พอได้กลับมากอดกันอีกครั้ง สิ่งต่าง ๆ รวมถึงคนเองก็ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว“พี่คะ! ”เฉียวซุนกอดเขาแน่น พลางส่งเสียงสะอื้นออกมา “ทำไมพี่ถึงออกมาได้ก่อนกำหนดล่ะคะ? ”ทางด้านของเสิ่นชิงเองก็ยืนปาดน้ำตา “วันเกิดของหนู ฉันก็เลยกลับมาเร็วหน่อย”ในใจของเฉียวซุนรู้ดี หากไม่ใช่เพราะลู่เจ๋อ เธอจะกลับมาก่อนได้อย่างไร เขาแค่ให้จะทำให้เธอประหลาดใจ......ดังนั้นเขาเลยออกจากสวนฉินแต่เช้าเธอไม่ได้พูดถึงลู่เจ๋อ เฉียวสือเยี่ยนเองก็เช่นกันเสิ่นชิงตั้งใจจุดไฟใส่เตาให้ในอดีต เฉียวสือเยี่ยนไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ แต่เพื่อความสบายใจของเสิ่นชิง เขาเลยยอมเดินข้ามให้......หลังจากเดินข้ามแล้ว เสิ่นชิงก็จับมือของเขาเอาไว้ อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา “ในที่สุดก็ได้กลับมาแล้วนะ ในที่สุดป้าก็สามารถให้คำอธิบายแก่พ่อของเธอได้แล้ว! ”เฉียวสือเยี่ยนกอดเธอเพื่อปลอบใจ......หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นชิงก็รู้สึกตัว เธอปาดน้ำตาแล้วพูดว่า “ไปพบพ่อของเธอก่อนเถอะ! เขาคงคิดถึงเธอมากแน่ ๆ”ในใจของเฉียวสือเยี่ยนก็รู้สึกเปียกชื้นขึ้นมาในเวลานี้ เจ้าหนูลู่เหยียนก็วิ่งเข้ามา แล้วเรียกเขาว่าคุณลุงทันทีเฉียวสือเยี่ยนก้มลง และอ
ในตอนกลางดึก เฉียวซุนส่งเฉียวสือเยี่ยนกลับไปเขาอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่เฉียวซุนเคยอาศัยอยู่มาก่อน อยู่ในทำเลที่ดี และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันแต่นี่มันก็เป็นแค่แผนชั่วคราวเท่านั้นตกดึกท้องฟ้ามืดครึ้ม รถจอดอยู่ใต้อาคารอพาร์ตเมนต์ เฉียวสือเยี่ยนคาบบุหรี่ไว้ที่ริมฝีปาก แต่ก็ไม่ได้จุดไฟ......เขาจับมือน้องสาวอย่างอ่อนโยนแม้ว่าทั้งคู่จะจากกันไปตั้งหกปี แม้ว่าเฉียวซุนจะได้กลายเป็นแม่คนไปแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน ในใจของเขา เฉียวซุนก็ยังคงเป็นเด็กน้อยที่คอยเดินตามตูดเขาต้อย ๆ เหมือนเดิม“พี่คะ! ”เฉียวซุนเรียกเขาด้วยเสียงต่ำในเวลานี้ มีเพียงแค่พวกเขาสองพี่น้องเท่านั้น ตอนนี้ไม่ว่าจะมีความลับอะไรก็สามารถระบายออกมาได้ทั้งหมด รวมถึงเรื่องของลู่เจ๋อ แล้วก็เมิ่งเยียนหุยด้วยเช่นกันเฉียวสือเยี่ยนมองที่ด้านหน้าของรถด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ในปีนั้น ตอนที่พ่อเข้าควบคุมซื้อกิจการบริษัทแห่งหนึ่งมา มันก็ค่อนข้างลำบากนิดหน่อย เหมือนเป็นการทำให้อีกฝ่ายล้มละลายในทางอ้อม! คนคนนั้นรับผิดชอบด้วยการกระโดดตึก ลูก ๆ ต้องใช้ชีวิตตามท้องถนน......ในใจของพ่อก็รู้สึกผิด ก็เลย
เธอไม่ได้ตรงกลับบ้านในทันที เธอนั่งอยู่เงียบ ๆ ครุ่นคิดถึงข่าวเมื่อคืนนี้ตกกลางดึก ขณะที่เธอกำลังจะกลับบ้านหน้ารถมีเงาของบุคคลที่คุ้นเคยยืนอยู่ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่พวกเขาเพิ่งจะเอ่ยถึงเมื่อคืนนี้......เมิ่งเยียนหุยแม้ว่าเขาจะอยู่ในช่วงเวลาที่ดึกดื่นแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงแต่งตัวดูดี ดูเป็นสุภาพบุรุษมากผมทรงสลีคแบค สูทสไตล์อังกฤษมีแค่กระจกรถที่กั้นเขาเอาไว้เท่านั้น เขาได้แต่มองเฉียวซุนอย่างเงียบ ๆ ในตอนนี้ เขาก็น่าจะถอดหน้ากากที่ใช้แสดงละครออกไปแล้ว......ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน และเข้าใจชัดเจนในสิ่งที่อีกฝ่ายจะสื่อเฉียวซุนจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา เธอสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นในดวงตาของเขาจากนั้น เธอก็เหยียบคันเร่งเมิ่งเยียนหุยไม่หลบ เขาเฝ้าดูรถสปอร์ตสีขาวที่กำลังพุ่งชนเข้าหาเขาอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะเดียวกันนั้นเอง แววตาของเขากลับดูซับซ้อนมาก......ไม่มีใครรู้เลย ว่าหลายปีมานี้เขาพยายามต่อสู้ดิ้นรนมามากแค่ไหนเขาตกหลุมรักเฉียวซุน ตกหลุมรักภรรยาของคนอื่นอันที่จริงก็มีหลายครั้ง ที่เขาสามารถขับตระกูลเฉียวออกไปให้พ้นทางได้ แต่เขากลับกลั้นใจทำแบบนั้นไม่ลง......เพราะเขาเก
ลู่เจ๋อรอมาทั้งวัน แต่สิ่งเขารอกลับถูกเธอปฏิเสธในใจของเขารู้สึกผิดหวังแต่เขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เขาบอกเธอว่าในห้องแต่งตัวมีของขวัญอยู่มากมาย ต่างก็ส่งมาจากญาติแล้วก็เพื่อนฝูงของเธอ......เฉียวซุนไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศเธอจึงฝืนยิ้มออกมา “งั้นฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยดูก็แล้วกัน! ”ลู่เจ๋อดึงตัวเธอลงมาอีกครั้ง เขาเล้าโลมเธอผ่านเสื้อผ้าที่เธอสวม แล้วพูดด้วยเสียงที่แหบห้าว “อาบด้วยกันนะ! ”เฉียวซุนพูดปฏิเสธเบา ๆ “ฉันเป็นประจำเดือน! ”แววตาของลู่เจ๋อมองลึกลงไปจากนั้นเขาก็อุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องน้ำ แน่นอนว่าเขาจะไม่บังคับเธอให้ทำเรื่องอย่างว่าในช่วงที่เธอมีประจำเดือน......แต่วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เขาก็แค่อยากทำให้เธอมีความสุขก็เท่านั้นแต่ยิ่งเขาทำได้ดีมากเท่าไหร่ เฉียวซุนก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นเท่านั้นแต่เธอก็ไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจของเธอเลยมีบางคน แค่ทำพลาด ก็กลายเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต!หลังอาบน้ำเสร็จ เธอก็ยังไม่รู้สึกง่วง เธอเลยไปเปิดดูของขวัญพวกนั้นในห้องแต่งตัว บางคนก็ส่งขวัญมาได้ถูกใจเธอมาก อย่างเช่น คุณนายหลี่ส่งผ้าพันคอ
ท้องฟ้าสาดแสงรำไรลู่เจ๋อกลับไปที่บ้านพักลู่เขาหยุดชะงักครู่หนึ่งตอนที่จะเปิดประตู เพราะนี่ก็ผ่านไปสามปีแล้วที่ลู่เจ๋อไม่ได้กลับมา ไม่นาน รถเบนท์ลีย์สีดำก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้ามาจอดยังลานจอดรถลู่เจ๋อลงจากรถ แล้วปิดประตูด้วยหลังมือเขามองดูทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเขาหลังจากที่ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน บ้านเก่า ๆ ก็สูญเสียความมีชีวิตชีวาไป หลงเหลือแต่กลิ่นอายของความทุกข์ระทมขมขื่น......เห็นได้ชัดว่าตอนที่คุณย่าอยู่ เป็นช่วงเวลาที่คึกคักและดูมีชีวิตชีวามาก ๆคนรับใช้ในคฤหาสน์ยังไม่มีใครตื่นพอลู่เจ๋อเดินเข้ามายังห้องโถง รองเท้าหนังของเขาก็กระทบกับพื้นเรียบ ทำให้ส่งเสียงดังฟังชัดออกมา ยิ่งทำให้ห้องที่เดิมทีก็ว่างเปล่าอยู่แล้ว กลับดูรกร้างมากขึ้นในห้องโถงหลังเล็ก ๆ มีรูปถ่ายของคุณย่าอยู่เป็นรอยยิ้มที่สดใสมากนิ้วของลู่เจ๋อเอื้อมไปสัมผัสด้วยความคิดถึง เขาแตะที่รูปของคุณย่าอย่างอ่อนโยน และกระซิบเบา ๆ “เขากลับมาแล้วครับ เหมือนเขาจะสบายดีนะครับ! คุณย่าวางใจได้”แต่สิ่งเดียวที่ตอบสนองเขาได้ กลับมีแค่รอยยิ้มในรูปถ่ายเท่านั้น คนที่จากไปแล้ว ก็ไม่มีวันหวนกลับมาอีกในใจของลู่เจ๋อรู้สึกเศ
......โรงพยาบาลลู่หลังจากที่เจ้าหนูลู่เหยียนถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล เธอก็จำเป็นต้องได้รับการถ่ายโอนเลือดกรุ๊ป AB โดยเร็วที่สุด แต่เช้าวันนี้ที่เมืองเฉิงก็เพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้น ทำให้กรุ๊ปเลือด AB ของโรงพยาบาลอยู่ในภาวะขาดแคลนอย่างมาก......ทั้งลู่เจ๋อและเฉียวซุน ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีกรุ๊ปเลือด AB ถ้าจะให้เรียกรถฉุกเฉินไปที่โรงพยาบาลอื่น ก็อาจจะต้องรอเป็นชั่วโมง แต่ตอนนี้เจ้าหนูลู่เหยียนรู้สึกเวียนหัวมาก และอาจช็อกได้ทุกเมื่อลู่เจ๋อตัดสินใจทันที “เรียกเฮลิคอปเตอร์! ”“ฉันมีเลือดกรุ๊ป AB! ”ทันทีที่เสียงนั้นพูดจบ ก็มีคนเดินเข้าประตูมา ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเฮ่อจี้ถังทุกคนต่างก็กลั้นหายใจ เพราะพวกเขารู้ว่าหมอเฮ่อคนนี้มักจะมีปัญหากับลู่เจ๋ออยู่เสมอ พวกเขาต่างก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูด ยิ่งไม่มีใครกล้ารับปากด้วย......หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เจ๋อก็พูดออกมาเบา ๆ “เตรียมตัวเจาะเลือดได้! ”เฮ่อจี้ถังได้เข้ารับการตรวจร่างกายอยู่เป็นประจำ สุขภาพแข็งแรงดี เขาเจาะเลือดออกมาทีเดียว 500 มิลลิลตร หลังจากได้เลือดมาแล้ว พยาบาลก็เอาไปมอบให้เจ้าหนูลู่เหยียนทันที......เลือด 500 มิลลิลิตรนี้
ในวอร์ดวีไอพี ผนังทั้งหมดต่างก็เป็นสีชมพูอ่อน ให้ความรู้สึกค่อนข้างอบอุ่นอาการของเจ้าหนูลู่เหยียนยังคงอ่อนแออยู่เธอนอนพิงหมอนสีขาว และถามเฉียวซุนด้วยความกังวลเป็นคำถามแรก “แม่คะ หนูจะตายไหมคะ? ”ในใจเฉียวซุนรู้สึกเศร้า แต่เพราะเธออยู่ต่อหน้าลูก จึงทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้เธอเลยยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “ไม่หรอกจ้ะ! ”เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงรู้สึกเวียนหัว เธอพิงแม่ของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ทำไมหนูถึงไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ไม่ได้ล่ะคะ? แม่คะ ถ้าแม่กับพ่อมีน้องชายเพิ่มอีกคน น้องจะต้องแข็งแรงนะคะ แม่ต้องให้น้องเกิดมาดี ๆ หน่อย ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ พอตอนที่เหยียนเหยียนไม่อยู่แล้ว แม่กับพ่อก็ยังมีเจ้าตัวเล็กที่น่ารักให้ดูอยู่นะคะ! ”คำพูดพวกนี้ ไม่รู้เลยว่าเธอไปเรียนหรือจำมาจากไหนแต่มันก็มากพอที่จะทำให้เฉียวซุนทรุดตัวลงทันทีเธอสำลักเสียงสะอื้น แล้วขอให้เสิ่นชิงช่วยดูแลเธอก่อน เธอเปิดประตูแล้วเดินออกไป......เธอต้องการที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเองก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เธอเป็นบ้าไปเลยก็ได้ลู่เจ๋อที่ยืนอยู่ตรงประตู ก็ได้พยายามหยุดเธอไว้ เขาพาเธอไปที่ห้องทำงานของเขา......แ
“ผมทำไม่ได้!”“เจ้าหนูลู่เหยียนสำคัญกับผมมาก แต่เฉียวซุนเองก็สำคัญสำหรับผมเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าผมเคยทำผิดต่อเธอเอาไว้มากมายขนาดนั้นอีก! ”......ลู่เจ๋อชะงักไปครู่หนึ่งเขากำหมัดแน่น และพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ผมรู้ว่าพี่ยังชอบเธออยู่ และเธอเองก็เคยหวั่นไหวกับพี่...... ”เฮ่อจี้ถังขัดจังหวะเขา “ทำไมนายถึงได้กลายเป็นคนใจกว้างไปได้? ”ลู่เจ๋อหรี่ตาลง และยิ้มด้วยความขมขื่นผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อย ๆ หันกลับมามองเฮ่อจี้ถัง แล้วพูดเบา ๆ ว่า “เมื่อก่อนในใจของผมมีแค่อำนาจเท่านั้นที่สำคัญสำหรับผม ภรรยาและลูกก็เป็นแค่เครื่องประดับชิ้นหนึ่ง ไม่มีวันไหนที่ผมเคยคิดเอาไว้เลยสักครั้ง ว่าผมจะเต็มใจใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อแลกชีวิตของลูก......หากสูญเสียคนหนึ่งไป ก็แค่ให้กำเนิดอีกคนแทน ก็พอแล้วใช่ไหมล่ะ? ”“แต่เฉียวซุนให้กำเนิดเจ้าหนูลู่เหยียนเพื่อผม”“ผมรักเธอจริง ๆ”......ลู่เจ๋อไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่า ‘เธอ’ ที่เขาหมายถึง คือเฉียวซุน หรือเจ้าหนูลู่เหยียนกันแน่เฮ่อจี้ถังเองก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปอีกเขาไม่คัดค้านอีกต่อไป เพราะเขาเห็นความมุ่งมั่น และมองเห็นความกล้าหาญของลู่เจ๋อแล้
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว