคัดเลือกพระชายาองค์ชายทั้งสิบของฝ่าบาท มีหรือเขาจะอยากยุ่งกับนาง
แต่เพราะผู้คนในเมืองหลวงต่างก็รู้จักไป๋ฮูหยินของเสนาบดีหลางก่อนหน้านี้ซึ่งชาวเมืองหลวงต่างให้ความเคารพนางเพราะนางช่วยเหลือคนทุกข์ยากในเมืองหลวง คุณงามความดีมากล้นจนฝ่าบาทพระราชานยศท่านหญิงแต่งตั้งพิเศษให้นางทำให้เขาขัดราชโองการครั้งนี้ไม่ได้
“คุณหนูรอง เห็นท่านกลับมาอย่างปลอดภัย ข้าเองก็ยินดียิ่งนัก”
สายตาของหลางเยี่ยนที่มองมาที่เย่หลินนั้นต่างอยากจะฉีกแต่ละฝ่ายหลุดออกเป็นชิ้น ๆ เพียงแต่พวกนางยังทำไม่ได้ หลางเย่หยินเริ่มกล่าวขึ้นมาหลังจากที่นางนั่งที่นั่งของพี่ใหญ่ของนางแทน
“งั้นหรือ แต่ข้ามีเรื่องไม่น่ายินดีเท่าใดมาเล่าให้ท่านพ่อฟังเจ้าค่ะ”
เสนาบดีหลางหันไปมองเย่หลิน เขาหยุดเกาเคราแพะน่าเกลียดนั่นได้เสียทีเมื่อหันมามองสบตาบุตรสาวคนโต“เจ้าว่าอย่างไรนะ ระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”“ลูกถูกคนลอบฆ่าถึงสองครั้งเจ้าค่ะ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! มันเกิดขึ้นได้เช่นไร”เสนาบดีหลางตกใจเล็กน้อยและหันไปมองฮูหยินที่นั่งบีบผ้าเช็ดหน้าอยู่ในมือแต่สายตายังมองไปที่เย่หลินไม่วางตากับบุตรสาวที่นั่งไม่นิ่งตั้งแต่เมื่อครู่นี้“เจ้าค่ะ โจรชั่วนั่นถูกสั่งให้มาฆ่าลูก อีกกลุ่มหนึ่งถูกสั่งให้มา…ทำลายโฉมหน้าของลูก”“ดังนั้นเจ้าจะบอกว่า!!….ที่ใบหน้าเจ้า”หลางเย่หลินลุกขึ้นมาและค่อย ๆ เปิดใบหน้าของนางออกให้ทั้งหมดในห้องโถงดู แผลที่ยาวบนใบหน้าของนางนั้นสร้างความตกใจให้กับเสนาบดีหลางเป็นอย่างมากแต่กลับทำให้หลางเสี่ยวหงลอบยิ้มอย่างสะใจส่วนฮูหยินนั้นนั่งตัวแข็งทื่อราวกับหินแกะสลักก็มิปาน“พ่อบ้านต้าเซิ่ง…เจ้า…รีบไปเรียกหมอมาเร็วเข้า รีบไปเรียกมาดูใบหน้าให้นางหน่อย”“ขอรับนายท่าน”“อย่าเลยเจ้าค่ะท่านพ่อ”“ไม่ได้!! ใบหน้าของสตรีเป็นสิ่งสำคัญเจ้าจะ…”“แผลนี้ย่อมต้องมีคนชดใช้ลูกเข้าใจเจ้าค่ะ แต่มิใช่ตอนนี้ และแผลนี้ลูกเองก็มีทางรักษาให้หายได้เจ้าค่ะท่านพ่ออย่
หลางเย่หลินหันไปมอง นางคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างหลางเสี่ยวหงจะไม่ยอมแพ้ แต่ในเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นไม่ว่านางจะอยากเสียหรือไม่ นางก็ต้องยอมเพราะว่า….“เอาเช่นนี้ ข้าจะให้คนไปทำความสะอาดเรือนหลังให้เจ้า”“ท่านพ่อบอกกับข้าแล้ว ข้ามาที่นี่ในฐานะคุณหนูรองสกุลหลาง เจ้า…ท่านก็เห็นอยู่ว่าแม้แต่ใต้เท้าของศาลต้าหลี่ก็รู้จักข้า พวกท่านยังจะกล้าให้ “ผู้อื่น” ที่มิใช่บุตรคนโตพักอยู่เรือนนั้นอยู่งั้นหรือ หรือว่าการอยู่ในจวนเสนาบดีมาหลายปีนี้ จะไม่สามารถขัดเกลา…”“พอที!! เย่หลิน เรื่องนี้ค่อนข้างกะทันหันเกินไป เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”“กะทันหันงั้นหรือ ท่านพ่อท่านเอ่ยผิดแล้วกระมังเจ้าคะก่อนหน้านี้ท่านส่งจดหมายไปบนเขาฉีซางที่ข้าอยู่ใช้เวลาค่อนเดือนและข้าเองก็ใช้เวลาลงเขามาร่วมห้าวัน พวกท่านไม่เพียงไม่จัดห้องพักให้แต่ยังมาใช้ข้ออ้างเช่นนี้ลูกคิดว่า…ลูกเสียใจยิ่งนักที่เป็นเช่นนี้”เสนาบดีหลางคิ้วกระตุกรุนแรงเมื่อได้ยินบุตรสาวที่ห่างหายจากจวนไปเกือบห้าปีพูดให้เขาได้สำนึก แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยตรง ๆ แต่วาจาราดยาพิษนั่นราวกับจะบอกขาว่านางมาที่นี่ด้วยฐานะใด “ข้าเข้าใจแล้ว เสี่ยวหง เจ้าย้ายออกมาไปอยู่เรือนหล
เสียงกรีดร้องของหลางเสี่ยวหงเรียกให้บ่าวไพร่ทั้งจวนมารวมตัวกันได้พร้อมกับพยายามไล่ผึ้งฝูงใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดแต่ที่แน่ ๆ มันแฝงอยู่ในห้องนอนของหลางเสี่ยวหงอย่างไม่ต้องสงสัย บัดนี้ทั้งหลางฮูหยินและคุณหนูสามถูกผึ้งต่อยที่ใบหน้าจนเจ็บปวดและเริ่มมีแผลจำนวนมากแล้ว “ยังเป็นเสียงที่ฟังแล้วงี่เง่าและน่าสมเพช ผ่านไปกี่ปีก็น่ารังเกียจเช่นเดิมไม่เปลี่ยนเลย”เย่หลินเปิดจุกน้ำผึ้งและยื่นจากหน้าต่างเพื่อเรียกฝูงผึ้งให้บินกลับมา ผึ้งฝูงนี้นางเป็นผู้เลี้ยงเอาไว้เอง เหล็กในของผึ้งแต่ละตัวเคลือบ “พิษผึ้งฝากรัก” เอาไว้ มันจะทำให้ผู้ที่โดนต่อยมีตุ่มพุพอง ยิ่งกรีดเอาเหล็กในออกก็จะยิ่งลุกลามเป็นแผลใหญ่หากไม่ได้ยาถอนพิษของนาง ต่อให้เป็นบัวหิมะยอดเขาซีหวนก็ไม่มีทางทำให้แผลบนใบหน้าหายไปได้“แย่แล้วขอรับ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกนางต้องตายแน่ ๆ”“ไม่ตายหรอก เจ้าดูสิ ฝูงผึ้งนั่นกลับไปหาเจ้าของแล้ว”“เจ้าของหรือขอรับ หรือว่า!!”“หึ”โม่จางหยวนมองอยู่ที่หลังคาเรือนใหญ่ เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ฝูงผึ้งบินกลับไปตามทิศทางที่มันมาทางทิศตะวันตกจากห้องของหลางเย่หลิน“ลูกเล่นนางช่างมีมากมายจนทำให้ข้าประหลาดใจไม่น้อย”
เสนาบดีหลางตกใจจนพูดไม่ออก แม้ว่าจะบอกว่าผึ้งต่อยแต่เขาไม่เคยเห็นผู้ใดถูกต่อยจนใบหน้าเสียโฉมเช่นที่เสี่ยวหงโดน เขาหันไปมองเย่หลินที่มองไปที่เสี่ยวหงและหันมามองเขา“น้องสาม เจ้าถูกต่อยขนาดนั้นข้าไม่แปลกใจเลยที่ข้าวของในห้องของเจ้า….หรือว่านี่คือแผนการทำร้ายข้าอีกเช่นนั้นหรือ ท่านพ่อเจ้าคะข้าควรจะทำเช่นไรดี เดิมทีก่อนมาที่นี่ก็ถูกลอบฆ่า เข้ามาในจวนก็ยัง….”“หลางเสี่ยวหง!! ข้าต้องการคำอธิบายในเรื่องนี้!!”“ท่านพ่อลูกไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ ลูกไม่รู้ว่าฝูงผึ้งนั่นมาจากที่ใด ลูกก็…”“หากเจ้าไม่รู้เหตุใดจึงไม่เรียกให้คนมาช่วยกำจัดแต่กลับหลอกพี่เจ้าเข้าไปในห้องโดยที่นางไม่รู้ หึ นางเอาของด้านในมาเผาก่อนที่พวกมันจะลุกลามไปทั่วจวนก็ทำถูกต้องแล้ว!!”“ท่านพ่อ ลูก…..”“เจ้าหุบปากไป แล้วไสหัวไปไกล ๆ จะไปไหนก็ไป จากนี้ไปอยู่เรือนหลัง เรือนเดิมที่เจ้ากับแม่เจ้าเคยอยู่ ไป!!!”“ท่านพี่!!”“ท่านพ่อ!!!”“พ่อบ้านต้าเซิ่ง”“ขอรับ”“ให้คนย้ายของของพวกนางไปที่เรือนหลัง ไม่มีคำสั่งข้าอย่าได้ให้ข้าเห็นพวกนางที่เรือนหน้าอีก”“ขอรับนายท่าน”“ท่านเสนาบดีท่านจะทำเช่นนี้กับพวกเราหาได้ไม่นะเจ้าคะ”เสนาบดีหลางเดินมา เม
เขาฉีซาง แคว้นต้าเซี่ย“คุณหนูเจ้าคะ อีกนานกว่าจะถึงในเมือง กินอะไรรองท้องเสียหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”“เจ้ากินเถอะจี้ถง หนทางข้างหน้ายังยากคาดเดา เราจะประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด”“คุณหนูคิดว่า…จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเจ้าคะ”“ตั้งแต่ส่งตัวข้ามาอยู่อารามจวินซวนบนเขาร่วมห้าปี จู่ ๆ ท่านพ่อผู้สูงส่งกลับให้คนมาตามข้าลงจากเขา เจ้าคิดว่าจะมีเรื่องดีงั้นหรือ”“บ่าว…บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะแต่ว่าคุณหนู..”“ชู่ว….เงียบ ๆ ข้าได้ยินเสียงอื่นนอกจากล้อรถม้า”สาวใช้เริ่มกำดาบในมือแน่น คุณหนูรองสกุลหลาง “หลางเย่หลิน” ที่ค่อย ๆ ขยับไปที่ด้านหน้าตรงประตูคนขับเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้คนด้านนอก“หย่าหลี เจ้ารีบไปตรวจดูรอบ ๆ นี้ไม่เกินห้าลี้ ข้าคิดว่าเราไม่ปลอดภัย”“คุณหนู ดูแลตัวเองด้วย”“อืม ข้าจะรอเจ้าที่ปากทางแยกเข้าเมืองข้างหน้า”“เจ้าค่ะ”นางหันกลับมามองหน้าสาวใช้อีกคนในรถม้า พร้อมกับพยักหน้าให้กันตามสัญญาณไม่นานรถม้าก็ถูกล้อมเอาไว้และถูกโจมตีทันที “คันนี้แหละไม่ผิดแน่ ฆ่าให้หมด!!”“คุณหนูระวัง!!”“จี้ถงเจ้าก้มหลบไป!!”“หลางเย่หลิน” กำบางอย่างอยู่ในมือก่อนจะหลับตาลงและปล่อยบางอย่างพุ่งออกจากรถม้า สาวใช้ข้างกายปิดจมูก
บุรุษหนุ่มในชุดสีดำยังคงยืนมองนางพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นราวกับกำลังจะพิจารณาบางอย่าง หลางเย่หลินรู้สึกว่าเขาออกจะ…ไร้มารยาทอยู่นิดหน่อย“ข้า…จะทราบได้เช่นไรว่าพวกท่านคือคนที่อาจารย์ส่งมาคุ้มกันจริง ๆ”“คุณหนูรอง ข้าช่วยเจ้ามาสองรอบแล้วตลอดทางลงเขา หากว่าครั้งนี้ไม่ใช่ข้าเกรงว่าเจ้าคงตายก่อนไปถึงสกุลหลางแล้ว แต่หากว่าเจ้าไม่เชื่อก็คงต้องกลับไปถามนางแล้วล่ะ ตอนนี้เจ้ามีทางเลือกสองทาง ให้ข้าอารักขาเจ้าหรือไม่ก็…รอเจ้าพวกที่ดักฆ่าเจ้าข้างหน้า เจ้ารู้ดีนี่ว่ามันไม่น่าจะหมดเท่านี้”หลางเย่หลินหรี่ตามองบุรุษปากดีตรงหน้า ท่าทางองอาจมั่นใจนั่นทำให้นางรู้สึกขัดตายิ่งนักแม้ว่านางที่แทบจะไม่ค่อยได้พบผู้ใดเลยตลอดสี่ปีกว่าที่ผ่านมาแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อก้าวเท้าลงจากเขาก็เจอเรื่องวุ่นวายเช่นนี้“แม้แต่ชื่อข้ายังไม่รู้จักท่านเลย”“ข้า…อึก!!….เจ้า!!”""คุณชาย!!""เขาอ้าปากเพียงนิดเดียวก็ถูกนางดีดยาบางอย่างเข้าไปในปากทันทีพร้อมกับความตกใจขององครักษ์อีกสองคนที่จะพุ่งตัวเข้ามาแต่พวกเขาก็ถูกสาวใช้ทั้งสองของหลางเย่หลินกันเอาไว้เช่นกัน“เจ้า…คุณหนูรองเจ้าเอาสิ่งใดให้ข้ากิน”“ท่านองครักษ์ หากว่าท่านมิได้คิดร
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น ไปถึงก็รู้เองรีบไปเถอะ พวกเจ้าคอยดูต้นทางและความปลอดภัยของทุกคนให้ดี”“ขอรับคุณชาย”ห้องพักที่พวกเขาจองทั้งหมดสามห้อง ซึ่งห้องของนางและโม่จางหยวนเป็นห้องที่อยู่ตรงกลางและเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดซึ่งมีห้องแยกสองห้องนางจึงเข้าใจที่เขาพูด ด้านซ้ายเป็นห้องขององครักษ์ของเขาส่วนทางขวาสุดริมทางเดินเป็นของสาวใช้ทั้งสองของนาง“ท่าน…ไม่นอนหรือ เหตุใดไปนั่งอยู่ที่นั่น”“คุณหนูรอง เจ้าคงลืมไปแล้วว่าข้าเป็นองครักษ์ของเจ้า แน่นอนว่าต้องคอยอารักขาเจ้าแม้แต่ยามที่เจ้าหลับ”“ต้องทำเช่นนั้นเลยหรือ”“เจ้านอนพักเถอะ ข้าชินแล้ว”แต่ผู้ใดจะหลับลงได้เมื่อมีคนอื่นอยู่ร่วมห้องด้วยเช่นนี้ หลางเย่หลินลอบมององครักษ์หนุ่มที่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง สายตาเขามองออกไปด้านนอก แต่ใบหน้าที่ต้องแสงจันทร์นั้นทำเอาหัวใจของหลางเย่หลินสั่นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้หันมามองนางเลยก็ตาม“เจ้านอนไม่หลับหรือคุณหนูรอง”“ข้า…ไม่ชินกับ…การลงมาจากเขา ที่นั่นมิได้เสียงดังเช่นนี้”“เจ้ามาดูตรงนี้สิ”เขาหันมาเรียกนาง อีกอย่างคงเพราะผ้าที่นางใช้คลุมนั้นด้วย เวลานางนอนก็ยังไม่คิดจะถอด เช่นนี้จะหายใจสะดวกได้อย
เสนาบดีหลางตกใจจนพูดไม่ออก แม้ว่าจะบอกว่าผึ้งต่อยแต่เขาไม่เคยเห็นผู้ใดถูกต่อยจนใบหน้าเสียโฉมเช่นที่เสี่ยวหงโดน เขาหันไปมองเย่หลินที่มองไปที่เสี่ยวหงและหันมามองเขา“น้องสาม เจ้าถูกต่อยขนาดนั้นข้าไม่แปลกใจเลยที่ข้าวของในห้องของเจ้า….หรือว่านี่คือแผนการทำร้ายข้าอีกเช่นนั้นหรือ ท่านพ่อเจ้าคะข้าควรจะทำเช่นไรดี เดิมทีก่อนมาที่นี่ก็ถูกลอบฆ่า เข้ามาในจวนก็ยัง….”“หลางเสี่ยวหง!! ข้าต้องการคำอธิบายในเรื่องนี้!!”“ท่านพ่อลูกไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ ลูกไม่รู้ว่าฝูงผึ้งนั่นมาจากที่ใด ลูกก็…”“หากเจ้าไม่รู้เหตุใดจึงไม่เรียกให้คนมาช่วยกำจัดแต่กลับหลอกพี่เจ้าเข้าไปในห้องโดยที่นางไม่รู้ หึ นางเอาของด้านในมาเผาก่อนที่พวกมันจะลุกลามไปทั่วจวนก็ทำถูกต้องแล้ว!!”“ท่านพ่อ ลูก…..”“เจ้าหุบปากไป แล้วไสหัวไปไกล ๆ จะไปไหนก็ไป จากนี้ไปอยู่เรือนหลัง เรือนเดิมที่เจ้ากับแม่เจ้าเคยอยู่ ไป!!!”“ท่านพี่!!”“ท่านพ่อ!!!”“พ่อบ้านต้าเซิ่ง”“ขอรับ”“ให้คนย้ายของของพวกนางไปที่เรือนหลัง ไม่มีคำสั่งข้าอย่าได้ให้ข้าเห็นพวกนางที่เรือนหน้าอีก”“ขอรับนายท่าน”“ท่านเสนาบดีท่านจะทำเช่นนี้กับพวกเราหาได้ไม่นะเจ้าคะ”เสนาบดีหลางเดินมา เม
เสียงกรีดร้องของหลางเสี่ยวหงเรียกให้บ่าวไพร่ทั้งจวนมารวมตัวกันได้พร้อมกับพยายามไล่ผึ้งฝูงใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดแต่ที่แน่ ๆ มันแฝงอยู่ในห้องนอนของหลางเสี่ยวหงอย่างไม่ต้องสงสัย บัดนี้ทั้งหลางฮูหยินและคุณหนูสามถูกผึ้งต่อยที่ใบหน้าจนเจ็บปวดและเริ่มมีแผลจำนวนมากแล้ว “ยังเป็นเสียงที่ฟังแล้วงี่เง่าและน่าสมเพช ผ่านไปกี่ปีก็น่ารังเกียจเช่นเดิมไม่เปลี่ยนเลย”เย่หลินเปิดจุกน้ำผึ้งและยื่นจากหน้าต่างเพื่อเรียกฝูงผึ้งให้บินกลับมา ผึ้งฝูงนี้นางเป็นผู้เลี้ยงเอาไว้เอง เหล็กในของผึ้งแต่ละตัวเคลือบ “พิษผึ้งฝากรัก” เอาไว้ มันจะทำให้ผู้ที่โดนต่อยมีตุ่มพุพอง ยิ่งกรีดเอาเหล็กในออกก็จะยิ่งลุกลามเป็นแผลใหญ่หากไม่ได้ยาถอนพิษของนาง ต่อให้เป็นบัวหิมะยอดเขาซีหวนก็ไม่มีทางทำให้แผลบนใบหน้าหายไปได้“แย่แล้วขอรับ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกนางต้องตายแน่ ๆ”“ไม่ตายหรอก เจ้าดูสิ ฝูงผึ้งนั่นกลับไปหาเจ้าของแล้ว”“เจ้าของหรือขอรับ หรือว่า!!”“หึ”โม่จางหยวนมองอยู่ที่หลังคาเรือนใหญ่ เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ฝูงผึ้งบินกลับไปตามทิศทางที่มันมาทางทิศตะวันตกจากห้องของหลางเย่หลิน“ลูกเล่นนางช่างมีมากมายจนทำให้ข้าประหลาดใจไม่น้อย”
หลางเย่หลินหันไปมอง นางคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างหลางเสี่ยวหงจะไม่ยอมแพ้ แต่ในเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นไม่ว่านางจะอยากเสียหรือไม่ นางก็ต้องยอมเพราะว่า….“เอาเช่นนี้ ข้าจะให้คนไปทำความสะอาดเรือนหลังให้เจ้า”“ท่านพ่อบอกกับข้าแล้ว ข้ามาที่นี่ในฐานะคุณหนูรองสกุลหลาง เจ้า…ท่านก็เห็นอยู่ว่าแม้แต่ใต้เท้าของศาลต้าหลี่ก็รู้จักข้า พวกท่านยังจะกล้าให้ “ผู้อื่น” ที่มิใช่บุตรคนโตพักอยู่เรือนนั้นอยู่งั้นหรือ หรือว่าการอยู่ในจวนเสนาบดีมาหลายปีนี้ จะไม่สามารถขัดเกลา…”“พอที!! เย่หลิน เรื่องนี้ค่อนข้างกะทันหันเกินไป เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”“กะทันหันงั้นหรือ ท่านพ่อท่านเอ่ยผิดแล้วกระมังเจ้าคะก่อนหน้านี้ท่านส่งจดหมายไปบนเขาฉีซางที่ข้าอยู่ใช้เวลาค่อนเดือนและข้าเองก็ใช้เวลาลงเขามาร่วมห้าวัน พวกท่านไม่เพียงไม่จัดห้องพักให้แต่ยังมาใช้ข้ออ้างเช่นนี้ลูกคิดว่า…ลูกเสียใจยิ่งนักที่เป็นเช่นนี้”เสนาบดีหลางคิ้วกระตุกรุนแรงเมื่อได้ยินบุตรสาวที่ห่างหายจากจวนไปเกือบห้าปีพูดให้เขาได้สำนึก แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยตรง ๆ แต่วาจาราดยาพิษนั่นราวกับจะบอกขาว่านางมาที่นี่ด้วยฐานะใด “ข้าเข้าใจแล้ว เสี่ยวหง เจ้าย้ายออกมาไปอยู่เรือนหล
เสนาบดีหลางหันไปมองเย่หลิน เขาหยุดเกาเคราแพะน่าเกลียดนั่นได้เสียทีเมื่อหันมามองสบตาบุตรสาวคนโต“เจ้าว่าอย่างไรนะ ระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”“ลูกถูกคนลอบฆ่าถึงสองครั้งเจ้าค่ะ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! มันเกิดขึ้นได้เช่นไร”เสนาบดีหลางตกใจเล็กน้อยและหันไปมองฮูหยินที่นั่งบีบผ้าเช็ดหน้าอยู่ในมือแต่สายตายังมองไปที่เย่หลินไม่วางตากับบุตรสาวที่นั่งไม่นิ่งตั้งแต่เมื่อครู่นี้“เจ้าค่ะ โจรชั่วนั่นถูกสั่งให้มาฆ่าลูก อีกกลุ่มหนึ่งถูกสั่งให้มา…ทำลายโฉมหน้าของลูก”“ดังนั้นเจ้าจะบอกว่า!!….ที่ใบหน้าเจ้า”หลางเย่หลินลุกขึ้นมาและค่อย ๆ เปิดใบหน้าของนางออกให้ทั้งหมดในห้องโถงดู แผลที่ยาวบนใบหน้าของนางนั้นสร้างความตกใจให้กับเสนาบดีหลางเป็นอย่างมากแต่กลับทำให้หลางเสี่ยวหงลอบยิ้มอย่างสะใจส่วนฮูหยินนั้นนั่งตัวแข็งทื่อราวกับหินแกะสลักก็มิปาน“พ่อบ้านต้าเซิ่ง…เจ้า…รีบไปเรียกหมอมาเร็วเข้า รีบไปเรียกมาดูใบหน้าให้นางหน่อย”“ขอรับนายท่าน”“อย่าเลยเจ้าค่ะท่านพ่อ”“ไม่ได้!! ใบหน้าของสตรีเป็นสิ่งสำคัญเจ้าจะ…”“แผลนี้ย่อมต้องมีคนชดใช้ลูกเข้าใจเจ้าค่ะ แต่มิใช่ตอนนี้ และแผลนี้ลูกเองก็มีทางรักษาให้หายได้เจ้าค่ะท่านพ่ออย่
“เจ้าว่าอย่างไรนะ….เจ้าบอกว่า”“ขอรับ ไม่ผิดแน่เพราะพวกมันรับสารภาพเอง เพราะพวกมันที่เข้ามาขัดขวางพวกข้าน้อยจึงลงมือไม่ได้และมัวแต่ต่อสู้กันเองดังนั้น…..”“ตอนนี้นาง!!”“เข้าเมืองหลวงมาแล้วขอรับ”“แล้วคนที่เหลือเจ้าจัดการหมดแล้วหรือไม่”“โชคร้ายที่คนของข้าน้อยตายหมดเหลือเพียงข้า แต่ว่าคนของคุณหนูสามสกุลหลาง….ถูกจับได้”“ว่าอย่างไรนะ!! เจ้ารีบไปได้แล้ว หากมีเรื่องครั้งหน้าข้าจะเรียกใช้เจ้า เรื่องครั้งนี้ข้าถือว่า…มันไม่ใช่ความผิดพลาดของเจ้า เงินค่าจ้างที่เหลืออยู่นี่ ข้าต้องไปก่อนล่ะ”“ขอบคุณฮูหยิน”สตรีสูงศักดิ์เร่งเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคนของพวกนาง ไม่นานโม่จางหยวนก็เดินออกมาจากฉากกั้นประตูไปที่โต๊ะที่วางถุงเงินขนาดใหญ่อยู่ เขาถอดหน้ากากออกและหยิบถุงเงินนั้นขึ้นมา“ห้าร้อยตำลึง ค่าตัวนางช่างแสนถูกนักเมื่อเทียบกับฐานะบุตรสาวเสนาบดีใหญ่ของต้าเซี่ย”“คุณชาย!!”กังลี่นั่นเอง เขาเร่งเข้ามาในห้องหลังจากไปจัดการเรื่องที่โม่จางหยวนสั่งให้ไปทำ ถุงเงินห่อใหญ่ถูกโยนไปให้กังลี่โดยไม่ได้มอง “นี่คือ…”“ค่าจ้างของพวกนักฆ่าที่หลางฮูหยินสั่งพวกมันไปฆ่าหลางเย่หลิน”“แต่เราฆ่าพวกนักฆ่าพวกนั้นหมดแล้ว…
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น ไปถึงก็รู้เองรีบไปเถอะ พวกเจ้าคอยดูต้นทางและความปลอดภัยของทุกคนให้ดี”“ขอรับคุณชาย”ห้องพักที่พวกเขาจองทั้งหมดสามห้อง ซึ่งห้องของนางและโม่จางหยวนเป็นห้องที่อยู่ตรงกลางและเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดซึ่งมีห้องแยกสองห้องนางจึงเข้าใจที่เขาพูด ด้านซ้ายเป็นห้องขององครักษ์ของเขาส่วนทางขวาสุดริมทางเดินเป็นของสาวใช้ทั้งสองของนาง“ท่าน…ไม่นอนหรือ เหตุใดไปนั่งอยู่ที่นั่น”“คุณหนูรอง เจ้าคงลืมไปแล้วว่าข้าเป็นองครักษ์ของเจ้า แน่นอนว่าต้องคอยอารักขาเจ้าแม้แต่ยามที่เจ้าหลับ”“ต้องทำเช่นนั้นเลยหรือ”“เจ้านอนพักเถอะ ข้าชินแล้ว”แต่ผู้ใดจะหลับลงได้เมื่อมีคนอื่นอยู่ร่วมห้องด้วยเช่นนี้ หลางเย่หลินลอบมององครักษ์หนุ่มที่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง สายตาเขามองออกไปด้านนอก แต่ใบหน้าที่ต้องแสงจันทร์นั้นทำเอาหัวใจของหลางเย่หลินสั่นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้หันมามองนางเลยก็ตาม“เจ้านอนไม่หลับหรือคุณหนูรอง”“ข้า…ไม่ชินกับ…การลงมาจากเขา ที่นั่นมิได้เสียงดังเช่นนี้”“เจ้ามาดูตรงนี้สิ”เขาหันมาเรียกนาง อีกอย่างคงเพราะผ้าที่นางใช้คลุมนั้นด้วย เวลานางนอนก็ยังไม่คิดจะถอด เช่นนี้จะหายใจสะดวกได้อย
บุรุษหนุ่มในชุดสีดำยังคงยืนมองนางพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นราวกับกำลังจะพิจารณาบางอย่าง หลางเย่หลินรู้สึกว่าเขาออกจะ…ไร้มารยาทอยู่นิดหน่อย“ข้า…จะทราบได้เช่นไรว่าพวกท่านคือคนที่อาจารย์ส่งมาคุ้มกันจริง ๆ”“คุณหนูรอง ข้าช่วยเจ้ามาสองรอบแล้วตลอดทางลงเขา หากว่าครั้งนี้ไม่ใช่ข้าเกรงว่าเจ้าคงตายก่อนไปถึงสกุลหลางแล้ว แต่หากว่าเจ้าไม่เชื่อก็คงต้องกลับไปถามนางแล้วล่ะ ตอนนี้เจ้ามีทางเลือกสองทาง ให้ข้าอารักขาเจ้าหรือไม่ก็…รอเจ้าพวกที่ดักฆ่าเจ้าข้างหน้า เจ้ารู้ดีนี่ว่ามันไม่น่าจะหมดเท่านี้”หลางเย่หลินหรี่ตามองบุรุษปากดีตรงหน้า ท่าทางองอาจมั่นใจนั่นทำให้นางรู้สึกขัดตายิ่งนักแม้ว่านางที่แทบจะไม่ค่อยได้พบผู้ใดเลยตลอดสี่ปีกว่าที่ผ่านมาแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อก้าวเท้าลงจากเขาก็เจอเรื่องวุ่นวายเช่นนี้“แม้แต่ชื่อข้ายังไม่รู้จักท่านเลย”“ข้า…อึก!!….เจ้า!!”""คุณชาย!!""เขาอ้าปากเพียงนิดเดียวก็ถูกนางดีดยาบางอย่างเข้าไปในปากทันทีพร้อมกับความตกใจขององครักษ์อีกสองคนที่จะพุ่งตัวเข้ามาแต่พวกเขาก็ถูกสาวใช้ทั้งสองของหลางเย่หลินกันเอาไว้เช่นกัน“เจ้า…คุณหนูรองเจ้าเอาสิ่งใดให้ข้ากิน”“ท่านองครักษ์ หากว่าท่านมิได้คิดร
เขาฉีซาง แคว้นต้าเซี่ย“คุณหนูเจ้าคะ อีกนานกว่าจะถึงในเมือง กินอะไรรองท้องเสียหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”“เจ้ากินเถอะจี้ถง หนทางข้างหน้ายังยากคาดเดา เราจะประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด”“คุณหนูคิดว่า…จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเจ้าคะ”“ตั้งแต่ส่งตัวข้ามาอยู่อารามจวินซวนบนเขาร่วมห้าปี จู่ ๆ ท่านพ่อผู้สูงส่งกลับให้คนมาตามข้าลงจากเขา เจ้าคิดว่าจะมีเรื่องดีงั้นหรือ”“บ่าว…บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะแต่ว่าคุณหนู..”“ชู่ว….เงียบ ๆ ข้าได้ยินเสียงอื่นนอกจากล้อรถม้า”สาวใช้เริ่มกำดาบในมือแน่น คุณหนูรองสกุลหลาง “หลางเย่หลิน” ที่ค่อย ๆ ขยับไปที่ด้านหน้าตรงประตูคนขับเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้คนด้านนอก“หย่าหลี เจ้ารีบไปตรวจดูรอบ ๆ นี้ไม่เกินห้าลี้ ข้าคิดว่าเราไม่ปลอดภัย”“คุณหนู ดูแลตัวเองด้วย”“อืม ข้าจะรอเจ้าที่ปากทางแยกเข้าเมืองข้างหน้า”“เจ้าค่ะ”นางหันกลับมามองหน้าสาวใช้อีกคนในรถม้า พร้อมกับพยักหน้าให้กันตามสัญญาณไม่นานรถม้าก็ถูกล้อมเอาไว้และถูกโจมตีทันที “คันนี้แหละไม่ผิดแน่ ฆ่าให้หมด!!”“คุณหนูระวัง!!”“จี้ถงเจ้าก้มหลบไป!!”“หลางเย่หลิน” กำบางอย่างอยู่ในมือก่อนจะหลับตาลงและปล่อยบางอย่างพุ่งออกจากรถม้า สาวใช้ข้างกายปิดจมูก