ในวอร์ดวีไอพี ผนังทั้งหมดต่างก็เป็นสีชมพูอ่อน ให้ความรู้สึกค่อนข้างอบอุ่นอาการของเจ้าหนูลู่เหยียนยังคงอ่อนแออยู่เธอนอนพิงหมอนสีขาว และถามเฉียวซุนด้วยความกังวลเป็นคำถามแรก “แม่คะ หนูจะตายไหมคะ? ”ในใจเฉียวซุนรู้สึกเศร้า แต่เพราะเธออยู่ต่อหน้าลูก จึงทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้เธอเลยยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “ไม่หรอกจ้ะ! ”เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงรู้สึกเวียนหัว เธอพิงแม่ของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ทำไมหนูถึงไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ไม่ได้ล่ะคะ? แม่คะ ถ้าแม่กับพ่อมีน้องชายเพิ่มอีกคน น้องจะต้องแข็งแรงนะคะ แม่ต้องให้น้องเกิดมาดี ๆ หน่อย ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ พอตอนที่เหยียนเหยียนไม่อยู่แล้ว แม่กับพ่อก็ยังมีเจ้าตัวเล็กที่น่ารักให้ดูอยู่นะคะ! ”คำพูดพวกนี้ ไม่รู้เลยว่าเธอไปเรียนหรือจำมาจากไหนแต่มันก็มากพอที่จะทำให้เฉียวซุนทรุดตัวลงทันทีเธอสำลักเสียงสะอื้น แล้วขอให้เสิ่นชิงช่วยดูแลเธอก่อน เธอเปิดประตูแล้วเดินออกไป......เธอต้องการที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเองก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เธอเป็นบ้าไปเลยก็ได้ลู่เจ๋อที่ยืนอยู่ตรงประตู ก็ได้พยายามหยุดเธอไว้ เขาพาเธอไปที่ห้องทำงานของเขา......แ
“ผมทำไม่ได้!”“เจ้าหนูลู่เหยียนสำคัญกับผมมาก แต่เฉียวซุนเองก็สำคัญสำหรับผมเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าผมเคยทำผิดต่อเธอเอาไว้มากมายขนาดนั้นอีก! ”......ลู่เจ๋อชะงักไปครู่หนึ่งเขากำหมัดแน่น และพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ผมรู้ว่าพี่ยังชอบเธออยู่ และเธอเองก็เคยหวั่นไหวกับพี่...... ”เฮ่อจี้ถังขัดจังหวะเขา “ทำไมนายถึงได้กลายเป็นคนใจกว้างไปได้? ”ลู่เจ๋อหรี่ตาลง และยิ้มด้วยความขมขื่นผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อย ๆ หันกลับมามองเฮ่อจี้ถัง แล้วพูดเบา ๆ ว่า “เมื่อก่อนในใจของผมมีแค่อำนาจเท่านั้นที่สำคัญสำหรับผม ภรรยาและลูกก็เป็นแค่เครื่องประดับชิ้นหนึ่ง ไม่มีวันไหนที่ผมเคยคิดเอาไว้เลยสักครั้ง ว่าผมจะเต็มใจใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อแลกชีวิตของลูก......หากสูญเสียคนหนึ่งไป ก็แค่ให้กำเนิดอีกคนแทน ก็พอแล้วใช่ไหมล่ะ? ”“แต่เฉียวซุนให้กำเนิดเจ้าหนูลู่เหยียนเพื่อผม”“ผมรักเธอจริง ๆ”......ลู่เจ๋อไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่า ‘เธอ’ ที่เขาหมายถึง คือเฉียวซุน หรือเจ้าหนูลู่เหยียนกันแน่เฮ่อจี้ถังเองก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปอีกเขาไม่คัดค้านอีกต่อไป เพราะเขาเห็นความมุ่งมั่น และมองเห็นความกล้าหาญของลู่เจ๋อแล้
สามวันต่อมา เจ้าหนูลู่เหยียนก็ได้ออกจากโรงพยาบาลพวกเขากลับมาที่สวนฉินเดือนนั้นเป็นเดือนที่สงบสุขและสวยงามมาก ๆ พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ดูแลเจ้าหนูลู่เหยียนร่วมกัน บางครั้งที่ลู่เจ๋อมีงานเข้าสังคม เขาก็จะพาเฉียวซุนไปร่วมด้วย ตอนนี้พวกเขาเหมือนสามีภรรยากันมากจริง ๆความเจ็บปวดเหล่านั้น อดีตที่ผ่านมาเหล่านั้นเขาไม่ได้เอ่ยถึงมันเลย เฉียวซุนเองก็เช่นกัน ที่พวกเขาตั้งใจลืม บางทีอาจเป็นเพราะช่วงเวลานี้คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน......ลู่เจ๋อเคยบอกเอาไว้ว่า เขาอาจต้องทำงานล่วงเวลาแต่ทุก ๆ คืน เขาก็จะรีบกลับมาก่อนที่เจ้าหนูลู่เหยียนจะเข้านอน เขาจะอาบน้ำให้เจ้าหนูลู่เหยียน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็จะห่อเธอด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำผืนเล็ก ๆ แล้วให้เธอปีนขึ้นมาบนอ้อมแขนตัวเอง......เขาจะอยู่ใต้แสงไฟสลัว แล้วเล่านิทานให้เจ้าหนูลู่เหยียนฟังอย่างอ่อนโยน จนกระทั่งเจ้าตัวเล็กหลับไปหลังจากที่เจ้าหนูลู่เหยียนหลับไปแล้วลู่เจ๋อถึงจะไปที่ห้องหนังสือเพื่อสะสางงานต่อ ตอนที่เขาจัดการงานเสร็จ เวลาก็ปาไปตีหนึ่งตีสอง เฉียวซุนกับเจ้าหนูลู่เหยียนก็หลับกันไปนานแล้ว......เขาทิ้งตัวนอนข้าง
ความรักและความเกลียดชังของพวกเขา ก็จะหายไปอย่างสมบูรณ์!หลังจากการพบกันใหม่ เธอก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนเธอเริ่มโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา พูดคุยราวกับคู่รักสามีภรรยาทั่วไป เธอพูดกับลู่เจ๋อด้วยเสียงที่แผ่วเบา “งานแต่งงานของหลินเซียวกับคุณฟ่าน จะจัดขึ้นสิ้นปีนี้ พอถึงตอนนั้นเจ้าหนูลู่เหยียนเองก็น่าจะดีขึ้นมากแล้ว......ฉันสามารถพาเธอไปร่วมงานแต่งงานได้ ฉันกำลังคิดอยู่เลย ว่าจะมอบอะไรให้หลินเซียวเป็นของขวัญดี”ลู่เจ๋อไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาเขาลูบผมที่ชุ่มเหงื่อของเธอเบา ๆ ซึมซับบรรยากาศอันเงียบสงบที่อยู่ตรงหน้าเฉียวซุนเองก็ไม่อยากที่จะทำลายบรรยากาศเช่นกันขณะที่เธอกำลังจะเปิดปากพูดนั้น น้ำเสียงของเธอก็รู้สึกตึงขึ้นเล็กน้อย เธอถามลู่เจ๋อออกไป “คุณจะไปร่วมงานด้วยไหม? เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันได้ยินหลินเซียวบอกว่า ช่วงนี้คุณกับคุณฟ่านได้มีการติดต่อทางธุรกิจกันด้วย”ลู่เจ๋อก้มศีรษะลง แววตาที่ลึกล้ำเกินคาดเดา “คุณอยากให้ผมไปจริง ๆ เหรอ? ”เฉียวซุนไม่ได้ตอบโดยตรงเธอลูบไล้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอย่างอ่อนโยน จากนั้นเธอกลับพูดถึงครอบครัวของคุณนายหลี่แทน “คุณนายหลี่เองก็ไปด้วยเหมือนกัน ปกติเธอก
“เดี๋ยวพ่อไปต้มน้ำให้นะ!”ลู่เจ๋อไม่ได้ปฏิเสธ เขามองตามลู่เหวินหลี่ที่เดินเข้าไปในห้องครัวเล็ก ๆ จัดการชงชาอย่างไม่เป็นทางการมากนัก อาจจะเป็นเพราะข้างนอกลมแรง เลยทำให้ลู่เหวินหลี่ไอออกมาบ้างเป็นครั้งคราวจู่ ๆ ลู่เจ๋อก็ถามขึ้นว่า “ป่วยแล้วทำไมไม่ไปรักษาล่ะครับ? ”ลู่เหวินลี่ตัวแข็งทื่อ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ปัญหาโรคเก่าน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร! เดี๋ยวทานยาแก้หวัดแล้วก็หายเองแหละ”ลู่เจ๋อรู้ว่าเขากำลังโกหก ท่าทางของลู่เหวินหลี่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาป่วยหนักมาเป็นเวลานานแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปอีก ได้แต่เปิดหนังสืออ่านอยู่เงียบ ๆ ต่อมา ลู่เหวินหลี่ที่เพิ่งต้มน้ำเสร็จ ก็ชงชาราคาถูกมาให้ ขณะที่เขาเชิญให้ลู่เจ๋อดื่มชา ในใจเขาก็รู้สึกกังวล กระทั่งเขาแทบจะร้องไห้เลยด้วยซ้ำ “พอดีว่าไม่ได้เตรียมตัวเองไว้ล่วงหน้า เลยไม่มีอะไรไว้ต้อนรับเลย”ลู่เจ๋อจิบชาเข้าไปแค่คำเดียวลู่เหวินหลี่ก็รู้ว่าเขาไม่ชินกับการดื่มอะไรแบบนี้ เขาจึงนั่งลง และถามลู่เจ๋อถึงสถานการณ์ทางบ้าน สิ่งที่ถามถึงมากที่สุดคืออาการของเจ้าหนูลู่เหยียน......ลู่เจ๋อหยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วย
ลู่เจ๋อเดินไปยังข้างเตียงแล้วนั่งลง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา “ผมออกไปจัดการเรื่องนิดหน่อย! คุณฝันร้ายเหรอ? ”เฉียวซุนจ้องมองเขาอย่างใกล้ชิดเธอไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เธอฝันออกมา เพราะเธอมักจะรู้สึกว่ามันจะทำให้โชคไม่ดี ต่อมา ขณะที่ลู่เจ๋อนอนอยู่ข้าง ๆ เธอก็เริ่มจับมือเขา......สัมผัสอันอบอุ่นทำให้เธอค่อย ๆ สงบลงเธอคิดว่า ความฝันอาจจะเกิดขึ้นตรงกันข้ามกับความจริงก็ได้ มันไม่น่าจะเป็นจริงนั่นก็เป็นแค่เพียงความฝันเท่านั้น!ต่อมา ขณะที่เธอกำลังจะหลับด้วยท่าทางที่สะลึมสะลืออยู่นั้น ดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินลู่เจ๋อกระซิบที่ข้างหู เขาบอกว่า ถ้าคืนนี้พวกเขามีลูกด้วยกัน ก็ให้เขาชื่อว่าลู่ฉวินเถอะนะ......เมื่อถึงรุ่งสาง เฉียวซุนก็คิดซ้ำแล้วซ้ำอีก และแน่ใจว่านั่นน่าจะเป็นความฝันลู่เจ๋อบอกว่าเธอกังวลมากเกินไปแต่เฉียวซุนกลับไม่คิดอย่างนั้น เธอมักจะสังหรณ์ใจแปลก ๆ ว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น......ความรู้สึกนั้นมันยิ่งหนักแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดของเจ้าหนูลู่เหยียนการตรวจก่อนการผ่าตัดความรู้สึกไม่สบายใจในใจของเฉียวซุนก็มาถึงขีดสุดเธอถึงขั้นถามลู่เจ๋อ ว่า
การผ่าตัดใช้เวลานานเกือบ 16 ชั่วโมงแม้ว่าจะมีสถานการณ์วิกฤตบ้าง แต่ก็ประสบความสำเร็จได้ในที่สุดจะมีก็แต่ ตอนนี้ลู่เจ๋อที่ยังไม่ฟื้นเลย เขานอนบนเตียงผ่าตัดด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าหนูลู่เหยียนเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าหนูลู่เหยียนถูกย้ายออกจากห้องผ่าตัดแล้ว......และเขายิ่งไม่รู้เลยว่า พรุ่งนี้เขาจะเป็นอย่างไรเขาได้แต่นอนอยู่นิ่ง ๆ แบกรับชะตากรรมของเขาเฮ่อจี้ถังค่อย ๆ ถอดหน้ากากออก......เขามองดูตัวเลขบนจอมอนิเตอร์ด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ตัวเลขเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงสัญญาณชีพของลู่เจ๋อที่อ่อนแอมาก......อ่อนแอมากจนเขาอาจจะจากไปเมื่อใดก็ได้เฮ่อจี้ถังเองก็เป็นหมอ เขาจึงไม่แยแสกับชีวิตและความตายมานานแล้ว แต่ในขณะนี้เขากลับปล่อยวางไม่ได้เขาโน้มตัวไปที่ข้างหูของลู่เจ๋อ และกระซิบเบา ๆ “เฉียวซุนยังรอนายอยู่นะ! นายจะยอมจากไปแบบนี้อย่างนั้นเหรอ? ”ลู่เจ๋อไม่ได้มีการตอบสนองใด ๆ ทั้งสิ้นลู่เจ๋อได้แต่นอนเงียบ ๆ สีหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ แทบจะไร้เสียงสัญญาณของการหายใจ......ในขณะนี้ เฮ่อจี้ถังก็นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตมากมายได้ ภาพตอนที่ลู่เจ๋อยังมีช
เธอคิดว่า บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง H อาจจะยากเกินมือของเขาก็ได้แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ดีลู่เจ๋อรักและเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนมาก เขาคงไม่ใช่แค่เพราะเรื่องงาน แล้วไม่ส่งข่าวใด ๆ เลยกลับมาแบบนี้แน่......เธอคิดอยากจะโทรศัพท์หาเขา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา มันทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรต่อได้เธอคิดว่า รอเขาอีกหน่อยก็แล้วกัน!บางทีพรุ่งนี้ ลู่เจ๋ออาจจะติดต่อกลับมาก็ได้บางทีพรุ่งนี้ เขาอาจจะกลับมาจากเมือง H แล้ว......โรงพยาบาลลู่ แผนกดูแลผู้ป่วยโคม่าลู่เจ๋อได้แต่นอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงเขาเอาไขกระดูกเกือบครึ่งหนึ่งออกจากร่างกายของเขา และเอาพลาสมาเกือบหนึ่งในสามออกจากร่างกาย เพื่อสับเปลี่ยนให้กับเจ้าหนูลู่เหยียน......เขาใช้ตัวเอง เพื่อช่วยชีวิตเจ้าหนูลู่เหยียนเอาไว้ยันต์คุ้มครองที่เขาขอจากวัดนั้นไร้ประโยชน์จริง ๆ มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่ช่วยได้......ครั้งหนึ่งเขาเคยคุกเข่าต่อหน้าพระพุทธเจ้า แล้วถามพระพุทธเจ้าออกไปว่า ความจริงใจนั่นคืออะไรกันแน่ พระพุทธเจ้ากลับตอบเขาว่าทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดแต่พระพุทธเจ้ากลับไม่ได้บอกเขา ถึงทางย้อนกลับเฮ่อจี้ถ
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว