ผ่านไปไม่นาน เทศกาลปีใหม่ก็มาถึงในวันส่งท้ายปีเก่า เสิ่นชิงทำเกี๊ยวและอาหารมากมายจนเต็มโต๊ะ และให้เฉียวซุนพาหลินเซียวมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน “ตอนนี้เธอไม่มีใครแล้ว ถ้าไม่ฉลองปีใหม่กับพวกเรา แล้วจะไปฉลองกับใครล่ะ?”เฉียวซุนแอบกินเกี๊ยวไปหนึ่งชิ้น “หนูโทรไปแล้วค่ะ! ”เสิ่นชิงเหลือบมองเธอพลางตีมือเบา ๆ “รอกินพร้อมกันสิ! อย่าเพิ่งตะกละ! ”เฉียวซุนหัวเราะเธอฟื้นตัวขึ้นเยอะ เสิ่นชิงที่กำลังจะพูดต่ออย่างมีความสุขก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมา และเมื่อเปิดประตูก็พบว่า เป็นหลินเซียวนั่นเอง!หลินเซียวถือกระเป๋าใบใหญ่และเล็กไว้ในมือ นอกจากอาหารเสริมของเฉียวต้าซวินแล้ว เธอยังซื้อผ้าพันคอแบรนด์หรูให้เฉียวซุนอีกด้วย เฉียวซุนชอบลวดลายดอกไม้บนผ้ามาก ทว่าก็รู้สึกเสียดาย “ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอีกแล้วนะ! ”หลินเซียวพันผ้าพันคอให้เธอ “สวยจะตาย! มันเข้ากับเธอมากเลย”เฉียวซุนเตรียมของขวัญปีใหม่ไว้ให้หลินเซียวเช่นกัน ซึ่งเป็นกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ด หลินเซียวชอบมันมากจนต้องตะโกนออกมา “มาว่าฉัน! กระเป๋าใบนี้ราคาตั้งสองสามแสน! นี่มันหนังจระเข้เลยนะ! ”เฉียวซุนจงใจพูดต่อ “ถ้าไม่ชอบ งั้นฉันทิ้งนะ? ”หลินเซ
เฉียวซุนมองไปที่ประตู ก่อนจะเห็นของเล่น อาหารสุนัข และขนมของเซี่ยลี่ตัวน้อยถูกใส่ไว้ในกล่องขนาดเล็กลู่เจ๋อไม่ต้องการเซี่ยลี่อีกต่อไปแล้วเธอขนของเข้ามาและพูดเบา ๆ “เขาเพิ่งมีโปรเจกต์ใหญ่ คงไม่อยากมีอะไรมารบกวน! ต่อไปนี้... หนูจะเลี้ยงมันเองค่ะ! ”เซี่ยลี่มองเธอด้วยความดีอกดีใจ พลางพิงคลอเคลียเธอ แสดงความคิดถึง หลินเซียวพูดต่อ “โอเคกันแล้วเหรอ! ”ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเฉียวซุนก็ดังขึ้น มันเป็นสายของลู่เจ๋อเฉียวซุนเดินไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงเสียงลมและเสียงหายใจเบา ๆ ของชายหนุ่มส่งผ่านมายังโทรศัพท์... หลังจากเงียบไปนาน ลู่เจ๋อจึงเริ่มพูดขึ้น “เฉียวซุน สวัสดีปีใหม่! ”เฉียวซุนรู้สึกเจ็บปวด เธอยังปล่อยวางไม่ได้มากนัก แต่เธอยังคงรักษาศักดิ์ศรี “สวัสดีปีใหม่คุณด้วย! ”เธอนิ่งและพูดต่อ “ฉันเลี้ยงเซี่ยลี่ได้! แต่คุณมาหามันไม่ได้ และฉันก็จะไม่ถ่ายรูปมันส่งให้คุณ ถ้าคุณไม่ต้องการแล้ว ส่งมาที่นี่ก็เท่ากับว่ามันเป็นหมาของฉัน”เสียงของลู่เจ๋อแหบแห้งเล็กน้อย “ผมไม่ได้ทิ้งมัน! ”ขณะที่พูด น้ำเสียงของเขาก็เริ่มเข้มขึ้น “ผมแค่คิดว่า มันคงจะดีกว่าถ้ามันตามแม่ของมันไป”“ลู่เจ๋อ!”
ตาของลู่เจ๋อขุ่นมัว เธอเรียกเขาว่า...คุณลู่? ทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างพวกเขา เธอโน้มตัวไปถามด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย “คุณต้องการให้ฉันออกไปก่อนไหมลู่เจ๋อ? ”เธอถามโดยที่วางมือลงบนไหล่ของลู่เจ๋อตามปกติ ซึ่งดูสนิทสนมกันลู่เจ๋อกำลังจะผละออก แต่เมื่อเขาเห็นขนตาของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อย แทนที่จะผละออก เขากลับพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ต้อง! ”ทันทีที่พูดจบ เฉียวซุนก็เดินผ่านเขาไปที่นั่งที่จองไว้ทันทีลู่เจ๋อหรี่ตาลงช้า ๆ ทางฝ่ายหญิงก็เก็บมืออย่างโดยดีอันที่จริงเธอแค่อยากทดสอบสถานะของเธอในหัวใจของลู่เจ๋อ ตอนแรกก็ดีใจแต่พอเฉียวซุนเดินออกไป สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง เธอรู้ได้ทันทีว่ามันไม่มีโอกาสสำหรับเธอ ผู้หญิงที่เคยได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเธอสะบัดผมยาวเบา ๆ ก้มศีรษะลงเพื่อทานอาหาร และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ “คุณยังห่วงเธออยู่เหรอ? ”ลู่เจ๋อไม่อยากอาหารเลยเขาวางมีดและส้อมในมือลง เอนหลังบนเก้าอี้ด้วยเสื้อเชิ้ตราคาแพง และมองเฉียวซุนซึ่งอยู่ไม่ไกลอย่างตั้งใจ...เธอถอดเสื้อคลุมออกและสวมกระโปรงยาวสีอ่อนเธอผอมเพรียวเธอส
“ลู่เจ๋อ คุณมันบ้า!”เฉียวซุนดีดดิ้นอย่างหนักแต่ก็ล้มเหลวลู่เจ๋อออกแรงเล็กน้อย ก็สามารถดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอดได้ ทั้งสองใกล้กันขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอได้กลิ่นบุหรี่จาง ๆ บนตัวเขา และยังมีกลิ่นครีมทาผิวหอมสดชื่นอีกด้วย“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?” ลู่เจ๋อหันไปดับบุหรี่ และหันกลับมาก้มลงถามเธอ เสียงของเขานุ่มนวลและอ่อนโยนเฉียวซุนไม่ตอบดวงตาของเธอแดงก่ำ “ลู่เจ๋อ คุณต้องการอะไร? เราหย่ากันแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้! ”เขามองเธอ ดวงตาสีเข้มไม่สื่ออารมณ์ใด ๆเขาค่อย ๆ ปล่อยมือเธอ...ขณะที่เฉียวซุนคิดว่าเขากำลังจะปล่อยเธอไป ตัวเธอกลับโดนดันจนหลังติดกำแพง เขาวาดมือรอบหลังคอแล้วบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากบางถูกรุกล้ำโดยริมฝีปากหนาของเขาเฉียวซุนต่อต้านโดยทันทีแต่เขากลับจูบเธออย่างเร่าร้อน ราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว...“ลู่เจ๋อ... ”“อย่า...ปล่อยฉันไปเถอะ...”เสียงต่อต้านแหบแห้งและแผ่วเบา เธอถูกเขามอบรสจูบรุกล้ำ...จูบแห่งความสิ้นหวังทำให้ขาของเธอสั่นเขาทำอยู่แบบนั้นสักพักจึงปล่อยเธอให้เป็นอิสระ...เฉียวซุนตบเขาเธอจ้องมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ “ลู่เจ๋อ คนเลว! เราหย่ากันแล้ว!
เฉียวซุนรีบกลับบ้านเซี่ยลี่ดูไม่มีชีวิตชีวาเลยสักนิดมันไม่ได้กินอาหารมาทั้งวัน แม้แต่ขนมและของเล่นที่ชอบก็ไม่ยุ่ง เสิ่นชิงกังวล “คงไม่ใช่ว่าป่วยหรอกนะ! ป้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เราพามันไปหาหมอด้วยกันเถอะ เผื่อว่ามันจะป่วยเป็นโรคอะไร”เฉียวซุนอุ้มเซี่ยลี่ขึ้นมา พลางคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูด “พ่อยังไม่แข็งแรงดี ไม่มีคนอยู่บ้านไม่ได้ หนูไปคนเดียวได้ค่ะ! ป้าเสิ่น หนูอยากจ้างคนมาดูแลบ้านและพยาบาล ปกติป้าก็เหนื่อยมากแล้ว”เสิ่นชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ดีนะ! ดึกมากแล้วระวังตัวด้วยนะลูก”เมื่อเฉียวซุนออกไป พ่อของเธอก็เดินออกมา เขาลูบหัวเซี่ยลี่เบา ๆ หลังจากที่ประตูปิดลง คุณพ่อเฉียวก็พูดกับเสิ่นชิงว่า “ปกติผมเห็นคุณรังเกียจหมาจะตาย แต่พอแบบนี้ กลับกังวลกว่าใครเลยนะ! ”เสิ่นชิงเดินไปที่ห้องครัวเพื่อรินน้ำและทานยาหลังจากนั้นครู่หนึ่งก็มีเสียงดังมาจากห้องครัว “คุณก็ด้วย? ยังกล้าว่าฉันอีกนะ”เฉียวต้าซวินยิ้ม...…...โรงพยาบาลสัตว์ฉิงหยวนแพทย์ตรวจดูเซี่ยลี่อย่างละเอียด โดยมีเฉียวซุนนั่งอยู่ข้าง ๆ เซี่ยลี่คลอเคลียเธอไม่ห่าง หัวกลมทุยวางอยู่บนฝ่ามือเธอ เผยดวงตาสีดำคู่หนึ่งที่น่าสงสารประต
เขาลงจากรถหลังจากพูดจบและเดินเข้าร้านไปในเวลาไม่ถึงห้านาทีลู่เจ๋อก็ออกมาพร้อมถุงผ้าอนามัยสัตว์เลี้ยง เขาวางมันไว้ท้ายรถ แล้วลูบหัวเซี่ยลี่เมื่อเข้ามานั่ง พลางพูดกับเฉียวซุน “ผมซื้อขนาดเล็กที่สุด กลับไปอย่าลืมใส่ให้มันด้วยล่ะ!”เฉียวซุนตอบรับในลำคอ แล้วหันออกไปมองดูทิวทัศน์ภายนอกรถรถสตาร์ทอีกครั้ง ลู่เจ๋อคุยกับเธออย่างสงบเสงี่ยม “ผมได้ยินจากคุณนายหลี่ว่าคุณอยากทำธุรกิจ? ...เงินไม่พอเหรอ? ถ้าเงินไม่พอบอกผมได้นะ”น้ำเสียงของเขานิ่งมาก แต่ยังมีท่าทางที่ดูเหนือกว่า เฉียวซุนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลู่เจ๋อ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน! ”“ผมแค่เป็นห่วงคุณ!”บังเอิญมีไฟแดงที่สี่แยกข้างหน้า ลู่เจ๋อจึงหยุดรถเขาหันมามองเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ถึงเราจะหย่ากันแล้ว แต่เราก็ยังถือว่าเป็นคนใกล้ตัวกัน! เฉียวซุน ฉันแค่เป็นห่วงเธอในฐานะคนใกล้ตัวคนหนึ่ง... แบบนี้ก็ไม่ได้เหรอ? ”เขาอ่อนโยนและมีน้ำใจจริง ๆ เหมือนสามีเก่าที่ดีที่สุดแต่เฉียวซุนอาศัยอยู่กับเขามาหลายปีแล้ว เธอตกหลุมรักเขาหลายครั้งและผิดหวังหลายครั้งเกินไป... เธอรู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้เป็นกลอุบายของผู้ชายที่
เมื่อเฉียวซุนกลับมาถึงบ้าน เสิ่นชิงยังคงนั่งรออยู่เธอตกตะลึงเมื่อรู้ว่าเซี่ยลี่กำลังมีประจำเดือน “สุนัขก็มีได้เหรอเนี่ย! ”เฉียวซุนใส่ผ้าอนามัยให้เซี่ยลี่เหมาะมาก!อาจเป็นเพราะได้ใส่กางเกงตัวเล็ก ๆ เซี่ยลี่จึงรู้สึกมั่นใจขึ้น มันทั้งทานอาหาร ดื่มน้ำ และหลับไปในอ้อมแขนของเฉียวซุนไฟปิดแล้ว แต่เฉียวซุนนอนไม่หลับ กว่าจะหลับก็กลางดึก......เธอและหลินเซียวไปดูร้านที่คุณนายหลี่แนะนำในสองวันต่อมา ทุกส่วนของร้านเหมาะสมในทุกด้าน เฉียวซุนรู้สึกชอบมากเธอได้นัดหมายกับคุณเฉาจากอาคารหัวเหมาผ่านทางคุณนายหลี่คุณนายหลี่บอกเธอว่า “คุณเฉาคนนี้เป็นลูกเขยที่มีความมั่นใจในตนเองสูง ระวังอย่าทะเลาะกับเขาในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องอื่นเขาค่อนข้างเป็นมิตร”เฉียวซุนรู้สึกโล่งใจและขอบคุณคุณนายหลี่เฉียวซุนอยากได้ร้านนี้จริง ๆ เธอตั้งใจมาก ไม่เพียงแต่นัดรวมตัวทานอาหารเย็น แต่เธอยังทำให้ขึ้นราคาตลาดได้อีก 5% คุณเฉาก็ค่อนข้างพอใจเช่นกันเขากำลังจะตกลงเมื่อบังเอิญเห็นหลินเซียวที่กำลังรินชาอย่างขยันขันแข็งคุณเฉาจำหลินเซียวได้เธอเคยเป็นนางแบบ อยู่กับลู่จิ้นเซิงมาหลายปี เขาจะหมั้นจึงไม่ต้องการเธอแล้ว ...
แม้ว่าคุณนายหลี่จะอายุเกินสี่สิบแล้ว แต่เธอยังคงมีเสน่ห์ ดวงตาของเธอเย้ายวนเกินห้ามใจช่วงนี้คุณชายหลี่เริ่มได้อยู่กับคนรักและไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอมานานแล้ว ตอนนี้เขาราวกับกำลังถูกกระตุ้น อดไม่ได้ที่จะเข้ามาจับเอวภรรยาอย่างสนิทสนมคุณนายหลี่รู้สึกรังเกียจเมื่อคิดถึงเรื่องเลวร้ายของเขาเธอตบหลังมือเขา แสร้งทำเป็นโกรธ “คนรับใช้เดินไปมาตอนกลางวันแสก ๆ ! เดี๋ยวก็มีคนมาเห็น! อีกอย่าง... ฉันมีประจำเดือน ไม่สะดวกค่ะ! ”คุณชายหลี่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเขารีบหาข้ออ้างที่จะออกไปโดยบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับบริษัท แต่คุณนายหลี่รู้ดีว่าเขาไประบายความโกรธกับภรรยาน้อยของเขา.........เฉียวซุนมอบของขวัญให้หลินเซียวหลินเซียวรู้สึกประทับใจ ของขวัญชิ้นนี้เป็นเรื่องรอง แต่ที่สำคัญที่สุดคือเธอได้รับความเคารพจากคุณนายหลี่ เธอยังบอกเฉียวซุนด้วยว่าช่วงนี้คุณเฉามักจะรบกวนเธอ แต่เขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดี แค่ก่อกวนเธอเท่านั้นเฉียวซุนคิดว่า “เขาไม่จบแน่! ”หลินเซียวมองดูเธอ รอให้เธอตัดสินใจเฉียวซุนจ้องเธออยู่นานและพูดว่า “ฉันมีวิธีที่ไม่เพียงแต่ทำให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ แต่ยังจะได้ร้านมาอีกด้วย เหลือแต่เธอจ
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว