ความคิดของเขา เฉียวซุนจะไม่รู้ได้อย่างไรเธอเอ่ยปากพูดเบาๆ ว่า ลู่เจ๋อพวกเรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ มันคงดีสำหรับเราทั้งคู่ลู่เจ๋อกะพริบตาเบาๆเขาไม่เห็นด้วยในทันที ทว่ากลับจุดบุหรี่อยู่ข้างหน้าต่าง เขาสูบได้เพียงครึ่งมวนก็ดับไฟแล้ว ขณะที่เขาดับไฟบุหรี่ก็พูดไปด้วยว่า เกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ แม้แต่โอกาสครั้งสุดท้ายก็ให้ฉันไม่ได้เหรอ แต่ก็ดี ตัดขาดให้หมดก็ดีสุดท้ายแล้วพวกเขาก็พูดคุยถึงเรื่องเงินห้าพันล้านบาทคฤหาสน์สองหลัง อพาร์ทเมนท์สี่ห้อง และยังมีเงินห้าพันล้านบาทเป็นค่าชดเชยทั้งหมดที่เขาจะต้องให้เธอ และยินยอมให้เพิ่มเมิ่งเยียนหุยให้เป็นตัวแทนในการจัดการคดีของเฉียวสือเยี่ยน......ลู่เจ๋อเพิ่มเงื่อนไขเหล่านั้นในข้อตกลงเขาเซ็นสัญญาอย่างรวดเร็วราวกลับว่ากลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจภายหลัง หมึกสีดำเข้มเกือบจะทะลุกระดาษบางๆ ขณะที่รอเฉียวซุนเซ็นนั้น เขากลับไม่มองแม้แต่น้อย......ในที่สุดระหว่างพวกเขาก็จบลงการแต่งงานระหว่างพวกเขา ก็เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วแสงที่มืดลงจนเกือบมองไม่เห็น ลู่เจ๋อจึงเปิดไฟ แสงไฟที่แสบตาทำให้เขาค่อย ๆ หลับตา แล้วพูดด้วยเสียงกระซิบกระซาบว่า เธอเลือกเวลาที่จ
เมื่อเฉียวซุนลงมาจากตึก ก็บังเอิญพบกับเลขาฉินเลขาฉินนั่งอยู่บนโซฟาบริเวณล็อบบี้ ใบหน้าดูเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยคงเพราะนั่งรอมาเป็นเวลานานแล้ว เมื่อเห็นเฉียวซุนลงมาจากตึก เธอก็รีบยืนขึ้น คุณนายลู่เฉียวซุนหยุดฝีเท้าลง เอ่ยเสียงเบาตอบกลับไป เมื่อกี้ฉันเซ็นต์ใบหย่าแล้ว นับแต่นี้ต่อไปฉันไปใช่ภรรยาของตระกูลลู่อีกต่อไปเลขาฉินรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากเธอยังบอกอีกว่า จริงๆแล้วประธานลู่แคร์คุณมากเลยนะคะ แล้วเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับกับไป๋เซียวเซียวเลยค่ะ เฉียวซุนคุณลองกลับไปคิดทบทวนอีกสักหน่อยเถอะนะคะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณสองคนจะมาถึงจุดนี้ได้ เฉียวซุนก้มหน้ามองไปยังผ้าพันแผลบนแขนของตัวเอง แล้วพูดว่า ใช่แล้วค่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ ที่เราสองคนจะมาถึงจุดนี้ จุดจบที่ถูกทำลายย่อยยับแบบนี้เลขายังคงรูสึกเสียใจกับเรื่องราวที่ขึ้น เฉียวซุนปลีกตัวออกไปด้านนอกแล้วเฉียวซุนหันออกไปยังด้านนอกเธอจากไปด้วยความเด็ดขาด เธอยังบอกไว้อีกว่า เธอไม่อยากเป็นตัวอะไรไม่รู้สำหรับลู่เจ๋ออีกต่อไป!เลขาฉินยังยืนอยู่ที่ล็อบบี้เหมือนเดิม เอาแต่ทอดมองไปยังแผ่นหลังที่จากออกไปไกลเรื่อยๆ จ
อดไม่ได้ที่นัยน์ตาเธอจะเปียกชื้นลู่เจ๋อจับพวงมาลัยไว้ ผ่านไปนานแล้วแต่กลับไม่สตาร์ตรถเวลาผ่านไปนานมาก ในที่สุดเขาก็หันไปมองเธอแล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า ไม่กี่วันมานี้ เสี่ยวเสวี่ยลี่มันมองหาเธออยู่เสมอเฉียวซุนหันหน้าหนีไปอีกด้านทันที คุณขับรถเถอะลู่เจ๋อถอนสายตาและเขามองไปด้านหน้าอย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้นประมาณห้าวินาทีเขาก็สตาร์ตรถ เขาขับรถอย่างช้าๆ เบนท์ลีย์สีดำราคาแพงขับฝ่าหิมะเหล่านั้น แล่นไปช้าๆบนท้องถนน นำพาให้พวกเขาได้ชมทิวทัศน์ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาแต่งงานกันมาสามปีแต่กลับพลาดโอกาสมากมายตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ที่พวกเขาหย่ากัน พอนึกถึงเรื่องราวในอดีต ก็คิดถึงเรื่องราวที่หวานปานน้ำผึ้งนั้นไม่ค่อยได้แล้ว.....หากที่เหลือไว้ไม่ใช่ความเจ็บปวดก็คงจะโกหกระยะทางที่ขับรถใช้เวลายี่สิบนาที แต่ลู่เจ๋อขับรถใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆแต่ไม่ว่าความเร็วในการขับรถจะช้าขนาดไหน ถนนก็มักจะมีจุดสิ้นสุด ในที่สุดเขาก็จอดรถอยู่ตรงตึกชั้นล่างที่เธอพักอาศัย ลู่เจ๋อหันไปมองเธอแล้วพูดเบาๆ ว่า ถึงแล้วล่ะเฉียวซุนพยักหน้าลงเล็กน้อย เธอเปิดประตูเพื่อลงจากรถนิ้วของลู่เจ๋อที่จับพวงมาลัยงอขึ
“คุณแค่กลัวว่าเฉียวซุนจะตามคนอื่นไปสินะ”“แล้วทำไมคุณถึงหย่าล่ะ? ถ้าเป็นผม หากรักเธอจริง ๆ ทั้งชีวิตนี้ผมยอมตายแทนเธอได้! ในเมื่อเลือกงานก็ช่วยเลิกทำตัวเจ้าชู้เสียที!”......หลีรุ่ยด่าเขาจนพอใจรถของลู่เจ๋อมาพอดี ลู่เจ๋อมองหลีรุ่ยอย่างเย็นชา เขาเดินไปที่รถแล้วหยิบค้อนเล็ก ๆ ทุบรถมูลค่าหลายสิบล้านของหลีรุ่ย!หลีรุ่ยดึงตัวเธอออกมาจากรถเขาไม่ได้ห้ามลู่เจ๋อ เขามองดูลู่เจ๋อที่เริ่มเสียสติ มองรถของเขาถูกทุบจนแหลกละเอียดพลางเยาะเย้ย “ลู่เจ๋อ ยังกล้าพูดว่าคุณไม่รักเธออีกเหรอ? ถ้านี่ไม่ใช่รักแล้วจะเป็นอะไร? คุณมันขี้ขลาด ต้องรอให้เหล้าเข้าปากถึงจะกล้ายอมรับ คุณต้องการเธอ ถ้าคุณขาดเธอคุณจะอาละวาดแบบนี้ไง!”จากนั้นเขาก็พูดกับเลขาฉิน “ไม่มีใครห้ามหมาบ้านี้ได้ นอกจากเฉียวซุน!”เลขาฉินยิ้มอย่างขมขื่น “เช็คจะถูกส่งไปบริษัทของประธานหลีในวันพรุ่งนี้ค่ะ!”หลีรุ่ยจากไปพร้อมกับหญิงสาวในรถอย่างรวดเร็ว!เลขาฉินก้าวออกไปประคองลู่เจ๋อลู่เจ๋อที่สวมเสื้อคลุมและถือค้อนเล็ก ๆ ไว้ในมือ เขาถอยหลังไปสองก้าวแล้วมองดูกองเศษเหล็กที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นเขาก็ปิดหน้าด้วยมือข้างหนึ่งแล้วพูดเบา ๆ “เธอบอกว
ผ่านไปไม่นาน เทศกาลปีใหม่ก็มาถึงในวันส่งท้ายปีเก่า เสิ่นชิงทำเกี๊ยวและอาหารมากมายจนเต็มโต๊ะ และให้เฉียวซุนพาหลินเซียวมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน “ตอนนี้เธอไม่มีใครแล้ว ถ้าไม่ฉลองปีใหม่กับพวกเรา แล้วจะไปฉลองกับใครล่ะ?”เฉียวซุนแอบกินเกี๊ยวไปหนึ่งชิ้น “หนูโทรไปแล้วค่ะ! ”เสิ่นชิงเหลือบมองเธอพลางตีมือเบา ๆ “รอกินพร้อมกันสิ! อย่าเพิ่งตะกละ! ”เฉียวซุนหัวเราะเธอฟื้นตัวขึ้นเยอะ เสิ่นชิงที่กำลังจะพูดต่ออย่างมีความสุขก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมา และเมื่อเปิดประตูก็พบว่า เป็นหลินเซียวนั่นเอง!หลินเซียวถือกระเป๋าใบใหญ่และเล็กไว้ในมือ นอกจากอาหารเสริมของเฉียวต้าซวินแล้ว เธอยังซื้อผ้าพันคอแบรนด์หรูให้เฉียวซุนอีกด้วย เฉียวซุนชอบลวดลายดอกไม้บนผ้ามาก ทว่าก็รู้สึกเสียดาย “ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอีกแล้วนะ! ”หลินเซียวพันผ้าพันคอให้เธอ “สวยจะตาย! มันเข้ากับเธอมากเลย”เฉียวซุนเตรียมของขวัญปีใหม่ไว้ให้หลินเซียวเช่นกัน ซึ่งเป็นกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ด หลินเซียวชอบมันมากจนต้องตะโกนออกมา “มาว่าฉัน! กระเป๋าใบนี้ราคาตั้งสองสามแสน! นี่มันหนังจระเข้เลยนะ! ”เฉียวซุนจงใจพูดต่อ “ถ้าไม่ชอบ งั้นฉันทิ้งนะ? ”หลินเซ
เฉียวซุนมองไปที่ประตู ก่อนจะเห็นของเล่น อาหารสุนัข และขนมของเซี่ยลี่ตัวน้อยถูกใส่ไว้ในกล่องขนาดเล็กลู่เจ๋อไม่ต้องการเซี่ยลี่อีกต่อไปแล้วเธอขนของเข้ามาและพูดเบา ๆ “เขาเพิ่งมีโปรเจกต์ใหญ่ คงไม่อยากมีอะไรมารบกวน! ต่อไปนี้... หนูจะเลี้ยงมันเองค่ะ! ”เซี่ยลี่มองเธอด้วยความดีอกดีใจ พลางพิงคลอเคลียเธอ แสดงความคิดถึง หลินเซียวพูดต่อ “โอเคกันแล้วเหรอ! ”ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเฉียวซุนก็ดังขึ้น มันเป็นสายของลู่เจ๋อเฉียวซุนเดินไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงเสียงลมและเสียงหายใจเบา ๆ ของชายหนุ่มส่งผ่านมายังโทรศัพท์... หลังจากเงียบไปนาน ลู่เจ๋อจึงเริ่มพูดขึ้น “เฉียวซุน สวัสดีปีใหม่! ”เฉียวซุนรู้สึกเจ็บปวด เธอยังปล่อยวางไม่ได้มากนัก แต่เธอยังคงรักษาศักดิ์ศรี “สวัสดีปีใหม่คุณด้วย! ”เธอนิ่งและพูดต่อ “ฉันเลี้ยงเซี่ยลี่ได้! แต่คุณมาหามันไม่ได้ และฉันก็จะไม่ถ่ายรูปมันส่งให้คุณ ถ้าคุณไม่ต้องการแล้ว ส่งมาที่นี่ก็เท่ากับว่ามันเป็นหมาของฉัน”เสียงของลู่เจ๋อแหบแห้งเล็กน้อย “ผมไม่ได้ทิ้งมัน! ”ขณะที่พูด น้ำเสียงของเขาก็เริ่มเข้มขึ้น “ผมแค่คิดว่า มันคงจะดีกว่าถ้ามันตามแม่ของมันไป”“ลู่เจ๋อ!”
ตาของลู่เจ๋อขุ่นมัว เธอเรียกเขาว่า...คุณลู่? ทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างพวกเขา เธอโน้มตัวไปถามด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย “คุณต้องการให้ฉันออกไปก่อนไหมลู่เจ๋อ? ”เธอถามโดยที่วางมือลงบนไหล่ของลู่เจ๋อตามปกติ ซึ่งดูสนิทสนมกันลู่เจ๋อกำลังจะผละออก แต่เมื่อเขาเห็นขนตาของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อย แทนที่จะผละออก เขากลับพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ต้อง! ”ทันทีที่พูดจบ เฉียวซุนก็เดินผ่านเขาไปที่นั่งที่จองไว้ทันทีลู่เจ๋อหรี่ตาลงช้า ๆ ทางฝ่ายหญิงก็เก็บมืออย่างโดยดีอันที่จริงเธอแค่อยากทดสอบสถานะของเธอในหัวใจของลู่เจ๋อ ตอนแรกก็ดีใจแต่พอเฉียวซุนเดินออกไป สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง เธอรู้ได้ทันทีว่ามันไม่มีโอกาสสำหรับเธอ ผู้หญิงที่เคยได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเธอสะบัดผมยาวเบา ๆ ก้มศีรษะลงเพื่อทานอาหาร และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ “คุณยังห่วงเธออยู่เหรอ? ”ลู่เจ๋อไม่อยากอาหารเลยเขาวางมีดและส้อมในมือลง เอนหลังบนเก้าอี้ด้วยเสื้อเชิ้ตราคาแพง และมองเฉียวซุนซึ่งอยู่ไม่ไกลอย่างตั้งใจ...เธอถอดเสื้อคลุมออกและสวมกระโปรงยาวสีอ่อนเธอผอมเพรียวเธอส
“ลู่เจ๋อ คุณมันบ้า!”เฉียวซุนดีดดิ้นอย่างหนักแต่ก็ล้มเหลวลู่เจ๋อออกแรงเล็กน้อย ก็สามารถดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอดได้ ทั้งสองใกล้กันขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอได้กลิ่นบุหรี่จาง ๆ บนตัวเขา และยังมีกลิ่นครีมทาผิวหอมสดชื่นอีกด้วย“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?” ลู่เจ๋อหันไปดับบุหรี่ และหันกลับมาก้มลงถามเธอ เสียงของเขานุ่มนวลและอ่อนโยนเฉียวซุนไม่ตอบดวงตาของเธอแดงก่ำ “ลู่เจ๋อ คุณต้องการอะไร? เราหย่ากันแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้! ”เขามองเธอ ดวงตาสีเข้มไม่สื่ออารมณ์ใด ๆเขาค่อย ๆ ปล่อยมือเธอ...ขณะที่เฉียวซุนคิดว่าเขากำลังจะปล่อยเธอไป ตัวเธอกลับโดนดันจนหลังติดกำแพง เขาวาดมือรอบหลังคอแล้วบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากบางถูกรุกล้ำโดยริมฝีปากหนาของเขาเฉียวซุนต่อต้านโดยทันทีแต่เขากลับจูบเธออย่างเร่าร้อน ราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว...“ลู่เจ๋อ... ”“อย่า...ปล่อยฉันไปเถอะ...”เสียงต่อต้านแหบแห้งและแผ่วเบา เธอถูกเขามอบรสจูบรุกล้ำ...จูบแห่งความสิ้นหวังทำให้ขาของเธอสั่นเขาทำอยู่แบบนั้นสักพักจึงปล่อยเธอให้เป็นอิสระ...เฉียวซุนตบเขาเธอจ้องมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ “ลู่เจ๋อ คนเลว! เราหย่ากันแล้ว!